แต่สมองของสวีซูผิงก็มีขีดจำกัด ความคิดที่เขากล้าคิดที่สุดก็คือ บางทีอาเป็นเพราะเว่ยเป้ยไม่เชื่อฟังพ่อของเขา และเข้าข้างเซียวเฉวียน ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงเก็บเขาไว้
สวีซูผิงไม่กล้าคิดเลยว่า เว่ยเป้ยเป็นคนฮว๋าเซี่ย
ไม่ว่าจะเพราะอะไร ตราบใดที่เซียวเฉวียนบอกว่าเขาต้อปกป้องคนคนนี้ เขาก็ต้องทำอย่างนั้น
ความคิดเดียวที่สวีซูผิงคิดถูกก็คือเว่ยเชียนชิวจะไม่ยอมให้ใครมาแทนที่กลุ่มอำนาจของเขา
คราวนี้ เว่ยเป้ยกลับมาพร้อมกับวิญญาณกองทัพของตระกูลเซียว ไม่ต้องพูดถึงความเหนือกว่า เขาต้องการบดขยี้กลุ่มพลังของเว่ยเชียนชิวให้พังทลายลง! แล้วบดขยี้!
เมฆสีดำกลุ่มนี้ พร้อมทั้งสายฝนกำลังค่อยๆเข้าใกล้เมืองหลวงของต้าเว่ยทีละก้าว
แม้แต่ปรากฏการณ์ท้องฟ้าก็ยังผิดปกติ ผู้คนในเมืองหลวง ที่รู้วิธีทำนายดวงชะตาก็รู้สึกว่าปรากฏการณ์ของท้องฟ้านี้ เป็นลางร้ายราวกับว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!
ในขณะที่รอการกลับมาของวิญญาณกองทัพของตระกูลเซียว ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนักกัน
ผู้คนไม่ได้มีความกลัว แต่พวกเขาแค่รู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พวกเขากระซิบและคุยกันตามท้องถนน ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับการกลับมาของวิญญาณของกองทัพตระกูลเซียว เป็นผลให้ไม่มีใครคิดจะพูดนินทาใครในตอนนี้แล้ว ความสนใจของประชาชนทั่วไปและบุคคลสำคัญหลายๆคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่เรื่องนี้
วิญญาณคืนชีพ บ้างก็ว่าเท็จ บางก็จริง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจริงหรือเท็จ
มีเพียงเจ้าหน้าที่บนท้องถนนเท่านั้นที่รู้ ว่าการกลับมาของวิญญาณกองทัพคืนชีพของตระกูลเซียวนั้นเป็นเรื่องจริง!
ระหว่างทาง เมฆสีดำประหลาดกลุ่มนี้ยังคงทำให้ฝนตกอย่างต่อเนื่อง!
ไม่ว่าเว่ยเป้ยอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็มีเมฆก้อนนี้อยู่!
นี่ไม่ได้หมายความว่าการตายของกองทัพตระกูลเซียวเกี่ยวข้องกับจวนเจียนกั๋วหรอกหรือ!
มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว และยังเกี่ยวข้องกับกองทัพตระกูลเซียวอีกด้วย ตามเหตุและผลฮ่องเต้ควรจะออกมาระงับข่าวลือ แต่นี่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
ในตอนแรกผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายต่างไม่ได้ใส่ใจมันเลย คิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกที่คนโง่เล่าต่อๆกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข่าวลือก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีข่าวลือว่าเมฆดำนี้กินคนและ โดยเฉพาะพวกคนเลว!
เรื่องไร้สาระนี้ทำให้เหล่าผู้สูงศักดิ์ตื่นตระหนกกันเล็กน้อย
อย่างไรเสีย ในจำนวนคนทั่วทั้งเมืองหลวง ก็มีคนที่เคยรังแกจวนเซียวมากมายจนนับไม่ถ้วน ไม่เช่นนั้นตระกูลของเซียวเฉวียนคงไม่มีชีวิตที่น่าสังเวชเช่นทุกวันนี้
หากกองทัพตระกูลเซียวกลับมา พวกเขาจะต้องกลับมาคิดบัญชีอย่างแน่นอน!
ท่านแม่! น่ากลัวเกินไปแล้ว!
คนที่กลัวที่สุดคือฮ่องเต้ เขาไม่พูดอะไรสักคำ!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือเซียวเฉวียนไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง!
เป็นไปได้ไหมที่เซียวเฉวียนได้เตรียมการทั้งหมดนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว?
เซียวเฉวียนรู้ว่าวิญญาณกองทัพจะกลับมา ดังนั้นเขาจึงหาเหตุผลที่จะพาเหล่าจิ้นซื่อออกไปฝึก และหลบหนีไปแล้ว?
คนของตระกูลเซียวตายหมดแล้ว และเซียวเฉวียนก็หนีไปแล้ว เมื่อกองทัพตระกูลเซียวกลับมา จะต้องสร้างปัญหาให้พวกเขาอย่างแน่นอน!
ดังนั้นทุกวันนี้จึงมีการเผาเครื่องหอมและบูชา ในบ้านของผู้สูงศักดิ์ และมอบเครื่องหอมให้กับกองทัพตระกูลเซียว โดยหวังว่ากองทัพตระกูลเซียวจะปล่อยพวกเขาไป
บรรดาผู้ที่ทำร้ายตระกูลเซียวและเลือกปฏิบัติต่อตระกูลเซียวต่างก็หวาดกลัวกันหมด และพวกเขาก็พากันรีบเร่งเชิญนักบวชลัทธิเต๋าผู้มีชื่อเสียงเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้ขับไล่สิ่งที่เรียกว่าสัตว์ประหลาดและผีร้ายได้ในอนาคต
และเนื่องจากเป็นพวกขุนนางข้าราชการระดับสูง เสบียงของพระภิกษุและนักบวชลัทธิเต๋าจึงขาดแคลน พวกนักต้มตุ๋นจำนวนมากเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงโกนศีรษะพากันบวชทีละคนๆ แล้วไปที่บ้านของเหล่าขุนนางระดับสูง เพื่อหลอกเอาอาหารและเครื่องดื่มมา
จวนจางในเมืองหลวงก็ไม่มีข้อยกเว้น
พ่อบ้านรีบเข้ามาถามจางจิ่น: "นายท่าน เราไปวัดเพื่อเชิญพระอาวุโสกลับมาที่จวนดีไหมขอรับ?"
“ไร้สาระ! ข้าไม่เชื่อ!” จางจิ่นตะโกนด้วยความโกรธ: “วิญญาณฟื้นคืนชีพอะไรกัน? นั่นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น! กลุ่มคนตายจะฟื้นคืนชีพกลับมาได้อย่างไร?”
หมิงเจ๋อในฐานะองค์ชายแห่งซินเจียง ถือว่ามีความโดดเด่นมาก เขาสามารถสร้างกระบี่ชีวันออกมาได้ ซึ่งนี่ก็แข็งแกร่งกว่าคนอื่นมาอยู่แล้ว
แต่กระบี่ชีวันของหมิงเจ๋อ ฆ่าเซียวเฉวียนไม่ได้
เซียวเฉวียนจะกล้าหาญมากขึ้นเสมอกับทุกความล้มเหลว แม้ว่าเขาจะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เขาก็ยังสามารถอยู่รอดได้
ครั้งแล้วครั้งเล่า
การสังหารเซียวเฉวียนล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะใช้กลอุบายอะไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่นักปราชญ์รู้สึกคับข้องใจ
ด้วยการวางแผนที่รัดกุมเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถรอดจากความเป็นความตายนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตามเซียวเฉวียนก็รอดพ้นจากความตายมาหลายครั้งแล้ว
เป็นเพราะเขาโชคดีงั้นหรือ?
หรือเป็นเพราะความแข็งแกร่ง?
นักปราชญ์ไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงต้องเข้ามาจัดการด้วยตนเองเท่านั้น
เขามายังประเทศของเซียวเฉวียน บ้านเกิดของเซียวเฉวียนและจวนเซียวเฉวียน
เขาต้องการคำตอบเพียงอย่างเดียว
“อาจารย์ ทำไมท่านถึงอยากจะฆ่าเขาให้ได้?”
เสียงอันไพเราะดังมาจากด้านหลังนักปราชญ์: "พวกเราอยู่ที่นี่มานานแล้ว เพียงเพื่อฆ่าเซียวเฉวียนเท่านั้นหรือ?"
นักปราชญ์ไม่พูดอะไร หันกลับมามองเด็กน้อย สีหน้าไร้เดียงสา และรอยยิ้มอันเป็นที่รัก: "อาจารย์เคยบอกเหตุผลไปแล้ว เจ้าลืมไปแล้วหรือ?"
เด็กน้อยเป็นเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 4-5 ขวบ เขาถือกิ่งหลิวสีเขียวอยู่ในมือ เขากระพริบตาแล้วพูดว่า " ขอรับ ท่านอาจารย์เคยบอกแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...