ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 948

เด็กชายตัวน้อยประกบมือสอดประสาน “ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ เซียวเฉวียนคือสิ่งผิดปกติ ต้องถูกกำจัด”

“ใช่ ต้องกำจัด” นักปราชญ์ลูบศีรษะเด็กน้อย “เขาไม่ได้เป็นของที่นี่ และไม่อาจอยู่ที่นี่ได้”

“แต่ว่าอาจารย์ แรกเริ่มเซียวเฉวียนก็ไม่ได้ปรารถนามาใช่หรือไม่?”

เด็กน้อย นักปราชญ์ขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่อาจปฏิเสธได้ “มา ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ไป ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาเช่นกัน”

“เจ้ารู้สึกว่าเซียวเฉวียนเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ?”

นักปราชญ์ยิ้มถาม เด็กน้อยพยักหน้า “ศิษย์ไม่เข้าใจ ศิษย์เพียงรู้สึกว่าสิ่งผิดปกติที่อาจารย์กล่าว อาจจะเป็นหนึ่งในกฎแห่งสวรรค์ล่ะ”

นักปราชญ์มิกล่าวคำใด เขามองภาพวาดในมือ

ภาพวาดนี้เป็นของที่เซียวเฉวียนวาดแก้เบื่อ เป็นระดับอนุบาล

มีเครื่องบินปืนใหญ่

มีรถ

มีตึกสูงระฟ้า

มีโทรทัศน์

มีอาหารมากมาย

นักปราชญ์วางภาพในมือลง เด็กน้อยเห็นท่าทางนิ่งเงียบของเขา ถามตามประสาเด็กว่า “อาจารย์ เขาวาดอะไรหรือ?”

นักปราชญ์ลูบศีรษะเด็กน้อย “สิ่งของในต่างโลก ซึ่งไม่มีในที่แห่งนี้ของพวกเรา”

“อาจารย์จะฆ่าเซียวเฉวียนจริงหรือ?”

“เขาแทรกแซงมากเกินไป กฎเกณฑ์ในโลกจะยุ่งเหยิงวุ่นวายได้ จึงต้องกำจัด สำนักของพวกเราก่อตั้งขึ้นเพื่อการนี้”

“เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะจับตามองตระกูลเซียวแทนอาจารย์ให้ดีอย่างแน่นอนขอรับ!”

ดวงตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กน้อยกะพริบ นักปราชญ์ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวกำชับ “ดี จำไว้ว่ามีเรื่องใดก็มาตามหาข้าที่จวนของจางจิ่น”

นักปราชญ์กำชับแล้วใช้ไม้เท้าค้ำยันไว้เดินจากไป

“ศิษย์น้อมส่งอาจารย์”

เด็กน้อยมองส่งนักปราชญ์ และแกว่งเท้าเล็กๆนั้น

เกิดลมชั่วพริบตา

ต้นไม้ในจวนถูกลมพัดจนกวัดแกว่ง

“เจ้าคือผู้ใด?”

น้ำเสียงหนักแน่นของเสี่ยวเซียนชิวดังขึ้นในอากาศ นางยิงคำถามใส่ผู้บุกรุกผู้นี้จิตสังหารท่วมท้น “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่จวนข้า?”

เด็กน้อยประหลาดใจ หันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นมีผู้ใดนี่

“เจ้าคือผู้ใด?”

“เจ้าคือผู้ใดกันแน่?”

น้ำเสียงของเสี่ยวเซียนชิวลอยขึ้นจากการหมุนรอบทิศ เด็กน้อยหันซ้ายหันขวาแล้วก็ครุ่นคิด “เจ้าก็คือดาบวิญญาณนั่นสินะ”

“หึ! เหตุใดเจ้าถึงมาที่ตระกูลเซียว!”

เสี่ยวเซียนชิวอยู่ออกไปหลายร้อยไมล์ แต่บางชั่วก็จะมองสอดส่องจวนเซียวจากระยะไกล เพื่อป้องกันขโมยบุกรุก

โดยปกติตระกูลเซียวจะเงียบสงบ นอกจากนกแมลงที่บินและปลา ก็ไม่มีสิ่งใดอื่น

แต่วันนี้กลับมีเด็กน้อยตัวเล็กผู้หนึ่ง

เด็กน้อยผู้นี้เริ่มเอ่ยปากก็กล่าวได้ว่านางคือดาบวิญญาณ

ย่อมไม่ได้มาดี

หากมิใช่เสี่ยวเซียนชิวกำลังแบกรับเลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของอาเจิ้งไว้อยู่ตอนนี้ นางจะรีบกลับไปตระกูลเซียวในทันที ไปกระชากคอเด็กน้อยผู้นี้แล้วถามให้เข้าใจ

อาเจิ้งถึงอย่างไรก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับดวงวิญญาณผู้วายชนม์ของตระกูลเซียว ไม่อาจเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ

“ข้าเตือนเจ้าไว้ เจ้ากล้าทำชั่วอะไรกับตระกูลข้า ข้าจะทำให้เจ้าเจอดีแน่!”

เสี่ยวเซียนชิวขมวดคิ้วด้วยความโมโหอย่างยิ่ง

“เป็นแค่ดาบวิญญาณ อย่าได้เหิมเกริมนัก!” เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนหลังคาตวาดเสียงเด็กน้อย ทันใดนั้นก็ยกกิ่งหลิวฟาดกลางอากาศอย่างรุนแรง!

“อ๊า!”

เสี่ยวเซียนชิวกุมใบหน้าที่ปรากฏรอยแดงเป็นเส้น นางโมโหมาก คาดไม่ถึงว่าจะบาดเจ็บผ่านอากาศเช่นนี้! เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย!

ขณะโกรธเสี่ยวเซียนชิวก็ตกใจ จึงรีบไปรายงานสถานการณ์ทางฝั่งนี้แก่เซียวเฉวียนทันที

เสียงของเสี่ยวเซียนชิวหายไปจากในจวนเซียว เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ นั่งแกว่งขาไปมาบนต้นไม้ “อืม ก็รอเซียวเฉวียนกลับมาถูกแล้ว”

กล่าวเสร็จ มือเล็กของเขาก็ยื่นออกไปเด็ดส้มที่เหลือลูกเดียวบนต้นไม้แล้วกินด้วยความเพลิดเพลิน

เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีร่องรอยสักนิด

เรื่องชั่วที่เคยทำไว้ยังไงก็จะปรากฏขึ้นในสักวัน

แต่เจ้านักปราชญ์ผู้นี้กลับจัดการทั่วทั้งซินเจียงได้อยู่หมัด แม้ว่ากำลังทั้งแคว้นของซินเจียงจะเทียบไม่ได้กับต้าเว่ย แต่ซินเจียงก็นับว่ามีกำลังแข็งแกร่งสุดยอด ผู้มีความสามารถด้านใดล้วนมีทั้งสิ้น

นักปราชญ์กลับไม่ให้ซินเจียงตามหาตัวเขาเองเจอ

นี่เป็นพลังระดับใดกัน?

และเป็นยอดฝีมือระดับใด?

เซียวเฉวียนไม่กล้าประมากเลินเล่อ

นักปราชญ์ใช้เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เซียวเฉวียนใช้ชีวิตวันเวลายากลำบากไปหลายปีขนาดนั้นแล้ว เซียวเฉวียนไม่กล้าและไม่สามารถดูแคลนเขาได้เลย

ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่เคลื่อนไหวใดใด

เขาอยากเห็นว่าผู้ที่ชื่อนักปราชญ์จะต้องการทำอะไรกันแน่

“ท่านพี่ เหตุใดจึงมานั่งเหม่อที่นี่?”

เวลานี้เอง องค์หญิงคลุมผ้าคลุมให้เซียวเฉวียน สองสามวันมานี้องค์หญิงสามารถเดินไปแล้ว ใบหน้าแดงระเรื่อไม่ต่างเหมือนแต่ก่อน

เช้าวันนี้นางเห็นเซียวเฉวียนนั่งขัดสมาธิในลาน มู่เวยและโย่วควนก็หัวเราะรื่นเริง แต่คล้ายว่าเซียวเฉวียนไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น

เซียวเฉวียนได้สติแล้วจึงยิ้ม “เช้านี้อากาศเย็น ใยวันนี้ถึงตื่นเช้านัก”

“ยังจะกล่าวไม่เป็นไร ชาในมือท่านเย็นหมดเสียแล้ว ข้าเทให้ท่านหนึ่งจอก” องค์หญิงยิ้มอย่างอ่อนโยน รับแก้วในมือของเขามาแล้วรินชาให้เขาใหม่ “ที่จวนเกิดเรื่องขึ้นใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่” เซียวเฉวียนไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ องค์หญิงร่างกายอ่อนแอและก็ช่วยอะไรไม่ได้ อย่าให้นางกังวลเลย

“ข้าดีขึ้นมากแล้ว” องค์หญิงยิ้ม “ข้าอยากทานหมูน้ำแดง”

“หมูน้ำแดง? คืออะไรหรือ?” มู่เวยได้ยินแล้วดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา

โย่วควนหัวเราะ “อาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของนายท่าน”

“โห มีเอกลักษณ์เฉพาะเลยหรือ” มู่เวยยิ้ม “งั้นข้าก็อยากทานเช่นกัน”

เซียวเฉวียนมององค์หญิง “มันเช่นนี้ เข้ากินลงหรือ?”

“กินลง อยากกิน” องค์หญิงยิ้ม

หลายวันมานี้เซียวเฉวียนทำอาหารอร่อยไม่น้อยให้องค์หญิง ทว่าล้วนเป็นอาหารรสอ่อนทั้งสิ้น องค์หญิงเริ่มเอ่ยอยากทานเนื้อ ร่างกายดีขึ้นแล้วจริงๆ เซียวเฉวียนจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ได้ เจ้ารอก่อนนะ ข้าจะไปทำให้เจ้าประเดี๋ยวนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย