ในป่าเขาซินเจียง มีสัตว์ประหลาดมากมาย
ในตำนานเล่าว่า สัตว์ประหลาดเหล่านี้หนีมาจากคุนหลุน หลายพันปีก่อนบรรพบุรุษของพวกมันเป็นสัตว์สงครามของคนคุนหลุน
ต่อจากนั้นคุนหลุมไม่มีแล้ว สัตว์สงครามแยกย้ายไปคนละทิศละทาง บ้างก็ตายอยู่ในภายใต้สภาพแวดล้อมหิมะน้ำแข็งของคุนหลุน บ้างก็หนีไปที่ซินเจียง
สรุปก็คือ หมูที่นี่ไม่ใช่หมู แต่เป็นหมูยักษ์ตัวใหญ่
หมาจิ้งจอกที่นี่ก็ไม่ใช่หมาจิ้งจอกธรรมดาทั่วไป แต่เป็นหมาจิ้งจอกยักษ์ตัวใหญ่
ดังนั้น เมื่อมู่เวยได้ยินเซียวเฉวียนพูดว่าจะแบกหัวหมูคนเดียว ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
“เจ้าบอกว่าเจ้ามาอยู่ที่ซินเจียงได้ระยะหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเรื่องแต่นี้ถึงไม่รู้?” มู่เวยจ้องมองเซียวเฉวียนอย่างสงสัย
เซียวเฉวียนรู้สึกลำบากใจพยายามปกปิดไว้:“ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกมาล่าสัตว์มาก่อน”
“อ่อ แต่ได้ยินว่าหมูป่าสายตาไม่ดีและการได้ยินก็ไม่ดี ตอนนี้ถ้าพวกเราเดินเข้าไป เพียงแค่ไม่ให้มันรู้ตัว มันก็ยังคงไม่รู้ว่าพวกเราเข้าไป”
มู่เวยยกปืนขึ้น แสดงท่าทางเป็นคุณหนูใหญ่มั่นใจออกมา:“วางใจได้ มีข้าอยู่ องค์หญิงของเจ้าจะต้องได้กินเนื้อหมูป่าอย่างแน่นอน”
มู่เวยเสียงเบาลง แต่หมูป่าได้ยินแล้ว มันก้มหัวลงทันที
นี่เหรอที่บอกว่าการได้ยินไม่ดี?
เซียวเฉวียนลูบหน้าผาก
ดวงตาของทั้งสองคน สบเข้ากับดวงตาสีแดงทั้งสองข้างของหมูป่า เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว พลังการฆ่าล้างเพิ่มมากขึ้น
หมูอย่างนี้ เนื้อหมูไม่น่าจะอร่อย หยาบเหนียวเกินไปแล้ว
ในเมื่อไม่อร่อย เซียวเฉวียนก็ไม่ต้องการล่ามัน สุดท้ายไม่รู้มู่เวยคิดอะไร มีอาการตื่นตระหนก :“อ่าอ่าอ่าอ่าอ่า!บุกเข้าไป!”
“ปังปังปังปัง!”
ยิงปืนติดต่อกันสี่ห้านัด!
“อู๊ด!”
หมูป่าเนื้อหยาบหนา เมื่อโดนลูกปืนเข้าไป ทันใดนั้นเลือดไหลออกมา แต่ยังไม่ถึงตาย
ทีนี้และ เป็นการทำให้หมูป่าโกรธอย่างมาก
เซียวเฉวียนคาดไม่ถึง แม่นางมู่เวยจะเป็นคนเลือดร้อนเช่นนี้ วิธีการก็ดุดันมาก
“มันยังไม่ตาย......” มู่เวยมือสั่น พยายามกัดฟันสู้ “นี่นี่นี่นี่......ยิงไปห้านัดแล้ว ทำไมยังไม่ตายอีก!”
“อู๊ด!” หมาป่าอ้าปากเลือดพุ่งออกมา ได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดตามมา!
เซียวเฉวียนรีบหลบทันที ดันมู่เวยออกห่างไป ทันใดนั้นรีบหลบขึ้นไปอยู่บนต้นไปที่ห่างออกไปเป็นสิบเมตร!
“เจ้าไม่สู้กับมันหรือ?”
มู่เวยพูดไป และก็เบียดเข้าไปหาเซียวเฉวียน:“ภรรยาของเจ้าไม่กินเนื้อหมูแล้วหรือไง?”
“ข้าไม่ได้โง่ รู้ว่าเนื้อไม่อร่อย ทำไมยังต้องออกแรงไปต่อสู้กับมันด้วย?”
เซียวเฉวียนมองมู่เวยด้วยสายตารังเกียจ :“เจ้ายังจะมาว่าข้าอีก อยู่ดีๆเจ้ายิงปืนทำไม?”
“ก็มันจ้องข้า!ข้าไม่ยอมให้มันจ้องข้า!”
มู่เวยตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ :“ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีใครกล้าจ้องข้า แม้แต่หมูก็ไม่ได้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เซียวเฉวียนถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาหัวเราะอย่างหนัก
“เจ้าหัวเราะอะไร!” มู่เวยหมดแรงมองดูเซียวเฉวียน มีเพียงเขาที่กล้าหัวเราะเยาะนาง
“พ่อแม่เจ้าคงรักเจ้ามาก เลี้ยงเจ้ามาจนมีนิสัยอย่างนี้”
เซียวเฉวียนหัวเราะและพูด
มู่เวยถอนหายใจออกมา แม้แต่พูดเรื่องเศร้าเสียใจยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง:“พ่อแม่ของข้าตายไปนานแล้ว พวกเขาไม่มีเวลามาดูแลข้า”
เซียวเฉวียนตกตะลึง เสียงชะงักลง:“ขอโทษ ที่พูดถึงเรื่องที่ทำให้เจ้าเสียใจ”
“ข้าไม่เสียใจ” มู่เวยมองไปด้านล่างเห็นหมูป่าที่กำลังโมโหจนแทบบ้า ปากก็พูดไปเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นไป:“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็ตายได้ทั้งนั้น”
“อื้ม”
เซียวเฉวียนพยักหน้า
ที่แท้ก็เป็นเพราะพลังความรวดเร็วของเซียวเฉวียน ได้ย้ายไปยังต้นไม้อีกต้นที่ทั้งสูงทั้งแข็งแรงกว่า
หมูป่ายังไม่รู้ตัว พยายามดันต้นไม้ต้นเดิมอยู่
เซียวเฉวียและมู่เวยยืนอยู่ในที่ไม่ไกลมากนัก มองดูมันผลักดันต้นไม้นั่น
ในตอนนี้ เซียวเฉวียนไม่ได้โอบกอดมู่เวยแล้ว นางยืนอยู่บนต้นไม้ จับก้านของต้นไม้ไว้แน่น ไม่ได้มีท่าทางโกรธอะไรและพูดว่า :“ครั้งหน้าถ้าเจ้ามั่วมากอดข้าอีก ข้าจะเอาปืนยิงมือของเจ้าให้ทะลุ”
“เมื่อครู่เหตุการณ์ขับขัน ล่วงเกินแม่นาง ไม่ต้องแปลกใจไป”
เซียวเฉวียนตอบกลับไป เมื่อครู่เข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินนาง ถ้าไม่โอบนางและพาบินมาที่ต้นไม้นี้ แล้วจะให้ทิ้งนางไว้อย่างนั้นหรือ?
“เหอะ!” มู่เวยจ้องมองเซียวเฉวียน:“ข้าว่าวันนี้คงจะไม่เหมาะที่จะล่าสัตว์ต่อไปแล้ว รอให้หมูป่าไปก่อน พวกเราค่อยลงไป”
“อื้ม”
เซียวเฉวียนไม่พูดอะไร ตอบรับเพียงคำเดียว
ตั้งแต่ตอนนี้ เซียวเฉวียนก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
มู่เวยเป็นคนช่างพูดไม่พูดมากก็น้อย อยู่บนต้นไม้รู้สึกเบื่อ นอกจากเสียงลมก็ไม่มีเสียงอะไรแล้ว
หมูป่าก็ไม่ยอมไป เซียวเฉวียนก็เงียบสงบ มู่เวยเริ่มค่อยๆรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว คิดอยากจะหาเรื่องพูดคุย
สุดท้ายไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร เซียวเฉวียนก็ตอบกลับมาแค่คำเดียว หน้าตาดูไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำให้มู่เวยเบื่อหน่ายมาก
“เจ้าไม่รู้สึกแปลกใจกับปืนของข้าเหรอ?”
พูดอ้อมค้อมอยู่นาน ในที่สุดสิ่งที่มู่เวยพูดก็เป็นจุดสนใจของเซียวเฉวียน
ดวงตาของเซียวเฉวียนเป็นประกาย และยังคงพูดว่า:“ไม่แปลกใจ”
“งั้นเจ้าสนใจเรื่องอะไรละ?” มู่เวยรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย :“เจ้าเนี่ยนะ ทำไมถึงน่าเบื่ออย่างนี้!คุณชายโย่วควนยังน่าสนใจกว่าเจ้ามาก!”
“โย่วควนน่าสนใจกว่าข้าจริงๆ”
“เจ้า!” มู่เวยโมโห ถ้ารู้มาก่อนว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่น่าเบื่ออย่างนี้ ก็จะไม่ออกมากับเซียวเฉวียนแล้ว ไปเดินเที่ยวเล่นกับโย่วควนยังจะดีกว่า!
“ปืนของเจ้านี้ ข้าเคยเห็นมาเยอะแล้ว” เซียวเฉวียนยังคงไม่เห็นด้วย “ดังนั้น ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“เป็นไปไม่ได้!” มู่เวยพูด:“เจ้าจะเคยเห็นปืนนี้ที่อื่นได้อย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...