ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 963

มู่จิ่นไม่ใช่คนกะล่อน ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถช่วยมู่เวยได้

มู่เวยโกรธมากจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็เอาสายบังเหียนขึ้นมา: "ต่อจากนี้ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป!"

มู่เวยดื่มกับเซียวเฉวียนเสร็จแล้วก็หันหลังกลับและเดินจากไป

มู่จิ่นตกตะลึง และเซียวเฉวียนเคารพและพูดว่า: "ขอบคุณพวกเจ้าสองคนมาก งั้นข้าก็ไม่ไปส่งพวกเจ้าแล้ว"

เวลานี้มู่จิ่นถึงรู้ว่า ที่เซียวเฉวียนพูดคำที่ทำให้คนอื่นรำคาญออกมาเมื่อกี้นั้น เซียวเฉวียนทำไปเพราะมู่เวยเดินจากไป

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า”มู่จิ่นเคารพแล้วก็ยิ้ม และขี่ม้าตามมู่เวยไป

ด้านหลังของมู่จิ่นยังมีตะกร้ายาอีกด้วย ในตะกร้ามีสมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อช่วยเซียวเฉวียนตามหาคน สองพี่น้องจึงไม่มีเวลาศึกษาสมุนไพรนี้ด้วยซ้ำ

จะเห็นได้ชัดว่า พวกเขาเป็นคนมีจิตใจอบอุ่นจริงๆ

หากเซียวเฉวียนไม่ทำให้มู่เวยโกรธ ไม่รู้ว่ามู่เวยจะต้องอยู่กับพวกเขานานแค่ไหน ดังนั้นการจากไปอย่างรวดเร็วก็เป็นเรื่องดี

“นายท่าน ปืนนั้นอยู่ที่ไหน? ไม่สนใจปืนแล้วเหรอ?ปล่อยให้มู่จิ่นจากไปแบบนี้เหรอ?”

โย่วควนมีความกังวลเล็กน้อย มู่จิ่นจากไป แล้วเขาจะรู้เรื่องปืนได้อย่างไร?

“มู่จิ่นปากแข็งมากเกินไป หากทอดสอบเขาแบบนี้ต่อไปก็จะไม่ได้คำตอบอะไรเลย หรือว่าพวกข้าเปลี่ยนวิธีอื่น”

“วิธีไหน?”

มู่จิ่นและมู่เวยเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน พวกเขาจึงศิษย์สำนักเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นสำนักไหน ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ตอนนี้เซียวเฉวียนต้องหาพ่อตาของเขาได้เท่านั้น

องษ์หญิงและหมิงเจ๋อไม่รู้อยู่ที่ไหน คาดว่ามีเพียงแค่คนของราชวงศ์แห่งซินเจียงเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน

ก็ดี ทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน

“แต่นายท่านบอกว่า ไม่สามารถให้พวกราชวงศ์รู้ว่าพวกข้ากำลังตามหาปืนไม่เหรอท่าน?”

“ใครบอกว่าข้ากำลังตามหาปืน?”เซียวเฉวียนยิ้ม: “เมื่อถึงเวลา ข้าก็จะบอกว่าข้ากำลังตามหาผู้มีพระคุณที่ช่วยองษ์หญิงไว้ ข้าจะขอบคุณเขาอย่างดี และขอบคุณศิษย์สำนักไปด้วย”

เมื่อถึงเวลานั้น ก็เริ่มลุงมือจากผู้อาวุโสของหมิงเจ๋อ คิดว่าสามารถได้ข้อมูลเกี่ยวกับปืนได้เร็วขึ้น

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”โย่วควนพยักหน้า และพูดด้วยความชื่นชมว่า:“นายท่านคิดอย่างรอบคอบ”

“ไปที่วังหลวงแห่งซินเจียงกันเถอะ”

“ขอรับนายท่าน”

เซียวเฉวียนและโย่วควนขี่ม้าไป พวกเขาไปคนละทิศทางกับมู่จิ่นและมู่เวย

พระอาทิตย์กำลังตกดิน ก็ถึงเวลาบอกลากัน

โย่วควนแอบหันกลับไปมองทิศทางที่มู่เวยไป แต่เขาก็รู้ว่าเขาและเธอไม่มีบุญวาสนาต่อกันในที่สุด

มู่เวยเป็นเหมือนดาวที่ตกวิ่งผ่านโลกของโย่วควนอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามโย่วควนก็จะจดจำผู้หญิงคนนี้ที่ไม่เคยรังเกลียดเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรัก เพียงเพื่อการยอมรับนี้เท่านั้น

ในระหว่างทาง เซียวเฉวียนไม่ได้พูดอะไรเลย

โย่วควนรู้สึกว่านายท่านของเขาเงียบสงบลงกว่าเมื่อก่อน แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวเฉวียนตกอยู่ภายใต้ความกดดันมกแค่ไหน

ประการที่หนึ่ง พู่กันเฉียนคุนก็ถูกยืด

ประการที่สอง เขาได้รับข่าวต้าเว่ยจากไป๋ฉี ตอนที่เขากำลังทำห็มู่เวยโกรธหนีไป ว่าเสี่ยวเซียนชิวถูกเว่ยเชียนชิวโจมตีนจนแพ้และถูกเอาไปขังไว้

ในอดีตเว่ยเชียนชิวไม่มีทางจัดการกับเสี่ยวเซียนชิวได้เลย บอกได้ว่าเขากลัวเสี่ยวเซียนชิวมากๆ ตอนนี้เสี่ยวเซียนชิวถูกขังไว้ เบื้องหลังของเว่ยเชียนชิวจะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้มีอำนาจแน่นอน

ความกดดันอันยิ่งใหญ่ของเซียวเฉวียนมาจากการไม่รู้จักศัตรู เห็นได้ชัดว่า ความสามารถของคู่ต่อสู้นั้นเหนือกว่าเขา

"อย่ากังวลไปเลย"ผนึกจูเสินกล่าวอย่างเคร่งขรึม: "มีข้าอยู่ เจ้าชนะแน่นอน"

“เฮอ”เซียวเฉวียนหมดหนทางเล็กน้อย: “คนๆนั้นอยู่เหนือกว่าข้า เจ้าถูกฉันพิชิตแล้ว เจ้าจะเอาชนะคนๆนั้นได้อย่างไร?”

"ไม่มีปัญหา" น้ำเสียงของผนึกจูเสินมีความดูถูกเล็กน้อย: "เจ้าอย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพู่กันเฉียนคุนและดาบวิญญาณ พวกมันไม่มีอะไรเลย"

นักปราชญ์ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นเว่ยเชียนชิวจึงคิดว่าไฟธรรมดาก็สามารถจัดการเสี่ยวเซียนชิวได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าในอนาคตเขาก็สามารถทำมันได้ และเขาก็ภูมิใจเล็กน้อย และดวงตาของเขาก็เป็นแสดงท่าทางก็งั้นๆ

นักปราชญ์ไม่ได้อธิบายชัดเจน ควรกินก็กินควรดื่มก็ดื่ม

ดวงตาของจางจิ่นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ท่านผู้เฒ่าคนนี้กล้าดียังไงใช่เขาเป็นเครื่องมือ

แต่เนื่องจากท่านผู้เฒ่าได้ให้หยกเนื้อดีแก่เขา จางจิ่นจึงไม่ถือสามัน

ตอนนี้ท่านผู้เฒ่าเป็นคนของเว่ยเชียนชิว แม้ว่าจางจิ่นอยากจะถือสามากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้า

ที่จริงแล้ว หากจางจิ่นต้องการลำบากใจนักปราชญ์ มันไม่จำเป็นเลย เพราะนักปราชญ์มาที่นี่เพื่อชี้เป้าไปที่เซียวเฉวียนนั้นเอง

ตราบใดที่มันเป็นเรื่องของเซียวเฉวียน มันก็เป็นเรื่องของนักปราชญ์

หากไม่ใช่เรื่องของเซียวเฉวียน นักปราชญ์จะไม่สนใจเลย และไม่สามารถไปยุ่งได้

พูดตามหลักการแล้ว นักปราชญ์และเว่ยเชียนชิวมีเป้าหมายอีนเดียวกัน เว่ยเชียนชิวเกลียดเซียวเฉียวมาก และต้องการกำจัดเซียวเฉวียน เป้าหมายของนักปราชญ์ก็เช่นเดียวกัน

แต่เว่ยเชียนชิวยังคงต้องการที่จะเป็นเจ้าครองรัฐมหาอำนาจของต้าเว่ย แต่นักปราชญ์ไม่ได้คิดเช่นนี้

ดังนั้น นักปราชญ์จึงมีเป้าหมายเพียงแค่บางส่วนที่ตรงกันกับเว่ยเชียนชิวเท่านั้น

แต่ตอนนี้เว่ยเชียนชิวมีความสุขอย่างมาก เขารู้สึกว่าต่อจากนี้ไปนักปราชญ์จะทำงานให้เขา และคอยปรนนิบัติเขา มีคนเก่งอย่างนักปราชญ์อยู่ทั้งคน ทำไมเขาจะต้องกังวลด้วย?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เว่ยเชียนชิวมีความสุขมากขนาดนี้ ทำไงได้นักปราชญ์แค่โชว์ฝีดมือครั้งเดียวก็สามารถกำจัดเสี่ยวเซียนชิวได้

ในคุกใต้ดินของต้าเว่ย

กรงที่กำลังลุกไหม้ เปลวไฟยังคงลุกไหม้กรงเหล็ก เสี่ยวเซียนชิวที่อยู่ในนั้น ยืนก้ไม่ใช่นั่งก็ก้ไม่ใช่ เปลวไฟหนาลุกไหม้ และผิวหนังบนร่างกายของเธอก็พองขึ้น

เสี่ยวเซียนชิวร้องให้และตะโกนว่า: "ท่านพ่อ...ท่านพ่อ..."

"ปล่อยข้าออกไป"

"ปล่อยข้าออกไป!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย