อายุไม่สำคัญ
“ผมไม่ได้อยากมีลูกศิษย์”
หลินเซียวโบกมือเบาๆ พร้อมเอ่ยปากปฎิเสธ
“นี่…”
กู่กวงหยูไม่อยากยอมแพ้ แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
“อาจารย์กู่ คุณตรวจชีพจรให้นายท่านหลี่ก่อนเถอะ จะได้รู้ว่าเขารักษาดีหรือไม่!”
หยูหงไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก
“ไม่ต้องตรวจหรอก”
“ถ้าขนาดคุณหลินยังรักษานายท่านหลี่ไม่ได้”
“บนโลกนี้ก็ไม่มีใครสามารถรักษาได้แล้วล่ะ”
คำพูดของกู่กวงหยูทำเอาหยูหงถึงกับพูดไม่ออก
พวกเขารู้ดีว่า คำพูดของกู่กวงหยูนั้นมีน้ำหนักแค่ไหน!
ถ้าหลินเซียวรักษาไม่ได้ ก็ไม่มีใครรักษาได้!
ประโยคนี่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าฝีมือทางการแพทย์ของหลินเซียวนั้นเก่งกาจเพียงใด!
“ขอบคุณคุณหลินที่ช่วยชีวิต!”
นายท่านหลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ เขาขอบคุณหลินเซียวจากใจจริง
“ไม่ลำบากเลย”
สีหน้าของหลินเซียวยังคงนิ่งสงบไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดออกมาเบาๆ
“นี่ยังรักษาไม่เสร็จสมบูรณ์เลย”
“อีกสองวันยังต้องรักษาอีกครั้ง”
หลินเซียวเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมา
“ได้เลย!คุณหลินจัดแจงมาได้เลยครับ!”
นายท่านหลี่ตกลงรับคำอัตโนมัติ สำหรับคำพูดของหลินเซียวนั้นเขาเชื่ออย่างไม่ลังเลเลย
……
คฤหาสน์ฉิน
หลังจากที่หลี่หงซินไปส่งหลินเซียวด้วยตัวเองเป็นเรียบร้อยแล้ว เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าประตูบ้าน
หลินเซียวถูกฉินหว่านชิวลากเข้าไปในห้องเพื่อทำการซักถาม
“ผมไปรักษานายท่านหลี่มา”
หลินเซียวไม่มีอะไรต้องปิดบังฉินหว่านชิวอยู่แล้ว
“เหอะ คุณโกหก”
“หลินเซียว ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณมันจอมโกหก?”
ฉินหว่านชิวไม่เชื่อว่าหลินเซียวจะมีฝีมือทางการแพทย์
หลินเซียวจนปัญญาจะอธิบาย เขาจึงเงียบไป
“ถ้าคุณเป็นหมอจริงๆ ทำไมไม่รักษาขาของตัวเองล่ะ?”
เมื่อฉินหว่านชิวเห็นว่าหลินเซียวเงียบไป จึงถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น
“อีกไม่นานผมก็จะยืนได้แล้ว”
“ตอนที่ผมถูกคนลอบทำร้ายในปีนั้น ส่งผลให้อวัยวะส่วนใหญ่ในร่างกายได้รับความเสียหายไปด้วย”
“ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการพักฟื้นสักหน่อย”
หลินเซียวเงยหน้ามองฉินหว่านชิว
“แต่นี่มันสองปีแล้วนะ”
“คุณรู้บ้างไหมว่าสองปีที่ผ่านมาฉันหาหมอมารักษาคุณกี่คนแล้ว”
“พวกเขาต่างบอกว่าขาทั้งสองของคุณไม่มีวิธีไหนที่สามารถรักษาได้”
ฉินหว่านชิวถอนหายใจเบาๆ เธอคิดว่าคำพูดของหลินเซียวเป็นแค่คำปลอบใจเธอเท่านั้น
“ผมรู้”
หลินเซียวแววตามุ่งมั่น
ถึงแม้เขาจะตกอยู่ในภาวะบกพร่องทางสติปัญญามาตลอดสองปี แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะจำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย
“บอกแม่มาหน่อยสิว่าหนูชื่นชมอะไรมันนักหนา? ชื่นชมที่มันไม่มีอะไรดี หรือชื่นชมที่มันเลี้ยงหมูอยู่ในกองทัพกันล่ะ?”
หวางเฟิ่งยิ่งพูดยิ่งเสียงดัง เธอไม่กลัวว่าหลินเซียวจะได้ยินอยู่แล้ว
“หนูไม่อยากทะเลาะกับแม่ รีบไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“พรุ่งนี้หนูต้องไปทำงาน”
ฉินหว่านชิวตัดจบเรื่องราวไว้เพียงเท่านี้
ด้านหลินเซียวที่อยู่ในห้อง เขาหยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา
มันดูธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษ
“ตุ้บ!”
บัตรATM ใบหนึ่งหล่นลงมาจากมือของหลินเซียว
หลินเซียวเอื้อมลงไปเก็บมันขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล เขามองบัตรATMที่อยู่ในมือ
มันเป็นบัตรธรรมดา แต่ดูจะหนากว่าบัตรATMสมัยนี้นิดหน่อย
บัตรเก่าแบบนี้มีมานานหลายปี แถมยังมีการอัพเดตใหม่ไปตั้งนานแล้วด้วย
“แต่ของบางอย่างจะดูแค่ภายนอกได้ยังไง…”
หลินเซียวพึมพัมกับตัวเอง จากนั้นก็ใช้นิ้วฉีกมุมบัตรATMช้าๆ
“แคว่ก!”
บัตรATMที่ขนาดตกอยู่บนพื้นก็ไม่มีใครสนใจจะเก็บนั้นถูกหลินเซียวฉีกออก
ในตอนนั้นเอง บัตรATMใบนี้ก็ได้เผยตัวจริงออกมา
แสงมันวาวสีดำขรับที่ดูทรงพลัง
ขอบสีทองคดเคี้ยวราวกับมังกรอยู่บนบัตรใบนี้
หินออบซิเดียนที่ประดับอยู่บนบัตรATMเปล่งแสงแวววาว
Supreme Obsidian Card
บัตรที่มีไม่ถึงร้อยใบบนโลก!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดาบพิทักษ์แผ่นดิน
รบกวนอัพเดทเรื่องนี้ให้หน่อยครัย...