สองปีมานี้ บรรดาคนในตระกูลฉิน หวางเฟิ่งใจร้ายกับหลินเซียวที่สุด
เพราะยศของหลินเซียวในวงการทหารนั้นเป็นความลับสุดยอด
ดังนั้นต่อให้เป็นคนตระกูลฉินก็ไม่รู้ประวัติของหลินเซียวเลยสักนิด
ในสายตาหวางเฟิ่ง หลินเซียวก็เป็นแค่ทหารฝึกหัด ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร
หลินเซียวนั่งขอบเตียงแล้วประชันสายตากับหวางเฟิ่ง
“น้าหวาง มันไม่โง่เหมือนเดิมแล้วครับ ยังตบหน้าผมด้วย...”
ถูกคนพิการตบหน้าแบบนี้ จ้าวเฉวียนทำใจยอมรับไม่ได้เลย
“อะไรน่ะ?”
หวางเฟิ่งได้ยินก็รู้สึกอึ้ง หันขวับไปมองหลินเซียว
ดังคาดท่าทางของหลินเซียวในตอนนี้ไม่เหมือนคนปัญญาอ่อนอีกต่อไป
“นายกล้าตบหน้าคุณชายจ้าวหรือ? นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“เฉดหัวออกไปซะ ออกไปเดี่ยวนี้เลย”
หวางเฟิ่งกล่าวจบก็ก้าวเข้าไป หมายจะลากหลินเซียวออกไป
“หยุดนะ”
ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านนอก
จ้าวเฉวียนหยุดเดิน หวางเฟิ่งก็ชะงักงัน หันหน้าไปมองด้านนอกประตู
จากนั้นก็เห็นสาวหุ่นเพรียวใส่กระโปรงทำงานสีดำ รวบผมไว้ด้านหลัง มีความสูงศักดิ์ยิ่ง
ใบหน้าขาวผุดผ่อง อ่อนนุ่ม ไม่มีที่ติสักจุด จมูกโด่ง ปากเล็ก ท่ามกลางความงดงามเจือความน่ารักร่วมด้วย
หน้าตาสะสวย รูปร่างได้สัดส่วน ถึงหลินเซียวจะเคยเจอผู้หญิงมาเยอะ แต่ก็อดหวั่นไหวต่อเธอผู้นี้ไม่ได้
คนนี้ก็คือลูกสาวตระกูลฉินที่หมั้นหมายกับหลินเซียวไว้ นามว่า ‘ฉินหว่านชิว’
จ้าวเฉวียนเห็นฉินหว่านชิวแล้วก็เผยตัณหาราคะในแววตา และได้เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีฉินหว่านชิวก็ดูเป็นคนหยิ่งอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
เมื่อเธอเห็นจ้าวเฉวียนถือกระบี่แล้วชี้ไปยังหลินเซียวก็รู้สึกโมโห
“พวกคุณทำอะไรกัน?”
ฉินหว่านชิวเดินเข้าไปยืนบังหน้าหลินเซียว
นางยังไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของหลินเซียว
“หว่านชิว หนูกลับมาได้จังหวะพอดี ตาซื่อบื้อคนนี้ตบหน้าคุณชายจ้าว”
หวางเฟิ่งเอามือเท้าเอว เหมือนเห็นคนช่วยชีวิตแล้ว
จ้าวเฉวียนเองก็ชักกระบี่กลับมา พูดผสมโรงว่า “หว่านชิว หลินเซียวหายดีแล้ว เขาน่าจะหายโง่มานานแล้ว แต่ยังแกล้งโง่เพราะต้องการหลอกคุณ”
“เขาต้องมีเป้าหมายลับแน่ อาจจะคิดไม่ซื่อกับคุณก็ได้”
จ้าวเฉวียนส่งเสียงฮึดฮัด ทว่าเขาไม่มีทางเล่าเรื่องที่โดนหลินเซียวตบหน้าเด็ดขาด
เขาเป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลจ้าว หากแพร่งพรายเรื่องที่เขาถูกคนปัญญาอ่อนอย่างหลินเซียวตบหน้าออกไป คนอื่นจะต้องหัวเราะเยาะเขาจนฟันร่วงแน่
หวางเฟิ่งกับจ้าวเฉวียนเห็นหลินเซียนยังแกล้งโง่เหมือนเดิมก็รู้สึกโมโห
“หลินเซียว นายจำไว้ ฝากไว้ก่อน”
จ้าวเฉวียนก่นด่าเสร็จก็หันไปมองฉินหว่านชิว จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับหวางเฟิ่ง
เมื่อทั้งสองคนออกไปแล้ว ฉินหว่านชิวจึงถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หมุนกายไปหาหลินเซียว
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะไม่เข็นคุณออกไปตากแดด ฉันเลยลางานกลับมา”
ฉันหว่านชิวพูดพึมพำหนึ่งประโยค จากนั้นก็เข็นหลินเซียวออกไปที่ลานบ้าน
เมื่อเห็นท่าทางโง่เขลาเบาปัญญาของหลินเซียว ฉินหว่านชิวก็อดถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้
ฉินหว่านชิวค่อยๆย่อบตัวลง พลางวางฝ่ามือบนขาหลินเซียว
“เมื่อก่อนปู่ฉันบอกว่าคุณเป็นทหารฝีมือระดับพระกาฬ คุณคือเสาหลักของประเทศ”
“เจ้าไปสู้รบกับศัตรู คุณปกป้องบ้านเมือง คุณคือวีรบุรุษที่แท้จริง”
“ดังนั้นเมื่อก่อนฉันจึงเลื่อมใสคุณ คุณเป็น...ไอดอลของฉันเลย”
“ตอนที่ฉันรู้ว่าได้หมั้นกับคุณแล้ว ฉันจะได้แต่งงานกับคุณ ฉันก็ดีใจมาก และตื่นเต้นมากด้วย...”
“แต่ฉันเห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็ปวดใจมาก...”
ณ ลานบ้านมีแสงอาทิตย์อบอุ่นสอดส่อง
ฉินหว่านชิวกำลังถ่ายทอดความในใจกับหลินเซียว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดาบพิทักษ์แผ่นดิน
รบกวนอัพเดทเรื่องนี้ให้หน่อยครัย...