เข้าสู่ระบบผ่าน

ดาบพิทักษ์แผ่นดิน นิยาย บท 6

ทุกคนต่างพากันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ลดระดับสายตาลงไปตามเสียง และมองไปที่หลินเซียวที่นั่งอยู่บนวีลแชร์

ทว่าสายตาของหลินเซียวกลับราบเรียบ เขาสบตากับทุกคนอย่างไร้ความเกรงกลัว

ทุกคนในตระกูลฉินตกตะลึงไปเล็กน้อย

คนที่พูดประโยคที่ฟังชัดถ้อยชัดคำเมื่อครู่นี้ คือไอ้ปัญญาอ่อนหลินเซียวคนนี้เองเหรอ?

ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้นี่เอง ว่าท่าทางน้ำลายไหลย้อยของเซียวหลินที่ปกติมักจะเห็นบ่อยๆ มันหายไปแล้ว!

วันนี้เขาดูแตกต่างไปจากเดิมมาก

“นาย นายว่าไงนะ?”

ฉินซิงอวี่ขมวดคิ้วมองหลินเซียวและถามหยั่งเชิงเขาไปประโยคหนึ่ง

“นายหูหนวกเหรอ?”

สีหน้าหลินเซียวเย็นชา

“แก!”

ฉินซิงอวี่ลุกพรวดขึ้นทันทีและชี้ไปที่หลินเซียว

กะอีแค่ไอ้ปัญญาอ่อนคนหนึ่ง กล้าพูดกับเขาแบบนี้เลยเหรอ?

ทว่าเมื่อทุกคนในตระกูลฉิน รวมถึงเหล่าผู้ลากมากดีในเมืองเจียงหายจากอาการตื่นตกใจแล้ว ก็เข้าใจบางอย่างได้ในทันที

ดูเหมือน หลินเซียวคนนี้จะฟื้นคืนสติแล้วงั้นเหรอ?

แต่ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วไงล่ะ ยังไงก็พิการอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?

“หลินเซียว ทำไมฉันฟังๆ ดูแล้ว นายเหมือนกำลังดูถูกตระกูลฉินอยู่เลยล่ะ?”

“สองปีมานี้นายอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฉินและกินใช้ของของตระกูลฉิน นายมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกตระกูลฉิน?”

“แล้วก็นะ ที่ตระกูลฉินของเรากลายเป็นตัวตลกให้คนในเมืองเจียงเอาไปหัวเราะเยาะ มันก็เป็นเพราะนายไม่ใช่เหรอ?”

ฉินเฟยครางในลำคออย่างเย็นชาและชี้หน้าถามหลินเซียว

“ไม่ต้องพูดเอาดีเข้าตัวหรอก”

“บุญคุณที่ฉันได้รับจากหว่านชิว มันเกี่ยวอะไรกับตระกูลฉินของเธอเหรอ?”

หลินเซียวกวาดสายตามองฉินเฟยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนมุมปากจะปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้น

“ไอ้สารเลว!”

คุณหญิงฉินตบโต๊ะและลุกขึ้นทันที

“สองปีก่อน ตระกูลฉินต้องตกเป็นตัวตลกของทั้งเมืองเจียงก็เพราะแก หลินเซียว”

“หลังจากที่แกได้สติ แม้แต่บุญคุณแกยังไม่รู้จักสำนึก แกยังมาพูดจาสามหาวแบบนี้อีกเหรอ?”

“มันเป็นเพราะแกนั่นแหละ ที่ทำให้หว่านชิวเสื่อมเสียชื่อเสียง แกบอกมาซิ มันเกี่ยวอะไรกับตระกูลฉินของฉัน?”

คำพูดในประโยคสุดท้ายของคุณหญิงฉินทำให้หลินเซียวเงียบไปทันที

ก็จริง!

คนเดียวที่เขารู้สึกขอโทษ ก็คือฉินหว่านชิว

“ถ้าไม่ใช่เพราะแก การแต่งงานของตระกูลฉินกับตระกูลผู้ดีจะตกอยู่ในสภาพไร้คนเกี่ยวดองอย่างตอนนี้ได้ยังไง?”

คุณหญิงฉินครางในลำคออย่างไม่พอใจอีกครั้ง ทำให้หลินเซียวพูดไม่ออก

เมื่อเห็นว่าหลินเซียวเงียบไป ทุกคนก็ยิ่งยิ้มเยาะมากขึ้นกว่าเดิม

“เอาล่ะ ในเมื่อนายฟื้นคืนสติแล้ว แล้วยังมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของย่าอีก”

“งั้นฉันอยากถามหน่อย ว่านายเตรียมของขวัญอะไรมาให้ย่า?”

ฉินซิงอวี่ครางในลำคออย่างเย็นชา เขาไม่ปล่อยหลินเซียวไปง่ายๆ หรอก

ฉินหว่านชิวรีบรับคำและเอ่ยขึ้นทันที “ฉันเตรียม…”

“เธอก็ส่วนเธอ! เขาก็ส่วนเขา!”

“เธอจะเป็นตัวแทนเขาได้เหรอ? ฉินหว่านชิว พวกเธอยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ”

ฉินเฟยหลุดเสียงหัวเราะคิกคักออกมา สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

ฉินหว่านชิวลอบถอนหายใจในใจเบาๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวหลินเซียวไม่มีเงินสักแดง เขาจะไปเอาของอะไรมาจากไหน?

“นี่เป็นของที่ฉันมอบเป็นของขวัญให้คุณหญิง”

ในตอนนั้นเอง หลินเซียวก็ยื่นมือออกมาช้าๆ และหยิบกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งออกมา

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง มีจริงๆ เหรอ?

แต่กล่องไม้เล็กๆ ในมือของหลินเซียว มันดูธรรมดามาก ทว่ารูปร่างของมันกลับแปลกตาไม่เหมือนใคร

“มันคืออะไร?”

ตัวตลก ไม่ว่าจะเวลาไหนหรือโอกาสไหน ก็เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่วันยังค่ำ!

“วันเกิดของคุณหญิงฉิน ขอให้คุณหญิงอายุยืนยาว อายุมั่นขวัญยืน!”

“จ้าวเฉวียนจากตระกูลจ้าวขอมอบหยกมงคลชั้นดีหนึ่งชิ้นให้ครับ ขอให้คุณหญิงสมปรารถนาดั่งใจและสมหวังในทุกๆ เรื่องนะครับ”

ในตอนนั้นเอง จ้าวเฉวียนก็เดินเข้ามาในห้อง ด้านหลังยังมีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนตามมาด้วย

จ้าวเฉวียนสวมชุดสูทราคาแพง ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับงานวันเกิดของคุณหญิงฉินมากพอสมควร

“อุ๊ยตาย คุณชายจ้าวมากแล้วเหรอคะ เชิญนั่งเลยค่ะ!”

ชั่วพริบตาเดียว ทุกคนในตระกูลฉินต่างก็พากันลุกขึ้นยืนและทักทายจ้าวเฉวียนอย่างอบอุ่น

รวมทั้งเหล่าผู้ลากมากดีในเมืองเจียงพวกนั้น มีหลายคนยืนขึ้นต้อนรับด้วยเช่นกัน

ส่วนพวกหลินเซียวก็ถูกทิ้งไว้อีกฝั่งหนึ่งทันที

ถึงคุณหญิงฉินจะพยายามควบคุมอารมณ์ไว้แล้วก็ตาม แต่สายตาก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่าจ้าวเฉวียนจะมาช้ากว่าหลินเซียว แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

ตระกูลจ้าวถือเป็นผู้มีอำนาจใหม่ในเมืองเจียง และนับได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีประวัติมาอย่างยาวนานในเมืองเจียง

ถ้าตระกูลฉินสามารถมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับตระกูลจ้าวได้ ก็ต้องได้รับความช่วยเหลือมากมายเป็นธรรมดา

“พี่เฉวียน พี่มาแล้วเหรอ!”

ฉินเฟยยิ้มหวานและยื่นมือไปผลักฉินหว่านชิวไปอีกทาง

แต่จ้าวเฉวียนกลับไม่ได้มองฉินเฟย เขาหันหน้าไปทักทายฉินหว่านชิว

คงไม่ดีหากฉินหว่านชิวจะหักหน้าเขา จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

“นี่ นี่มันหลินเซียวไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไม ให้หว่านชิวเข็นนายมานี่ด้วย มาขอข้าวกินเหรอ?”

จ้าวเฉวียนตบมือและมองหลินเซียวด้วยความเหยียดหยาม และยังเน้นเสียงของตัวเองอีกด้วยตอนที่พูดคำว่า ‘เข็น’

“ถ้านายฉลาด ก็อย่าแตะต้องของของฉัน แล้วเอาคืนมาซะ”

“ของบางอย่าง นายเอาไปไม่ได้”

หลินเซียวมองจ้าวเฉวียนและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดาบพิทักษ์แผ่นดิน