สีหน้าท่าทางของหลิงหยุนนั้นสงบนิ่งดั่งสายน้ำแต่ภายใต้ท่าทางที่สงบนิ่งอย่างผิดปกตินั้น ภายในไม่ต่างจากภูเขาไฟลูกใหญ่ที่กำลังรอการปะทุอย่างรุนแรงอยู่..
และยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคขาของหลิงหยุนก็ก้าวออกไปด้านหน้าข้างหนึ่ง แล้วสายลมก็พัดโหมกระหน่ำขึ้นมาทันที หลังจากที่ร่างของหลิงหยุนเคลื่อนมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้ว ก็ได้ทิ้งเงาไว้ด้านหลังตนเองหนึ่งเงาด้วย!
และเพียงแค่นั้นก็ทำให้ซือกงวู่จี๋ไม่สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ได้อีกจนถึงกับต้องแสดงอาการตกตะลึงออกมาทางสีหน้า!
การที่จะสามารถทิ้งเงาไว้ด้านหลังได้เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์ล้ำลึกอะไร ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศ และสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถทำได้เช่นกัน..
แต่สำหรับหลิงหยุนเวลานี้..เขาไม่ได้ใช้วิชาตัวเบา แต่เพียงแค่เดินเหินดังเช่นปกติธรรมดาเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างเงาทิ้งไว้ในตำแหน่งเดิมได้..
ปรากฏการณ์เช่นนี้บ่งบอกอะไรอย่างนั้นหรือ
นี่เป็นการบ่งบอกว่าหลิงหยุนสามารถเคลื่อนย้ายร่างของตนเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ภายในพริบตาเดียว คล้ายๆกับที่คนในยุคนี้เรียกว่า Teleport
ลักษณะการเคลื่อนที่เช่นนี้ของหลิงหยุนทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันตกใจจนแทบเสียสติ!
แต่ถึงกระนั้น..อาการตกใจของซือกงวู่จี๋ในครั้งนี้ก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากที่หลิงหยุนก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าวแล้ว เขาก็ยังคงก้าวเดินออกมาเป็นก้าวที่สอง..
เส้นผมของหลิงหยุนปลิวไสวไปมาแล้วทั้งเศษดินและหินบริเวณใกล้ๆกับร่างของหลิงหยุน ต่างก็ลอยขึ้นพร้อมกับหมุนอยู่รอบตัวเขา!
หลังจากก้าวที่สอง..ด้านหลังของหลิงหยุนก็ปรากฏเงาที่สองขึ้น ในขณะที่เงาแรกก็ยังคงไม่สลายหายไป!
และเวลานี้หลังจากก้าวเดินราวกับหายตัวออกมาได้สองก้าวแล้วนั้นด้านหลังของหลิงหยุนก็ปรากฏเงาเสมือนจริงสองเงา กับร่างจริงของหลิงหยุนหนึ่งร่าง ทำให้มีหลิงหยุนถึงสามคน!
ซือกงวู่จี๋ตกตะลึงดวงตาของเขาเบิกกว้างจนลูกตาแทบหลุดออกมาจากเบ้าเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!
แต่หลิงหยุนไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้นเขายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าเป็นก้าวที่สาม.. ก้าวที่สี่.. ก้าวที่ห้า..
และด้านหลังของแต่ละก้าวที่หลิงหยุนก้าวออกไปนั้นล้วนปรากฏเงาเสมือนจริงของเขาขึ้น จนดูคล้ายกับว่ามีรูปปั้นของหลิงหยุนตั้งเรียงรายกันเป็นแถว!
ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนอย่างมาก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของหลิงหยุนอีกด้วย!
และแน่นอนวา..ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาร่วมกับอานุภาพของยันต์เทวะเหินสร้างขึ้นมา!
และตอนนี้หลิงหยุนก็ได้ก้าวเดินออกมาข้างหน้าถึงสิบสองก้าวและได้ทิ้งเงาเสมือนจริงซึ่งมีลักษณะท่าทางแตกต่างกันไว้ด้านหลังถึงสิบสองเงาด้วยกัน..
“แม่เจ้าโว้ย!!”ถังเมิ่งถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดังด้วยความอัศจรรย์ใจ
“พระเจ้า!”ทางด้านเกาเฉินเฉิน เสี่ยวเม่ยหนิง และคนอื่นๆ ต่างก็ร้องอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“สามี!”
หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่เองก็ถึงกับร้องเรียกหลิงหยุนออกมาด้วยความตื่นเต้นหน้าอกของพวกเธอทั้งคู่ต่างก็กระเพื่อมรุนแรงด้วยความตกใจ..
“เจ้าเด็กดื้อ..เจ้าสามารถทำให้ข้าประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริงๆ!”
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองหลิงหยุนที่ก้าวเท้าออกไปทีละก้าวด้วยหัวใจที่เต้นแรงและนางรู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะหลุดออกมาจากร่าง ฉินตงเฉี่วยแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เพราะหลิงหยุนนั้นก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์!
“โอ้..เจ้านายที่เคารพ! ท่านเทพแห่งซาตาน..”
ทั้งพอลกับเจสเตอร์เองก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปและได้แต่จ้องมองหลิงหยุนราวกับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
“พี่หลิงหยุน..”
ดวงตาคู่งามของไป๋เซียนเอ๋อเป็นประกายด้วยความตกใจนางร้องเรียกชื่อหลิงหยุนออกมาอย่างลืมตัว พร้อมกับกอดศิลากลั่นวิญญาณในมือไว้แน่น!
“นี่มันอะไรกัน!เขาเป็นคนหรือผีกันแน่?”
โม่วู๋เตาที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นและไม่รู้ว่าตนเองแสดงสีหน้าออกไปเช่นไรกันแน่ แต่ปากก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ และตกใจ!
“นี่มันวิชาอะไรกันเป็น.. เป็นไปไม่ได้!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับตกใจจนอ้าปากค้างเขาแทบไม่อยากเชื่อว่าหลิงหยุนจะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้!
ทั้งคู่ประมือกันครั้งแรกที่บ้านตระกูลเกาและถึงแม้เฉินเจี้ยนกุ่ยจะพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนในครั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ถึงกับน่ากลัวเช่นนี้!
และครั้งที่สองพวกเขาก็ได้ประมือกันอีกครั้งที่คฤหาสน์ตระกูลเฉินในคืนที่หลิงหยุนช่วยหลิงเย่วออกมา และได้สังหารยอดฝีมือตระกูลเฉินไปมากมาย รวมทั้งนินจาขั้นเซียงเทียน-7 ส่วนเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกหลิงหยุนยิงด้วยธนูจนบาดเจ็บสาหัส..
และครั้งสุดท้ายทั้งคู่ประมือกันที่เขาหยุนเมิ่งครั้งนั้นหลิงหยุนได้สังหารแวมไพร์ไปหลายร้อยตน และได้สังหารเฉินเจี้ยนจื่อซึ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ตาย พร้อมกับช่วยเกาเฉินเฉินออกมาได้สำเร็จ
ความจริงแล้ว..เฉินเจี้ยนกุ่ยนับว่าเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศของตระกูลเฉิน หลังจากที่เขาฝึกวิชาจากสำนักโลหิตมารจนสำเร็จ ก็ได้อาศัยอำนาจบารมีของตระกูลเฉินนำประคำโลหิตมาไว้ในครอบครอง หลังจากนั้นจึงได้พลีร่างเป็นแวมไพร์ และด้วยพลังอำนาจของแวมไพร์ทำให้เขามีชีวิตที่เป็นอมตะ..
และด้วยพลังอำนาจของแวมไพร์ประกอบกับพลังปราณในขั้นเซียงเทียน ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถฝึกวรยุทธได้ก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์!.ไอรีนโนเวล.
เพียงแค่ขอเวลาอีกไม่นานนักเฉินเจี้ยนกุ่ยก็จะสามารถสร้างปรากฏการณ์อันน่าตกตะลึงขึ้นในปักกิ่งได้ ด้วยการนำพาตระกูลเฉินขึ้นมาอยู่เหนือตระกูลเย่กับตระกูลหลง และสามารถขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในประเทศจีนได้!
และนี่คือเหตุผลว่า..เพราะเหตุใดทันทีที่เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับจากอเมริกา ตระกูลเฉินจึงเร่งรัดที่จะจัดการเรื่องราวทุกอย่างภายในปักกิ่งให้เสร็จสิ้นทันที!
แต่ในช่วงเวลานั้น..หลิงหยุนกลับปรากฏตัวขึ้น และเมื่อเขาปรากฏตัว ก็ได้กลายเป็นคู่ปรับที่น่าหวาดกลัวของเฉินเจี้ยนกุ่ย เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่เพียงพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในที่สุดก็ถูกหลิงหยุนจับตัวไว้ด้วย..
ระหว่างที่ถูกหลิงหยุนจับกุมตัวไว้นั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยได้แต่นึกแค้นใจ และคิดว่าตนเองช่างโชคร้ายที่ต้องมาประสบพบเจอกับคู่แค้นเช่นหลิงหยุน!
นั่นเพราะความก้าวหน้าของหลิงหยุนนั้นรุดหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์จนแทบไม่สามารถหาคำอธิบายได้..
แต่ถึงกระนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ยังไม่สิ้นหวังเขารู้ว่าตัวเองนั้นเป็นความหวังของตระกูลเฉิน ดังนั้นทั้งพ่อและปู่ของเขาจะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยเขาออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้..เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงอดทนต่อความเจ็บปวด ความอัปยศอดสู และความทุกข์ทรมานต่างๆ เพราะเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งเขาจะสามารถต้องหลุดพ้นจากที่นี่ไปได้!
และในที่สุด..โอกาสของเขาก็มาถึง ผู้มีพระคุณของเขาปรากฏตัวขึ้นแล้วในคืนนี้ โอรสพรรคมารไม่เพียงแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่ยังได้ช่วยเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างบังเอิญ ด้วยการส่งเลือดของเหล่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมาให้เขานับร้อยคน..
เพราะไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิชาของสำนักโลหิตมารหรือแวมไพร์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เลือดเป็นสื่อนำทั้งสิ้น หากปราศจากเลือด เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่สามารถฝึกฝนหรือทำอะไรได้ และเมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยได้กลิ่นคาวเลือด ก็ไม่ต่างจากหมู่มวลภมรที่ได้กลิ่นหอมหวานของเกสรดอกไม้..
และประคำโลหิตที่ซ่อนอยู่ในร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นก็ได้ดูดซับเอาเลือดบริสุทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังของเหล่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนนับร้อยนั้นเข้าไป..
ทำให้ความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถพุ่งขึ้นจากขั้นเซียงเทียน-6เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้ในคราวเดียว และขั้นของแวมไพร์ก็พุ่งขึ้นไปอยู่ในขั้นเคานต์ทันที!
และในที่สุด..เฉินเจี้ยนกุ่ยก็สามารถก้าวข้ามความยากลำบากได้สำเร็จ อีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ แม้เฉินเจี้ยนกุ่ยจะยังไม่รู้ว่าครอบครัวของเขานั้นต้องสูญเสียอะไรไปมากมายบ้างกับการช่วยชีวิตของตนเองในครั้งนี้ แต่เขาก็ได้สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องให้หลิงหยุนชดใช้คืนเป็นพันเท่าอย่างแน่นอน!
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดหลังจากหลุดออกมาได้แล้วเฉินเจี้ยนกุ่ยจึงยังไม่รีบร้อนที่จะหนีไป..
เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่เพียงไม่หนีแต่เขายังตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของหลิงหยุนอีกด้วย!
เฉินเจี้ยนกุ่ยต้องการเห็นความพ่ายแพ้ของหลิงหยุนและต้องการให้หลิงหยุนต้องทุกข์ทรมาน และได้รับความอัปยศเหมือนที่เขาได้รับมา อีกทั้งยังต้องการให้หลิงหยุนได้ดูเขาดื่มเลือดเกาเฉินเฉิน และหาความสุขจากเธอ เพื่อเป็นการล้างแค้น และลบล้างความอัปยศอดสู่ที่เคยเกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง!
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเองก็คาดไม่ถึง!
และเวลานี้ความรู้สึกของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่ต่างจากคนที่กำลังตกลงมาจากที่สูง และกำลังร่วงลงสู่จุดที่ต่ำที่สุด!
เฉินเจี้ยนกุ่ยคิดว่าการที่ตนเองก้าวหน้าขึ้นมากถึงเพียงนี้จะสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะเหนือกว่าเขามากมายเช่นนี้!
ส่วนท่านจินและราชันย์นักฆ่านั้นแทบไม่ต้องพูดถึงทั้งคู่จ้องมองหลิงหยุนด้วยความหวาดกลัว และระมัดระวังตัวอย่างที่สุด สัญชาติญาณแห่งนักฆ่าของทั้งสองคนมลายหายไปในพริบตา และแทบอยากจะลาออกจากการเป็นมือสังหารในทันที!
แต่เวลานี้ซือกงวู่จี๋ยังอยู่ที่นี่พวกเขาจึงไม่สามารถถอยหนีได้ และได้แต่กล้ำกลืนอดทนต่อความหวาดกลัวภายในใจ
ท่านจินกลืนน้ำลายด้วยสีหน้าซีดเผือดพร้อมกับร้องถามออกไปว่า “ท่านโอรสพรรคมาร.. เขา.. เขากำลังทำอะไร”
ซือกงวู่จี๋ผู้มีความรู้รอบตัวกว้างขวางและกำลังจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนนั้น แม้ใจไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็พูดออกไปว่า
“เขาก็กำลังแสดงพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ให้พวกเราดูน่ะสิ!”
แววตาของซือกงวู่จี๋เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา..เพราะสิ่งที่หลิงหยุนกำลังแสดงอยู่นั้น ไม่แน่ว่าแม้แต่พ่อของเขา – ซือกงถูก็อาจจะทำไม่ได้เช่นกัน!
ซือกงวู่จี๋ได้แต่ยอมรับว่า..หลิงหยุนนั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศกว่าตนเองมากนัก!
แต่แล้วซือกงวู่จี๋ก็เหลือบมองนักบวชเลี่ยยื่อซึ่งยืนอยู่ข้างๆก่อนจะหันไปร้องสั่งคนของตนเองว่า..
“ลงมือได้..”
ซือกงวู่จี๋ยังคงระมัดระวังตัวอย่างมากและไม่ต้องการเป็นผู้ที่ลงมือจัดการกับหลิงหยุนเป็นคนแรก เขาต้องการเป็นฝ่ายสังเกตการณ์ เพื่อรอจังหวะลงมือทีหลัง!
เฉี่วยหยิงกงท่านจิน และราชันย์นักฆ่า ต่างก็กระโดดเข้าไปยืนขวางหน้าหลิงหยุนไว้
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นประกายเจิดจ้า..
“พวกเจ้าพร้อมแล้วสินะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร