บทที่ 1663 : หลอมรวมขั้นสูงสุด
หลิงหยุนทำการเรียกของทั้งหมดที่เตรียมไว้สำหรับการทะลวงขั้นพลังกลับเข้าไปในแหวนจักรวาลดังเดิม
เขาตัดสินใจที่จะเข้าไปทำการพัฒนาขั้นในเมืองเก่าแก่ที่เรียกขานว่าเทียนตี้ซึ่งเวลานี้ได้เหลือเพียงซากปรักปักหักพัง ตามคำแนะนำของอินหลง
หลังจากที่ปรากฏตัวในเมืองเทียนตี้แล้วหลิงหยุนก็ไม่ลังเลที่จะเรียกโอสถชำระกายาออกมา และนี่จะเป็นการชำระกายาครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน
แต่ช่างน่าเสียดายที่โอสถชำระกายาที่หลิงหยุนหลอมกลั่นนั้นแม้จะเป็นโอสถระดับสมบัติที่อานุภาพล้ำเลิศ แต่ก็มีผลต่อร่างกายของหลิงหยุนในยามนี้ค่อนข้างน้อยนัก
นั่นเพราะในช่วงที่หลิงหยุนฝึกบ่มเพาะในขั้นปรับกายาจนกระทั่งถึงขั้นพลังชี่นั้น ร่างกายของเขาแข็งแกร่งจนเข้าขั้นกายเพชรสามารถเหาะไปมาในอากาศได้ด้วยความเร็วสูงโดยมิได้รับอันตราย เช่นนี้แล้วร่างกายของเขายังจะมีสิ่งไม่บริสุทธิ์เจือปนอีกได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้โอสถปรับกายาสำหรับหลิงหยุนนั้นจึงมิได้ให้ประโยชน์ใดมากมายไปกว่าความสบายใจเท่านั้น
แต่หลิงหยุนก็หาได้ใส่ใจไม่เขาโยนโอสถปรับกายาจำนวนสามเม็ดเข้าไปในปาก และกลืนลงไปในท้องทันที
หลังจากกลืนโอสถปรับกายาทั้งสามเม็ดเข้าไปแล้วหลิงหยุนก็ได้ไปปรากฏตัวขึ้นที่ลานกว้างใหญ่ และกำลังยืนอยู่ต่อหน้ารูปปั้นของจักรพรรดิหวงตี้
จักรพรรดิหวงตี้นับเป็นบรรพบุรุษของประชาชนจีนอีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิที่ลูกหลานชาวจีนให้ความเคารพยิ่ง
อารยธรรมจีนที่ยาวนานกว่าห้าพันปีล้วนเริ่มต้นนับจากนี้!
ระหว่างที่หลิงหยุนยืนอยู่หน้ารูปปั้นนั้นเขาสัมผัสได้ถึงปราณมังกร และปราณจักรพรรดิที่หนาแน่นอย่างน่าตกใจ ไม่ต่างไปจากพระราชวังต้องห้าม สุสานจักรพรรดิฉินซี กำแพงเมืองจีน และบนเทือกเขาคุนหลุน
เดิมทีหลิงหยุนคิดว่าทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาด้านในของเมืองเทียนตี้ เขาคงจะไม่สามารถสะกดขั้นพลังของตนไว้ได้อีก และจะต้องทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้ในทันที นั่นเพราะปราณมังกรและปราณจักรพรรดิด้านในนั้น หนาแน่นกว่าด้านนอกกำแพงนับร้อยเท่า!
แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งปราณมังกรและปราณจักรพรรดิ กลับถูกกระบี่จักรพรรดิมังกรในจุดซือไห่ของเขาดูดซับเข้าไปจนหมด โดยที่ตัวเขานั้นไม่ได้รับเลยแม้แต่น้อย
แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกร้อนอกร้อนใจอะไรในเมื่อเขาเองก็สามารถที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานเมื่อใดก็ได้ และที่สำคัญเขาต้องการให้ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สามารถเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
นี่หาใช่เรื่องเล่นๆไม่หลิงหยุนต้องการฝึกฝนเพื่อกลับสู่เบื้องบน เขาจำเป็นต้องให้ทุกขั้นพลังพัฒนาก้าวหน้าได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่นึกเสียใจในภายหลัง!
ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนเวลานี้หลังจากเขาได้ก้าวเข้ามาด้านในของเมืองเทียนตี้ มังกรทองห้าเล็บดูเหมือนจะยิ่งตื่นเต้นดีใจ มันเหาะวนไปรอบจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของเขาไม่หยุด เพื่อที่จะดูดซับเอาปราณมังกรที่หนาแน่นนั้นเข้าไป แต่น่าเสียดายที่ถูกกระบี่จักรพรรดิมังกรดูดซับเข้าไปจนหมดไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยว
“ข้าน้อยหลิงหยุนขอคาราวะองค์จักรพรรดิแห่งสวรรค์”
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้โน้มศรีษะลงต่อหน้ารูปปั้นจักรพรรดิหวงตี้ และโค้งคำนับทำการคาราวะรูปปั้นด้วยความเคารพนอบน้อมถึงสามครั้ง
จากนั้นหลิงหยุนก็นั่งขัดสมาธิลงที่พื้นก่อนจะเรียกสิ่งของต่างๆ ออกมาจากแหวนจักรวาลของตนเอง
สิ่งแรกที่หลิงหยุนนำออกมาก็คือขวดโอสถก่อสร้างรากฐาน ตามมาด้วยไขหยกทั้งหกสี มีดำ ขาว แดง เหลือง ม่วง และเขียว
ความจริงไขหยกทั้งหกสีนั้นหลิงหยุนได้ใช้ไปกับการหลอมกลั่นโอสถบนเขาหลงหู่ไม่น้อย ส่วนที่เหลือนั้น หลิงหยุนไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้ได้อีกมากน้อยเพียงใด แต่เขาก็มิได้ใส่ใจนัก หากใช้ได้ก็ใช้ หากใช้ไม่ได้ก็เก็บไว้ใช้งานอย่างอื่นแทน
หลิงหยุนยังมีโอสถล้ำค่าอยู่อีกมากมาย..
หลิงหยุนหลับตาลงทำสมาธิให้จิตใจสงบนิ่ง เตรียมกายและใจให้พร้อมเข้าสู่การพัฒนาขั้นพลัง
หลังจากที่พร้อมแล้วหลิงหยุนเพียงแค่สะบัดมือไปมาเบาๆ โอสถก่อสร้างรากฐานสามเม็ดก็ได้ลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะลอยเข้าไปในปากของหลิงหยุนต่อไป เพียงแค่หนึ่งเม็ดก็สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นพลังชี่ สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐานได้แล้ว แต่นี่หลิงหยุนกลับกลืนโอสถเข้าไปพร้อมกับถึงสามเม็ดในคราเดียว
บูม!
หลังจากที่โอสถทั้งสามเม็ดเข้าสู่ท้องของหลิงหยุนแล้วเขาก็ได้ปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน-หยางออกมาห่อหุ้มร่างกายไว้ ปล่อยให้เปลวเพลิงหลากสีได้บ่มเพาะกายาในขณะที่กำลังพัฒนาขั้นพลัง
หลังจากทำการพัฒนาขั้นพลังได้เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวหลิงหยุนก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้แล้ว
เมื่อโอสถก่อสร้างรากฐานได้เข้าสู่ช่องท้องของหลิงหยุนก็ได้แสดงอานุภาพของมันทันที โอสถถูกหลอมด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยิน-หยาง ได้เคลื่อนไปทั่วร่างของหลิงหยุนก่อนจะไหลรวมลงสู่จุดตันเถียน
จากเจินชี่ซึ่งเป็นชี่พื้นฐานของร่างกายเป็นพลังแรกเริ่มของชีวิต ได้กลายมาเป็นเจินหยวน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐาน
หลังจากที่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐานได้สำเร็จหลิงหยุนก็หาได้รีบร้อนไม่ แต่ได้ทำการใช้ไขหยกปรับแต่งขั้นพลังให้เสถียร
หลังจากที่ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐานแล้วจุดซือไห่ของหลิงหยุนก็ได้เกิดปรากฏการณ์เหมือนเมื่อครั้งที่เขาพบสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพคราแรก อักษรโบราณล่องลอยอยู่ภายใน ก่อนจะไหลเรียงตามลำดับเข้าไปในกระบี่จักรพรรดิมังกรสีทอง
หลังจากอักษรโบราณเจาะเข้าไปในตัวกระบี่จักรพรรดิมังกรได้อักษรเหล่านั้นก็ปลดปล่อยอักษรออกมาอีกมากมาย หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่สีทองได้อย่างลงตัว!
เวลานี้หลิงหยุนเข้าใจแล้วว่า อักษรโบราณนี้คือสิ่งใด อักษรโบราณลึกลับเหล่านี้แท้จริงคือราชโองการของจักรพรดิหวงตี้!
กระบี่จักรพรรดิมังกรมีเพียงจิตวิญญาณมังกรเท่านั้น หากไร้ซึ่งโองการของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ กระบี่จักรพรรดิมังกรก็จะเป็นได้เพียงแค่ยุทธภัณฑ์ระดับเต๋าเท่านั้น ยากที่จะพัฒนาไปเป็นยุทธภัณฑ์ระดับเซียนได้
แต่เวลานี้กระบี่จักรพรรดิมังกรได้กลายเป็นยุทธภัณฑ์ระดับเซียนโดยสมบูรณ์แล้ว!
พร้อมกันนี้หลิงหยุนก็ได้รู้ด้วยว่า เป้าหมายสูงสุดของกระบี่จักรพรรดิมังกรคือสิ่งใด
ยุทธภัณฑ์ระดับเซียนขั้นสูงสุดกระบี่เซวียนหยวน!
อักษรโบราณที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งได้แยกออกเป็นสามส่วน และได้เรียงลำดับดังเช่นก่อนหน้า เป็นโคลงกลอนมากกว่าสามร้อยตัวอักษร ไหลเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนดังเดิม โคลกลอนอักษรโบราณทั้งสามนี้บันทึกไว้ว่า จักรพรรดิแห่งมนุษย์ จักรพรรดิแห่งปฐพี และจักรพรรดิหวงตี้ คือสามจักรพรรดิ หลิงหยุนฝึกฝนไปเรื่อยๆจะเข้าใจได้เองในวันข้างหน้า
ฟิ้ว..
หลังจากหลอมรวมกับราชโองการแห่งองค์จักรพรรดิแล้วกระบี่จักรพรรดิมังกรก็ได้พุ่งออกมาจากหว่างคิวของหลิงหยุน และเหาะวนไปรอบๆดูดซับเอาปราณมังกรเข้าไป
บูม!บูม!
ในเวลานั้นเองทั้งพู่กันจักพรรดิแห่งมนุษย์ และสมุดจักพรรดิแห่งพิภพ ก็ได้เริ่มปลดปล่อยพลังอมตะที่สะสมมาอย่างยาวนาน ส่วนหนึ่งห่อหุ้มร่างกายของหลิงหยุนไว้ อีกส่วนหนึ่งส่งให้กระบี่จักรพรรดิมังกร และมันก็ไม่รีรอที่จะดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
แม้พู่กันจักรพรรดิแห่งมนุษย์จะทะนงว่าเยี่ยมยอดแต่ท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงแค่พู่กันเท่านั้น กระบี่เซวียนหยวนต่างหากที่สามารถตัดนภาเปิดปฐพีได้!
ในเมื่อกระบี่จักรพรรดิมังกรออกจากร่างของหลิงหยุนไปเช่นนี้ก็มิมีสิ่งใดมาแย่งปราณมังกรไปจากมังกรทองห้าเล็บอีกต่อ มันจึงรีบดูดซับปราณมังกรเข้าไปอย่างกระหาย
ส่วนหลิงหยุนนั้นเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาปรับขั้นพลังในขั้นก่อสร้างรากฐานให้เสถียรมั่นคง โดยมิได้สนใจเรื่องอื่นรอบกาย
“ห้วงมิติและพื้นที่!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาการเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานครั้งนี้ ช่างคล้ายกับเมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เส้นทางของเขายังคงเป็นเป็นเส้นทางแห่งห้วงมิติและพื้นที่!
หากไร้ซึ่งห้วงมิติและพื้นที่นี้จิตวิญญาณของหลิงหยุนที่ล้มเหลวจากการรับทัณฑ์สวรรค์ คงมิอาจมาจุติใหม่ในโลกนี้ได้
หากไร้ซึ่งห้วงมิติและพื้นที่หลิงหยุนคงไม่สามารถสร้างแหวนพื้นที่ขนาดใหญ่ได้
หากไร้ซึ่งห้วงมิติแห่งพื้นที่หลิงหยุนจะใช้วิชาเงาลวงตาเคลื่อนย้ายร่างได้อย่างนั้นหรือ อัตราความเร็วในการเหาะของเขา จะเหนือกว่าผู้ฝึกบ่มเพาะคนอื่นได้อย่างนั้นหรือ?
ด้วยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งซึ่งผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ขั้นอมตะมาแล้วอีกทั้งยังได้มาจุติอีกครั้งบนโลกใบนี้ ทำให้หลิงหยุนเข้าใจในเรื่องห้วงมิติและพื้นที่ได้ดี!
“แต่นอนเหนือจากห้วงมิติและพื้นที่แล้วยังมีอีกหนึ่งเส้นทางในการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เส้นทางนั้นก็คือเส้นทางแห่งสังสารวัฏ.. ”
แม้หลิงหยุนจะรู้ว่ามีแต่ก็มิได้มั่นใจในเวลานี้..
“นี่ข้ามาจุติบนโลกใบนี้ด้วยเส้นทางแห่งสังสารวัฎหรือเพราะห้วงมิติกันแน่นะ”
หลิงหยุนเริ่มลังเลสงสัยและสับสนในตัวเองเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีพึงพอใจอย่างยิ่งที่สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นก่อสร้างรากฐานได้ในคราเดียวเช่นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง และน้อยนักที่จะหาผู้ใดทำได้เช่นนี้! ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ที่หลิงหยุนจากมานั้นมีไม่เกินสามคนที่ทำเช่นนี้ได้!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกประคำโพธิออกมากำไว้ในมือ..
ทำการทะลวงเบิกเนตรในทันที!
การเบิกเนตรคือการเปิดใจให้มีวิถีแห่งเต๋าในตัวเองสามารถเข้าใจวิถีแห่งเต๋าอันลึกซึ้งได้ ความเข้าใจในวิถีแห่งเต๋า จะช่วยให้ผู้ฝึกบ่มเพาะเพื่อความเป็นเซียน ไม่ว่าจะเป็นเต๋าหรือพุทธ หากได้ทำการเบิกเนตรแล้ว ย่อมเข้าใจ และสำแดงศาสตร์เวทย์ใหม่ๆได้
หลังจากที่หลิงหยุนทำการเบิกเนตรแล้วความรู้สึกแปลกๆ แต่คุ้นเคยพลันปรากฏขึ้นอย่างมากมาย คล้ายกับว่าเขากำลังทบทวนบทเรียนเก่าๆอยู่ วิชาต่างๆมากมายที่เคยฝึกฝนมา ได้กระจ่างแจ้งอยู่ในใจของหลิงหยุน ในจิตใจของเขาราวกับมีแสงดาราเปล่งประกายระยิบระยับอยู่
หลิงหยุนคาดเดาว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่า ส่วนหนึ่งเขาคือผู้ที่มาจุติอีกครั้งบนโลก และอีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะประคำโลหิตที่เขากำไว้ในมือ
หลิงหยุนไม่รีบร้อนอะไรเขานั่งทำความเข้าใจหลังจากทำการเบิกเนตรแล้วอยู่นานถึงสามวัน จนกระทั่งไม่มีสิ่งใดให้เขาต้องทำความเข้าใจอีกต่อไป เขาจึงได้เตรียมตัวที่จะทะลวงสู่ขั้นต่อไปอีก..
สามวันก่อนหน้าโอสถที่หลิงหยุนหลอมกลั่นนั้นมีโอสถเป่ยหยวนด้วย และตอนนี้ก็ได้เวลานำออกมาใช้ประโยชน์แล้ว หลิงหยุนหยิบออกมาพร้อมกันสามขวด เขาเทยาเม็ดเป่ยหยวนทั้งหมดเข้าปาก และเคี้ยวกินราวกับเม็ดถั่ว
นับจากวันที่สี่ของการทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้สำเร็จหลิงหยุนจึงได้ริเริ่มเข้าสู่ขอบเขตของการหลอมรวมต่อไป
ขอบเขตของการหลอมรวมชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นการหลอมรวมกายา และพลังบ่มเพาะในขั้นก่อสร้างรากฐานเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง หลิงหยุนให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้ยิ่งนักเพราะการหลอมรวมสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง
หลังจากหลอมรวมพลังบ่มเพาะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายแล้วปล่อยใจให้เคลื่อนไหวไปอย่างอิสระ ผสานรวมกาย ใจ วิญญาณ จิตสำนึก และความเข้าใจทั้งหมดทั้งมวล ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
การหลอมรวมนี้ได้รับการเรียกขานอีกอย่างว่าอาณาจักรโอสถเสมือนซึ่งหมายความว่า หลังจากหลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ร่างกายของคนผู้นั้นจะเป็นเสมือนโอสถล้ำค่า
ขณะที่หลิงหยุนกำลังปฏิบัติการหลอมรวมอยู่นั้นสมุดจักรพรรดิแห่งพิภพจึงได้หยิบเอารากของภูเขาปู้โจวหลากสีออกมา และโยนลงไปตรงหน้า เพื่อให้หลิงหยุนได้ใช้ประโยชน์จากมันในการหลอมรวมครั้งนี้
แม้หลิงหยุนจะกลับมาจุติใหม่อีกครั้งแต่เขายังคงใช้เวลาในการหลอมรวมนานถึงเก้าวันเก้าคืน ในระหว่างนั้น ก็ได้กลืนโอสถเป่ยหยวนระดับสูงสุดหมดไปอีกสองขวด และได้ใช้ประโยชน์จากรากเขาปู้โจวไปถึงหนึ่งในสาม
กระทั่งในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดของการหลอมรวมแล้ว!
ในที่สุดหลิงหยุนก็ได้เปิดเปลือกตาขึ้น..
เวลานี้เป็นยามค่ำคืนหลิงหยุนคำนวนเวลาคร่าวๆ เขาอยู่ในเมืองเทียนตี้นี้มานานถึงสิบสองวันแล้ว และในเวลาเพียงแค่สิบสองวัน เขาก็สามารถสำเร็จขั้นหลอมรวมระดับสูงสุดได้แล้ว
นับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของหลิงหยุนที่สามารถพัฒนาขั้นได้พร้อมกันในคราเดียวถึงสามขั้น!
“เวลานี้ข้าคงจะสามารถประมือกับผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงได้ไม่ยากสินะ หากได้ประลองกับผู้ฝึกตนขั้นหยวนอิงสักคนเพื่อทดสอบความแข็งแกร่ง ก็จะดีไม่น้อยทีเดียว..”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายพร้อมกับประเมินความแข็งแกร่งของตนเองเวลานี้ ด้วยความมั่นอกมั่นใจ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร