“หรือข้าจะมอบเป็นเงินให้กับเจ้าดีนะ..!”
เย่ซิงเฉินนั่งรำพึงรำพันอยู่บนม้าหินคนเดียวกลิ่นหอมประหลาดประจำตัวของนางนั้นได้แพร่กระจายออกมาจากเรือนร่างงดงามนั้น..
“ไม่ดีกว่า!เงินเป็นสิ่งที่ใครๆก็หากันได้ อีกอย่างเจ้าเองก็คงมีเงินมากมายแล้ว!”
เย่ซิงเฉินบ่นพึมพำพร้อมกับถอนหายใจออกมาดวงตาคู่งามที่อ่อนโยนของนางในเวลานี้ หากผู้ใดได้พบเห็นเข้าคงจากจะเชื่อว่าหญิงสาวผู้มีแววตาอ่อนโยนเช่นนี้ จะเป็นธิดาพรรคมารผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม และอาบไปด้วยรังสีสังหารอย่างแน่นอน!
“หรือว่าจะมอบสมบัติล้ำค่าให้กับเจ้าสักชิ้นดีนะแต่ไม่ดีกว่า! สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนในแหวนวิเศษของเจ้าก็จะมีอยู่มากมายแล้ว!”
นั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่เหมาะ!
เย่ซิงเฉินได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ แต่จู่ๆ นางก็ดูคล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้ในระหว่างที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“คิดออกแล้ว..ข้าจะมอบคนผู้หนึ่งเป็นของขวัญให้กับเจ้า!”
เย่ซิงฉินร้องอุทานออกมาอย่างดีใจจากนั้นจึงรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาเพื่อติดต่อใครคนหนึ่งทันที..
“น้าชิงเฟิง..”
“ค่ะคุณหนู..”
เมื่อได้ยินปลายสายเรียกสรรพนามตนเองเช่นนั้นเย่ซิงเฉินก็ถึงกับขมวดคิ้ว และตอบไปว่า
“ป้าชิงเฟิง..ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าต่อไปให้เรียกชื่อข้า!”
ชิงเฟิงถึงกับยิ้มออกมาและตอบเสียงเบา “คุณหนูเจ้าคะ.. นี่เป็นกฎที่นายท่านตั้งขึ้น ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!”
เย่ซิงเฉินคร้านที่จะทะเลาะกับชิงเฟิงด้วยปัญหาเดิมๆอีกจึงรีบถามขึ้นว่า “เสี่ยวเม่ยเม่ยฝึกวิชาไปถึงใหนแล้ว”
ชิงเฟิงยิ้มและตอบกลับไปว่า“อ่อ.. ที่แท้คุณหนูก็จะถามเรื่องนี้นี่เองหรอกรึ เสี่ยวเม่ยเม่ยเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ตั้งแต่หนึ่งเดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-2 แล้วค่ะ!”
เย่ซิงเฉินร้องอุทานออกมาทันที“ก้าวหน้าเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ”
ดูเหมือนชิงเฟิงเองก็จะดีใจไปด้วยนางตอบกลับไปว่า “เสี่ยวเม่ยเม่ยเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ผู้อื่นไม่มี อีกทั้งยังมีพลังแปลกประหลาดในร่างกาย นางจึงสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้!”
“คุณหนูต้องการจะคุยกับนางหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ล่ะ..ในเมื่อนางเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ก็ดีแล้ว ท่านจัดการปล่อยตัวนาง และให้กลับถึงจิงฉูก่อนคืนพรุ่งนี้!”
“เข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหนู!”
“อืมม..แล้วข้าจะติดต่อกลับไปใหม่!”
เย่ซิงเฉินปิดเครื่องมือสื่อสารและรีบหันหลังกลับมาทันที สายตาของนางเหม่อมองไปทางเมืองจิงฉู พร้อมกับรำพึงรำพันว่า
“หลิงหยุน..หวังว่าเจ้าคงจะชื่นชอบของขวัญที่ข้ามอบให้!”
……….
ภายในบ้านเลขที่-1..
ถังเมิ่งนั่งอยู่ที่บ้านของหลิงหยุนทั้งคู่กำลังพูดคุยปรึกษากันในรายละเอียดเกี่ยวกับพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น
ถังเมิ่งเสนอให้เชิญดารามาร่วมพิธีเปิดด้วยแม้หลิงหยุนจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็รู้ว่าถังเมิ่งมองถึงการโปรโมทธุรกิจของบริษัท เขาจึงไม่คิดที่จะห้ามปราม ได้แต่ย้ำว่าในช่วงของพิธีตัดริบบิ้นนั้น อย่าให้ดาราเหล่านี้มาปรากฏตัวด้านหน้าอย่างเด็ดขาด..
เพราะในวันนั้น..มีทั้งฉินฉางชิง หลินหงจวิน ท่านเสี่ยวหมอเทวดา และข้าราชการระดับสูงอีกมากมาย ต่อหน้าคนใหญ่คนโตเช่นนี้ แม้แต่เหล่าดาราก็คงต้องเกร็งจนหายใจหายคอกันไม่ออกอย่างแน่นอน..
“แต่ฉันขอย้ำว่า..ถ้านายจะเอาดารามาร่วมงาน ก็ต้องเป็นดาราระดับซุปเปอร์สตาร์เท่านั้น ดาราปลายแถวนายไม่ต้องเอามาให้ฉันอับอายขายหน้าล่ะ!”
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงพี่หยุน ฉันได้ติดต่อกับซูหลิงเฟยไว้แล้ว เธอรู้จักดาราระดับท็อปๆหลายคน..”
เมื่อได้ยินชื่อของซูหลิงเฟย..หลิงหยุนก็นึกถึงเย่ซิงเฉินขึ้นมาทันที และได้แต่แอบคิดในใจว่า ครั้งนี้นางจะมาก่อกวนพิธีเปิดบริษัทของเขาอีกหรือไม่นะ
แม้ว่าหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินจะเคยพบเจอกันมาแล้วแต่อีกฝ่ายนั้นผลุบๆโผล่ๆราวกับวิญญาณ และมีนิสัยใจคอที่คาดเดาได้ยาก แม้แต่เขาเองก็ยังไม่สามารถเดาใจของนางได้ถูกเช่นกัน..
หลังจากพูดคุยธุระจนเสร็จแล้วหลิงหยุนก็รีบไล่ถังเมิ่งกลับไป ส่วนเขาก็กลับขึ้นไปนั่งในห้องทำงานของตนเองต่อ..
และเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานภาพของหญิงสาวชุดดำสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า ก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของหลิงหยุนทันที
และแน่นอนว่าหญิงสาวชุดดำผู้นั้นก็คือเย่ซิงเฉิน!
“หลังจากที่แยกกับเจ้าคืนนั้นแล้วข้าเองก็ต้องต่อสู้กับศัตรูจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอนหลับใหลไปนาน.. นี่ข้าลืมเจ้าไปสนิทเลยสินะ!”
“ว่าแต่ตอนนี้เจ้าจะเป็นเช่นใดบ้าง”
หลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง..หลิงหยุนจึงเรียกหยกจักรพรรดิขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลออกมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา เพื่อเตรียมแกะสลักเป็นรูปเหมือนของเย่ซิงเฉิน แต่แล้วก็ต้องถอนใจออกมา..
“เฮ้อ..จะให้ข้าแกะสลักรูปเหมือนของเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อเจ้าไม่ยอมให้ข้าได้เห็นใบหน้าของเจ้าเลยแม้แต่น้อย..”
“ข้าคงต้องหาจุดเด่นบนใบหน้าของนาง..ใช่แล้ว! ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของนาง!”
ในที่สุดหลิงหยุนก็ตัดสินใจที่จะแกะสลักรูปเหมือนของเย่ซิงเฉินแบบที่มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาคู่งามที่ไม่ว่าผู้ใดได้พบเห็น ก็จะรู้สึกราวกับต้องมนต์เสน่ห์คู่นั้น..
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็เร่มหลับตาและภาพของเย่ซิงเฉินก็ปรากฏขึ้นในห้วงมโนของหลิงหยุนอย่างแจ่มชัด..
“เอาล่ะ..”
หลิงหยุนจัดการยกหยกจักรพรรดิขึ้นด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มือข้างที่ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ ทำการแกะสลักหยกเป็นรูปเหมือนของเย่ซิงเฉิน
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นปฐมชี่แล้วจิตหยั่งรู้ของเขาจึงนับว่าทรงพลังอย่างมาก และด้วยภาพในจิตที่ชัดเจนราวกับมีชีวิตนั้น ปลายกระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ตวัดไปมาที่ตัวหยกด้วยความรวดเร็ว..
ชัวะ..ชัวะ..
ปลายกระบี่โลหิตแดนใต้กรีดไปบนหยกจักรพรรดิครั้งแล้วครั้งเล่าและหลิงหยุนก็กำลังแกะสลักรูปเหมือนด้วยการใช้ใจ.. แทนการใช้ดวงตา!
และในที่สุดหยกจักรพรรดิที่กลมราวกับลูกบาสเก็ตบอลนั้นก็ได้กลายเป็นเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวที่มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้า และมีดวงตาที่เสน่ห์เย้ายวน หยกแกะสลักดูราวกับมีชวิตจริงๆ และคล้ายคลึงกับเย่ซิงเฉินยิ่งนัก!
หลิงหยุนลืมตาขึ้นมองหยกแกะสลักในมือแล้วก็ถึงกับพึมพำออกมาว่า..
“เย่ซิงเฉินเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว!”
“แต่..นางยังต้องการชุดเครื่องประดับด้วย!”
หลิงหยุนจัดการเรียกหินห้าสีออกมาจากแหวนพื้นที่และจัดการใช้กระบี่โลหิตแดนใต้เฉือนเนื้อหินสีเทาออกดูทั้งห้าก้อน ปรากฏว่าหินทั้งห้าก้อนนั้นทอประกายสะท้อนกับแสงไฟระยิบระยับ และนี่คือหินห้าสีที่หลิงหยุนจะใช้ทำเครื่องประดับให้กับเย่ซิงเฉินทั้งหมดห้าสี.. ห้าชุด!
“เย่ซิงเฉิน..นี่เป็นของขวัญที่ข้าเตรียมไว้มอบให้กับเจ้าในการพบกันอีกครั้งของเรา!” หลิงหยุนนึกถึงใบหน้าของเย่ซิงเฉินแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับพึมพำเบาๆ
แต่เป็นเพราะหลิงหยุนไม่ถนัดในการทำเครื่องประดับเขาจึงต้องไปหาเซียนหยกให้ช่วยในเรื่องนี้..
……..
“ผมต้องการการเครื่องประดับครบชุดที่มีทั้งสร้อยคอกำไล ต่างหู และแหวน ทั้งหมดห้าชุด..”
หลังจากหลิงหยุนมอบหินห้าสีสำหรับใช้ทำเครื่องประดับไว้ให้แล้วเขาก็ขอตัวกลับทันที
อีกสองวันจะเป็นวันที่ยุ่งที่สุดอีกหนึ่งวันของหลิงหยุนเมื่อกลับไปถึงบ้านเลขที่-1 เขาจึงเริ่มฝึกวิชาต่อทันที..
ที่สวนสมุนไพรทางด้านตะวันตกของบ้านนั้นมีร่างของคนผู้หนึ่งกำลังสำรวจสวนสมุนไพรของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ..
“คุณกำลังทำอะไร” Aileen-novel
หลิงหยุนแอบเดินไปด้านหลังเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอย่างเงียบๆและร้องตะโกนถามเสียงดัง..
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาหันขวับกลับมาในทันทีใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความตกใจ และกำหมัดชกเข้ากับร่างของหลิงหยุนอย่างแรง
“ตกใจหมดเลย..ดึกๆดื่นๆ นายย่องมาข้างหลังคนอื่นเงียบๆแบบนี้ได้ยังไงกัน”
หลิงหยุนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เคยใช้ขลุ่ยเรียกสัตว์มีพิษมาจู่โจมปีศาจภัยแล้งจะขี้ตกใจได้ถึงเพียงนี้..
“คุณอยากจะเรียนใช่มั๊ยบอกผมมาตรงๆ แล้วผมจะสอนให้!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็เดินเข้าไปนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ในสวนสมุนไพรเล็กๆนั้น
เหมี่ยวเสี่ยวเหมานิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา “นาย.. นายจะสอนให้ฉันจริงๆเหรอ”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าเพียงแค่นางยินยอมที่จะเรียนวิชากับตนเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีแล้ว!
“คุพูดว่าอะไรนะผมได้ยินไม่ค่อยชัด..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาค่อยๆโน้มตัวลงไปพร้อมกับร้องตะโกนใส่หูของหลิงหยุนทันที “ฉันพูดว่า.. นายจะสอนให้ฉันจริงๆเหรอ”
หลิงหยุนแสบแก้วหูจนต้องยกมือขึ้นปิดใบหูของตนเองไว้เขาลืมตาขึ้น และเงยหน้ามองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่กำลังยืนเท้าสะเอวอยู่..
“เป็นไงคราวนี้นายได้ยินชัดหรือยัง?”
“ได้ยินชัดแล้ว..นั่งลง! ผมจะสอนให้” หลิงหยุนคำรามออกมาด้วยเสียงที่ห้วนมาก
จากนั้นทั้งคู่ต่างก็นั่งลงภายในสวนสมุนไพรด้วยกัน..
……..
หลังจากฝึกวิชาดาราคุ้มกายในตอนเช้าแล้วหลิงหยุนก็กลับไปยังห้องนอนของตนเอง และแต่งตัวลงไปด้านล่าง..
วันนี้หลิงหยุนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาว และรองเท้าหนังอย่างเป็นทางการ ทำให้เขาดูภูมิฐานในแบบผู้ใหญ่..
“พี่หลิงหยุน..วันนี้แต่งตัวหล่อจะไปใหนเหรอ”
“วันนี้ต้องไปรับญาติผู้ใหญ่ที่สนามบินก็เลยต้องแต่งตัวสุภาพ และเป็นทางการหน่อย”
“หนิงน้อย..ตอนนี้ผมก็หายดีแล้วนะ คงไม่ต้องกินยาสมุนไพรพวกนี้อีกแล้วล่ะ”
เสี่ยวเม่ยหนิงยกถ้วยยาใบใหญ่ไปตั้งไว้ตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ได้เด็ดขาด..ท่านปู่บอกว่าพี่ต้องกินยาสมุนไพรพวกนี้ทุกวัน!”
“ใช่แล้วหนิงน้อย..หลิงหยุนกำลังโกหกเจ้า! ข้ายืนยันได้ว่าร่างกายของเขายังฟื้นคืนไม่สมบูรณ์เต็มที่ เจ้าต้องให้เขากินยาสมุนไพรมากๆ!”
โม่วู๋เตาเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีเขาต้องการแกล้งหลิงหยุน จึงรีบร้องบอกหนิงหลิงยู่ทันที
ส่วนหลิงหยุนนั้นพอได้ยินคำพูดของโม่วู๋เตาเข้าก็ถึงกับร้องตะโกนออกไปด้วยความหงุดหงิด.
“โม่วู๋เตา..เจ้าอยากตายงั้นรึ”
“พี่หลิงหยุน..โม่วู๋เตาพูดถูก พี่ต้องกินยาของท่านปู่จะได้หายดี!”
“ได้..ได้.. ผมกินแล้ว!”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเกาเฉินเฉิน หนิงหลิงยู่ และหลินเมิ่งหานก็เดินลงมาพอดี แต่กลับไม่เห็นฉินตงเฉี่วย..
“พี่ใหญ่..น้าหญิงบอกว่าให้พวกเราไปรับท่านตากันเอง นางไม่ไปด้วย!” หนิงหลิงยู่ร้องบอก
หลิงหยุนได้แต่ยืนงงและถามขึ้นว่า “อ้าว.. ถ้าน้าหญิงไม่ไป แล้วพวกเรา..”
หนิงหลิงยู่รีบร้องบอกทันที“ไม่ต้องห่วง.. น้าหญิงให้ดูรูปท่านตาแล้ว ฉันจำหน้าของท่านได้แม่นยำ.. และไฟท์ของท่านตาจะมาถึงตอนบ่ายโมงสิบห้านาที!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปถามหลินเมิ่งหาน“เมิ่งหาน.. แล้วท่านปู่หลินล่ะ”
ด้วยตำแหน่งทางการทหารของหลินหงจวินนั้นแม้จะเกษียณแล้ว แต่ก็ยังมาด้วยเครื่องบินของกองทัพ..
“เครื่องบินของท่านปู่จะมาถึงสนามบินตอนเที่ยงตรง..”
เหล่ากุ่ยเองก็ได้ติดต่อหลิงหยุนผ่านเครื่องมือสื่อสารและได้แจ้งว่าเขากับหลิงซิ่วจะมาถึงสนามบินนานาชาติจิงฉูตอนสิบเอ็ดโมงตรง จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปถามเกาเฉินเฉิน..
“เฉินเฉิน..พี่ใหญ่ของคุณจะมาถึงกี่โมง”
“พี่ใหญ่จะขับรถมาจากปักกิ่งเองน่าจะถึงตอนบ่ายๆเหมือนกัน แต่ฉันบอกให้พี่ใหญ่ตรงมาที่บ้านหลังนี้ได้เลย..”
“ถ้างั้นคุณก็รอพี่ชายอยู่ที่บ้านจะได้คอยต้อนรับเขาได้..”
จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปมองโม่วู๋เตาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าว่าเจ้าควรไปถอดชุดนักพรตนี่ออก แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เดี๋ยวตี้เสี่ยวอู๋มาเจ้าก็นั่งรถไปสนามบินกับเขาด้วย..”
โม่วู๋เตาส่ายหน้าปฏิเสธทันที“ข้าไม่ถอด! นี่เป็นสัญลักษณ์ของนักพรตแห่งเหมาซาน.. ให้ตายข้าก็ไม่เปลี่ยนชุด!”
หลิงหยุนต้องการพาโม่วู๋เตาไปที่สนามบินด้วยเพราะหลังจากที่รับฉินฉางชิงแล้ว เขาต้องการให้โม่วู๋เตาทำนายความเป็นไปของฉินจิวยื่อ ว่าจะดีหรือร้ายอย่างไร
“เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้า..แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน!”
หลิงหหยุนคร้านที่จะยุ่งกับการแต่งกายของโม่วู๋เตาอีก..
……..
เวลาเก้าโมงครึ่ง..ตี้เสี่ยวอู๋กับอาปิงก็ขับรถมาถึงบ้านเลขที่-1
จากนั้นหลิงหยุนหนิงหลิงยู่ หลินเมิ่งหาน โม่วู๋เตา ตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิง ต่างก็ออกเดินทางไปที่สนามบินด้วยรถสี่คันทันที..
ส่วนถังเมิ่งนั้นรับผิดชอบเรื่องการจัดเตรียมพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นหลายวันนี้จึงวุ่นอยู่กับเฉินเจี้ยนเตา และเฉียนหยูไห่..
เวลาสิบเอ็ดโมงตรง..ทั้งหมดตรงไปรับเหล่ากุ่ยกับหลิงซิ่วก่อน
“พี่หลิงซิ่ว..”
หลิงหยุนร้องตะโกนเรียกหลิงซิ่วอย่างดีอกดีใจแต่ทุกคนกลับคิดไม่ถึงว่าทันทีที่หลิงซิ่วได้พบหน้าหลิงหยุน นางก็โผเข้ากอดเข้าอย่างแนบแน่น..
และนี่คือสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แท้จริง!
“เจ้าวายร้าย..วันนี้เจ้าแต่งตัวหล่อเหลามากทีเดียว! ตอบข้ามาตามตรง.. เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
หลังจากโอบกอดหลิงหยุนอยู่เนิ่นนานแล้วหลิงซิ่วก็ถอยหลังกลับพร้อมกับร้องตะโกนถามหลิงหยุน
หลิงหยุนที่ถูกหลิงซิ่วกอดแน่นเช่นนั้นก็ถึงกับหน้าแดงและตอบกลับไปทันที “ข้าย่อมคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว!”
และหลังจากที่ทักทายเหล่ากุ่ยแล้วหลิงหยุนก็กวักมือเรียกตี้เสี่ยวอู๋ให้มารับคนทั้งคู่ พร้อมกับสั่งว่า
“เสี่ยวอู๋..นายขับรถไปส่งเหล่ากุ่ยกับหลิงซิ่ว!”
หลิงซิ่วรู้ดีว่าหลิงหยุนยังต้องไปรับคนอื่นอีกจึงไม่ต้องการพูดคุยให้หลิงหยุนต้องเสียเวลามากนัก และรีบเดินตามตี้เสี่ยวอู๋ไปทันที
“เมิ่งหาน..หลิงยู่.. พวกเราไปรับท่านปู่หลินกันต่อดีกว่า!”
ในเมื่อหลินหงจวินมาด้วยเครื่องบินของทหารช่องทางจะเข้าสนามบินจึงต้องเป็นช่องทางพิเศษ หลิงหยุนจึงไม่ให้โม่วู๋เตากับอาปิงตามเข้าไป
เวลาเที่ยงตรง..หลินเมิ่งหานก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาชายชราผมขาวที่แต่งตัวธรรมดาๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถปิดบังสง่าราศีของเขาได้เลยแม้แต่น้อย
“ท่านปู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร