แต่ท้ายที่สุดฉินฉางชิงก็ได้บอกวันเดือนปีเกิดของนางฉินจิวยื่อให้หลิงหยุนรู้..
หลิงหยุนขับรถออกจากบ้านด้วยใจที่นักอึ้ง..เขาตรงไปรับโม่วู๋เตาที่รออยู่ตรงถนนด้านนอก และทันทีที่โม่วู๋เตาขึ้นไปนั่งข้างหลิงหยุน เขาก็ร้องถามออกมาว่า
“หลิงหยุน..เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ สีหน้าของเจ้าดูเปลี่ยนไป.. นี่เจ้าถูกตาเฒ่านั่นดุมารึ?”
หลิงหยุนตอบกลับเสียงห้วน“โม่วู๋เตา.. ถ้าเจ้าหุบปากแล้วอยู่นิ่งๆ ก็คงไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!”
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าตระกูลฉินมีความลับอะไรกันแน่และเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉินเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว? เหตุใดฉินจิวยื่อจึงต้องรู้สึกผิด? แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับสำนักกระบี่เทวะ?
หากเกิดเรื่องไม่ดีกับนางฉินจิวยื่อขึ้นเขาก็คงไม่รีรอที่จะจัดการกับสำนักกระบี่เทวะเพื่อช่วยนางกลับมาอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนครุ่นคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ..เขาจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรดี อย่าว่าแต่นางฉินจิวยื่อเลย ตอนนี้แม้แต่หลิงเสี่ยวก็ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนแม่แท้ๆของเขาก็ยังถูกกักขังไว้อยู่ที่ใดที่หนึ่งในพรรคมาร และไม่ได้รับอิสรภาพมาถึงสิบแปดปี!
แต่เขาคงจะต้องค่อยๆแก้ไขไปทีละเรื่อง..
บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นเปิดทำการทั้งทีแต่หลิงลี่กลับไม่มาร่วมแสดงความยินดี เพียงแค่ส่งเหล่ากุ่ยกับหลิงซิ่วมาเท่านั้น แต่นั่นก็สามารถทำให้หลิงหยุนเข้าใจได้เป็นอย่างดีแล้วว่า ตระกูลหลิงยังไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ และกำลังรอคอยการกลับไปของเขาอยู่!
และตราบใดที่หลิงหยุนสามารถหาหลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆพบตระกูลหลิงก็จะไม่ต้องทนอยู่แบบไม่กล้าขยับตัวทำอะไรเช่นนี้อีก!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..หลิงหยุนจึงรีบเหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็วสูง โม่วู๋เตาถึงกับรีบยกมือขึ้นปิดตาพร้อมกับร้องตะโกนออกไปด้วยความตกใจ
“เจ้าขับช้าๆกว่านี้ก็ได้..หัวใจของข้าจะหยุดเต้นแล้ว!”
หลิงหยุนไม่สนใจโม่วู๋เตา..และเท้าที่เหยียบอยู่บนคันเร่งนั้น ก็ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉู หลิงหยุนจึงค่อยๆลดความเร็วลง และร้องบอกโม่วู๋เตา..
“ท่านแม่ของมีข้าชื่อว่าฉินจิวยื่อและวันเดือนปีเกิดของนางก็คือ…”
“เวลานี้นางอยู่ที่สำนักกระบี่เทวะบนเขาเทียนซันเจ้าช่วยทำนายดวงชะตาของนางให้ข้าฟังด้วย..”
โม่วู๋เตาซึ่งกำลังเวียนศรีษะและทำท่าจะอาเจียนจึงตอบกลับไปว่า “เจ้ามีรูปภาพของนางหรือไม่ หากมีรูปภาพให้ข้าดูประกอบ ก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้น”
“หลิงยู่น่าจะมี!รอกลับไปข้าจะให้นางนำมาให้เจ้าดู..”
ระหว่างนั้นโม่วู๋เตาก็รีบร้องบอกหลิงหยุนว่า“หลิงหยุน.. นี่ก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว พวกเราไปหาอะไรกินกันก่อนไม่กว่ารึ ตอนนี้ข้าหิวจนตาลายแล้ว..”
“ก็ดี..”
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยหลิงหยุนกับโม่วู่เตาก็กลับไปยังบ้านเลขที่-1 และเมื่อพบหน้าเกาเฉินเฉินหลิงหยุนจึงร้องถามไปว่า
“เฉินเฉิน..พี่ใหญ่ของคุณมาถึงหรือยัง”
“หลิงหยุน..นายเพิ่งกลับมาถึง คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ! นั่งลงเร็วเข้า ฉันจะช่วยนวดไหล่ให้..”
การนวดของเกาเฉินเฉินไม่เพียงทำให้หลิงหยุนอารมณ์ดีขึ้นมากแต่ยังช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดภายในใจของเขาอีกด้วย..
“พี่ใหญ่เพิ่งจะโทรมาบอกว่า..อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงแล้ว!”
“อ่อ..ถ้างั้นเราคงต้องรอเทียนหลงอีกพักใหญ่เลยสินะ!”
หลิงหยุนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตี้เสี่ยวอู๋สอบถามเรื่องของเหล่ากุ่ยกับหลิงซิ่ว ตี้เสี่ยวอู๋รายงานว่าตนกับเหล่ากุ่ยนั้นอยู่ด้วยกัน ส่วนหลิงซิ่วนั้นพักอยู่ที่โรงแรมไคเฉวียน..
“พี่หยุน..แต่หลิงซิ่วฝากบอกกับพี่ว่าถ้าพี่ว่างแล้ว เย็นๆให้แวะไปหานางด้วย!”
เกาเฉินเฉินที่นั่งฟังอยู่จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“หลิงหยุน.. หลิงซิ่วคนนี้เป็นคนของตระกูลหลิงที่ปักกิ่งใช่มั๊ย”
หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งเรียบ“เฉินเฉิน.. อย่าเพิ่งถามอะไรผมตอนนี้ รอให้กลับไปปักกิ่งก่อน แล้วผมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณฟัง..”
หลิงหยุนรู้ว่าการกลับไปปักกิ่งครั้งนี้ย่อมหมายถึงการเข่นฆ่าที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้น.. เขาก็คงจะไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองอีกต่อไป..
หนึ่งชั่วโมงต่อมา..
รถคนหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้านและด้วยจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน เขาจึงรู้ว่าผู้ที่มาเยือนก็คือเกาเทียนหลงนั่นเอง..
“เฉินเฉิน..พี่ใหญ่ของคุณมากแล้ว ออกไปต้อนรับเขาด้วยกันดีกว่า!”
หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินเดินออกจากห้องรับแขกพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้เกาเทียนหลงขับรถเข้ามาในบ้าน
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว..เกาเทียนหลงก็เดินลงมาจากรถ และชาวต่างชาติผู้หนึ่งก็ก้าวตามลงมาด้วย..
“มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ด..ทำความเคารพเจ้านาย!”
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนจะเดินทางกลับจากปักกิ่งนั้นเขาได้รับปากเกาจิ้นสงว่า จะให้แวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดคอยคุ้มครองเกาเทียนหลง และแวมไพร์ตนนั้นก็คือมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดนั่นเอง..
เกาเทียนหลงเป็นผู้สืบทอดตระกูลเกาเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่เวลานี้หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องเลือกแวมไพร์ที่เก่งกาจที่สุดไว้คอยคุ้มครองดูแลเขา..
หลิงหยุนยิ้มให้กับมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดพร้อมกับถามขึ้นว่า“เอ็ดเวิร์ด.. เวลานี้เจ้าอยู่ระดับใดแล้ว”
“เจ้านายที่เคารพ..ข้าอยู่ในระดับสูงสุดขั้นมาร์ควิส และอีกไม่นานก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นดยุคได้แล้ว..”
“เอาล่ะ..เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”
ทั้งสี่คนเข้าไปในห้องรับแขก..หลิงหยุนเห็นมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังตนเองไม่ยอมเข้ามานั่ง จึงหันไปบอกว่า
“เอ็ดเวิร์ด..เจ้านั่งลงได้!”
มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดโค้งคำนับแบบชาวตะวันตกพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้านาย.. ข้าประสงค์ยืนอยู่ด้านหลังท่านมากกว่า!”
หลิงหยุนไม่รบเร้าเอ็ดเวิร์ดอีกและหันไปพูดกับเกาเทียนหลงแทน “พี่เมีย.. เห็นเจ้ามาถึงอย่างปลอดภัยเช่นนี้ แสดงว่าทุกคนที่อยู่ปักกิ่งก็คงจะสบายดีสินะ”
เกาเทียนหลงได้ยินหลิงหยุนจงใจเรียกเขาว่า‘พี่เมีย’ เช่นนั้น จึงรีบหันไปมองน้องสาวพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เฉินเฉิน..นี่พวกเจ้าสองคน.. เรียบร้อยแล้วรึ..!”
เกาเฉินเฉินถึงกับหน้าแดงและรีบตอบกลับไปทันที “พี่ใหญ่.. พูดบ้าอะไรกัน!”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. ข้าก็เรียกไว้ล่วงหน้าไงล่ะ! เจ้าต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้เชียวรึ”
เกาเทียนหลงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หลิงหยุน.. เจ้าอย่าได้รังแกน้องสาวของข้าเชียว! ไม่เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!”
หลิงหยุนรีบโบกมือปฏิเสธพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าไม่เคยรังแกนาง.. มีแต่นางรังแกข้าต่างหากเล่า!”
เกาเฉินเฉินรีบโวยวายทันที“เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้แล้ว! เลิกคุยเรื่องของฉันสักที!”
เกาเทียนหลงจึงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับตอบคำถามเมื่อครู่ของเขา“ทุกคนสบายดี! ผ่านไปหนึ่งเดือนทุกคนในตระกูลเกาดูเหมือนจะเริ่มควบคุมตัวเองได้มากขึ้น..”
“แสดงว่าทุกคนต่างก็พ้นขีดอันตรายแล้วสินะ!”
เกาเทียนหลงพยักหน้า..“ถูกต้อง..!”
จากนั้นสีหน้าของเกาเทียนหลงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังพร้อมพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ “หลิงหยุน.. ขอบใจเจ้ามาก!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมและตอบกลับไปว่า“เอาล่ะ.. เจ้าขับรถมาเกือบทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อยมาก ดื่มน้ำดื่มท่าแล้วเข้าไปพักผ่อนจะดีกว่า..”
หลิงหยุนจัดการรินชาลงไปในถ้วยของเกาเทียนหลงหลังจากเกาเทียนหลงยกถ้วยชากระดกเข้าปากแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนและถามขึ้นว่า
“ได้ยินว่าเวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยอยู่ที่บ้านของเจ้าพาข้าไปพบกับมันหน่อยจะได้หรือไม่”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดว่าเกาเทียนหลงคงจะร้อนใจมากน่าดู และคงแทบอยากจะฉีกอกเฉินเจี้ยนกุ่ยแก้แค้นให้สาสม..
“ย่อมได้..ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้!”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนแล้วทั้งสามคนก็เดินตรงไปที่ห้องเก็บของในสวนหลังบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่กักขังนักโทษทั้งห้าคน – โอรสพรรมารซือกงวู่จี๋ นักบวชเลี่ยยื่อแห่งเขาหลงหู่ เฉินเจี้ยนกุ่ย เฉินเซิน และไห่ซาน..
นักโทษทั้งห้าล้วนแล้วแต่ยังมีประโยชน์กับหลิงหยุนทั้งสิ้นเขาจึงยังไม่สังหารพวกมันแม้แต่คนเดียว!
“เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าคนชั่วช้าสารเลว!”
ทันทีที่เกาเทียนหลงเห็นร่างที่ไร้ขาของเฉินเจี้ยนกุ่ยเขาก็ถึงกับดวงตาแดงก่ำ และตรงเข้าไปเตะร่างของมันอย่างแรง!
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยกระเด็นลอยออกจากประตูห้องเก็บของและยังไม่ทันที่จะร่วงลงกับพื้น เกาเทียนหลงก็ตรงเข้าไปเตะซ้ำอีกครั้ง..
เกาเทียนทั้งเตะทั้งต่อยเฉินเจี้ยนกุ่ยจนหนำใจจึงยอมหยุด..
การได้เผชิญหน้ากับศัตรูคู่แค้นอีกครั้งของเกาเทียนหลงนั้นเขาได้กระทำในบางสิ่งบางอย่างที่แม้แต่เกาเฉินเฉินเองก็ไม่กล้าเช่นกัน
“ฮ่า..ฮ่า.. เกาเทียนหลงเจ้ารู้สึกเช่นใดบ้างล่ะ ที่ได้เห็นคนในตระกูลต้องกลายเป็นแวมไพร์เช่นนั้น.. ฮ่า.. ฮ่า..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยถูกเกาเทียนหลงซ้อมอย่างหนักแต่ก็ไม่วายที่จะพูดจาเยาะเย้ยถากถางเกาเทียนหลงให้เจ็บปวดใจเล่น..
เกาเทียนหลงโกรธจนตัวสั่นและกำลังจะตรงเข้าไปทำร้ายเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้ง แต่หลิงหยุนรีบห้ามไว้
“พอก่อน..ชีวิตของมันยังมีประโยชน์! รอให้ข้าจัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้ว เจ้าค่อยจัดการกับมัน..”
หลิงหยุนตบบ่าเกาเทียนหลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป! มันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก ถึงตอนนั้นเจ้าจะฆ่าจะแกง หรือจะทำอย่างไรกับมัน ข้าก็จะไม่ห้าม!”
สายตาของเกาเทียนหลงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับพูดออกมาอย่างเคียดแค้น
“ฆ่ามันงั้นรึไม่หรอก.. ข้ายังไม่ให้มันตายง่ายๆแน่!” Aileen-novel
……
ตอนเย็น..ถังเมิ่งเข้ามาหาหลิงหยุนที่บ้าน และได้รายงานเรื่องขั้นตอนพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นให้หลิงหยุนฟังว่ามีอะไรบ้าง!
และหลังจากที่ถังเมิ่งกลับไปแล้วเซียนหยกก็ได้โทรแจ้งหลิงหยุนว่าเครื่องประดับทั้งห้าชุดนั้น หลี่ยวี่เจ๋อได้จัดการทำเสร็จทั้งห้าชุดแล้ว แม้ว่าจะเป็นงานเร่งด่วน แต่เขาก็สามารถทำออกมาได้อย่างสวยสง่า หลิงหยุนจึงได้แต่นึกขอบคุณอยู่ในใจ..
และในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง..หลิงหยุนก็ได้ไปพบหลิงซิ่วที่โรงแรมไคเฉวียน สองพี่น้องนั่งพูดคุยเกี่ยวกับความลับของตระกูลหลิงอยู่นาน และไม่มีใครู้ว่าทั้งคู่พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง
………..
ในคืนเดียวกันนั้น..
เสี่ยวเม่ยเม่ยก็ถูกส่งตัวมายังบ้านซึ่งเย่ซิงเฉินเคยกักตัวหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ไว้เมื่อเสี่ยวเม่ยเม่ยได้พบกับเย่ซิงเฉิน นางก็โค้งศรีษะให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”
ทั้งสี่คนเข้าไปในห้องรับแขก..หลิงหยุนเห็นมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังตนเองไม่ยอมเข้ามานั่ง จึงหันไปบอกว่า
“เอ็ดเวิร์ด..เจ้านั่งลงได้!”
มาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดโค้งคำนับแบบชาวตะวันตกพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้านาย.. ข้าประสงค์ยืนอยู่ด้านหลังท่านมากกว่า!”
หลิงหยุนไม่รบเร้าเอ็ดเวิร์ดอีกและหันไปพูดกับเกาเทียนหลงแทน “พี่เมีย.. เห็นเจ้ามาถึงอย่างปลอดภัยเช่นนี้ แสดงว่าทุกคนที่อยู่ปักกิ่งก็คงจะสบายดีสินะ”
เกาเทียนหลงได้ยินหลิงหยุนจงใจเรียกเขาว่า‘พี่เมีย’ เช่นนั้น จึงรีบหันไปมองน้องสาวพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เฉินเฉิน..นี่พวกเจ้าสองคน.. เรียบร้อยแล้วรึ..!”
เกาเฉินเฉินถึงกับหน้าแดงและรีบตอบกลับไปทันที “พี่ใหญ่.. พูดบ้าอะไรกัน!”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. ข้าก็เรียกไว้ล่วงหน้าไงล่ะ! เจ้าต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้เชียวรึ”
เกาเทียนหลงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หลิงหยุน.. เจ้าอย่าได้รังแกน้องสาวของข้าเชียว! ไม่เช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!”
หลิงหยุนรีบโบกมือปฏิเสธพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าไม่เคยรังแกนาง.. มีแต่นางรังแกข้าต่างหากเล่า!”
เกาเฉินเฉินรีบโวยวายทันที“เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้แล้ว! เลิกคุยเรื่องของฉันสักที!”
เกาเทียนหลงจึงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับตอบคำถามเมื่อครู่ของเขา“ทุกคนสบายดี! ผ่านไปหนึ่งเดือนทุกคนในตระกูลเกาดูเหมือนจะเริ่มควบคุมตัวเองได้มากขึ้น..”
“แสดงว่าทุกคนต่างก็พ้นขีดอันตรายแล้วสินะ!”
เกาเทียนหลงพยักหน้า..“ถูกต้อง..!”
จากนั้นสีหน้าของเกาเทียนหลงก็เปลี่ยนเป็นจริงจังพร้อมพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจ “หลิงหยุน.. ขอบใจเจ้ามาก!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมและตอบกลับไปว่า“เอาล่ะ.. เจ้าขับรถมาเกือบทั้งวันแล้ว คงจะเหนื่อยมาก ดื่มน้ำดื่มท่าแล้วเข้าไปพักผ่อนจะดีกว่า..”
หลิงหยุนจัดการรินชาลงไปในถ้วยของเกาเทียนหลงหลังจากเกาเทียนหลงยกถ้วยชากระดกเข้าปากแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนและถามขึ้นว่า
“ได้ยินว่าเวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยอยู่ที่บ้านของเจ้าพาข้าไปพบกับมันหน่อยจะได้หรือไม่”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดว่าเกาเทียนหลงคงจะร้อนใจมากน่าดู และคงแทบอยากจะฉีกอกเฉินเจี้ยนกุ่ยแก้แค้นให้สาสม..
“ย่อมได้..ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้!”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนแล้วทั้งสามคนก็เดินตรงไปที่ห้องเก็บของในสวนหลังบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่กักขังนักโทษทั้งห้าคน – โอรสพรรมารซือกงวู่จี๋ นักบวชเลี่ยยื่อแห่งเขาหลงหู่ เฉินเจี้ยนกุ่ย เฉินเซิน และไห่ซาน..
นักโทษทั้งห้าล้วนแล้วแต่ยังมีประโยชน์กับหลิงหยุนทั้งสิ้นเขาจึงยังไม่สังหารพวกมันแม้แต่คนเดียว!
“เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าคนชั่วช้าสารเลว!”
ทันทีที่เกาเทียนหลงเห็นร่างที่ไร้ขาของเฉินเจี้ยนกุ่ยเขาก็ถึงกับดวงตาแดงก่ำ และตรงเข้าไปเตะร่างของมันอย่างแรง!
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยกระเด็นลอยออกจากประตูห้องเก็บของและยังไม่ทันที่จะร่วงลงกับพื้น เกาเทียนหลงก็ตรงเข้าไปเตะซ้ำอีกครั้ง..
เกาเทียนทั้งเตะทั้งต่อยเฉินเจี้ยนกุ่ยจนหนำใจจึงยอมหยุด..
การได้เผชิญหน้ากับศัตรูคู่แค้นอีกครั้งของเกาเทียนหลงนั้นเขาได้กระทำในบางสิ่งบางอย่างที่แม้แต่เกาเฉินเฉินเองก็ไม่กล้าเช่นกัน
“ฮ่า..ฮ่า.. เกาเทียนหลงเจ้ารู้สึกเช่นใดบ้างล่ะ ที่ได้เห็นคนในตระกูลต้องกลายเป็นแวมไพร์เช่นนั้น.. ฮ่า.. ฮ่า..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยถูกเกาเทียนหลงซ้อมอย่างหนักแต่ก็ไม่วายที่จะพูดจาเยาะเย้ยถากถางเกาเทียนหลงให้เจ็บปวดใจเล่น..
เกาเทียนหลงโกรธจนตัวสั่นและกำลังจะตรงเข้าไปทำร้ายเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้ง แต่หลิงหยุนรีบห้ามไว้
“พอก่อน..ชีวิตของมันยังมีประโยชน์! รอให้ข้าจัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้ว เจ้าค่อยจัดการกับมัน..”
หลิงหยุนตบบ่าเกาเทียนหลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป! มันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก ถึงตอนนั้นเจ้าจะฆ่าจะแกง หรือจะทำอย่างไรกับมัน ข้าก็จะไม่ห้าม!”
สายตาของเกาเทียนหลงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับพูดออกมาอย่างเคียดแค้น
“ฆ่ามันงั้นรึไม่หรอก.. ข้ายังไม่ให้มันตายง่ายๆแน่!”
……
ตอนเย็น..ถังเมิ่งเข้ามาหาหลิงหยุนที่บ้าน และได้รายงานเรื่องขั้นตอนพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นให้หลิงหยุนฟังว่ามีอะไรบ้าง!
และหลังจากที่ถังเมิ่งกลับไปแล้วเซียนหยกก็ได้โทรแจ้งหลิงหยุนว่าเครื่องประดับทั้งห้าชุดนั้น หลี่ยวี่เจ๋อได้จัดการทำเสร็จทั้งห้าชุดแล้ว แม้ว่าจะเป็นงานเร่งด่วน แต่เขาก็สามารถทำออกมาได้อย่างสวยสง่า หลิงหยุนจึงได้แต่นึกขอบคุณอยู่ในใจ..
และในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง..หลิงหยุนก็ได้ไปพบหลิงซิ่วที่โรงแรมไคเฉวียน สองพี่น้องนั่งพูดคุยเกี่ยวกับความลับของตระกูลหลิงอยู่นาน และไม่มีใครู้ว่าทั้งคู่พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง
………..
ในคืนเดียวกันนั้น..
เสี่ยวเม่ยเม่ยก็ถูกส่งตัวมายังบ้านซึ่งเย่ซิงเฉินเคยกักตัวหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ไว้เมื่อเสี่ยวเม่ยเม่ยได้พบกับเย่ซิงเฉิน นางก็โค้งศรีษะให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“บ่าวเสี่ยวเม่ยเม่ยคาราวะคุณหนู!”
“ลุกขึ้น!”
เย่ซิงเฉินไม่ปล่อยให้เสี่ยวเม่ยเม่ยได้คุกเข่าลงและได้ใช้ปราณปีศาจพยุงร่างของเสี่ยวเม่ยเม่ยไว้..
“หลิงหยุนบอกกับข้าว่าเจ้าคือผู้หญิงของเขา!หากให้เจ้าคุกเข่าคาราวะข้า เขารู้เข้าคงต้องโมโหจนอกแตกตายแน่!” เย่ซิงเฉินหยอกเย้าพร้อมกับยิ้มออกมา
เสี่ยวเม่ยเม่ยตกใจอย่างที่สุดและรีบระล่ำระลักตอบไปว่า “คุณหนู.. บ่าวไม่กล้า!”
เสียงหัวเราะกังวานใสราวกับเสียงระฆังของเย่ซิงเฉินดังขึ้นก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเม่ยเม่ย.. ข้าบอกให้เจ้าเรียกชื่อข้าไม่ใช่รึ”
เสี่ยวเม่ยเม่ยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองและตอบกลับไปว่า “คุณหนู.. บ่าวไม่กล้าเรียกชื่อท่าน!”
เย่ซิงเฉินหัวเราะ“ป้าชิงเฟิงคงสั่งให้เจ้าเรียกข้าว่าแบบนั้นสินะ แล้วเจ้าเคยพบกับท่านอาจารย์ของข้าบ้างหรือไม่?”
เสี่ยวเม่ยเม่ยถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าเป็นแค่บ่าวต่ำต้อย ไม่กล้าเข้าไปในเขตหวงห้าม..”
เย่ซิงเฉินถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม.. พรุ่งนี้จะมีพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของหลิงหยุน..”
“เจ้ากลับไปหาเขาได้แล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร