หลิงหยุนแห่งจิงฉูมาพร้อมกับผู้เฒ่าตระกูลหลิงและเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา!
ข่าวนี้ได้แพร่สะพรัดออกไปทันทีที่หลิงหยุนก้าวเท้าลงจากรถ..เพราะหลังจากนั้นเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดก็เริ่มทำงานทันที เวลานี้ทุกคนในประเทศต่างก็พากันสนอกสนใจตระกูลหลิงแทบทั้งสิ้น..
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉินหน่วยเทพอินทรีย์ หน่วยนภา และหน่วยเทพมังกร รวมถึงสำนักต่างๆ และตระกูลเก่าแก่ที่เมื่อสิบแปดปีก่อนเคยร่วมกันทำร้ายพ่อแม่ของหลิงหยุน และกล่าวหาทั้งคู่เป็นมารร้าย..
เวลานี้ไม่เพียงทั่วทั้งปักกิ่งสั่นสะเทือนแต่กลับกลายเป็นทั่วทั้งประเทศที่สั่นสะเทือน!
แต่นั่นเป็นเพียงข่าวคราวแรกที่แพร่กระจายออกไปเพราะหลังจากนั้นข่าวสารอื่นๆ เกี่ยวกับตระกูลหลิงอีกมากมายก็แพร่สะพรัดตามไปอย่างรวดเร็ว!
ไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนได้!
ทั้งหลิงลี่หลิงเจิ้น หลิงเสี่ยว และหลิงเย่วเอง ก็ไม่สามารถมองเห็นเช่นกัน!
และแม้แต่เหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงต่างก็อยู่ในขั้นเซียงเทียนกันหมดแล้ว!
แต่กลับไม่พบหลิงห่าวซึ่งเป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลิง..
แน่นอนว่าข่าวคราวที่แพร่สะพัดออกไปในลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นการประกาศพลังอำนาจ และความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี!
เวลานี้ตระกูลต่างๆก็ล้วนแล้วแต่ส่งคนของตนมาจับตาดูการเคลื่อนไหวของตระกูลหลิงว่า มีผู้ใดมาเคารพสุสานบรรพชนบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. หลิงหยุนมาพร้อมกับคนตระกูลหลิงหรือไม่?
เรื่องนี้แม้แต่ตระกูลหลงกับตระกูลเย่เองก็ไม่เว้น..ทั้งสองตระกูลถึงกับส่งยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมาสังเกตการณ์ด้วยตัวเอง และหากแม้แต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่ส่งมา ยังไม่สามารถมองเห็นขั้นของอีกฝ่ายได้ ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าตนเอง..
และในทีที่ข้อมูลลับเฉพาะนี้ไปถึงหูของผู้นำตระกูลหลงและผู้นำตระกูลเย่ ทั้งหมดก็ถึงกับมีสีหน้าตกใจ!
ทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงทุกคนต่างก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนกันหมดแล้วเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ตระกูลหลิงทำได้อย่างไรกัน?
หากแม้แต่ทายาทตระกูลหลิงยังเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้..เช่นนี้แล้วหลิงลี่เล่า ใหนจะหลิงเจิ้นกับหลิงเย่วอีก?
แล้วหลิงเสี่ยวที่สูญเสียวรยุทธไปเมื่อสิบแปดปีก่อนเล่าเวลานี้คนที่พวกเขาส่งไป กลับไม่สามารถมองเห็นขั้นของหลิงเสี่ยวได้แล้ว!
……..
ทันทีที่รถจอด..หลิงหยุนเองก็ไม่รีรอที่จะก้าวลงจากรถ เพราะเขาได้เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจก่อนหน้าแล้ว และภายในรัศมีสองกิโลเมตรก็ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นสายตาของหลิงหยุนไปได้ และเวลานี้ภาพของเหล่ายอดฝีมือที่พากันกดเครื่องมือสื่อสารของตนเองอยู่นั้น ก็ได้อยู่ในการรับรู้ของหลิงหยุนแล้วทั้งสิ้น
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่า‘เยี่ยม.. มากันหมดเลยสินะ! ทั้งตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลเฉิน ตระกูลซัน ตระกูลหลี่ แล้วก็หน่วยเทพอินทรีย์..’
‘อย่าลืมกลับไปรายงานเจ้านายของพวกเจ้าให้ละเอียดล่ะ!อย่าให้พลาดแม้แต่เรื่องเดียว!’
หลิงหยุนได้แต่นึกขันอยู่ในใจ..
เวลานี้จิตหยั่งรู้ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่ของหลิงหยุนนั้นได้ครอบคลุมบริเวณสุสานไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว และจิตหยั่งรู้ของเขาก็ได้สำรวจพบว่า ภายในสุสานแห่งนี้ยังมีอีกสองตระกูลใหญ่ที่กำลังทำความสะอาดหลุมศพบรรพชนอยู่เช่นกัน..
ซึ่งก็คือตระกูลซันและตระกูลเฉินนั่นเอง!
ที่หลิงหยุนมาปักกิ่งในครั้งนี้จุดประสงค์อีกอย่างก็คือการถอนรากถอนโคนทั้งสองตระกูลนั่นเอง..
และดูเหมือนตระกูลเฉินกับตระกูลซันจะมาถึงก่อนหน้าตระกูลหลิงมากเพราะเมื่อตระกูลหลิงมาถึง ทั้งสองตระกูลก็ได้ทำความสะอาดหลุมศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมตัวที่จะเก็บข้าวของกลับกันแล้ว..
หลิงหยุนสำรวจดูตระกูลซันก่อนและพบว่าตระกูลซันมีสมาชิกทั้งหมดร่วมสามสิบกว่าคน และอยู่ภายใต้การนำของชายชราสองคน..
แต่เมื่อสำรวจดูตระกูลเฉินนั้นหลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมา และนึกเย้ยหยันอยู่ในใจ นั่นเพราะตระกูลเฉินมีสมาชิกเพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น และทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การนำของเฉินจิ้งเทียนกับเฉินเไห่เผิง ส่วนด้านหลังของอาวุโสทั้งสองคนนั้นก็คือเด็กหนุ่มสาวอีกเจ็ดแปดคน ที่ต่างก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยหม่นหมอง..
‘ฮ่า..ฮ่า.. สมาชิกตระกูลเฉินหดหายไปมากมายเช่นนี้ คงจะเพราะถูกข้าสังหารตายจนหมดสินะ!’ หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ..
‘น่าสนใจ..ศัตรูของข้าล้วนมารวมตัวกันที่นี่อย่างพร้อมหน้า!’
“ท่านปู่..คนตระกูลเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าเห็นรถของพวกมันจอดอยู่!”
ดวงตาของหลิงลี่เป็นประกายขึ้นมาทันทีหลิงลี่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร และเพียงแค่หันไปมองหลิงหยุนเท่านั้น
จากนั้นหลิงหยุนก็รายงานต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ไม่เพียงแค่ตระกูลเฉิน.. แต่ยังมีตระกูลซันอีกด้วย ดูเหมือนพวกมันกำลังเตรียมตัวจะกลับกันแล้ว!”
“อะไรนะนี่ทั้งตระกูลเฉิน และตระกูลซันต่างก็อยู่ข้างในแล้วงั้นรึ?”
อย่าว่าแต่หลิงลี่ที่ตื่นเต้นแม้แต่ทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิง ต่างก็พากันตื่นเต้นจนกล้ามเนื้อตื่นตัวกันหมด
หลิงลี่ถามหลิงหยุนกลับทันที“หลิงหยุน.. เจ้าคิดจะทำเช่นใด”
หากตระกูลหลิงต้องการที่จะผงาดขึ้นมาอีกครั้งคงยากที่หลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เพราะเลือดของเหล่าศัตรูนั้นเปรียบเสมือนบันได้ให้พวกเขาเหยียบขึ้นไปสู่จุดสูงสุดนั่นเอง!
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีเช่นกัน“พวกเราจะยังไม่เข้าไปด้านใน รอจนกว่าพวกมันจะออกมา!’
ที่นี่เป็นสุสาน..จึงไม่ควรมีเรื่องมีราวด้านใน หลิงหยุนจึงเลือกที่จะยืนรออยู่ด้านนอกแทน! และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้พบกับสองตระกูลในฐานะทายาทตระกูลหลิง อย่างน้อยก็ควรจะได้ทักทายกันไม่ใช่หรือ
คนตระกูลหลิงถูกเหยียบย่ำให้ได้รับความอัปยศอดสูมานานหลายปีและต่างก็รอคอยวันที่จะได้เชิดหน้าชูตาอย่างสง่างามเช่นนี้มาโดยตลอด!
และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนคิดอยู่ในใจ!
ในเวลาเดียวกันนั้น..หลิงหยุนก็เหลือบมองหลิงซวี่น้องสาวของตนเอง เขาไม่รู้ว่าหากหลิงซวี่กับเฉินเจี้ยนโหยวได้เผชิญหน้ากันเวลานี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ท่านลุงสอง.. พวกท่านคอยดูอยู่ที่นี่!”
หลังจากที่หลิงหยุนร้องบอกบรรดาเหล่าอาวุโสตระกูลหลิงแล้วเขาก็หันไปยิ้มให้กับพี่ๆน้องๆตระกูลหลิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พวกเจ้าทั้งหมดตามข้ามา..!”
ทันทีที่พูดจบ..หลิงหยุนก็เดินนำทุกคนตรงไป และหยุดยืนอยู่ห่างจากหน้าประตูสุสานไปราวสิบเมตร..
หลิงหย่งหลิงเฟิง หลิงเลี่วย หลิงซิ่ว และหลิงซวี่ ทายาทรุ่นเล็กทั้งห้าของตระกูลหลิงต่างก็เดินตามหลิงหยุนไปอย่างไม่รีรอ และทั้งหมดก็ไปหยุดอยู่ห่างจากหน้าประตูสุสานราวสิบเมตร..
ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนขายกระดาษเงินกระดาษทอง และสินค้าอื่นๆตรงหน้าสุสาน ต่างก็พากันยืนมองด้วยความงุนงงเมื่อเห็นทั้งหมดยืนนิ่ง แต่ไม่ยอมเข้าไปด้านใน
หลิงหยุนไม่สนใจผู้คนที่พากันจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขากำลังจับจ้องอยู่ที่กลุ่มคนซึ่งกำลังเดินออกมาจากสุสาน..
………
ภายในสุสานนั้น..
ซันเจิ้นหวู่– ผู้นำตระกูลซัน มีสีหน้าแววตาที่เศร้าสร้อย สายตาหลบต่ำอยู่ตลอดเวลา และใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ต่างจากคนท้องผูก
เมื่อครั้งที่ตระกูลซันยังแข็งแกร่งอยู่นั้นตระกูลซันถูกจัดอยู่ในอันดับที่สี่รองจากตระกูลหลง ตระกูลเย่ และตระกูลเฉิน.. ไอลีนโนเวล
ซันเจิ้นหวู่นั้นมีอายุเกือบแปดสิบปีแล้วทายาทตระกูลซันในรุ่นของเขานั้นมีทั้งหมดห้าคน แต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่สุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีอายุอยู่ระหว่างหกสิบถึงแปดสิบปีกัน..
ทายาทตระกูลซันในรุ่นของซันเจิ้นหวู่นั้นนอกจากตัวเขาแล้วก็มีซันเจิ้นเยี่ย ซันเจิ้นซิง ซันเจิ้นฮั๋ว และซันเจิ้นเหวิน สามคนแรกอยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 มีเพียงซันเจิ้นเหวินเท่านั้นที่ยังอยู่ในขั้นเซียงเทียน-1
ทั้งห้าพี่น้องตระกูลซันต่างก็ได้รับฉายาว่าห้าพยัคฆ์ตระกูลซัน!
ทายาทตระกูลซันในรุ่นถัดมาก็คือซันเทียนหลัวซันเทียนจือ ซันเทียนเปียว ซันเทียนปา และคนอื่นๆรวมทั้งหมดสิบเอ็ดคน ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียนขึ้นไปแล้วทั้งสิ้นเช่นกัน..
และแน่นอนว่าทั้งซันเทียนเปียวและซันเทียนปาต่างก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายที่เมืองจิงฉูแล้วทั้งคู่..
สำหรับทายาทรุ่นเล็กของตระกูลซันนั้นก็มีซันเจี๋วย ซันเมิ่ง ซันเฉียง ซันข่าย ซันเจี้ยน ซันหมิง ซันลี่ และซันจิ้ง แล้วก็อีกมากมาย ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-7 ขึ้นไปจนถึงขั้นเซียงเทียน-2
และแน่นอนว่าซันจิ้งเองก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายที่จิงฉูแล้วเช่นกัน..
ซันจิ้งนั้นมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเฉินเซินแห่งตระกูลเฉินซึ่งเป็นเด็กหนุ่มเพลย์บอยรักสนุก และที่กล้าอหังการอวดดีนั้นก็เพราะมีตระกูลคอยหนุนหลังอยู่
แต่พราะนิสัยชั่วช้าของซันจิ้งและการกระทำต่อเฉิงเม่ยเฟิง ทำให้หลิงหยุนโกรธมาก และนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมของตระกูลซัน!
แม้ตระกูลซันจะแข็งแกร่งมากแต่ก็ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยยอดฝีมือจากสำนัก และตระกูลเก่าแก่ต่างๆ ภายในตระกูลซันนั้นมีเพียงซันเจิ้นหวู่ผู้เดียวเท่านั้นที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-7 และนับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
ซันเจิ้นหวู่นั้นฝึกฝนวิชาจากเส้าหลินและนอกเหนือจากเขา ก็ยังไม่มีผู้ใดในตระกูลที่สามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ได้อีกเลย
ส่วนทายาทรุ่นกลางนั้น..ซันเทียนหลัวคือผู้แข็งแกร่งที่สุด และถูกวางตัวไว้ให้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป และเวลานี้ก็อยู่ในขั้นเซียงเทียน-6
ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าทายาทตระกูลซันรุ่นเล็กก็คือลูกชายของซันเทียนหลัวชื่อว่าซันเจี๋วยนั่นเอง และเวลานี้เขาก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-3 แล้ว
และการที่ภายในตระกูลไม่มียอดฝีมือที่เก่งกาจจริงๆจึงเป็นจุดอ่อนของตระกูลซัน และเป็นสาเหตุที่ตระกูลซันไม่อาจเทียบชั้นตระกูลหลง ตระกูลเย่ และตระกูลเฉินได้นั่นเอง..
ในบรรดาตระกูลใหญ่นั้นหากสมดุลย์ในตระกูลไม่ถูกทำลายไป ก็จะไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งเกี่ยวนัก แต่เมื่อใดที่ความแข็งแกร่งของตระกูลสั่นคลอน ทุกคนในตระกูลก็จะเกิดความอับอาย และได้รับความอัปยศอดสู
ด้วยเหตุนี้..เมื่อตระกูลซันต้องมาเผชิญหน้ากับตระกูลหลิงเวลานี้ จึงไม่แตกต่างจากฝูงละมั่งที่กำลังเผชิญหน้ากับเสือติดปีกดีๆนั่นเอง..
ความจริงแล้วซันเจิ้นหวู่นั้นได้คำนวนเวลาในการมาสุสานไว้เป็นอย่างดีแล้วก่อนหน้านี้ในทุกๆปี ตระกูลซันจะมาหลังเวลาตีสี่ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตระกูลหลิงมา
และในทุกๆปีที่ได้เผชิญหน้ากับตระกูลหลิงคนตระกูลซันก็มักจะพูดจาเหยียดหยันคนตระกูลหลิง เพื่อโอ้อวดความแข็งแกร่งของตนเอง..
ในเมื่อแม้แต่อาวุโสของตระกูลซันยังมีนิสัยเยี่ยงนี้ลูกหลานตระกูลซันเล่าจะไม่ยิ่งเลวร้ายกว่านี้หรอกหรือ
เหตุการณ์ที่ตระกูลซันจงใจสร้างความอัปยศให้กับตระกูลหลิงเช่นนี้ได้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี จนกระทั่งในปีนี้..
หลังจากที่ตระกูลซันได้รับการยืนยันเป็นที่แน่นอนว่าหลิงหยุนซึ่งเป็นศัตรูของตระกูลซันนั้นก็คือทายาทตระกูลหลิง และนั่นย่อมหมายความว่าตระกูลหลิงที่เคยเป็นเพียงแค่ลูกแกะนั้น บัดนี้ได้กลับกลายเป็นพยัคฆ์ที่น่าเกรงขามไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้..เพียงแค่หลิงหยุนคนเดียวก็นับว่าแข็งแกร่งอย่างมากแล้ว แต่เวลานี้ผู้ที่หนุนหลังหลิงหยุนอยู่กลับเป็นตระกูลหลิง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นตระกูลที่อ่อนแอ แต่ก็เป็นถึงหนึ่งในตระกูลใหญ่..
และเมื่อครั้งที่หลิงหยุนสังหารซันเทียนเปียวไปนั้นตระกูลซันจึงได้รู้ว่าหลิงหยุนยังมีอีกหนึ่งตระกูลหนุนหลังอยู่ซึ่งก็คือตระกูลฉิน..
และเมื่อได้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉินกับหลิงหยุนทำให้ตระกูลซันไม่กล้าที่จะรีบร้อนลงมือกับหลิงหยุน และรอคอยโอกาสที่จะแก้แค้นอยู่อย่างเงียบๆ
จนกระทั่งสบโอกาสถึงสองครั้งสองครา..ครั้งแรกคือเรื่องผลการสอบเอนทรานซ์ของหลิงหยุนนั่นเอง และครั้งที่สองก็คือการร่วมมือกับตระกูลเฉินเล่นงานหลิงหยุน
ครั้งที่สองนั้นตระกูลซันเห็นว่าตระกูลเฉินจะส่งคนไปจัดการกับหลิงหยุนที่เมืองจิงฉูจึงเสนอตัวเข้าช่วย และได้ส่งซันเทียนปาไป ผลสุดท้ายทั้งหมดก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายหมด..
ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้นทำให้ตระกูลซันไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆอีก และเพียงแค่ตั้งรับอยู่อย่างเงียบๆ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหลิงหยุนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้!
นั่นเพราะแม้แต่ตระกูลเฉินยังไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้แล้วตระกูลซันยังจะสามารถส่งใครไปสังหารหลิงหยุนได้อีกเล่า
แต่หากหลิงหยุนตั้งใจมาหาเรื่องตระกูลซันถึงปักกิ่งตระกูลซันซึ่งอยู่ในปักกิ่งมาเนิ่นนาน ย่อมต้องมีสายสัมพันธ์กับหน่วยนภา หน่วยมังกร รวมทั้งตระกูลหลงกับตระกูลเย่ ตระกูลซันจึงเชื่อมั่นว่าทั้งสองตระกูล และทั้งสององค์กรจะไม่ยอมนิ่งดูดายมองหลิงหยุนสังหารคนตระกูลซันโดยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยแน่..
หนำซ้ำตระกูลซันยังเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนกับเหล่าจอมยุทธฝ่ายธรรมะอีกด้วย!
ด้วยเหตุนี้..แม้ตระกูลซันจะหวาดกลัวว่าหลิงหยุนจะมาสร้างปัญหาให้กับตนถึงปักกิ่ง แต่ก็ยังเชื่อว่าจะมีวิธีจัดการกับหลิงหยุนได้!
แต่กลับกลายเป็นว่า..เวลานี้หลิงหยุนได้กลายมาเป็นทายาทตระกูลหลิง ทำให้สถานการณ์ต่างๆพลิกผันทันที!
เพราะไม่เพียงหลิงหยุนจะเป็นทายาทตระกูลหลิงแต่เขายังเป็นลูกของหลิงเสี่ยวที่เกิดจากหยินชิงเฉวียนธิดาพรรคมารคนก่อนอีกด้วย!
นับว่าฐานะของหลิงหยุนนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
เมื่อสิบแปดปีก่อน..หยินชิงเฉวียนเก่งกาจ และแข็งแกร่งมากเพียงใดนั้น ทุกคนต่างก็ล่วงรู้กันดี!
หากจะพูดว่าตระกูลซันนั้นมีฝ่ายธรรมะหนุนหลังอยู่หลิงหยุนก็มีพรรคมารหนุนหลังอยู่เช่นกัน!
และในเมื่อตระกูลหลิงมีหลิงเสี่ยวแน่นอนว่าหยินชิงเฉวียนย่อมต้องอยู่ข้างตระกูลหลิงอย่างแน่นอน แม้ว่านางจะยังไม่ปรากฏตัวก็ตาม!
หนำซ้ำหลิงหยุนยังครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้และผู้ที่มีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ ผู้นั้นก็คือเทพแห่งมาร!
นี่ยังไม่นับรวมตระกูลฉินกับตระกูลเกาที่อยู่ข้างหลิงหยุนอีกเช่นกัน!
เช่นนี้แล้วตระกูลซันยังจะกล้าทำอะไรกับหลิงหยุนได้อีก
ด้วยเหตุนี้ซันเจิ้นหวู่จึงได้ตั้งใจมาสุสานให้เร็วขึ้นกว่าทุกๆปี เพื่อหลีกเลียงการที่ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหลิง..
แต่กลับกลายเป็นว่า..ทายาทตระกูลหลิงได้มายืนขวางหน้าประตูสุสานไว้แล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร