เฉินไห่เผิงเห็นสภาพของซันเทียนหลัวก็รู้แก่ใจว่าคืนนี้ตระกูลซันกับตระกูลเฉินคงต้องจบสิ้นอย่างแน่แท้ เวลานี้นักรบตระกูลซันก็ถูกสังหารตายจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ซันเทียนหลัวผู้เดียวเท่านั้น อีกทั้งเวลานี้ยังได้รับบาดเจ็บจากการประมือกับหลิงเสี่ยวอีกด้วย..
ส่วนตระกูลเฉินนั้นแม้จะยังเหลือนักรบอยู่อีกกว่ายี่สิบคน แต่เวลานี้ตระกูลหลิงนับว่าแข็งแกร่งยิ่งนัก ยากที่นักรบตระกูลเฉินทั้งหมดจะรับมือ และต้านทานได้ไหว..
เมื่อครู่นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนก็เพิ่งจะสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนของตระกูลซันตายไปถึงเจ็ดคน พวกเขาจึงมีจิตใจที่ฮึกเหิม และกระหายเลือดยิ่งนัก
ส่วนหลิงลี่ก็อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติหลิงเสี่ยวอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6 และแม้แต่เหล่ากุ่ยก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ได้แล้ว
กระทั่งหลิงหย่งซึ่งยังเป็นเด็กหนุ่มยังเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-4 ได้แล้วเช่นกัน อีกทั้งกระบี่ทองคำดำในมือของเขานั้น ก็คมกริบและสามารถตัดโลหะที่แข็งแกร่งได้ราวกับตัดดินตัดโคลนเลยทีเดียว..
เฉินไห่เผิงยืนเผชิญหน้ากับหลิงหย่งซึ่งใช้กระบี่ทองคำดำของตนตัดกระบี่ของเหล่านักรบตระกูลซันจนหักด้วน
เฉินไห่เผิงยืนเผชิญหน้ากับหลิงหย่งที่ใช้กระบี่ทองคำดำตัดกระบี่ของนักรบตระกูลซันจนหักด้วนจากนั้นจึงหันไปมองสมาชิกตระกูลเกาทั้งสามรุ่น และแน่นอนว่าทั้งสามคนมาที่นี่ในคืนนี้ ก็เพื่อที่จะมาแก้แค้นตระกูลเฉินของตน..
ที่เหนือไปกว่าผู้ใดนั้น..ตระกูลหลิงยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่ง และมีพลังอำนาจสูงสุด และตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ได้ลงมือเลยอยู่อีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือหลิงหยุนนั่นเอง!
ส่วนหลิงหยุนจะแข็งแกร่งและมีฝีมือสูงส่งเพียงใดนั้น.. เฉินไห่เผิงเองก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในการประลองครั้งนี้ด้วย! แต่การที่หลิงหยุนสามารถเอาชีวิตรอดจากเงื้อมือของยอดฝีมือซึ่งสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ถึงสิบสามคนอีกทั้งระยะเวลาในการประลองที่ยาวนานร่วมสี่ชั่วโมงนั้น ไม่มียอดฝีมือคนใดสามารถทำให้หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง และเก่งกาจของหลิงหยุนว่าสูงส่งมากเพียงใด!
เช่นนั้น..ตัวเขาเองพร้อมด้วยนักรบตระกูลเฉินที่เหลืออีกยี่สิบคนเวลานี้ ยังจะสามารถทำอะไรได้อีกเล่า
แน่นอนว่า..ตระกูลเฉินคงต้องจบสิ้นแล้วอย่างแน่แท้!
ระหว่างที่เฉินไห่เผิงกำลังครุ่นคิดด้วยความรู้สึกรันทดและท้อแท้ใจอยู่นั้น เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นพร้อมกันถึงสองเครื่อง..
เครื่องแรกเป็นของซันเทียนหลัวและเครื่องที่สองเป็นของหลิงหยุน!
หลิงหยุนเห็นว่าผู้ที่ติดต่อมานั้นคือเย่ซิงเฉินเขาจึงรีบกดรับทันที..
“สี่พยัคฆ์แห่งตระกูลซันและนักรบตระกูลซันทั้งหมดถูกสังหารตายแล้ว เวลานี้ตระกูลซันเหลือเพียงแค่ผู้หญิงไม่กี่คนเท่านั้น เจ้ารีบส่งคนเข้ามาเฝ้าดู ข้าจะต้องรีบไปแล้ว!”
ภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียวที่เย่ซิงเฉินกับเสี่ยวเม่ยเม่ยบุกเข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลซันนั้นพวกนางก็ได้ลงมือสังหารยอดฝีมือตระกูลซันตายจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว..
“เจ้าคอยอยู่ที่นั่นประเดี๋ยว..ข้าจะส่งคนเข้าไปสมทบเดี๋ยวนี้!”
หลิงหยุนตอบกลับทันทีและหลังจากที่วางสายไปแล้ว เขาก็หันไปทางหลิงอี๋พร้อมกับสั่งว่า..
“หลิงอี๋..เจ้าพาพี่น้องทั้งสิบสองคนไปที่เฝ้าดูสถานการณ์ที่คฤหาสน์ตระกูลซันไว้!”
เย่ซิงเฉินนั้นเป็นคนขององค์กรนักฆ่าหลังจากปฏิบัติภารกิจแล้ว ย่อมไม่สะดวกจะอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซันนานนัก..
“ขอรับท่านผู้นำตระกูล!”
เมื่อหลิงอี๋ได้รับคำสั่งเขาก็รีบพาพี่น้องทั้งสิบสองคนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเฉินไปทันที..
…..
“ห๊ะ!อะไรนะ?!”
ซันเทียนหลัวเองก็ได้รับข่าวว่าสี่พยัคฆ์แห่งตระกูลซันที่เหลือนั้นได้ถูกสังหารตายจนหมดแล้วเช่นกันและเวลานี้เหล่านักรบตระกูลซันก็ถูกสังหารตายไม่เหลือแม้แต่คนเดียว สภาพของคฤหาสน์ตระกูลซันเวลานี้ จึงไม่ต่างจากโรงฆ่าสัตว์นัก..
“ตระกูลซันต้องจบสิ้นแล้วจริงๆสินะ!”
เพียงแค่ข้ามคืนตระกูลซันก็ถูกทำลายจนสิ้นซากเช่นนี้มีหรือที่ซันเทียนหลัวจะทนแบกรับต่อไปได้อีก
จู่ๆซันเทียนหลัวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่นั้น ก็กระอักเลือดสีแดงออกมากองใหญ่เพราะความคับแค้นใจ
หลิงหยุนกระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าซันเทียนหลัวพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“ซันเทียนหลัว..ข้ารับปากเจ้าจะไม่สังหารผู้หญิง และเด็ก เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจ!”
“อะ..อะไรนะ!”
ซันเทียนหลัวได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นจึงร้องถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ และคลางแคลงใจ..
“หลิงหยุน..นี่เจ้าพูดจริงๆงั้นรึ! เจ้าไม่กลัวว่าเมื่อหลานชายของข้าเติบใหญ่ขึ้นมา จะกลับมาแก้แค้นตระกูลหลิงของเจ้าหรอกรึ?!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“หากทายาทตระกูลซันมีความสามารถเช่นนั้นจริงและต้องการกลับมาแก้แค้นตระกูลหลิงของข้าในวันข้างหน้า ข้าก็ยินดี!”
“ดี!หวังว่าเจ้าจะทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้!”
ซันเทียนหลัวเข้าใจดีว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงพูดกับตนเองเช่นนั้นเขาไม่จำเป็นต้องประมือกับหลิงหยุนให้ได้รับความอับอายอัปยศอดสูอีก..
ซันเทียนหลังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้นใจอย่างที่สุด..
“ฟ้าดิน..ข้าคับแค้นใจยิ่งนัก! คิดไม่ถึงว่าตระกูลซันที่ยิ่งใหญ่ของข้า จะต้องมาถูกทำลายสิ้นชื่อเช่นนี้ เพียงเพราะหลานชายรักสนุก และไม่เอาไหนเพียงคนเดียวเช่นนี้! ช่างน่าขันสิ้นดี! ฮ่า.. ฮ่า..”
และแน่นอนว่าหลานชายรักสนุกไม่เอาใหนที่ซันเทียนหลัวพูดถึงนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากซันจิ้ง!
หลังจากร้องตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจราวกับคลุ้มคลั่งเช่นนั้นแล้วซันเทียนหลัวก็ตวัดกระบี่ในมือเข้าที่ลำคอของตนเอง แล้วเลือดสีแดงก็พุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอของเขา ก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด..
ซันเทียนหลัวได้ทำการปลิดชีพตนเองต่อหน้าหลิงหยุนและทุกๆคน!
และเวลานี้..ตระกูลซันก็ได้ถูกหลิงหยุนถอนรากถอนโคลนจนสิ้นซากแล้ว เหลือก็แต่ตระกูลเฉินเท่านั้น..
“เฉินจิ้งเทียน..จนป่านนี้แล้วเจ้ายังไม่ออกมาอีกงั้นรึ”
หลิงหยุนร้องตะโกนถามเฉินจิ้งเทียนที่เวลานี้กำลังนั่งนิ่งเงียบอยู่ภายในห้องรับแขก..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
ร่างของเฉินจิ้งเทียนปรากฏขึ้นที่หน้าประตูบ้านพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับคนคลุ้มคลั่งจากนั้นจึงค่อยๆ เดินผ่านร่างของเฉินไห่เผิงไปอย่างช้าๆ และไปยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินไห่เผิงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง..
“พี่ใหญ่..ท่านกล่าวไม่ผิดจริงๆ! ตระกูลเฉินคงยากที่จะรอดพ้นชะตากรรมในครั้งนี้ไปได้!”
หลังจากพูดจบ..เฉินจิ้งเทียนก็ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้าไปมาช้าๆ เขาหัวเราะกับตัวเองเบาๆ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชม
“หลิงหยุน..นับว่าเจ้าแข็งแกร่ง และเก่งกาจมากทีเดียว!”
“ตระกูลหลิงของเจ้ากับตระกูลเกาคงจะจัดการทำลายล้างตระกูลเฉินของข้าให้สิ้นซากภายในคืนนี้สินะ!”
หลิงหยุนถามกลับยิ้มๆ“แล้วเจ้าคิดเช่นใดเล่า”
“แต่ถึงอย่างไรข้าเองก็ได้ประกาศไปแล้วว่าตระกูลหลิงของเราจะไม่สังหารผู้หญิง และเด็ก พวกเราจะไม่แตะต้องคนเหล่านี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป!”
เฉินจิ้งเทียนพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดี! แต่ก่อนที่ข้าจะตาย ข้ายังมีเรื่องหนึ่งต้องบอกกับเจ้าให้รู้..”
“หลิงหยุน..เจ้าอยากจะรู้เรื่องที่ข้ากำลังจะพูดหรือไม่”
เฉินจิ้งเทียนถูกหลิงหยุนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้จะผ่านมากว่าสิบวันแล้ว อาการบาดเจ็บภายในก็ยังไม่หาย เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน จึงได้คิดแผนชั่วเตรียมไว้ในใจแล้ว..
เฉินจิ้งเทียนไม่แม้แต่คิดที่จะต่อสู้กับหลิงหยุนเพราะนั่นจะยิ่งเป็นการทำร้ายทุกคน และเปล่าประโยชน์สิ้นดี!
“งั้นรึ!”
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก“ในเมื่อเจ้าต้องการจะพูด ข้าก็ไม่ขัด..” เฉินจิ้งเทียนกวาดตามองไปทางหลิงลี่กับหลิงเสี่ยวจากนั้นจึงหันมายิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“หลิงหยุน..แม้ว่าเวลานี้เจ้าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลหลิงแล้ว แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหลิงเจิ้นจึงได้ยินดีลาออกจากการตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิง”
หลิงหยุนได้ฟังจึงตอบกลับไปทันที“เฉินจิ้งเทียน.. เรื่องภายในตระกูลหลิง ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า!”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..” Aileen-novel
เฉินจิ้งเทียนถึงกับเงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินของข้างั้นรึ ฮ่า.. ฮ่า..”
“เอาล่ะ..ใหนๆ ชายแก่อย่างข้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว ข้าเองก็ไม่ต้องการที่จะเก็บเรื่องนี้ให้ตายไปกับตัวข้าด้วย..”
“หลิงหยุน..ข้าจะบอกให้ว่าสาเหตุที่หลิงเจิ้นต้องลาออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของหลิงห่าวเลยแม้แต่น้อย! แต่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของพ่อของเจ้า – หลิงเสี่ยวต่างหากเล่า หลิงเจิ้นเกรงว่าความจริงเมื่อหลายปีก่อนจะถูกเปิดเผย เขาจึงต้องรีบหาทางออกไปจากตระกูลหลิงให้เร็วที่สุด!”
เฉินจิ้งเทียนเล่าทุกอย่างออกมารวดเดียวเช่นนี้ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาขัดขวาง และไม่ยอมให้เขาพูดความจริงทั้งหมดออกมา..
“เฉินจิ้งเทียน..เจ้าหุบปาก!”
“เฉินจิ้งเทียน..อย่าได้พูดจาไร้สาระ!”
ทันทีที่ได้ยินเฉินจิ้งเทียนพูดออกมาเช่นนั้นทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยวต่างก็พากันร้องตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความกระวนกระวายใจ
หลิงหยุนที่ยังคงยืนนิ่งเงียบนั้นคาดเดามาตั้งนานแล้วว่าหลิงเจิ้นก็คือต้นตอของปัญหาทั้งหมด แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินจิ้งเทียนเองจะเอาเรื่องของตระกูลหลิงมาพูดในเวลาเช่นนี้!
แต่หลิงหยุนก็ต้องการรู้อยู่ดีว่าเรื่องราว และความจริงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นเป็นเช่นใดกันแน่
“ฮ่า..ฮ่า.. ข้าน่ะหรือที่พูดจาไร้สาระ”
เฉินจิ้งเทียนยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงเสี่ยวพร้อมกับพูดต่อทันที“เรื่องที่เจ้ากับเย่ชิงเฉวียนแอบลักลอบได้เสียกันนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นความลับสุดยอด นอกจากพวกเจ้าสองคนกับหลิงเจิ้นแล้ว ก็ไม่มีใครล่วงรู้อีกไม่ใช่รึ”
“เช่นนั้นแล้ว..เจ้ายังคิดว่าผู้ใดเล่าที่จะสามารถนำความลับเรื่องนี้ออกมาแพร่งพรายให้ชายยุทธภพรู้ได้..!”
“อะไรนะ!”
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
“ห๊ะ!เจ้าพูดอะไรนะ?!”
หลิงหย่งเองก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่น้อยเช่นกัน! เฉินจิ้งเทียนรีบเล่าต่อทันที“หลิงเจิ้นไม่เพียงนำความลับเรื่องนี้ออกมาแพร่งพรายให้ชาวยุทธได้รู้ หนำซ้ำตัวเขาเองยังเป็นผู้ปลุกปั่น และจุดประกายความไม่พอใจให้กับเหล่าชาวยุทธอีกด้วย”
“หลิงเสี่ยว..เจ้าเองก็รู้ว่าเรื่องระหว่างเจ้ากับหยินชิงเฉวียนนั้นเป็นความลับมากเพียงใด มีหรือที่จะยอมแพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้ได้!”
“หลิงเสี่ยว..ตลอดหลายปีมานี้.. เจ้าเองก็รู้ความจริงข้อนี้ดีไม่ใช่รึ”
หลังจากที่เฉินจิ้งเทียนรีบพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการพูดไปจนจบแล้วเขาก็หันไปมองหลิงลี่กับหลิงเสี่ยวด้วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และรอยยิ้มอย่างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!
เวลานี้..ทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว หลิงหย่ง และหลิงหยุน ทุกคนต่างก็ได้แน่นิ่งเงียบ นั่นเพราะความจริงที่เฉินจิ้งเทียนพูดออกมานั้น ช่างเป็นความจริงที่โหดร้ายยิ่งนัก!
หลิงเสี่ยวนั้นกำหมัดแน่นจนเล็บทั้งสิบจิกเข้าไปในฝ่ามือและร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ..
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูและเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหลิงเสี่ยว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เฉินจิ้งเทียนพูดนั้นน่าจะเป็นความจริง!
“จิ้งจอกเฒ่า..มอบชีวิตของเจ้ามาได้แล้ว!”
เวลานี้หลิงลี่กำลังเดือดดาลอย่างที่สุดเขากระโดดเข้าไปยืนตรงหน้าเฉินจิ้งเทียนหมายเอาชีวิต แต่เฉินจิ้งเทียนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั้นกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..
“หลิงลี่..นี่เจ้าคิดจะฆ่าคนปิดปากงั้นรึ!”
“ต่อให้เจ้าทำลายตระกูลเฉินของข้าและสังหารข้าตายก็ไร้ประโยชน์! เพราะข้าได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งบอกเล่าความจริงเรื่องนี้ไว้แล้ว และได้ให้คนที่ไว้ใจได้นำไปมอบให้กับหลิงหยุน และด้วยปัญญาที่เฉียบแหลมของหลิงหยุน เขาย่อมสามารถสืบเสาะหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนได้ไม่ยากนัก!” “เฉินจิ้งเทียน..นี่เจ้า!”
หลิงลี่ได้ยินคำพูดของเฉินจิ้งเทียนก็ถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธและแทบจะยืนอยู่ต่อไปไม่ได้!
“หลิงลี่..ยังมีอีกเรื่องที่ข้าเกรงว่าเจ้าเองก็คงจะยังไม่รู้มาตลอดหลายปีนี้..”
“โศกนาฏกรรมที่เกิดกับตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นนอกจากหลิงเจิ้นที่อยู่เบื้องหลังแล้ว ก็ยังมีพรรคมาร ตระกูลหลง กับตระกูลเย่ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย!”
เฉินจิ้งเทียนยังสามารถสร้างความประหลาดใจได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ!
และที่เฉินจิ้งเทียนนั่งนิ่งอยู่ในบ้านไม่ยอมออกมานั้น..ก็เพื่อรอให้คนตระกูลหลง และคนตระกูลเย่ปรากฏตัว และเขาจะได้ใช้เรื่องนี้บีบให้ทั้งสองตระกูลต้องช่วยตระกูลเฉิน แต่จนแล้วจนรอด.. ทั้งสองตระกูลก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ปรากฏตัว เขาจึงไม่อาจรอได้อีกต่อไป.. “เจ้าตายได้แล้ว..”
ระหว่างที่เฉินจิ้งเทียนกำลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดต่อนั้นเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นจากด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลเฉิน และกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งฝ่าความมืดเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันคือกระบี่เหินที่มีสีม่วง..
และศรีษะของเฉินจิ้งเฉวียนก็กระเด็นหลุดจากบ่าทันที!
“หลิงชี..จัดการสังหารทุกคนที่นี่ให้หมด เว้นเฉพาะผู้หญิง เด็ก กับผู้ไร้วรยุทธเท่านั้น!”
หลังจากที่ร้องตะโกนสั่งหลิงชีแล้วหลิงหยุนก็กระโดดหมุนตัวออกไปนอกคฤหาสน์ตระกูลเฉินทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร