หลิงหยุนมองไปรอบๆห้องทำงานของเย่เทียนสุ่ยพร้อมกับถามขึ้นว่า “นี่เจ้าขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนี้ทั้งวันทั้งคืนเลยรึ!”
เย่เทียนสุ่ยหันมองไปรอบๆห้องทำงานของตนเองก่อนจะหันกลับไปตอบหลิงหยุน “มันก็ไม่ได้น่าอึดอัดนักไม่ใช่รึ ข้าไม่ชอบการต่อสู้เข่นฆ่ากันนัก ไม่กี่ปีมานี้จึงให้คนมาสร้างห้องนี้ไว้ แล้วก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องทุกวันเพื่อกลั่นกระบี่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วไม่น้อยทีเดียว..”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามต่อว่า“กระบี่ที่เจ้ากลั่นเป็นกระบี่อะไรงั้นรึ จะสามารถบอกข้าได้หรือไม่?”
เวลานี้ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องการฝึกวิชาแต่เย่เทียนสุ่ยกลับไม่มีท่าทีอิดออด และตอบคำถามของหลิงหยุนอย่างตรงไปตรงมา
“ย่อมได้!ข้ากำลังฝึกกระบี่ไท่จี๋ มันคือการกลั่นกระบี่ด้วยพลังชี่และโลหิตภายในร่างกาย เมื่อใดที่โลหิตทั่วร่างกลั่นตัวเป็นกระบี่ได้แล้ว เมื่อนั้นทุกส่วนของร่างกายก็เสมือนกระบี่แหลมคมที่สามารถควบคุมได้ด้วยใจ..”
“ยอดเยี่ยมมากทีเดียว!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับแอบถอนหายใจและเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ก่อนจะถามต่อว่า “แล้วเจ้าตั้งชื่อให้กับกระบี่เล่มนี้แล้วหรือยัง”
เย่เทียนสุ่ยตอบหลิงหยุนไปตามตรง“มันเป็นเรื่องยาก.. ข้ายังคิดไม่ออก!”
“ก็จริง..การจะหาชื่อดีๆก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ว่าแต่เวลานี้เจ้าฝึกกระบี่ไท่จี๋ไปถึงไหนแล้ว” หลิงหยุนถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เย่เทียนสุ่ยเองก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง“เวลานี้ข้ากลั่นตัวกระบี่สำเร็จแล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถบังคับควบคุมกระบี่ได้..”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่พูดออกมาอย่างนึกเสียดายแทน“เจ้าก็เลยพลาดโอกาสดีๆในคืนนี้เลยสินะ!”
ความหมายของหลิงหยุนก็คือ..หากเย่เทียนสุ่ยสามารถควบคุมกระบี่ไท่จี๋ได้แล้ว ทั้งสองคนคงยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในคืนนี้ไปได้ และด้วยศักยภาพของเย่เทียนสุ่ย แน่นอนว่าเย่เทียนสุ่ยย่อมจะเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์สูงสุด
“ใครว่าข้าพลาดเล่า”
เย่เทียนสุ่ยเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหยุนได้ดีจึงตอบกลับไปว่า “ต่อให้ข้าสามารถควบคุมกระบี่ไท่จี๋ได้ ข้าก็ยังเลือกที่จะไม่เล่นตามเกมของเจ้า ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่องข้าถึงที่นี่ จ้าเองก็คงเตรียมพร้อมมาดีเช่นกัน สมองของข้าไม่ได้ฝ่อเหมือนศัตรูของเจ้าที่คิดไม่ได้!”
คำตอบของเย่เทียนสุ่ยทำให้หลิงหยุนถึงกับต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแต่แล้วก็ไม่ลืมที่จะถามเรื่องสำคัญ
“ข้าได้ยินมาว่าเร็วๆนี้ตระกูลเย่ของเจ้าจะเปิดโรงประมูลชาวยุทธขึ้นใช่หรือไม่”
ทันทีที่เย่เทียนสุ่ยได้ฟังคำถามประโยคนี้ของหลิงหยุนร่างกายของเขาก็ถึงกับสั่นกระเพื่อมขึ้นมาทันที และรีบลุกลี้ลุกลนถามหลิงหยุนกลับไปว่า
“นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร!”
หลิงหยุนยิ้มให้กับเย่เทียนสุ่ยพร้อมตอบกลับไปว่า“เจ้าจะต้องตกใจไปทำไมกัน! ในเมื่อตระกูลเย่เปิดโรงประมูล ข้าก็ต้องไปประมูลของน่ะสิ!”
แต่เย่เทียนสุ่ยยังคงถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“เจ้าต้องการไปประมูลของเท่านั้นจริงๆรึ! ไม่ได้ต้องการที่จะไปก่อกวน หรือสร้างปัญหาใช่หรือไม่?!”
หลิงหยุนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า“ข้าอยากจะไปประมูลของจริงๆ ตราบใดที่ไม่มีผู้ใดหาเรื่องข้าก่อน ข้าก็จะไม่หาเรื่องผู้ใดก่อนเช่นกัน!”
“เฮ้อ..เช่นนั้นก็ดี!” เย่เทียนสุ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโล่งใจแล้วจึงถามต่อว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ขึ้นมา ต้องการอะไรจากข้ากันแน่!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“จะต้องการอะไรจากเจ้า.. ข้าก็แค่อยากรู้ว่าโรงประมูลจัดขึ้นที่ใด ก็เท่านั้นเอง!”
ความจริงหลิงหยุนไม่จำเป็นต้องถามก็ได้เพราะเย่ซิงเฉินย่อมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเย่เทียนสุ่ย จึงอยากได้คำตอบจากปากของเขา
“ที่ชานเมืองด้านตะวันออกของปักกิ่งในเขตทงโจวใกล้กับถนนวงแหวนตะวันออกที่หก เจ้าก็มองหาอาคารที่สูงที่สุดในแถบนั้น แล้วก็เข้าไปได้เลย”
เมื่อหลิงหยุนยืนยันว่าจะไม่ไปสร้างปัญหาเย่เทียนสุ่ยก็มีสีหน้าโล่งใจ หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เอาล่ะ..ในเมื่อเรื่องระหว่างเจ้ากับข้าสะสางจบแล้ว! ข้าลงไปเสี่ยงโชคหน่อยดีกว่า!”
“ห๊ะ!”
เย่เทียนสุ่ยร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงงจากนั้นจึงรีบลุกขึ้นกระโดดไปดักหน้าหลิงหยุนไว้ทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน..เจ้ามีจิตหยั่งรู้เช่นนี้ หากไปเล่นกับคนธรรมดาทั่วไป ย่อมต้องชนะพวกเขาอยู่แล้ว เจ้ากล้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวและตอบกลับไปทันที “มีกฏห้ามไม่ให้ผู้ที่มีจิตหยั่งรู้เล่นพนันในบ่อนของเจ้าด้วยงั้นรึ!”
เย่เทียนสุ่ยถึงกับกระพริบตางงๆแต่ก็รีบตอบกลับไปว่า “มี.. ข้าตั้งกฏนี้ขึ้นมาเอง!”
เย่เทียนสุ่ยนิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อว่า“หลิงหยุน.. สิ่งที่เจ้าทำมันไม่เรียกว่าการเสี่ยงโชค แต่มันคือการปล้น! อย่าว่าแต่ข้าจะห้ามไม่ให้เจ้าเล่นที่บ่อนของข้าเลย หากเจ้าทำเช่นนี้ข้าก็จะบันทึกชื่อของเจ้าไว้ในบัญชีดำ และส่งให้บ่อนทั่วทั่้งปักกิ่งห้ามไม่ให้เจ้าเข้าไปเล่น!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มเจื่อนจากนั้นจึงโต้เย่เทียนสุ่ยกลับไปว่า “โม่วู๋เตาก็มีจิตหยั่งรู้ เหตุใดเจ้ายังให้เขาเล่นในบ่อนของเจ้าได้”
“อ่อ..ข้ายังสังเกตเห็นว่าที่บ่อนเจ้าก็ล้วนแล้วแต่มีนักพนันที่มีเทคนิคแพรวพราวอยู่มากเช่นกัน!”
เย่เทียนสุ่ยตอบกลับมาด้วยความโมโห“ที่ข้าให้โม่วู๋เตาไปเล่น ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเจ้าหรอกรึ! แต่ข้าก็ได้สั่งคนของข้าไว้แล้วว่าให้เขาเล่นชนะได้เงินกลับไปไม่เกินสิบแปดล้านเท่านั้น เงินเล็กน้อยเท่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อข้านัก..”
“ส่วนเซียนพนันที่เจ้าพูดถึงก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ข้าจ้างมาคอยสอดส่องดูแล และแก้ไขสถานการณ์เท่านั้น!”
เย่เทียนสุ่ยชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดให้หลิงหยุนฟังเพื่อตะล่อมไม่ให้เขาลงไปเล่นที่บ่อนข้างล่าง แต่หลิงหยุนยังคงต่อรอง “ข้าอุตส่าห์มาถึงที่นี่ทั้งทีเจ้าจะไม่ให้ข้าเสี่ยงโชคสักหน่อยจริงๆงั้นรึ!”
“หากเจ้าต้องการเสี่ยงโชคเล็กๆน้อยๆข้าก็ไม่ห้าม! แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าห้ามเจ้าเล่นต่อหากไปถึงหนึ่งร้อยล้านแล้ว!”
หลิงหยุนรีบโวยวายทันที“แค่หนึ่งร้อยล้าน.. นี่เจ้าไม่งกไปหน่อยรึ เงินที่ข้าเล่นได้ก็ไม่ใช่เงินของเจ้าเสียหน่อย!”
“หึ..ไม่ใช่เงินข้า! แต่ทุกคนล้วนเป็นลูกค้าของข้า หากเจ้าปล้นเงินพวกเขาไปจนหมด วันข้างหน้าจะมีใครมาเล่นที่บ่อนของข้าอีก ข้าไม่ต้องปิดกิจการไปหรอกรึ”
“ตกลงๆ!หนึ่งร้อยล้านก็หนึ่งร้อยล้าน แล้วเจ้าล่ะ.. จะลงไปเล่นกับข้าด้วยหรือไม่!”
“ไม่ล่ะ!เจ้าเดินลงไปเล่นที่ห้องวีไอพีชั้นสามได้เลย ข้าจะให้คนเตรียมชิปไว้ให้เจ้า แต่อย่าลืมว่า.. หนึ่งร้อยล้านเท่านั้น!”
เย่เทียนสุ่ยไม่ลืมที่จะย้ำหลิงหยุนอีกครั้งจนหลิงหยุนถึงกับหัวเราะ และตอบกลับไปว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. ดูเจ้าวิตกกังวลไม่น้อยทีเดียว!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ออกจากห้องทำงานของเย่เทียนสุ่ยตรงไปที่ห้องวีไอพีชั้นสามทันที และหลังจากที่หลิงหยุนออกไปแล้ว เย่เทียนสุ่ยก็ได้กลับไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“หึ..เจ้านี่มันไร้ยางอายสิ้นดี! ยังจะกล้าเอาเงินในบ่อนข้าอีกหนึ่งร้อยล้านงั้นรึ!”
ดูเหมือนเย่เทียนสุ่ยเองก็ไม่ได้เกรงว่าหลิงหยุนจะได้ยินคำพูดของตนเลยแม้แต่น้อยเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาผู้จัดการหวัง
“เขาลงไปข้างล่างแล้ว..เจ้าเตรียมชิปให้กับเขาไป แต่จำไว้ว่าหากเขาได้เงินหนึ่งร้อยล้านไปแล้วให้หยุดทันที!”
หลังจากวางสายจากผู้จัดการหวังแล้วเย่เทียนสุ่ยก็โยนโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมกับพึมพำออกมา
“เฮ้อหลิงหยุน..เจ้าช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจะจัดการจริงๆ!”
ครั้งแรกที่หลิงหยุนกับเย่เทียนสุ่ยได้พบกันต่างฝ่ายต่างก็กำลังประเมินกันและกันอยู่..
……
บ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ยนั้นหากมองผิวเผินจากด้านนอกแล้ว จะไม่มีอะไรสะดุดตาผู้ที่ผ่านไปผ่านมานัก จะมีก็เพียงแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ทั้งห้าชั้น แต่เมื่อเข้าไปจะพบว่า ภายในอาคารแห่งนี้ได้ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรางดงามเสียยิ่งกว่าโรงแรมระดับห้าดาว อีกทั้งยังมีการให้บริการที่ดีเยี่ยมมากอีกด้วย..
ชั้นห้าของอาคารจะเป็นที่อยู่ของเย่เทียนสุ่ยชั้นที่สี่เป็นศูนย์รวมจอมอนิเตอร์จากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ทั้งหมดภายในอาคาร ชั้นสามเป็นห้องวีไอพีสำหรับผู้เล่นที่แลกชิปมากกว่าสิบล้านขึ้นไปเท่านั้น ส่วนชั้นที่สองนั้นเป็นโต๊ะสำหรับเล่นไพ่ชนิดต่างๆ มากมาย และชั้นที่หนึ่งเป็นห้องรับรองสำหรับนักเล่นทั่วไป ที่จะมานั่งพักผ่อน หรือพูดคุยกัน..
เวลานี้ถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตา ต่างก็กำลังเล่นกับเจ้ามืออยู่ภายในห้องส่วนตัวที่ชั้นสาม ไม่ได้ออกไปเล่นในห้องรวมด้านนอก..
แต่โม่วู๋เตาก็ไม่ได้ใช้จิตหยั่งรู้ช่วยถังเมิ่งดังนั้นจะได้หรือเสียก็ขึ้นอยู่กับโชค และฝีมือของถังเมิ่งเอง ทั้งหมดต่างก็ลุ้นด้วยความตื่นเต้น
แต่นับว่าคืนนี้โชคของถังเมิ่งจะค่อนข้างดีมากเพราะเขาแลกชิปมาแค่ห้าล้านหยวน แต่เวลานี้ชิปของถังเมิ่งกลับเพิ่มพูนขึ้นมาถึงสองเท่า เป็นเงินกว่าสิบห้าล้านหยวนทีเดียว!
หลังจากที่หลิงหยุนเดินลงมาถึงชั้นสามและได้รับชิปจากผู้จัดการหวังแล้ว เขากลับไม่เดินตามไปสมทบกับถังเมิ่งในห้อง แต่เดินไปที่ห้องวีไอพีอีกห้องแทน..
ความจริงหลิงหยุนคิดจะลงไปเล่นพนันที่ชั้นล่างแต่เมื่อนึกถึงฐานะของตนเองที่เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิงในเวลานี้ จึงได้แต่เปลี่ยนใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็ต้องรักษาหน้าตระกูลหลิงไว้ด้วยเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นแล้วหากมีคนนำเรื่องที่ผู้นำตระกูลหลิงเข้าบ่อนหาเงินไปโพทนาผู้คนที่รู้เข้าคงจะพากันหัวเราะตระกูลหลิงจนฟันร่วงแน่ และจะทำให้ตระกูลหลิงเสียหาย..
และที่หลิงหยุนยืนกรานกับเย่เทียนสุ่ยจะลงมาเล่นให้ได้นั้นก็เพราะจิตหยั่งรู้ของเขาตรวจพบว่า ที่ห้องวีไอพีบนชั้นสามของอาคารแห่งนี้ มีเซียนพนันสาวนามว่าเซิ่งหยิงหยิง ซึ่งเป็นบุตรสาวของโคตรเซียนอันดับหนึ่งเซิ่งลิ่วฉีอยู่ด้วยนั่นเอง
ในฐานะที่เป็นถึงบุตรสาวของโคตรเซียนอันดับหนึ่งเช่นนี้แน่นอนว่าฝีไม้ลายมือในการเล่นพนันของเซิ่งหยิงหยิงย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน และการที่หลิงหยุนพบนางที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไร เพียงแต่ในเมื่อพบกับนางโดยบังเอิญเช่นนี้ หลิงหยุนก็อดที่จะเข้าไปหยอกเย้านางเล่นไม่ได้..
“คุณชาย..เชิญด้านในค่ะ!”
ภายในห้องวีไอพีชั้นสามนั้นนอกจากจะตกแต่งไว้อย่างหรูหรางดงามแล้ว ยังมีพนักงานสาวหน้าตาสะสวยคอยต้อนรับ และให้บริการอีกด้วย ทันทีที่หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปในห้อง พนักงานสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับทันที..
ภายในห้องวีไอพีนี้..มีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง และมีพนักงานสาวสวยยืนอยู่ตรงกลางทำหน้าที่แจกจ่ายไพ่ และมีคนนั่งล้อมโต๊ะอยู่อีกราวแปดคน
หยางจงที่ปะทะคารมกับหลิงหยุนก่อนหน้านี้ก็เล่นอยู่ในห้องนี้ดวยและดูเหมือนว่าโชคของเขาจะไม่ดีนัก เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็สูญเงินไปกว่ายี่สิบล้านแล้ว..
เมื่อเห็นแขกหน้าใหม่เดินเข้ามาในห้องนักเสี่ยงโชคทั้งหมดต่างก็หันมามองหลิงหยุนพร้อมๆกัน และสองในแปดคนดูเหมือนจะมีท่าทีตกใจไม่น้อย
หนึ่งในนั้นคือหยางจง..หลังจากที่เห็นว่าเป็นหลิงหยุนที่เดินเข้ามา เขาก็ได้แต่ฝืนยิ้มด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
ส่วนอีกคนก็คือ‘สหายเก่า’ ของหลิงหยุนที่ชื่อว่าเซิ่งหยิงหยิงนั่นเอง.. สีหน้าของเซิ่งหยิงหยิงนั้นบ่งบอกว่าประหลาดใจและตกใจอย่างมาก นางจ้องมองหลิงหยุนราวกับกำลังพบเห็นภูติผีวิญญาณ และใบหน้าขาวผ่องก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เซิ่งหยิงหยิงตกตะลึงจนลืมเกมที่อยู่ตรงหน้า จนสาวสวยเจ้ามือต้องเป็นฝ่ายร้องเตือน
“คุณผู้หญิง..ถึงคราวของคุณแล้วค่ะ!”
เซิ่งหยิงหยิงยังคงจ้องมองหลิงหยุนที่นั่งลงด้วยความประหลาดใจไม่มีทางที่เซิ่งหยิงหยิงจะลืมเลือนหลิงหยุนไปได้เป็นแน่ เพราะเขาเคยทำให้เธอได้รับความอับอายอย่างมากเมื่อครั้งที่ไปเล่นในบ่อนของกงหงกวนในเมืองจิงฉู!
หลิงหยุนนั่งอยู่ทางด้านขวามือของหยางจงเป็นคนที่เก้าเขาวางชิปจำนวนสิบล้านไว้ตรงหน้า แล้วจึงหันไปยิ้มให้กับเซิ่งหยิงหยิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับเอ่ยทักทาย..
“คนสวย..ไม่ได้พบกันนานเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร