Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1217

เซิ่งหยิงหยิงเดินตามพ่อของนางเข้าไปในบ้านและกำลังจะวิ่งเข้าห้องนอนของตนเอง..
  “หยุดก่อน!”
  เซิ่งลิ่วเฉิงร้องสั่งบุตรสาวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง..
  เซิ่งหยิงหยิงได้แต่หยุดนิ่งและหันไปพูดกับพ่อของนางด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “อะไรอีกล่ะท่านพ่อ! ข้าเล่นไพ่มาทั้งคืน แล้วก็ดื่มไวน์เข้าไปมาก ตอนนี้ข้าเหนื่อยล้ามาก อยากจะรีบพักผ่อน มีเรื่องอะไรไว้พูดวันพรุ่งนี้ไม่ได้รึ?!”
  เซิ่งลิ่วฉีซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเวลานี้ได้แต่จ้องหน้าบุตรสาวด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
  “เจ้าไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยพ่อจะเตรียมซุปไว้ให้ ดื่มเสร็จแล้วค่อยไปนอน!”   เซิ่งหยิงหยิงหันไปพยักหน้ายิ้มให้กับพ่อของนางก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที!
  เซิ่งลิ่วฉีมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆแล้วจึงลุกขึ้นไปในครัวอุ่นซุปเตรียมไว้ให้กับนาง
  ผ่านไปสิบห้านาที..เซิ่งหยิงหยิงก็สวมชุดนอนเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก พร้อมกับมีผ้าขนหนูสีขาวพันผมที่เปียกไว้..
  ทันทีที่เซิ่งหยิงหยิงนั่งลงเซิ่งลิ่วฉีก็ยื่นถ้วยซุปในมือให้พร้อมกับบอกลูกสาวว่า “ดื่มซะ!”
  เซิ่งหยิงหยิงดื่มซุปเข้าไปถึงสามถ้วยติดกันจนเซิ่งลิ่วฉีอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้..
  “เอาล่ะ..ดื่มน้ำตามเข้าไปอีกหนึ่งแก้วด้วย!”
  เซิ่งหยิงหยิงยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากเซิ่งลิ่วฉีมาดื่มอย่างว่าง่าย..
  เซิ่งลิ่วฉีเลี้ยงดูเซิ่งหยิงหยิงมาด้วความทะนุถนอมและได้สังเกตท่าทีของลูกสาวอย่างละเอียด แต่เมื่อไม่พบความผิดปกติใดๆ ก็ได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
  แต่ถึงอย่างไรเซิ่งหยิงหยิงก็เป็นลูกสาวที่เขารักดั่งดวงใจเซิ่งลิ่วฉีจึงต้องสืบสวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้
  “เหตุใดเจ้าต้องดื่มจนเมามายเช่นนั้นด้วย!”
  “ก็ต้องเมาอยู่แล้ว!”
  เซิ่งหยิงหยิงรีบอธิบายต่อทันที“ท่านพ่อ.. ข้าดื่มไวน์ Lafite เข้าไปตั้งสองขวด จะไม่ให้เมาได้ยังไงกันเล่า ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ดื่มหนักแบบนั้น..”
  “อะไรนะ!นี่เจ้าดื่มไวน์เข้าไปสองขวดเชียวรึ?! เจ้าบ้าไปแล้วหรือยังไง?!”
  เซิ่งลิ่วฉีร้องอุทานตะโกนออกมาอย่างตกใจเพราะหากเป็นเขาดื่มเข้าไปขนาดนั้น ก็คงต้องเมาเป็นธรรมดาเช่นกัน!
  “เหตุใดเจ้าจึงต้องดื่มมากมายถึงเพียงนั้น!”
  เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย“ไม่มีอะไรมาก.. ข้าก็แค่อยากเมาเท่านั้น!”
  จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็พูดต่ว่า“ข้าเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขึ้นรถ และลงมาจากรถได้อย่างไร! ไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองมาถึงบ้านได้อย่างไรด้วย?! แต่..”
  “แต่หลังจากที่หมอนั่นพยุงข้าลงมาจากรถและจับมือของข้าไว้ ข้าก็เริ่มสร่างเมาทันที..”
  เซิ่งลิ่วฉีขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง“เวลานี้เจ้าสร่างเมาขึ้นมากหรือยัง!”
  “ถ้าไม่ดีขึ้นข้าจะเดินขึ้นบันได้ได้อย่างไรกันล่ะ!”
  เซิ่งลิ่วฉีพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองบุตรสาวแล้วจึงถามต่อว่า “เด็กดื้อ.. บอกข้ามาว่าเจ้าชอบเจ้าเด็กนั่นใช่หรือไม่”   เซิ่งหยิงหยิงหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีพร้อมกับร้องเสียงหลง“ใครว่าข้าชอบหมอนั่นกันเล่า”
  เซิ่งลิ่วฉีหัวเราะออกมาพร้อมกับกระเซ้าเย้าแหย่บุตรสาว“ข้าหมายถึงถังเมิ่ง.. นี่เจ้ากำลังคิดถึงใครกัน”
  “ท่านพ่อ!!”
  เซิ่งหยิงหยิงรีบโอบกอดแขนของเซิ่งลิ่วฉีอย่างประจบประแจง..
  จากนั้นเซิ่งลิ่วฉีก็หันไปบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่นักแน่น..“ลูกพ่อ.. ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร หรือรักใคร่ชอบพอผู้ใด พ่อยินดีที่จะสนับสนุนเจ้าเสมอ แต่ถ้าเจ้ามีใจให้กับหลิงหยุนผู้นี้แล้วล่ะก็.. พ่อขอเตือนให้เจ้าล้มเลิกความคิดนี้ได้เลย!”
  เซิ่งหยิงหยิงถึงกับนิ่งอึ้งไปก่อนจะร้องถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ..
  “ทำไมล่ะท่านพ่อ!”
  “พวกเราไม่คู่ควรกับเขา!”   เซิ่งหยิงหยิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดต่อว่า“หากชายที่ลูกชอบเป็นเพียงแค่ลูกเศรษฐีหมื่นล้านธรรมดาทั่วไป พ่อพร้อมที่จะยกสมบัติทั้งหมดที่พ่อหามาทั้งชีวิตมอบให้กับเจ้าเป็นของรับหมั้น ฐานะของเราก็จะไม่ได้ด้อยในสายตาของพวกเขาเลย..”
  “แต่ไม่ใช่กับหลิงหยุน..”
  “หลิงหยุนเป็นยังไงงั้นรึท่านพ่อ!”เซิงหยิงหยิงร้องถามผู้เป็นพ่อออกมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง และไม่พอใจ
  เซิ่งลิ่วฉีแหงนหน้าขึ้นมองโคมไฟหรูหราที่อยู่ในบ้านจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ไม่เพียงเวลานี้ฐานะและภูมิหลังของหลิงหยุนจะลึกลับ แล้วก็ใหญ่โตมาก แต่ในวันข้างหน้า.. เขาจะยิ่งใหญ่อย่างที่ผู้ใดก็คาดไม่ถึง!”
  “….”
  เซิ่งหยิงหยิงได้แต่นิ่งอึ้งไปและพูดอะไรไม่ออก หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ.. ท่านรู้ได้อย่างไร!”   “เจ้าดูจากเด็กถังเมิ่งนั่นสิ..”
  เซิ่งลิ่วฉีเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับถังเมิ่งให้เซิ่งหยิงหยิงฟัง“เมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้.. ถังเมิ่งยังเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมัธยมในโรงเรียนมัธยมจิงฉูเท่านั้น และเขาเองก็เป็นลูกชายของผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งจิงฉูด้วย..”
  แต่เพียงแค่ฐานะลูกชายของผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งจิงฉูคงไม่ได้อยู่ในสายตาของโคตรเซียนอันดับหนึ่งของประเทศนี้อย่างเซิ่งลิ่วฉีเป็นแน่..
  “แต่เจ้าดูตอนนี้สิ!”
  “เวลานี้ถังเมิ่งเป็นถึงประธานบริษัทเทียนตี้ คอร์ปอเรชั่น! และในวันที่เปิดบริษัทเทียนตึ้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่มีคนใหญ่คนโตไปร่วมงานทั้งสิ้น เจ้าเองก็ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์แล้วไม่ใช่รึ!”
  เซิ่งหยิงหยิงพึมพำบอกกับพ่อของตนไปว่า“ท่านพ่อ.. เวลานี้บริษัท เทียนตี้ คอร์ปอเรชั่น ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท หลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นแล้ว!”
  “จะชื่ออะไรก็แล้วแต่..”
  เซิ่งลิ่วฉีถอนหายใจแรงแล้วจึงหันไปมองหน้าลูกสาวพร้อมกับอธิบายต่อ “เฮ้อ.. แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ต่อหน้าข้านั้น ถังเมิ่งพูดอะไรกับข้าบ้าง”
  “เขาเข้ามาจับมือข้าและบอกกับข้าว่าข้าเป็นไอดอลในดวงใจของเขา แล้วยังต้องการลายเซ็นของข้าด้วย..”
  เซิ่งหยิงหยิงยังจำภาพนั้นได้จึงได้แต่บอกพ่อของนาไปว่า “หมอนั่นชอบทำอะไรตลกๆ!’
  แต่เซิ่งลิ่วฉีกลับตอบไปว่า“เขาอาจจะดูตลกในสายตาของเจ้า แต่สำหรับข้า.. เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก!”
  “ด้วยฐานะของถังเมิ่งเวลานี้..แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กกว่าข้า อีกทั้งยังชื่นชอบการพนัน แต่ถึงขั้นที่เขาจะต้องแสดงท่าทีอยากจะได้ลายเซ็นของข้า จนพูดจาเป็นเด็กออกมาเช่นนั้นเชียวรึ!”
  “เฮ้อ..ที่ถังเมิ่งแสดงกิริยาท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็เพราะหลิงหยุนต่างหากเล่า!”
  “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับพวกเขาเป็นครั้งแรกถังเมิ่งจึงได้แสดงออกเช่นนั้น เพื่อให้บรรยากาศในการพูดคุยระหว่างข้ากับหลิงหยุนไม่ต้องกระอักกระอ่วนมากจนเกินไป..”
  เซิ่งหยิงหยิงร้องถามด้วยความสงสัย..“แล้วเหตุใดท่านกับหลิงหยุนจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจด้วยเล่า”
  เซิ่งลิ่วฉียิ้มเล็กน้อย“หึ.. หลิงหยุนนั่งโอบร่างของเจ้ามาตลอดทางเช่นนั้น เจ้าคิดว่าคนเป็นพ่ออย่างข้าจะรู้สึกเช่นใดได้งั้นรึ”
  เซิ่งหยิงหยิงร้องถามด้วยความตกใจ“ห๊ะ! เป็นเขาที่พยุงข้ากลับมาสินะ?!”
  เซิ่งลิ่วฉีเหลือบมองบุตรสาวและตอบกลับเสียงห้วน “เจ้าเมามายไม่ได้สติถึงเพียงนั้น ไม่ให้เขาพยุงเจ้ากลับมา จะให้เขาลากเจ้ากลับมาหรือยังไง!”
  “เฮ้อ..ไม่รู้ว่าเขาฉวยโอกาสอะไรกับเจ้าไปแล้วบ้าง!”
  เซิ่งหยิงหยิงตอบเอียงอาย“เขาไม่ทำเช่นนั้นแน่!”
  “ก็หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เอาเสื้อคลุมตัวเจ้าไว้แบบนั้นแน่!”
  เซิ่งลิ่วฉีอธิบายให้ลูกสาวสุดที่รักฟังต่อ“สรุปง่ายๆก็คือว่า.. เด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้ต่างก็อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำไป แต่ในเวลาเพียงแค่หกเดือนกลับสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว จนกระทั่งมีทรัพย์สินมูลค่านับหลายพันล้านได้..”
  “หยิงหยิง..เจ้าลองใคร่ครวญให้ดีว่า ในประเทศนี้มีผู้ใดบ้างที่จะสร้างทรัพย์สินมูลค่านับหลายพันล้านได้ภายในชั่วเวลาสั้นๆนี้ แต่ละคนที่เห็น.. พวกเขากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวกันมามากมาย..”
  “แต่พวกเขาทั้งคู่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี!”   “และเวลานี้..กิจการในเมืองจิงฉูทั้งหมดก็ได้ตกอยู่ในกำมือของพวกเขาทั้งคู่แล้ว รากฐานของพวกเขาในจิงฉูจึงมั่นคง เรียกได้ว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือหมดแล้ว ทั้งคู่จึงได้มาที่ปักกิ่งยังไงเล่า.. ”
  “ถังเมิ่งซึ่งมาถึงจุดนี้แต่กลับยอมทำทุกอย่างเพื่อหลิงหยุนได้โดยไม่อิดออด..”
  “หยิงหยิง..เจ้าคิดว่าคนฐานะอย่างเราจะคู่ควรผูกสัมพันธ์กับคนเช่นหลิงหยุนอย่างนั้นรึ”
  ในที่สุดเซิ่งลิ่วฉีก็บอกกับบุตรสาวของตนไปตามความจริง..
  เซิ่งหยิงหยิงถึงกับนิ่งเงียบไปจากนั้นจึงยกแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นดื่ม ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่..
  เซิ่งลิ่วฉีจึงพูดต่อว่า“มีบางเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้.. และมีบางเรื่องที่ข้าต้องเตือนเจ้า!”
  “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องระหว่างหลิงหยุนกับบริษัทชิงหยุน โปรดักชั่นนั้น ผู้ใดเข้ามาสะสางเรื่องทั้งหมด”
  “ใครงั้นรึท่านพ่อ!”
  “ที่จิงฉูก็จะเป็นหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวแต่ที่ปักกิ่งดูเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในกองทัพ..”
  “แล้วเรื่องที่ท่านจะเตือนข้าล่ะ”
  เซิ่งลิ่วฉีถามยิ้มๆ“เจ้าจะทนฟังได้รึ!”
  “ไม่มีอะไรที่ข้าทนฟังไม่ได้แน่!”
  เซิ่งลิ่วฉียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า“หยิงหยิง.. หลิงหยุนทั้งหน้าตาหล่อเหลา หนำซ้ำยังร่ำรวยมหาศาล อีกทั้งฐานะของเขาก็ยังไม่ธรรมดา เจ้าว่ารอบกายเขาจะไม่มีหญิงสาวรายล้อมอย่างนั้นรึ!”
  เซิ่งหยิงหยิงได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วพร้อมกับทำเสียงรำคาญ“น่าเบื่อ.. ข้าไม่อยากฟัง!”
  “แต่มันคือความจริง!”
  เซิ่งลิ่วฉีจ้องมองเซิ่งหยิงหยิงที่ก้มหน้าก้มตาแววตาของเขาปรากฏร่องรอยเศร้าโศกขึ้นมาทันที  ความจริงแล้วก็มีชายหนุ่มมาชื่นชอบเซิ่งหยิงหยิงมากมายแต่เซิ่งหยิงหยิงกลับไม่เคยแยแส หรือแม้แต่จะปรายตามอง แต่ชายหนุ่มที่นางชื่นชอบ กลับมีฐานะสูงส่งจนเกินที่จะเอื้อมถึง..
  เช่นนี้แล้วคนเป็นพ่อจะรู้สึกเช่นใดได้เล่า
  “เมื่อคืนเจ้าได้เล่นพนันกับหลิงหยุนหรือไม่”
  หลังจากเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของเซิ่งหยิงหยิงเซิ่งลิ่วฉีจึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
  “อืมม..แต่ข้าก็แพ้ให้เขาอีกอยู่ดี!”
  จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็ได้เล่าให้เซิ่งลิ่วฉีฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“หลิงหยุนใช้วิธีเสี่ยงโชค.. เขาได้ไพ่คิงส์ ส่วนข้าได้ไพ่ควีน..”
  “ท่านพ่อ..หากข้าเล่นพนันกับหลิงหยุนอีกครั้ง ท่านว่าข้าจะแพ้ให้เขาอีกหรือไม่”
  เซิ่งลิ่วฉีเหลือบมองบุตรสาวพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“แพ้แน่นอน!”
  เซิ่งหยิงหยิงถึงกับนิ่งอึ้งไปจากนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะ! เขาเป็นภูติผีหรือยังไงกันนะ?”
  เซิ่งลิ่วฉีหัวเราะหึๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น.. เพียงแต่ข้าทำนายจากใบหน้าของหลิงหยุน ต่อให้เจ้าจะเล่นพนันกับเขาสักกี่ครั้ง เจ้าก็เป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี!”
  เซิ่งหยิงหยิงถึงกับมีสีหน้าตกใจ..เพราะเซิ่งลิ่วฉีซึ่งได้ฉายาโคตรเซียนอันดับหนึ่งมานั้น นอกจากจะมีเทคนิคการเล่นพนันที่เหนือชั้นแล้ว เขายังมีความสามารถพิเศษในเรื่องของการทำนายด้วย..
  “หลิงหยุนเสมือนมังกรท่ามกลางหมู่มวลมนุษย์!”
  เซิ่งลิ่วฉีพึมพำออกมาในที่สุด..
  ……
  ในระหว่างที่เซิ่งลิ่วฉีกับบุตรสาวกำลังพูดถึงเรื่องของหลิงหยุนรถของหลิงหยุนก็กำลังแล่นผ่านประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิงเข้าไปด้านใน  “พี่หยุน..วันนี้พวกพี่จะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนใช่มั๊ย ฉันไม่ไปด้วยนะ เพราะไปมาไม่รู้กี่รอบแล้ว นอกพักผ่อนอยู่บ้านดีกว่า!”
  ทันทีที่ลงจากรถถังเมิ่งก็ร้องตะโกนบอกหลิงหยุนทันที
  ถังเมิ่งไม่ได้ฝึกวรยุทธและหลังจากที่ตะลอนๆกับหลิงหยุนไปทั้งวันทั้งคืนแล้ว หนำซ้ำยังดื่มไวน์เข้าไปมาก เวลานี้จึงรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่สุด!
  “อืมม..นายกลับไปนอนพักผ่อนให้พอ ตื่นแล้วก็ไปหาลุงสองที่บ้านล่ะ!” หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ
  “ข้าเองก็เมามาก..ข้าก็จะไปนอนแล้วเช่นกัน!”
  โม่วู๋เตาร้องบอกหลิงหยุนแล้วรีบกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้หลิงหยุนไม่คิดที่จะห้ามโม่วู๋เตา เพราะรู้ดีว่าโม่วู๋เตาเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว การได้นอนหลับพักผ่อนน่าจะเป็นผลดีกว่าการฝึก..   “พี่หยุน..ฉันจะไปฝึกวิชาต่อ!”
  มีเพียงตี้เสี่ยวอู๋คนเดียวเท่านั้นที่เดินมาบอกหลิงหยุนเช่นนี้หลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า “เสี่ยวอู๋.. พรุ่งนี้นายจะไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนกับฉันมั๊ย”
  ตี้เสี่ยวอู๋ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า“พี่หยุน.. ฉันอยากอยู่ที่บ้านฝึกวิชา!”
  “ถ้าอย่างนั้นวันนี้นายก็อยู่บ้านฝึกไปถ้าไม่มีธุระอะไร คืนนี้ฉันจะช่วยให้นายเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนเอง!”
  “ขอบคุณพี่หยุน!”
  “เสี่ยวอู๋..นายไปฝึกที่ข้างต้นหลิวเทวะวิญญาณในสวนชั้นที่หกจะดีกว่า ที่นั่นมีค่ายกลหลุมพลัง พลังชีวิตที่เข้มข้นภายในสวนจะช่วยให้นายก้าวหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น!”
  ตี้เสี่ยวอู๋รีบวิ่งไปยังสวนชั้นที่หกด้วยความดีอกดีใจ..
  หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋วิ่งออกไปแล้วหลิงหยุนได้แต่พึมพำกับตัวเอง “เสี่ยวอู๋.. ดูท่าวิชานู่เตาของเจ้าคงจะก้าวหน้าไปมากทีเดียว พลังปราณในร่างกายของเจ้าส่งเสียงครืนๆ ราวคลื่นกระทบฝั่งอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าคืนนี้เจ้าจะพัฒนาเข้าสู่ขั้นใดกันแน่!”
  หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่า..หากคืนนี้เขาให้ตี้เสี่ยวอู๋กลืนโอสถล้างไขกระดูกแล้ว ตี้เสี่ยวอู๋จะสามารถพัฒนาขั้นขึ้นไปสูงเท่าใด
  “กา..กา..”
  อีกาทองคำบินจากสวนชั้นที่หกตรงมาหลิงหยุนที่สวนด้านหน้าทันทีมันบินเป็นวงกลมอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนขึ้นไปราวห้าเมตร พร้อมกับส่งเสียงร้องกาๆเป็นการทักทาย..
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปว่า“ว่าไง! เจ้าหิวแล้วงั้นรึ?!”
  ระหว่างที่ถามนั้น..หลิงหยุนก็ใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ถ่ายเทพลังหยางในร่างกายออกมาไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นจึงโยนพลังหยางที่ก่อตัวเป็นก้อนสีขาวขนาดเท่าลูกบอลขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาของอีกาทองคำเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นจึงบินโฉบลงมากลืนก้อนพลังหยางสีขาวลงไปทันที..
  จากนั้นจึงร้องตะโกนบอกอีกาทองคำ“เอาล่ะ! ในเมื่อกินไปแล้ว ก็อย่ามารบกวนการฝึกวิชาของข้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร