Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1243

ทางด้านโม่วู๋เตากับตี้เสี่ยวอู๋นั้นก็ได้แต่นั่งนิ่งฟังเย่ซิงเฉินอธิบายเพราะทั้งคู่ก็เพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเช่นกัน และเมื่อได้ยินว่าการประมูลใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทั้งคู่ก็ถึงกับตาลุกวาวขึ้นมาทันที..
  ไม่นานนัก..ห้องวีไอพีหมายเลข 1 ถึง 8 ก็มีคนเข้าไปจับจองจนครบ และทั้งหมดต่างก็อยู่ในรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว
  “ห้องวีไอพีหมายเลข1 เป็นคนของตระกูลหลง!”
  จู่ๆเย่ซิงเฉินก็พูดขึ้นมา “หมายเลข 2 เป็นคนของตระกูลหลิว หมายเลข 3 เป็นคนของตระกูลถัน หมายเลข 4 เป็นคนของตระกูลหลี่ หมายเลข 5 ข้าเองก็ไม่แน่ใจหนัก แต่หากเดาไม่ผิดน่าจะเป็นสมาชิกของหน่วยนภา ส่วนหมายเลข 6 ก็คือหมั่นเทียนซิงผู้โดดเดี่ยว และหมายเลข 7 ก็คือคนของสำนักเขาหลงหู่ ส่วนห้องหมายเลข 8 ก็เป็นตัวแทนจากวัดเส้าหลิน..”
  “ห้องหมายเลข6 ถึง 8 เป็นผู้นำของมาประมูล ไม่ใช่ผู้ที่จะมาประมูล..”
  หลิงหยุนถึงกับงุนงงแม้แต่ฉินตงเฉี่วยเองก็พูดไม่ออก เมื่อเย่ซิงเฉินอธิบายได้อย่างละเอียด
  เย่ซิงเฉินถึงกับเขินอายเมื่อเห็นสายตาของหลิงหยุนที่จ้องมองมานางหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ที่ข้ารู้เพราะในการประมูลทุกครั้งห้องวีไอพีหมายเลข 1 ถึง 8 นั้นก็จะเป็นห้องประจำของพวกเขาอยู่แล้ว.. ”
  “แล้วห้องหมายเลข2 และ 3 เล่า! ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลถัน กับตระกูลหลิวมาก่อนเลย!”
  เย่ซิงเฉินยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับอธิบายว่า“ข้าเองก็สนใจสองตระกูลนี้อยู่ไม่น้อย เพราะนับตั้งแต่เจ้าทำลายตระกูลซันกับตระกูลเฉินไปแล้ว ทั้งสองตระกูลต่างก็เริ่มพยายามขยับตัวที่จะขึ้นมาแทนที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉิน เพื่อให้ตระกูลของตนได้อยู่ในเจ็ดอันดับตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง และห้องวีไอพีทั้งสองห้องนั้น ใครมีเงินมาก็ได้ไป..”
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ถึงกับถามขึ้นด้วยความสงสัย“มันไม่น่าขันไปหน่อยรึ ยอดฝีมือภายในห้องวีไอพีทั้งสองห้องล้วนอยู่ในขึ้นเซียงเทียน-7 เท่านั้น แต่กลับต้องการขึ้นมาเป็นเจ็ดอันดับตระกูลใหญ่..”
  เย่ซิงเฉินนิ่งไปครู่ใหญ่จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกนัก.. หากจะวัดกันที่ความแข็งแกร่ง ทั้งตระกูลถัน และตระกูลหลิว ก็ไม่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเกากับตระกูลหลี่เลย มิหนำซ้ำยังเหนือกว่าตระกูลหลิงก่อนที่เจ้าจะกลับเข้าตระกูลเสียอีก..”
  เย่ซิงเฉินอธิบายได้อย่างชัดเจนเพราะเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ ตระกูลหลิว และตระกูลถันนั้น นับว่าแข็งแกร่งกว่าสามตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง อย่างตระกูลเกา ตระกูลหลี่และตระกูลหลิงเสียอีก
  นี่จึงไม่ใช่เรื่องน่าขันอย่างที่หลิงหยุนเข้าใจ..
  “ดูเหมือนสองตระกูลนี้จะได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากตระกูลหลงด้วยไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ได้ นอกจากพวกเขาจะมาร่วมประมูลของเพื่อส่งให้กับตระกูลหลงแล้ว ยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลของตัวเองได้ด้วย..”
  ฉินตงเฉี่วยที่นั่งนิ่งมานานในที่สุดก็พูดขึ้นว่า“ความจริงแล้วหลายปีมานี้.. ทั้งตระกูลหลิวและตระกูลถันต่างก็แข็งแกร่งขึ้นได้รวดเร็วไม่น้อยทีเดียว ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทั้งสองตระกูลนั้น นับว่าเหนือกว่าตระกูลเกา ตระกูลหลี่ และตระกูลหลิงมาก เพียงแต่ทั้งสองตระกูลเก็บตัวเงียบ เพื่อรอคอยโอกาสที่จะมาถึงเท่านั้น..”
  “ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าสนใจ..”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า“หากตระกูลหลิวกับตระกูลถันมาประมูลของเพื่อส่งมอบให้กับตระกูลหลงจริง เช่นนั้นแล้วพวกมันสองตระกูลไม่ต้องกลายมาเป็นศัตรูของข้าด้วยอย่างนั้นรึ”
  หลิงหยุนหันมองไปรอบตัวและได้แต่คิดว่าหากนับรวมสำนักเขาหลงหู่กับวัดเส้าหลินแล้ว ยอดฝีมือที่อยู่ในห้องวีไอพีหมายเลขหนี่ง สอง สาม เจ็ด และแปด ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของเขาทั้งสิ้น!
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปถามเย่ซิงเฉินต่อ“คนของตระกูลหลี่ไม่ได้สนใจเรื่องวรยุทธนักไม่ใช่รึ! ถ้าเช่นนั้นพวกเขามาโรงประมูลชาวยุทธด้วยเหตุผลอะไรกัน? เพราะเรื่องเงินทองงั้นรึ?”
  “ตระกูลหลี่จะเข้าร่วมการประมูลสองในสามของทุกปีและใช้เงินประมูลไปในจำนวนไม่น้อยทีเดียว พวกเขาประมูลไปเพื่อมอบเป็นของกำนัล เพื่อรักษาสถานะตระกูลใหญ่เอาไว้ยังไงล่ะ!” เย่ซิงเฉินอธิบาย..
  “หลิงหยุน..ข้าได้ข่าวมาว่าคนจากพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก และพันธมิตรหนานหยางก็มาร่วมประมูลในคืนนี้ด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะนำของมาประมูล หรือจะมาเป็นผู้ประมูลเองกันแน่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเวลานี้พวกเขาอยู่ห้องวีไอพีหมายเลขอะไร?”
  ทันทีที่เย่ซิงเฉินพูดถึงชื่อพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกทำให้หลิงหยุนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบหันไปถามนางว่า
  “แล้วซือกงวู่ฉิงล่ะ”
  เย่ซิงเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ต่อให้ซือกงวู่ฉิงใจกล้ามากเพียงใด มันก็ไม่กล้ากลับมาปักกิ่งแน่!”
  “แต่ที่น่าสงสัยก็คือ..พันธมิตรทั้งสองมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่! โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธมิตรหนานหยาง!”
  ระหว่างนั้นใครบางคนก็ปรากฏขึ้นในจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนในที่สุดเสี่ยวเม่ยเม่ยก็มาถึงแล้ว และกำลังเดินออกมาจากลิฟท์
  เสี่ยวเม่ยเม่ยมาถึงก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้นเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น..
  ….
  หลังจากที่เสี่ยวเม่ยเม่ยถูกปล่อยตัวออกมาจากพรรคมารและในระหว่างที่ฐานะของหลิงหยุนยังไม่ถูกเปิดเผยนั้น นางต้องอยู่อย่างทุกข์ใจ เพราะหลิงหยุนเองก็ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนางเหมือนก่อน
  แต่เวลานี้..หลิงหยุนสามารถเชื่อมั่นในตัวเสี่ยวเม่ยเม่ยได้ดังเดิมแล้ว อีกทั้งเย่ซิงเฉินยังไม่ปฏิบัติต่อนางดังเช่นบ่าวคนหนึ่งอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังมอบโอสถพลังชีวิตหลากหลายให้กับนาง จนเวลานี้เสี่ยวเม่ยเม่ยสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3 ได้แล้ว
  แต่เป็นเพราะหลิงหยุนได้เตือนเสี่ยวเม่ยเม่ยไว้ก่อนล่วงหน้าว่ายังไม่ให้เธอเข้าสู่ด่านกลางขั้นเซียงเทียน ไม่เช่นนั้น.. ตอนนี้นางคงเข้าสู่ด่านกลางจนเกือบจะเข้าใกล้ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนแล้วก็เป็นได้
  ส่วนวิชามารอู๋เซียงเม่ยที่เสี่ยวเม่ยเม่ยได้รับการถ่ายทอดมาจากพรรคมารนั้นนางได้ฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นที่ห้าแล้ว ผู้ที่ฝึกวิชามารอู๋เซียงเม่ยมาจนถึงขั้นนี้ จะสามารถเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาได้ตามต้องการ และผู้ที่มีอยู่ต่ำกว่าขั้นพลังเหนือธรรมชาติจะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย..
  และหากฝึกวิชานี้ถึงขั้นที่หกจะสามารถสกัดกั้นจิตหยั่งรู้ของผู้อื่นได้ เพียงแค่คนผู้นั้นใช้ผ้าห่อหุ้ม หรือปกคลุมไว้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ก็ไม่สามารถใช้จิตหยั่งรู้มองทะลุได้ เหมือนอย่างที่หลิงหยุนไม่สามารถใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองมองทะลุผ้าคลุมหน้าของเย่ซิงเฉินได้นั่นเอง
  เล่ากันว่า..หากผู้ที่ฝึกวิชามารอู๋เม่ยจนถึงขั้นสูงสุดนั้น จะสามารถเปลี่ยนรูปโฉมของตนเองไปได้ตลอดกลาล แม้แต่เซียนยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ ผู้ที่ฝึกมาถึงขั้นนี้จึงสามารถเลือกเกิดใหม่ในรูปลักษณ์ใหม่ได้ตามใจชอบ และเลือกที่จะให้ตนเองเก่งกาจในด้านใดก็ย่อมได้เช่นกัน..
  เสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นเกิดมาพร้อมด้วยร่างกายที่ดั่งสวรรค์ประทานอีกทั้งในคืนวันเชงเม้งที่ไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิงนั้น หลิงหยุนก็ได้ถ่ายเทพลังอมตะลงไปในร่างกายของนางด้วย ทำให้ส่งผลที่ดีต่อการฝึกวิชาอู๋เซียงเม่ยของนางอย่างมาก
  และการที่หลิงหยุนให้เสี่ยวเม่ยเม่ยมาในงานประมูลที่ตระกูลเย่จัดขึ้นในคืนนี้ก็ย่อมต้องมีเหตุผลเช่นกัน..
  นั่นเพราะเสี่ยวเม่ยเม่ยได้ถูกพรรคมารจับตัวไปฝึกวิชาอยู่พักใหญ่และเพิ่งจะปล่อยตัวนางออกมาได้ไม่นาน นอกจากคนของหลิงหยุนแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้จักเสี่ยวเม่ยเม่ย และรู้ว่านางคือคนของเขา..
  แม้แต่ตระกูลหลงและตระกูลเย่เองก็เช่นกัน ต่อให้หน่วยข่าวกรองจะแม่นยำสักเพียงใด ก็คงยากที่จะจดจำเสี่ยวเม่ยเม่ยได้..
  หลังจากที่เสี่ยวเม่ยเม่ยได้รับคำสั่งจากหลิงหยุนเมื่อตอนบ่ายนางก็ได้ตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว และเพียงแค่รอให้การประมูลเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง..   เสี่ยวเม่ยเม่ยมาในชุดสีดำและไม่ได้ปกปิดขั้นพลังของตนเอง เพียงแต่นางได้ทำการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาภายนอก พร้อมกับสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าไว้ หากไม่ใช่ชุดดำที่สวมใส่จนเป็นเอกลักษณ์ของนางแล้วล่ะก็ หลิงหยุนคงจะจำไม่ได้เช่นกัน..
  เมื่อเข้ามาภายในหอประมูลเสี่ยวเม่ยเม่ยก็รีบเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ชั้นล่างตามหมายเลขที่ระบุในบัตรทันที แต่เพราะนางมาถึงในเวลาที่ใกล้จะเปิดประมูลแล้ว จึงเหลือเพียงที่นั่งในแถวสุดท้ายเท่านั้น
  และหมายเลขบนเก้าอี้ของเสี่ยวเม่ยเม่ยก็คือ..958!
  เสี่ยวเม่ยเม่ยเคยเป็นมือสังหารขององค์กรนักฆ่ามาก่อนจึงผ่านการฝึกฝนใช้งานเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยมาแล้วมากมายหลายชนิด การใช้คอมพิวเตอร์ในการประมูลจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับนาง เพียงแค่อ่านวิธีการใช้ครั้งเดียวก็สามารถทำได้แล้ว..
  หลิงหยุนที่เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูอยู่นั้นก็ได้แต่นึกชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของเสี่ยวเม่ยเม่ย และคิดว่าตนนั้นเลือกคนทำงานครั้งนี้ได้ถูกต้องยิ่งนัก!
  “นี่เจ้าให้นางมาทำอะไรที่นี่!เจ้ากำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่?!”
  มีหรือที่เสี่ยวเม่ยเม่ยจะรอดพ้นจิตหยั่งรู้ของเย่ซิงเฉินไปได้ต่อให้นางใช้วิชามารอู๋เซียงเม่ยแปลงโฉม เย่ซิงเฉินซึ่งอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติย่อมสามารถล่วงรู้ได้อยู่ดี..
  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับไปว่า“เดี๋ยวการประมูลเริ่มเมื่อไหร่ เจ้าก็จะรู้เองล่ะน่า!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงสื่อสารกับเสี่ยวเม่ยเม่ยผ่านทางกระแสจิต..
  –เสี่ยวเม่ยเม่ย..ข้าอยู่ในห้องวีไอพีหมายเลข 9 เจ้าศึกษาและทดลองใช้งานให้เครื่องมือต่างๆให้คุ้นเคยก่อน จากนั้นรอฟังคำสั่งของข้า..-
  เสียงของหลิงหยุนดังขึ้นข้างหูของเสี่ยวเม่ยเม่ยแต่นางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหาหลิงหยุน และยังคงแสร้งทำเป็นเล่นคอมพิวเตอร์ตรงหน้าไปเรื่อยๆ พร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ
  –เยี่ยมมาก..ไม่ว่าข้าจะพูด หรือว่าทำอะไร เจ้าต้องแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเจ้าเป็นผู้ทำการประมูลด้วยตัวเอง!-
  หลังจากสั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกครอบคลุมพื้นที่บริเวณชั้นสองไว้ทั้งหมด แต่ก็ต้องพบว่าจิตหยั่งรู้ของเขาไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายในห้องวีไอพีทั้งแปดห้องได้ แม้กระทั่งห้องหมายเลข 6 ของหมั่นเทียนซิงด้วยเช่นกัน..
  เพราะทุกห้องล้วนแล้วแต่มียอดฝีมือที่เก่งกาจอยู่ภายในห้องด้วยและทุกคนต่างก็ได้ใช้วิชาของตนปิดกั้นจิตหยั่งรู้จากภายนอกไว้ชั่วคราวเช่นกัน..
  ‘ดูท่าภายในงานประมูลคืนนี้จะมียอดฝีมือที่สูงส่งอยู่มากมายทีเดียว!’ หลิงหยุนแอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ  …..
  กลางหอประมูลชั้นล่างเวลานี้..มีชายชรารูปร่างปานกลาง ผิวขาว ใบหน้าสะอาดสะอ้าน อายุราวหกสิบปี ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีเพื่อรอให้ถึงเวลาเริ่มประมูลที่กำลังใกล้เข้ามา..
  แต่เพียงแค่เหลือบมอง..หลิงหยุนก็รู้แล้วว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาคือยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติ
  “คนผู้นี้คือหัวหน้าทำการประมูลมีชื่อว่าเซี่ยโหวหมิง อย่างต่ำก็ต้องอยู่ในระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติ เขาเป็นผู้ประเมินสินค้าให้กับตระกุลเย่เป็นคนแรก และทำหน้าที่ในการประมูลมากว่ายี่สิบปีแล้ว..”
  “อาจพูดได้ว่าที่เหล่าชาวยุทธเชื่อมั่นในสินค้าที่ประมูลส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเซี่ยโหวหมิงผู้นี้นี่ล่ะ!”
  ทันทีที่เซี่ยโหวหมิงปรากฏตัวเย่ซิงเฉินก็ได้บอกเล่าฐานะของเซี่ยโหวหมิงให้หลิงหยุนฟังอย่าละเอียด..   และเมื่อเซี่ยโหวหมิงปรากฏตัวเสียงปรบมือก็ดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งหอประมูล เซี่ยโหวหมิงยิ้มออกมาพร้อมกับทำมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ แล้วจึงเริ่มแนะนำตัวกับทุกคน
  “ก่อนอื่น..ข้า – เซี่ยโหวหมิงต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลชาวยุทธที่ตระกูลเย่เป็นผู้จัดขึ้น และข้าเซี่ยหัวหมิงจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการประมูลในค่ำคืนนี้..”
  แม้เซี่ยหัวหมิงจะอายุหกสิบปีแล้วแต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับดังกังวาน และมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่าว่าแต่ผู้คนที่อยู่ในหอประมูลแห่งนี้จะได้ยิน แม้แต่ผู้ที่อยู่ในลิฟท์เวลานี้ก็สามารถได้ยินเสียงของเขาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
  หลิงหยุนรู้ว่าชายผู้นี้คงจะใช้วิชาบางอย่างที่คล้ายกับวิชามังกรคำรามของตนในระหว่างที่พูด..
  “เอาล่ะ..อีกเพียงแค่หนึ่งนาทีก็จะเข้าสู่การประมูลอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าขอให้ทุกท่านได้ของที่ต้องการไปในราคาที่ทุกท่านพึงพอใจ!”
  ระหว่างที่กำลังรอให้การประมูลเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการนั้นหลิงหยุนพบว่าทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่โต๊ะใหญ่กลางห้อง อีกทั้งจิตหยั่งรู้อีกนับร้อยก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกัน
  “การประมูลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”
  เมื่อถึงเวลาสองทุ่มตรงเซี่ยโหวหมิงก็ได้ประกาศเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ และนักรบตระกูลเย่สองคนก็ได้แบกกล่องเหล็กสีดำ ที่มีการใส่กุญแจล็อกไว้ทั้งสี่ด้านอย่างแน่นหนาออกมาจากห้องด้านหลัง
  “เปิดกล่องได้!”
  ทันทีที่นักรบตระกูลเย่ทั้งสองคนเปิดฝากล่องเหล็กขึ้นเสียงร้องอุทานก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้อง
  “โอ้!!”
  และสิ่งที่อยู่ภายในกล่องเหล็กก็คือภูเขาหลากสีขนาดของมันก็ไม่ได้เล็กหรือว่าใหญ่จนเกินไป เขาหลากสีนี้สูงราวครึ่งเมตรได้ และมียอดห้ายอดที่สูงเท่าๆกัน..
  สิ่งที่น่าอัศจรรย์นั้นไม่ใช่ว่าภูเขานี้มีหลากหลายสีแต่ลักษณะของมันนั้นคล้ายกับภูเขาที่กำลังถูกเปลวไฟแผดเผา ซึ่งมีทั้งเปลวไฟสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง ดูงดงามและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก!
  “โอ้โห..ช่างเป็นภูเขาเพลิงที่มีเปลวไฟงดงามยิ่งนัก!”
  “นี่่มันอะไรกัน..ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย!”
  ทุกคนต่างก็พากันร้องตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจแต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนที่รู้จัก..
  หลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่ในห้องวีไอพีหมายเลข9เห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องเหล็กก็ถึงกับหายใจติดขัดขึ้นมาทันที เขาไม่คิดไม่ฝันว่างานประมูลชาวยุทธที่ตระกูลเย่จัดขึ้นนั้น จะมีสมบัติล้ำค่าที่เขาใฝ่ฝันอยากจะได้มานานเช่นนี้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร