ปัง..
เสียงลูกเหล็กขนาดใหญ่หลายลูกค่อยๆเคลื่อนขึ้นกลางอากาศ ในขณะที่หมอกหนาสีขาวก็ค่อยๆจางบางตาลง
หวังชงเซียวยืนอ้าปากค้างในขณะที่จ้องมองภาพซึ่งกำลังเกิดขึ้นภายในกลุ่มหมอก..
เขาเห็นเหล่ายอดฝีมือทั้งสามจากดินแดนหนานหยางต่างก็ช่วยกันเคลื่อนลูกเหล็กให้ลอยขึ้นบ้าง ให้ขยับเปลี่ยนทิศทางบ้าง เพื่อหวังให้ค่ายกลนี้ถูกทำลายลง
หวังชงเซียวได้แต่คิดในใจว่าค่ายกลนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก เพราะหากไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติถูกขังไว้ในค่ายกลเช่นนี้ ก็คงจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย!
นั่นเพราะค่ายกลชนิดนี้ใช่ว่าเมื่อทำลายลูกเหล็ก หรือเคลื่อนลูกเหล็กออกจากตำแหน่งแล้ว ค่ายกลจะสามารถทลายลงได้ในทันที เพราะหากไม่เคลื่อนออกไปในมุมที่ผิดเพี้ยนมากจริงๆ ลูกเหล็กเหล่านั้นก็จะกลับเคลื่อนมาที่เดิม อีกฝ่ายก็ต้องทำการขยับใหม่อีกครั้ง เป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ
หวังชงเซียวยิ่งเกิดความรู้สึกเคารพนับถือหลิงหยุนมากยิ่งขึ้นจนถึงกับต้องเอ่ยออกไปว่า “คุณชาย.. มิน่าท่านจึงกล้าประมูลแผนที่ปริศนานั่น เพราะท่านเก่งกาจถึงเพียงนี้นี่เอง!”
หวังชงเซียวรู้ได้ทันทีว่าด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของหลิงหยุนที่แสดงให้เห็นนั้น เขาจะสามารถเข้าไปสำรวจในดินแดนลี้ลับได้อย่างไม่ต้องสงสัย..
หลิงหยุนได้ฟังคำป้อยอของหวังชงเซียวก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “เฮ้อ.. ครั้งหน้าข้าคงต้องเปลี่ยนจากลูกเหล็กเป็นอย่างอื่น!”
หลิงหยุนไม่แสร้งทำเป็นถ่อมเนื้อถ่อมตัวแต่อย่างใดเขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของยอดฝีมือจากดินแดนหนานหยางทั้งสามคน ในเวลาเพียงแค่สามนาที ค่ายกลวราหกของหลิงหยุนก็ค่อยๆสลายตัว
หมอกหนาเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆและยอดฝีมือทั้งสามก็กำลังช่วยกันซัดฝ่ามือใส่ลูกเหล็กอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งลูกเหล็กหลายลูกได้กระเด็นออกจากองศาของมันไปไกล และเวลานี้ก็สามารถมองเห็นยอดฝีมือทั้งสามได้อย่างชัดเจน
ยอดฝีมือทั้งสามจากดินแดนทะเลใต้หนานหยางนี้ต่างก็มีรูปร่างผอมบาง และสูงราวหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซ็นติเมตร ผิวสีเข้ม ดวงตาสีเขียว แต่หนึ่งในนั้นกลับมีดวงตาสีแดงเข้ม และใบหน้ามีรอยแผลเป็นดูน่าหวาดผวายิ่งนัก
เวลานี้ชายทั้งสามต่างก็มีกลิ่นอายสังหารคละคลุ้งรุนแรง แววตาของพวกเขาล้วนเย็นชา ต่างคนต่างก็นิ่งเงียบและชะงักงันไปชั่วขณะ
ปัง! ชายผู้มีดวงตาสีแดงเข้มและมีแผลเป็นบนใบหน้ากำหมัดชกเข้าไปที่ลูกเหล็กขนาดใหญ่อีกหนึ่งลูกจนลอยละลิ่วออกไปพร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย
หลังจากที่หมอกค่อยๆจางลงจนกระทั่งหายไปในที่สุดนั้น เป็นการบ่งบอกว่าค่ายกลวราหกของหลิงหยุนได้หมดฤทธิ์แล้ว
จากนั้นร่างทั้งสามก็กระโดดออกมาจากค่ายกลพร้อมๆกัน และแขนทั้งหกก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนกับหวังชงเซียวซึ่งกำลังเหาะอยู่กลางอากาศทันที
แต่ในชั่วพริบตาเดียวหมอกพิษสีเขียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหยุนกับหวังชงเซียว ส่วนยอดฝีมือทั้งสามนั้นก็ได้กระโดดหายเข้าไปในหุบเขาด้านหน้าทันที!
แน่นอนว่าพวกเขาต้องการที่จะหนีออกไป!
“หึ..ลูกไม้ตื้นๆ”
หวังชงเซียวโคจรพลังปราณสีฟ้าปกป้องร่างของตนไว้มิหนำซ้ำยังเผื่อแผ่ไปถึงหลิงหยุนด้วย ในขณะที่สองมือก็ปัดป่ายหมอกพิษสีเขียวที่กระจายฟุ้งเต็มไปหมด
“พิษนั่นทำอะไรข้าไม่ได้เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณช่วยปกป้องข้า!”
หลิงหยุนร้องบอกหวังชงเซียวพร้อมกับควบคุมกระบี่เหินยู่เจี้ยนให้พุ่งฝ่าหมอกพิษสีเขียวไปทันที!
มีวิชาดาราคุ้มกายในระดับย่อยที่สิบสี่คอยปกป้องร่างกายเช่นนี้ไม่มีทางที่หมอกพิษจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหลิงหยุนได้เป็นแน่..
ฟิ้ว..
เพียงแค่พริบตาเดียวหลิงหยุนก็สามารถเหาะตามยอดฝีมือทั้งสามไปได้ทัน!
“โอ้..นี่มัน..”
หวังชงเซียวเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ตกตะลึงอีกครั้งเพราะเขาเห็นร่างของหลิงหยุนนั้นคล้ายมีลำแสงสีขาวเปล่งประกายออกมารอบตัว และลำแสงสีขาวนั้นก็ค่อยๆสว่างไสวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งป่า
“นี่วิชาบ่มเพาะอันใดกันจึงได้มีพลังหยางบริสุทธิ์เช่นนี้ได้!”
หวังชงเซียวที่ยังคงเหาะอยู่กลางอากาศห่างจากหลิงหยุนไปค่อนข้างไกลนั้นยังสามารถสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ระอุขึ้นรอบๆได้
และนี่คือวิชาหยางพิสุทธิ์ของหลิงหยุนนั่นเองเวลานี้ว่ามือข้างหนึ่งของเขาปรากกฏแสงสีขาวที่มีรูปร่างคล้ายกระบี่ขึ้น!
นี่คือกระบี่หยางพิสุทธิ์!
“พวกเจ้าเตรียมมอบชีวิตมาให้ข้าได้แล้ว!”
ใช่ว่าหลิงหยุนต้องการที่จะใช้วิชาหยางพิสุทธิ์เพื่อโอ้อวดความสามารถของตนแต่เป็นเพราะยิ่งเข้าใกล้ยอดฝีมือทั้งสามมากเพียงใด เขาก็ยิ่งสัมผัสถึงปราณภูติผีรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของทั้งสามคนมากเท่านั้น..
พลังหยางที่บริสุทธิ์สามารถขับไล่ภูติผีวิญญาณได้!
ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..
หลิงหยุนตวัดกระบี่หยางพิสุทธิ์ในมือเพียงแค่สามครั้งยอดฝีมือที่บ่มเพาะพลังด้วยปราณภูติผีทั้งสามก็ดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์ลง..
เพียงแค่หลิงหยุนร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารกระบี่หยางพิสุทธิ์ของเขาก็ขยายยาวออกไปไกลถึงสามสิบเมตร และพุ่งแทงทะลุแผ่นหลังของยอดฝีมือทั้งสามสิ้นใจตายในทันที!
หลังจากที่สังหารยอดฝีมือทั้งสามได้แล้วหลิงหยุนก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขาเหาะไปยืนตรงหน้าของชายดวงตาสีแดงเข้มซึ่งใบหน้ามีรอยแผลเป็น พร้อมกับเอื้อมมือออกไปคว้าบางสิ่งบางอย่างออกมา..
แล้วแสงสีม่วงก็เปล่งประกายเจิดจ้าออกมาทันที!
มันคือไขหยกม่วงที่เหออวี้ฉงประมูลได้และเวลานี้มันก็ได้ตกเป็นของหลิงหยุนแล้ว! ยอดฝีมือผู้บ่มเพาะพลังด้วยปราณภูติผีต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะต้องเอาชีวิตของตนมาทิ้งที่นี่..
หวังชงเซียวที่ยังคงเหาะอยู่กลางอากาศได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง!
หลิงหยุนสามารถสังหารยอดฝีมือระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้พร้อมกันถึงสามคนภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเช่นนี้ การจู่โจมที่รุนแรง รวดเร็ว และว่องไวเช่นนี้ หวังชงเซียวจะสามารถต้านทานได้สักกี่ดาบกัน
หวังชงเซียวได้แต่คิดในใจว่าเป็นโชคดีของเขาที่หลิงหยุนยังให้โอกาสเลือก ไม่เช่นนั้นคงยากที่เขาจะสามารถหนีไปได้!
ความจริงแล้วแม้หวังชงเซียวจะอยู่ในดินแดนทะเลจีนตะวันออกแต่ก็รู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนทะเลใต้หนานหยางไม่น้อยทีเดียว เขารู้ว่ายอดฝีมือในดินแดนหนานหยางนั้นล้วนบ่มเพาะพลังด้วยวิญญาณของภูติผี อีกทั้งยังเป็นผู้มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่ายอดฝีมือระดับเดียวกันในผืนแผ่นดินใหญ่ นั่นเพราะคนในดินแดนหนานหยางมุ่งเน้นการใช้พิษ แมลง และคุณไสย อีกทั้งยังมีการเลี้ยงกุมารที่ดุร้ายอีกด้วย
อย่างเช่นเมื่อครู่นี้จิตหยั่งรู้อันทรงพลังของหวังชงเซียวนั้นพบว่า ระหว่างที่หลิงหยุนไล่ตามยอดฝีมือทั้งสามคนไปนั้น พวกมันได้ปล่อยวิญญาณชั่วร้ายที่เลี้ยงไว้ออกมา ซึ่งสายตามนุษย์ธรรมดาทั่วไปนั้นไม่อาจมองเห็นได้ วิญญาณเหล่านี้ล้วนดุร้าย มันจะเข้าไปสิงสู่และดูดกินเลือดเนื้อในกายของมนุษย์ผู้นั้น
แต่วิญญาณชั่วร้ายนั้นล้วนถูกหลิงหยุนสังหารตายอย่างง่ายดาย..
นั่นเพราะหลิงหยุนได้ใช้วิชาหยางพิสุทธิ์และมีพลังหยางบริสุทธิ์ปกป้องร่างกายไว้นั่นเอง!
….
หลังจากที่หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือจากดินแดนหนานหยางทั้งสามคนตายแล้วเขาก็ได้แต่นึกเสียใจที่ยังไม่ได้เค้นถามความจริงบางเรื่องเสียก่อน
นั่นเพราะหลิงหยุนกำลังสงสัยว่าหญิงสาวที่อยู่ในห้องวีไอพีหมายเลข13 นั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับยอดฝีมือทั้งสามคนนี้ เพราะไขหยกม่วงนี้หญิงสาวผู้นั้นก็ต้องเป็นผู้มอบให้ และด้วยความชั่วช้าของทั้งสามคน เป็นไปได้มากที่จะใช้วิชาของตนเองเล่นงานคนธรรมดาทั่วไป
หลังจากที่ได้ไขหยกม่วงมาแล้วหลิงหยุนก็ใช้จิตหยั่งรู้ของตนสำรวจตามร่างของยอดฝีมือทั้งสามคน เพื่อดูว่ายังมีสมบัติล้ำค่าใดหลงเหลืออยู่ในตัวพวกมันอีกหรือไม่
แต่หลิงหยุนก็ต้องผิดหวังเพราะนอกจากไขหยกม่วงแล้ว เขาก็ไม่พบสมบัติชิ้นอื่นเลย มีเพียงแค่เครื่องมือสื่อสารธรรมดา และผงยาพิษที่ยังไม่ได้ใช้เท่านั้น..
‘โอ้..ชาวหนานหยางช่างน่าสงสารนัก พวกเขาช่างยากจนจริงๆ!’
หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนหายใจจากนั้นจึงใช้กระบี่ฟันร่างทั้งสามให้เลือดไหลออกมา แล้วจึงหยดผงละลายศพลงไป เพราะบาดแผลที่ถูกกระบี่หยางพิสุทธิ์นั้น ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว มีเพียงรอยบาดแผลที่ไหม้ดำเท่านั้น
หลิงหยุนเก็บกระบี่แล้วเหาะกลับไปหาหวังชงเซียวทันที พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เฮ้อ.. ข้าว่าดินแดนทะเลจีนตะวันออกของเจ้ายากจนแล้ว แต่ดินแดนหนานหยางดูเหมือนจะยากจนกว่าเสียอีก แม้แต่อาวุธยังไม่มีพกติดตัว..”
หวังชงเซียวถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกและได้แต่คิดในใจว่า ‘หากพวกเราร่ำรวยดังเช่นตระกูลเย่ เหตุใดยังต้องเสี่ยงชีวิตทำเรื่องเช่นนี้ด้วยเล่า!’
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไปจึงตอบไปว่า “คุณชาย.. ผู้คนในดินแดนทะเลจีนใต้ล้วนแล้วแต่ยากจนยิ่งนัก อีกทั้งยังหาทรัพยากรในการฝึกฝนได้ยากยิ่ง คนพวกนี้จึงต้องฝึกโดยอาศัยพลังจากภูติผีวิญญาณ..”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดีเจ้าไม่ต้องพูด..” หลิงหยุนยกมือขึ้นห้ามและคร้านที่จะฟัง พร้อมกับส่งเครื่องมือสื่อสารในมือให้หวังชงเซียวแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าลองดู..ข้าคิดว่าพวกมันเพิ่งจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือไป!”
หวังชงเซียวรับเครื่องมือสื่อสารมาเปิดดูและพบว่าในข้อความมีเพียงแค่สองคำเท่านั้นคือ –หลิงหยุน–
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นก็หน้าบึ้งขึ้นมาทันทีเขาคาดว่าในระหว่างที่กำลังหนีนั้น พวกเขาได้พยายามส่งข้อความบอกแต่พิมพ์ได้เพียงแค่คำว่า ‘หลิงหยุน’ เท่านั้น
หวังชงเซียวรีบก้มหน้าลงทันทีและไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองหลิงหยุนอีก เหงื่อเย็นเริ่มผุดขึ้นเต็มหน้าผาก และแผ่นหลังของเขา
นั่นเพราะเขาเป็นผู้ที่ร้องตะโกนชื่อ‘หลิงหยุน’ ออกมาเสียงดัง!
“หึ..ไว้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!” หลิงหยุนพูดรอดไรฟัน
หวังชงเซียวได้แต่พยักหน้าหงึกๆพร้อมกับตอบไปว่า “เป็นความผิดของข้าเอง หากพวกมันกล้าบุกมาแค้แค้นคุณชายถึงที่นี่ ข้าจะเป็นคนจัดการกับพวกมันเอง!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางแวมไพร์ทั้งห้า ตี้เสี่ยวอู๋ และเสี่ยวเม่ยเม่ยซึ่งอยู่ด้านล่าง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้าค่อยๆเรียนรู้จากพวกเขา!”
หวังชงเซียวยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าพร้อมกับพยักหน้าตอบไปว่า“ข้าจะค่อยๆเรียนรู้จากพวกเข้า!”
จากนั้นหลิงหยุนก็มองไปทางทิศตะวันตกพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “ซิงเฉินมาแล้ว!”
หลิงหยุนรีบควบคุมกระบี่เหินยู่เจียนให้เหาะไปทางทิศตะวันตกทันที!
“เป็นเช่นใดบ้าง”
เย่ซิงเฉินยิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“โชคดี.. ข้าไม่ทำให้เจ้าต้องอับอาย!” ระหว่างที่พูดนั้นเย่ซิงเฉินก็ยื่นผ้าแพรไหมดำจำนวน36 กิโลกรัมให้กับหลิงหยุน..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับเย่ซิงเฉินทันที!
….
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลงนั้นทั้งหมดต่างก็แยกย้ายออกเป็นสามกลุ่ม หลิงหยุน ตี้เสี่ยวอู๋ และเสี่ยวเม่ยเม่ยกลุ่มหนึ่ง เย่ซิงเฉินกับฉินตงเฉี่วยกลุ่มหนึ่ง ส่วนโม่วู๋เตานั้นไปหาเหออวี้ฉง..
เย่ซิงเฉินกับฉินตงเฉี่วยนั้นทำหน้าที่คุ้มครองคนตระกูลหลี่พร้อมสินค้าที่ประมูลกลับไปบ้านได้อย่างปลอดภัยโดยที่เย่ซิงเฉินเข้าไปพูดคุยกับหลี่จวิ้นหัวก่อน และทันทีที่การประมูลสิ้นสุดลง ทั้งหมดก็รีบออกจากโรงมูลพร้อมสินค้าที่ประมูลได้ทั้งหมดทันที
หลังจากที่คนตระกูลหลิวออกจากเขตความคุ้มครองของตระกูลเย่ไปได้เพียงห้ากิโลเมตรยอดฝีมือของตระกูลหลิวกับตระกูลถันที่ซุ่มรออยู่ก็โผล่ออกมา แต่ทั้งหมดกลับพ่ายแพ้ให้กับฉินตงเฉี่วยและเย่ซิงเฉินที่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืด
แต่ฉินตงเฉี่วยกับเย่ซิงเฉินก็ไม่ได้สังหารผู้ใดเพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ในครั้งนี้ แต่หลิวหย่วนจื้อกับถันอิงจะต้องชดใช้ในการกระทำครั้งนี้ของตนเอง ด้วยการมอบของที่ประมูลได้บางส่วนใส่กับหญิงสาวทั้งสอง
หลังจากที่ตระกูลหลิวกับตระกูลถันจากไปแล้วเย่ซิงเฉินจึงได้บอกกับหลี่จวิ้นหัวว่าทั้งหมดนี้เป็นการสั่งการจากหลิงหยุนแห่งตระกูลหลิง..
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทันทีที่หลี่จวิ้นหัวรู้ว่าตระกูลหลิงยินดีให้ความคุ้มครองตระกูลหลี่เช่นนี้ เขาจึงรีบมอบผ้าแพรไหมดำทั้ง 36 กิโลกรัมที่ประมูลมาได้ให้กับเย่ซิงเฉินทันที
เย่ซิงเฉินรับผ้าแพรไหมดำมาด้วยความยินดีและนำกลับไปให้หลิงหยุนทันที ในขณะที่ฉินตงเฉี่วยยังติดตามไปส่งหลี่จวิ้นหัวจนถึงบ้านตระกูลหลี่ แล้วจึงค่อยตามกลับมา
ในตอนนี้..ภูเขาหลากสี น้ำผึ้งหยกขาว แผนที่ปริศนา กระบี่ฑูตสวรรค์ ศิลากลั่นวิญญาณ ไขหยกม่วง และผ้าแพรไหมดำชั้นเลิศ 36 กิโลกกรัม สมบัติล้ำค่าทั้งเจ็ดอย่างก็ได้ตกมาอยู่ในมือของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร