“เอาล่ะ..ไปส่งฉางหลิงก่อน!”
ทันทีที่รถเคลื่อนออกจากคฤหาสนต์ตระกูลหลิงหลิงหยุนก็สั่งให้ขับไปส่งเฉินหลิงเป็นคนแรก เพราะมหาวิทยาลัยไชน่ามีเดียนั้นอยู่ทางด้านตะวันออกของถนนวงแหวนที่ห้าพอดี
“ฉางหลิงวันนี้คนมากมายทีเดียว ไม่ต้องการให้พวกเราเข้าไปส่งข้างในก่อนจริงๆน่ะเหรอ”
ฉางหลิงยิ้มหวานให้ก่อนจะตอบหลิงหยุนไปว่า“ไม่จำเป็น เมื่อวานเฉินเฉินพามาดูสถานที่ก่อนแล้ว ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ตรงใหน เดี๋ยวจะไปเดินดูหอพักของมหาวิทยาลัยก่อนด้วย..”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามย้ำอีกครั้ง“นี่เธอตัดสินใจที่จะอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัยจริงๆน่ะเหรอ”
“อืมม..ฉันเองก็อยู่หอพักที่โรงเรียนมาตั้งนาน มาที่นี่คงหาเพื่อนใหม่ได้ไม่ยากนัก!” จากนั้นฉางหลิงก็รีบโบกมือลาทุกคนแล้วรีบหันหลังเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยทันที แต่เมื่อเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว ฉางหลิงก็รีบไปหลบมุมพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม ต่อหน้าเกาเฉินเฉินกับหนิงหลิงยู่ เธอจำเป็นต้องเสแสร้งทำตัวให้แข็งแกร่งเช่นนั้นเอง
–ไม่ต้องร้องไห้ไป..ผมจะมาเยี่ยมคุณแน่!-
ระหว่างที่น้ำตากำลังไหลอาบแก้มนั้นเสียงปลอบโยนของหลิงหยุนก็ดังขึ้นข้างหูของตนเอง ฉางหลิงถึงกับตกใจอย่างมาก จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตา
จากนั้นจึงก้าวเดินเข้าไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย..
……
มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้นตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของคฤหาสน์ตระกูลหลิงและห่างกันเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น รถของหลิงหยุนมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยหยานจิงราวสิบนาฬิกาสี่สิบหน้านาทีที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดในประเทศจีน แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โต แต่วันนี้กลับมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
“ว้าว..มหาวิทยาลัยหยานจิง หรือสวรรค์กันแน่!”
ทันทีที่ทั้งห้าคนก้าวเท้าลงจากรถหลิงหยุนและคนอื่นๆต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง..
นั่นเพราะหลิงหยุนนั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนักส่วนเกาเฉินเฉิน หนิงหลิงยู่ และฉีเสี่ยวชิงที่ยืนอยู่นั้น ก็มีใบหน้าที่สวยงามอย่างหาใครเปรียบได้ยาก!
ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นก็รูปร่างสูงใหญ่และสง่างาม ดูคล้ายกับบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อที่มาคอยคุ้มครองหนุ่มสาวทั้งสี่..
ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหันมองจนเหลียวหลัง.. “ว้าว!ดูสิเธอ.. หล่อยังกับเทพบุตร! ไม่น่าเชื่อว่ามหาวิทยาลัยหนานจิงจะมีนักศึกษาชายหน้าตาหล่อแบบนี้อยูด้วย โชคดีจังที่ฉันสอบเข้าที่นี่ได้!”
“นี่..สาวสวยสองคนนั่นเรียนคณะไหนวะ”
ทั้งนักศึกษาหญิงและชายต่างก็พากันจ้องมองและวิพากษ์วิจารณ์ถึงกลุ่มของหลิงหยุนกันมากมาย
“เป็นไปได้ยังไงปกติฉันไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยหยานจิงมีนักศึกษาหน้าตาหล่อย แล้วก็สวยแบบนี้มาก่อนเลย!”
“นั่นสิ!ส่วนใหญ่คนสวยๆ ก็ไปเรียนด้านการแสดงจนหมด!”
“แต่ตอนนี้มีดาวเด่นมาพร้อมกันถึงสี่ดวงเชียวนะ!”
หลิงหยุนได้ยินคำวิพาษ์วิจารณ์ทำนองนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเขาจึงไม่ใส่ใจนัก และรีบเดินนำคนทุกคนไปทันที “พวกเรามารายงานตัวครับ..”
หลิงหยุนเดินนำทุกคนไปที่โต๊ะยาวพร้อมกับร้องบอกเจ้าหน้าที่ที่นั่งประจำอยู่..
“เอ่อ..”
คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนทำให้หลายคนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึงและต่างก็นิ่งเงียบพร้อมกับคิดในใจว่า
‘มารายงานตัวจริงๆเหรอ’
“โอ้..ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่!”
เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนเป็นฝ่ายพูดขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามต่อว่า “แล้วอยู่คณะไหนกันบ้างล่ะ”
หลิงหยุนตอบไปว่า“ผมอยู่คณะแพทย์ศาสตร์ครับ”
“คณะธรณีฟิสิกส์ค่ะ”หนิงหลิงยู่ตอบ
“คณะบริหารธุรกิจค่ะ”ฉีเสี่ยวชิงตอบเช่นกัน
“ประวัติศาสตร์ค่ะ”เกาเฉินเฉินตอบ แม้เกาเฉินเฉินจะพลาดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงแต่ด้วยอำนาจบารมีของเกาจิ้นสง ก็ทำให้เธอสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหยานจิงได้ไม่ยาก
นักศีกษาใหม่ต่างก็พากันยืนมองด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าทั้งสี่คนคือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหยานจิงทั้งหมด!
ไม่เพียงแค่นักศึกษาใหม่ที่ตกใจแม้แต่เจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เมื่อตั้งสติได้จึงรีบถามหาเอกสารที่จำเป็น
“พวกเธอนำหนังสือตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยกับบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยมั๊ย”
“คณะบริหารเชิญทางซ้ายมือเลยจ้ะส่วนคณะธรณีวิทยาก็ทางขวานะ ประวัติศาสต์มาหาฉันเลยได้เลย..”
“ส่วนพ่อหนุ่มหน้าตาหล่อคณะแพทย์ศาสตร์เดี๋ยวไปรายงานตัวที่คณะโดยตรงได้เลย!” หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้ส่วนหญิงสาวทั้งสามก็แยกย้ายกันไปรายงานตัวตามที่เจ้าหน้าที่ชี้บอก
“ฮ่า..ฮ่า.. ต่อไปคณะบริหารของเราก็จะมีสาวสวยแล้ว!”
“นั่นสิ..ประวัติศาสตร์ก็ไม่น้อยหน้านะ!”
ระหว่างขั้นตอนการรายงานตัวต่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาไม่หยุดหลิงหยุนรีบเดินแยกออกมาและตรงไปที่รถทันที
ในบรรดาสาวงามทั้งสามคนมีเพียงฉีเสี่ยวชิงเท่านั้นที่เลือกอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัย
หนิงหลิงยู่ไปอยู่ที่บ้านซึ่งตระกูลฉินซื้อไว้ให้เพื่อสะดวกต่อการฝึกฝนวิชาของนางเอง ส่วนเกาเฉินเฉินก็อยู่ที่บ้านตระกูลหลิงกับหลิงหยุนเช่นเดิม
หลังจากรายงานตัวเสร็จสิ้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ขับรถไปส่งฉีเสี่ยวชิงที่หอพักก่อน แล้วจึงค่อยไปส่งหนิงหลิงยู่ที่บ้าน หลังจากช่วยหนิงหลิงยู่จัดบ้านเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงชวนทุกคนออกไปกินข้าว “เอาล่ะ.. ไปหาอะไรกินฉลองกันดีกว่า!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็นัดหมายหญิงสาวที่เหลือแล้วทั้งห้าคนก็ออกไปหาข้าวฉลองกันอย่างมีความสุข และในเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ก็ได้ขับรถไปที่คณะแพทย์ศาสตร์ซึ่งอยู่ห่างจากคณะอื่นๆไปราวหกกิโลเมตร
“ทำไมถึงได้เงียบเชียบแบบนี้นะ!นี่พวกเราไม่ได้มาผิดที่ใช่มั๊ย?”
ทันทีที่ขับมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยหลิงหยุนกลับพบว่าตลอดทางเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยหยานจิงนั้น ค่อนข้างเงียบสงัดราวกับว่าวันนี้ไม่ใช่วันรายงานตัวของนักศึกษาใหม่
เกาเฉินเฉินกระซิบเสียงเบา“หรือว่าวันนี้จะมีคนใหญ่คนโตมา”
“คนใหญ่คนโตที่ไหนกัน!”หลิงหยุนถามกลับด้วยความสงสัย “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันฉันก็แค่คาดเดาเอา..” เกาเฉินเฉินกระซิบตอบ
หลิงหยุนจัดการเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจในระยะสามกิโลเมตรพร้อมวิชาแยกย้ายธาตุเพื่อเป็นการปิดซ่อนจิตหยั่งรู้ของตนจากผู้อื่น และเขาก็ได้พบว่าตลอดเส้นทางนั้นมียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ซ่อนตัวอยู่มากมาย
หลิงหยุนจึงรีบร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋ให้หยุดรถทันที“เสี่ยวอู๋ เจ้าขับเลยไปด้านหน้าหาที่จอดรถรอ ส่วนข้าจะไปรายงานตัวที่คณะก่อน..”
เกาเฉินเฉินถึงกับใจเต้นแรงเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบกระซิบบอกหลิงหยุนสองสามคำ แล้วจึงบอกให้ตี้เสี่ยวอู๋ออกรถ
–เฉินเฉินไม่ต้องเป็นห่วง ผมรีบไปรายงานตัวแล้วจะรีบกลับ!-
หลิงหยุนเดินตรงเข้าประตูมหาวิทยาลัยไปและภายในจิตหยั่งรู้ของเขาก็เห็นเจ้าหน้าที่ราวสองสามคนนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ แต่กลับไม่มีนักศึกษาใหม่เลยแม้แต่คนเดียว..
หลิงหยุนเดินมุ่งหน้าไปยังจุดรายงานตัวพร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า“สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาใหม่มารายงานตัวครับ!”
“ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ค่ะขอเอกสารที่จำเป็นด้วยค่ะ!”
หลิงหยุนรีบยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้กับเจ้าหน้าที่ทันที“ห๊ะ! หลิงหยุนงั้นเหรอ? หลิงหยุนที่จบจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูใช่มั๊ย?”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็หันมองมาทางหลิงหยุนเป็นตาเดียว..
หลิงหยุนเห็นแล้วก็อดนึกขันไม่ได้จึงได้แต่ยิ้มออกมา และตอบไปว่า “ใช่ครับ.. ผมเอง!”
จากนั้นชายผู้หนึ่งก็ตรงเข้ามาจับแขนหลิงหยุนไว้พร้อมกับร้องตะโกนออกมา“ไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย มีมารอพบเธออยู่ที่ห้องของท่านคณบดี!”
“เดี๋ยวสิครับผมยังรายงานตัวไม่เสร็จเลย รอก่อนไม่ได้เหรอครับ” หลิงหยุนร้องบอกอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจ้าหน้าทางนี้จะจัดการให้เธอเอง ตามฉันมาเร็วเข้า!”
ชายผู้นั้นรีบก้าวออกมาจากด้านหลังโต๊ะยาวและรีบลากแขนหลิงหยุนให้ตามออกไปทันที
ห้านาทีต่อมาหลิงหยุนก็เข้าไปอยู่ในห้องทำงานที่กว้างขวางใหญ่โตของคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยหยานจิง
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่นั้นมีชายชราอายุราวหกสิบปีแต่ลักษณะท่าทางยังคงความสง่างาม และต้องการพบหลิงหยุนรออยู่
หลังจากที่ชายชราได้เห็นหน้าหลิงหยุนก็มีสีหน้ายินดีอย่างมากเขาลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างให้หลิงหยุนพร้อมกับเชื้อเชิญทันที
“หลิงหยุนนั่งก่อนสิ!”
หลังจากที่หลิงหยุนนั่งลงแล้วชายชราก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าใจดีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พ่อหนุ่มไม่ต้องเกร็งเช่นนั้นก็ได้ วันนี้เราจะวางฐานะของแต่ละคนไว้ก่อน พวกเราสองคนจะพูดคุยกันในฐานะของชายชรากับนักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดเห็นเช่นใด”
“ก็ไม่เลว..”
ต่อหน้าชายชราผู้นี้หลิงหยุนทะนุถนอมคำพูดดั่งว่ามันมีค่าราวทองคำ..
“เรียงความที่เจ้าเขียนในข้อสอบเอนทรานซ์นั้นข้าได้อ่านหมดแล้วดูเหมือนจะมีชื่อหัวข้อว่า ‘การเรียนรู้’ สินะ”
หลิงหยุนรีบพยักหน้าทันทีและได้แต่แอบนึกตกใจที่รู้ว่าชายชราอ่านแม้กระทั่งเรียงความในข้อสอบเอนทรานซ์ของตน
ทั้งคู่เริ่มต้นสนทนาด้วยเรื่องของเรียงความจากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันไปเรื่องจนกระทั่งผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่หลิงหยุนได้รินชาให้อาวุโสท่านนี้ไปถึงเก้าถ้วยแล้ว
จนกระทั่งล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทั้งสองคนนั่งคุยอะไรกันไปบ้าง
ชายชรากับหลิงหยุนนั่งคุยกันอย่างถูกคอต่ออีกครู่ใหญ่ในที่สุดชายชราก็เดินออกมาส่งหลิงหยุนด้วยสีหน้าเสียดาย
และเมื่อหลิงหยุนเดินลงบันไดมาก็พบว่าการลงทะเบียนรายงานตัวของเขานั้น ทางเจ้าหน้าที่ด้านล่างได้จัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดต่างก็เดินมาจับมือหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มให้
หลิงหยุนยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนและรู้ว่าที่พวกเขาทำเช่นนี้กับหลิงหยุนหาใช่เพราะล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา แต่เป็นเพราะชายชราในห้องนั้นต่างหากเล่า..
ในเวลาราวบ่ายสี่โมงครึ่งหลิงหยุนจึงเดินออกไปหาตี้เสี่ยวอู๋ที่ถนนด้านนอกมหาวิทยาลัยหยานจิง จากนั้นจึงนั่งรถออกจากที่นั่นไป..
“หลิงหยุนทำไมถึงเข้าไปนานจัง! ใช่คนผู้นั้นมั๊ย?”
ทันทีที่หลิงหยุนก้าวขึ้นไปบนรถเกาเฉินเฉินก็ถามขึ้นทันที ดวงหน้างดงามนั้นจ้องมองหลิงหยุน และกำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ใช่..บุคคลอันดับหนึ่ง!”
แววตาของเกาเฉินเฉินเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ว้าว.. เป็นอาวุโสจริงๆด้วย แล้วนายคุยอะไรกับเขาบ้างล่ะ”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“บางสิ่งบางอย่าง..”
หลิงหยุนไม่สามารถบอกผู้ใดได้ว่าเขาคุยอะไรกับชายชราผู้นี้ไปบ้างจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมา และเกาเฉินเฉินเองก็เข้าใจ เธอเพียงแค่ยิ้มให้หลิงหยุนและไม่ถามสิ่งใดอีก
“กลับบ้านกันดีกว่า!”
หลิงหยุนเอนกายลงพิงเบาะพร้อมกับร้องสั่งตี้เสี่ยวอู๋
ความจริงแล้วตอนนี้หลิงหยุนกำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุดแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้..
แต่อย่างน้อยนับจากนี้ไปหลิงหยุนก็มั่นใจว่าตระกูลหลิงแห่งปักกิ่งจะมีอีกหนึ่งคนที่คอยปกป้องดูแลอยู่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร