ความจริงแล้วไม่เพียงแค่ศิษย์ทั้ง72 คนที่ต้องการอยู่กับหลิงหยุน แต่หลิงหยุนเองก็สนุกกับการช่วยฝึกฝนให้กับทุกคนด้วย เพราะทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ยังเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ในช่วยระยะเวลาสองวันที่หลิงหยุนกินอยู่ฝึกซ้อมร่วมกับทุกคนนั้น ทำให้ทั้งหมดยิ่งผูกพันราวพี่กับน้อง
และยิ่งศิษย์ทั้ง72 คนได้อยู่ใกล้กับหลิงหยุนนานมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเห็นความน่าทึ่งของหลิงหยุนมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ยิ่งเกิดความศรัทธาและเคารพในตัวหลิงหยุนมาขึ้นเป็นทวีคูณ ความรู้สึกทั้งหมดได้แสดงออกมาทางแววตาของพวกเขาอย่างชัดเจน
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ศิษย์ทั้งหมดเคารพศรัทธาในตัวหลิงหยุนเพิ่มมากขึ้นก็คือการที่ได้เห็นหลิงหยุนสร้างค่ายกลหลุมพลังขึ้นกักเก็บพลังชีวิตไว้ภายในโรงฝึกนั่นเอง ทำให้การฝึกฝนของทั้ง 72 คนพัฒนาขึ้นรวดเร็วเป็นสองเท่า เพราะหลังจากที่มีค่ายกลหลุมพลัง พลังชีวิตจากทั่วทุกสารทิศก็ได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย จนศิษย์ทั้ง 72 คนสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
เวลานี้เรื่องราวต่างๆภายในตระกูลหลิงล้วนถูกแก้ไขหมดแล้วจึงไม่เหลือสิ่งใดให้หลิงหยุนต้องค้างคาใจอีก..
หลิงหยุนได้รับการติดต่อจากโจวเหวินอี้แจ้งให้เขาเข้าไปรายงานตัวที่หน่วยนภา หาไม่แล้วข้อเสนอทุกอย่างจะถูกยกเลิกทั้งหมดทันที
ในวันนี้หลิงหยุนโม่วู๋เตา และตี้เสี่ยวอู๋จึงต้องออกจากโรงฝึกไปรายงานตัวที่หน่วยนภา!
เรื่องความลึกลับของหน่วยนภานั้นหลิงหยุนเองเคยได้ยินมาหลายต่อหลายครั้งเมื่ออยู่ในจิงฉูแม้กระทั่งมาอยู่ในปักกิ่งแล้ว ได้พบเหล่าอาวุโสของหน่วยนภาหลายคนแล้ว หลิงหยุนก็ยังไม่รู้ว่าสำนักงานของหน่วยนภาอยู่ที่ใดกันแน่ เขาจึงอยากไปเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง
“เสี่ยวอู๋เจ้าเปิด GPS ไปที่สวนสาธารณะปาต้าฉู่ที่อยู่บนถนนวงแหวนที่ห้าทางตะวันตก”
โจวเหวินอี้บอกกับหลิงหยุนเพียงแค่นั้นและเมื่อเขาไปถึงให้ติดต่อไปหาตน..
หลิงหยุนกับเพื่อนๆไปถึงสวนสาธารณะปาต้าฉู่ในเวลาเก้าโมงเช้า เมื่อไปถึงก็ได้โทรหาโจวเหวินอี้ตามที่เขากำชับไว้
“จากที่นั่นเจ้าเดินตรงไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะพบภูเขาลูกหนึ่งซึ่งมีอารามเซียงเยวี่ยอยู่ด้านบน ทางด้านทิศเหนือมีถ้ำลิ่วหยุน และที่ตีนเขาระหว่างอารามเซียงเยวี่ยกับถ้ำลิ่วหยุนนั้น ก็จะมีโรงงานชื่อว่าต้าตี้ ที่นั่นล่ะ!”
โจวเหวินอี้บอกรายละเอียดของที่ตั้งสำนักงานให้กับหลิงหยุนฟังอย่างละเอียด..
ภูมิประเทศของปักกิ่งนั้นล้อมรอบด้วยภูเขาและต้นไม้เขียวชะอุ่ม บริเวณนี้มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นมากจนเกินไปทำให้บรรยากาศดูอึมครึม ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่เลือกที่จะอยู่อาศัย นั่นเพราะที่นี่มีพลังหยินรุนแรงจนเกินไป!
แต่สถานที่เช่นนี้ก็มักจะเป็นที่ตั้งของวัดวาอารามจึงทำให้มีกลิ่นธูปอบอวลตลอดทั้งปี..
และการที่หน่วยนภาเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการก็เพราะยอดฝีมือส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นหลวงจีน และนักพรตนั่นเอง
เมื่อไปถึง..ทั้งสามคนก็มองหาโรงงานที่โจวเหวินอี้บอกทันที ตี้เสี่ยวอู๋ขับรถวันไปรอบๆ ในที่สุดก็พบโรงงานขนาดใหญ่อยู่ตีนเขาจริงๆ
โรงงานต้าตี้พิทักษ์ผืนดิน!
ที่หน้าร้านมีป้ายชื่อไม้แขวนอยู่ทั้งซ้ายและขวาไม่รู้ว่าป้ายนั้นแขวนมานานเพียงใดแล้ว เพราะสีที่เขียนก็ซีดเซียวจนแทบไม่เหลือ..
หลิงหยุนเห็นภาพด้านนอกแล้วทำให้นึกถึงโรงงานผลิตอาวุธของตระกูลหลิงทันทีเพราะดูช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก!
โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างตีนเขาของภูเขาสองลูกมีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณกว้างแต่ก็ดูมิดชิด พื้นที่รอบๆเงียบสงัด ไม่มีชาวบ้านอาศัอยู่เลย ด้านหน้าประตูทางเข้ามีรถพ่วง และรถเก่าหลายคันวางทิ้งไว้ คราบฝุ่นที่เกาะหนาแน่นบ่งบอกถึงระยะเวลายาวนานที่ถูกจอดทิ้งไว้
ถึงแม้สภาพด้านนอกโรงงานจะดูทรุดโทรมเช่นนั้นแต่ก็ใช่ว่าใครคิดที่เข้าไปก็จะสามารถเข้าไปได้ง่ายๆ
“เสี่ยวอู๋ขับรถเข้าไปด้านใน!”
ตี้เสี่ยวอู๋ขับรถตรงเข้าไปด้านในทันทีหลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว ชายหนุ่มทั้งสามคนจึงได้ก้าวลงมาจากรถ
“เหล่าโจว..ข้ามาแล้ว!” ทันทีที่ก้าวลงจากรถหลิงหยุนก็ร้องตะโกนบอกเสียงดังจากนั้นจึงเดินนำตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาเข้าไปด้านในทันที
ก่อนหน้าที่ได้พบกับโจวเหวินอี้ครั้งแรกที่บ้านตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนยังเรียกโจวเหวินอี้ว่าท่านโจวอยู่เลย แต่ตอนนี้กับเรียกเหล่าโจวด้วยความสนิทสนม..
“โอ้..พวกเจ้าหาที่นี่พบเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ พวกเจ้ามากันทั้งสามคนเชียวรึ?!”
“เหล่าโจวที่นี่เป็นโรงงานไม่ใช่รึ! พวกเราทั้งสามก็มาสมัครเป็นคนงานยังไงเล่า..” หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
หน่วยนภามีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินทำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจัดการกับเหล่าอสูร สะกดวิญญาณของเหล่าปีศาจร้าย ลอบสังหารศัตรู แม้กระทั่งสำรวจพื้นที่อันตรายต่างๆทั่วประเทศจีน การตั้งชื่อว่าโรงงานต้าตี้พิทักษ์ผืนดิน จึงบ่งบอกถึงความเป็นหน่วยนภาได้ดีที่สุด “เหล่าโจวข้าขอบอกไว้ก่อน หากข้าไม่ได้ตำแหน่งอาวุโสแห่งหน่วยนภา ข้าไม่ยอมแน่!”
หลิงหยุนเพียงแค่หยอกเย้าโจวเหวินอี้เท่านั้น..
โจวเหวินอี้ยิ้มออกมาพร้อมกับดึงแขนหลิงหยุนเข้าไปด้านใน“เอาล่ะๆ เข้าไปคุยข้างในกันดีกว่า!”
ชายหนุ่มทั้งสามเดินตามโจวเหวินอี้เข้าไปทางด้านทิศเหนือของตัวโรงงานภายในกลับกลายเป็นห้องขนาดใหญ่โอ่โถงยิ่งนัก และสามารถมองเห็นสวนด้านนอกได้อย่างชัดเจน
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าภายในหน่วยนภาเวลานี้กลับไร้เงาผู้คนมีเพียงพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น..
“เหล่าโจวนี่มันเกิดอะไรขึ้น! ข้ามารายงานตัวเข้าหน่วยนภาทั้งที เหตุใดจึงไม่มีการลั่นฆ้องจุดพลุต้อนรับอย่างสมเกียรติ?! อย่างน้อยก็น่าจะให้ลูกน้องของท่านอยู่ต้อนรับข้าบ้าง..”
หลังจากที่นั่งลงจิบชาแล้วหลิงหยุนก็เริ่มบ่มทันที
“ข้าจะไปหาใครมาต้อนรับเจ้าได้เล่า!เจ้าอย่าได้ฝันไป..”
โจวเหวินอวี้เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมอธิบายต่อว่า“ที่นี่นอกจากผู้เฒ่าหน่วยนภาสองสามคนจะผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลแล้ว สมาชิกคนอื่นๆต่างก็แยกย้ายกันอยู่ จะมารวมตัวกันก็ต่อเมื่อมีภารกิจเท่านั้น..”
“หน่วยนภาจะมารวมตัวกันก็ด้วยเหตุผลสองข้อเท่านั้นคือหนึ่ง.. เมื่อมีภารกิจใหญ่เท่านั้น และการเลือกหัวหน้าใหม่ทุกๆห้าปี”
“แต่หากมีภารกิจเล็กๆน้อยๆก็อาจมีบ้างที่สมาชิกสองสามกลุ่มจะมารวมกันที่นี่เป็นครั้งคราว และแยกย้ายกันเมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วง แต่ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ตลอดเวลา..”
ในเมื่อหลิงหยุนกำลังจะเข้าร่วมกับหน่วยนภาแล้วจึงไม่มีเหตุผลใดที่โจวเวินอี้จะต้องปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยนภาอีก
“เฮ้อ..ช่างน่าเสียดายจริงๆ” หลิงหยุนแสร้งทำเป็นถอนหายใจพร้อมกับคร่ำครวญออกมา ก่อนจะถามถึงใครบางคน
“แล้วเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิงเล่าเหตุใดพวกเขาทั้งคู่จึงไม่อยู่ที่นี่”
โจวเหวินอี้ถึงกับชะงักพร้อมจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่ง“พ่อหนุ่ม.. นี่เจ้าจงใจจะยั่วโมโหข้าใช่หรือไม่ เจ้าทำร้ายพวกเขาสองคนจนบาดเจ็บถึงเพียงนั้น จะไม่ให้พวกเขาอยู่บ้านพักรักษาตัวเชียวรึ?!”
เมื่อได้ฟังคำตอบของโจวเหวินอี้ชายหนุ่มทั้งสามก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทันที..
“เหล่าโจวแล้วเรื่องของชดเชยค่าเสียหายจากทั้งสิบสี่คนเล่า เมื่อใดท่านจึงจะมอบให้ข้า” หลิงหยุนไม่ลืมที่จะเอ่ยทวงจากโจวเหวินอี้
โจวเหวินอี้กระแอมเบาๆก่อนจะตอบกลับไปว่า “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องร้อนใจไป อย่างไรของพวกนั้นก็ต้องเป็นของเจ้าอยู่แล้ว พวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันก่อนจะดีกว่า!”
โจวเหวินอี้หยิบเอกสารสามฉบับออกมาส่งให้หลิงหยุน“นี่เป็นเอกสารแต่งตั้งสมาชิกของหน่วยนภา พวกเจ้าทั้งสามจะเข้าร่วมหน่วยนภาทั้งหมดเลยงั้นรึ”
ชายหนุ่มทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกันทันที..
“ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสามก็เซ็นพร้อมประทับลายนิ้วมือลงไปบนเอกสารฉบับนี้ได้เลยและนับจากนี้พวกเจ้าก็จะได้เป็นสมาชิกของหน่วยนภาเราอย่างเป็นทางการแล้ว!”
หลิงหยุนตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาต่างก็ไม่รีรอให้เสียเวลา ทั้งสามจัดการลงนามและพิมพ์รายนิ้วมือตามที่โจวเหวินอี้บอกทันที
“ยินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งสามเข้าสู่หน่วยนภาของเราจากนี้ไปพวกหน้าที่หลักของพวกเจ้าก็คือการปกป้องผืนแผ่นนี้!”
หลิงหยุนคร้านที่จะฟังคำพูดร่ำไรของโจวเหวินอี้จึงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “เหล่าโจว ท่านยังมีเอกสารอีกสามชุดหรือไม่ หากมีก็มอบให้ข้าได้เลย ข้าจะเซ็นแทนอีกสามคนเอง..”
“อีกสามคนเป็นผู้ใดกัน!”
โจวเหวินอี้ถามออกมาด้วยความงุนงงตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยนภามาหลายปี ยังไม่เคยมีกรณีที่จะมีการรายงานตัวแทนกันเช่นนี้มาก่อน
“ย่อมต้องเป็นคนของตระกูลหลิงอยู่แล้ว!”
หลิงหยุนยิ้มให้กับโจวเหวินอี้พร้อมกับเขียนชื่อลงในเอกสารทั้งสามแผ่น“หลิงอี๋ หลิงชี แล้วก็หลิงจิ่ว”
จากนั้นจึงจัดการพิมพ์รอยนิ้วมือสามนิ้วของตนลงไปบนเอกสารทั้งสามฉบับพร้อมกับร้องบอกโจวเหวินอี้ว่า
“ลายนิ้วมือของข้าดีกว่าของพวกเขาทั้งสามแน่!” โจวเหวินอี้ขบฟันแน่นระหว่างที่มองหลิงหยุนเขียนชื่อของนักรบตระกูลหลิงทั้งสามลงไปบนเอกสารเขาคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะเป็นหลิงเสี่ยว หลิงเย่ว หรือไม่ก็หลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงซิ่ว เขาคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะให้นักรบตระกูลหลิงเข้าร่วมในหน่วยนภาเช่นนี้
การที่โจวเหวินอี้รับปากให้ตำแหน่งในหน่วยนภากับหลิงหยุนถึงหกคนและให้เขาเป็นผู้คัดเลือกด้วยตัวเองนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีความเหมาะสมมากกว่านี้!
โจวเหวินอี้จึงได้แต่กัดฟันกรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะการที่โจวเหวินอี้ยื่นข้อเสนอไปเช่นนั้น ก็เพื่อดึงหลิงหยุนให้เข้าร่วมในหน่วยนภาของตน..
“เหล่าโจวท่านทำสีหน้าเช่นนี้คงคิดว่านักรบทั้งสามของข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมหน่วยนภาสินะ” หลิงหยุนเอ่ยถามโจวเหวินอี้ที่มีสีหน้าขมขื่น
“เฮ้อ..ใช่ว่าข้าจะคิดเช่นนั้น! ทั้งหกตำแหน่งที่ข้าเสนอให้เจ้านั้น ข้าต้องฟาดฟันกับผู้เฒ่าคนอื่นๆของหน่วยนภามา เจ้าทำเช่นนี้ข้าจะไปอธิบายต่อพวกเขาเช่นใด..” โจวเหวินอี้ตอบหลิงหยุนไปตามความจริง
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมตอบโจวเหวินอี้กลับไปว่า“เรื่องนี้จัดการง่ายจะตายไป! หากผู้ใดกล้าเห็นแย้งหรือขัดขวาง ท่านก็ให้พวกเขาจัดยอดฝีมือฝ่ายตนมาห้าคน แล้วให้ยอดฝีมือทั้งห้าของสองฝ่ายประลองกัน ดูว่าฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะกันแน่”
ภายในหน่วยนภานั้นจะให้เหล่าสมาชิกจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มละหกคน และผู้ที่เก่งที่สุดก็จะได้เป็นหัวหน้าของแต่ละกลุ่ม ส่วนอีกห้าคนนั้นก็คือลูกน้อง การที่โจวเหวินอี้ให้โควต้าหลิงหยุนถึงหกตำแหน่งนั้น เพราะรู้ดีว่าคนเช่นหลิงหยุนไม่มีวันยอมไปรวมกลุ่มกับผู้ใดเป็นแน่ จึงต้องให้เขาสร้างกลุ่มของตนขึ้นมาเอง
“เอ่อ..ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง!”
โจวเหวินอี้ร้องบอกทันทีและรีบเก็บเอกสารทั้งหกชุดไปวางไว้ด้านข้างทันที จากนั้นจึงหันกลับมาพูดกับหลิงหยุนต่อ
“เอาล่ะ..เจ้าสั่งให้พวกเขาทั้งสามคนเข้ามาที่หน่วยนภา ให้ข้าได้เห็นหน้าค่าตาพวกเขาสักหน่อย ข้าจะได้มอบป้ายแสดงฐานะสมาชิกของหน่วยนภาพร้อมเครื่องมือสื่อสารให้!”
สมาชิกหน่วยนภาทุกคนจะต้องมีป้ายแสดงฐานะสมาชิกและเครื่องมือสื่อสารสำหรับสื่อสารสั่งการได้ตลอดเวลา
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า“ได้.. ไว้ข้าจะสั่งให้พวกเขาทั้งสามคนมาพบท่านที่นี่!”
จากนั้นโจวเหวินอี้ก็ได้มอบป้ายประจำตัวในฐานะสมาชิกของหน่วยนภาพร้อมด้วยเครื่องมือสื่อสารให้กับชายหนุ่มทั้งสามคน
ทันทีที่รับมาหลิงหยุนก็เอ่ยถามขึ้นทันที“ใครคือหัวหน้าของข้า”
“ประเทศชาติ!”
โจวเหวินอี้ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง“แต่ภายในหน่วยนภานี้ ทีมของเจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของเข้า!”
“ก็เท่านั้น…”
หลิงหยุนพึมพำออกมาเมื่อเห็นว่าโจวเหวินอี้จงใจอ้างประเทศชาติไปเรื่อยเปื่อยและเอ่ยต่อว่า
“เหล่าโจวข้าว่าท่านมอบตำแหน่งอาวุโสของหน่วยนภาให้ข้าจะดีกว่า ท่านเองก็ย่อมรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของข้าเวลานี้ สามารถสังหารคนของหน่วยนภาได้ไม่ยากนัก!”
“เรื่องนั้น…”
โจวเหวินอี้ทำสีหน้าลำบากใจเพราะตำแหน่งผู้เฒ่าแห่งหน่วยนภานั้นใช่ว่าจะสามารถแต่งตั้งได้ตามใจชอบ อีกทั้งเวลานี้ตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาทั้งสิบเอ็ดตำแหน่ง ก็มีผู้ได้รับแต่งตั้งจนครบแล้ว ต้องมีผู้ลาออกไปก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถมีผู้ขึ้นมาแทนได้
และในบรรดาผู้เฒ่าแห่งหน่วยนภาทั้งสิบเอ็ดคนนั้นโจวเหวินอี้คือหัวหน้า.. ที่เหลืออีกสิบตำแหน่งเป็นคนของตระกูลหลงสองตำแหน่งรวมเฉียวเปียวกับหลี่เจิ้งเฟิงที่อยู่ภายใต้ตระกูลหลงอีกสอง รวมแล้วตระกูลหลงครอบครองตำแหน่งอาวุโสหน่วยนภาถึงสี่ตำแหน่ง
ส่วนคนตระกูลเย่นั้นดำรงตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาสองตำแหน่งรวมอีกหนึ่งที่สามารถควบคุมได้ เท่ากับตระกูลเย่ครองอยู่สามตำแหน่ง
ที่เหลืออีกสามก็คือคนของสำนักเขาหลงหู่หนึ่งบู๊ตึ๊งหนึ่ง และเส้าหลินอีกหนึ่ง
ในเมื่อเวลานี้หลิงหยุนได้เข้าร่วมหน่วยนภาอย่างเป็นทางการแล้วอีกทั้งยังอยู่ภายใต้การดูแลของตน โจวเหวินอี้จึงสามารถบอกกล่าวรายละเอียดเรื่องตำแหน่งผู้เฒ่าหน่วยนภาทั้งสิบเอ็ดคนให้หลิงหยุนฟังได้
“ตระกูลหลงสี่ตระกูลเย่าสาม ก็รวมเป็นเจ็ดสินะ..”
“ถ้าเช่นนั้น..หากมอบตำแหน่งของเฉียวเปียว หลี่เจิ้งเฟิง และอีกหนึ่งที่ตระกูลเย่ควบคุมอยู่ออกมา พวกข้าสามคนก็จะสามารถเข้าไปแทนที่ได้พอดี!”
หลิงหยุนตบขาตนเองฉาดใหญ่พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร