หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าเมื่อจางจวิ้นเจิงเอ่ยถึงเรื่องราวของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น หลายคนที่อยู่ด้านล่างกลับมีท่าทีเคียดแค้นหยิ่งกว่าหลิงหยุน ครึ่งหนึ่งของยอดฝีมือที่รวมตัวอยู่กลางหุบเขาหลงเฟิงนั้น ต่างพากันกัดฟันกรอดพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยควาามเดือดดาล!
นั่นเพราะเวลานี้ตระกูลหลิงหกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากไม่เพียงหลิงเสี่ยวจะสามารถฟื้นฟูจุดตันเถียนของตนเองจนสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ แม้แต่หยินชิงเฉวียนยังส่งลูกศิษย์ของตนออกมาทำการแก้แค้น และได้กำจัดสำนักต่างๆและตระกูลต่างๆไปแล้วนับสิบ ทำให้เหล่าชาวยุทธนึกหวาดหวั่นถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับยุทธภพ!
และเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลิงเสี่ยวและหยินชิงเฉวียน!
และความหวาดหวั่นนี้เองที่ผลักดันให้เหล่าชาวยุทธมากมายมารวมตัวกันที่นี่ในคืนนี้จนเกิดงานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้ขึ้น!
เหล่าชาวยุทธต่างก็กังวลว่าครั้งนี้ตระกูลหลิงและพรรคมารจะร่วมมือกันอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนล้วนต้องตกอยู่ในอันตราย!
ในงานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้หากหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินปรากฏตัว พวกเขาก็จะสังหารมาน้อยทั้งสองและฝังร่างไร้วิญญาณของทั้งคู่ไว้ในหุบเขาแห่งนี้ แต่หากทั้งสองคนไม่ปรากฏตัว สำนักเขาหลงหู่ วัดเส้าหลิน และสำนักอื่นๆ คงสามารถชักชวนเหล่าชาวยุทธบุกไปสังหารคนตระกูลหลิงพร้อมกันในคราวเดียวแน่!
“แต่สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ..”
จางจวิ้นเจิงไม่ปล่อยให้ให้เหล่าชาวยุทธได้คลายโทสะที่มีลงเลยหลังจากที่เสียงร้องตะโกนเริ่มเบาลง เขาก็ได้ยกมือขึ้นให้ทุกคนตั้งใจฟังตนเองพูดอีกครั้ง จาวจวิ้นเจิงกัดฟันกรอดพร้อมกับประกาศว่า
“มารน้อยหลิงหยุนนั้นแท้จริงก็คือลูกชายของหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนนั่นเอง!”
“เด็กนั่นมีสายเลือดมารอยู่ในตัวจึงได้โหดเหี้ยมและชั่วช้าได้ถึงเพียงนั้น เอาล่ะทุกท่าน.. ในเมื่อตอนนี้ฐานะของหลิงหยุนก็ได้ถูกเปิดเผยแล้ว ทุกท่านเชื่อข้าเถิดว่าหลิงหยุนกับนางมารน้อยเย่ซิงเฉินนั้น กำลังร่วมมือกันที่จะทำลายล้างสำนักของพวกเราให้สิ้นซากอยู่!”
“ด้วยความแข็งแกร่งของมารน้องทั้งสองนี้พวกท่านคิดว่าหากเราไม่ร่วมมือกันกำจัดมันในตอนนี้ ในวันข้างหน้าจะยังสามารถต้านทานพวกมันทั้งคู่ได้อีกงั้นรึ”
“และที่ข้าจงใจเลื่อนงานชุมนุมชาวยุทธออกมาจนถึงวันนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นกันอย่างชัดเจนว่า ยุทธภพเรากำลังเผชิญกับอันตรายมากเพียงใด และถึงเวลาแล้วที่พวกเราทั้งหมดจะต้องร่วมมือกันกำจัดหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินให้จงได้ หลังจากนั้นจึงค่อยบุกไปปักกิ่งทำลายล้างตระกูลหลิงให้สิ้นซากอีกที สุดท้ายพวกเราทั้งหมดค่อยไปถล่มพรรคมาร และจัดการสังหารหยินชิงเฉวียน!”
“ทั้งหมดนี้คือเป้าหมายในการจัดชุมนุมชาวยุทธขึ้นในวันนี้มีท่านใดไม่เห็นด้วยกับข้าหรือไม่”
หลังจากไม่มีผู้ใดปฏิเสธจางจวิ้นเจิงจึงได้กล่าวสรุปว่า “ในเมื่อทุกท่านเห็นด้วยกับข้า ข้าขอให้ทุกท่านส่งเสียงออกมาว่า ต้องการร่วมมือกับข้ากำจัดภัยยุทธภพ และทำลายล้างตระกูลหลิงกับพรรคมารหรือไม่”
“สังหารหลิงหยุน!สังหารเย่ซิงเฉิน!”
“ถูกต้อง..ฆ่าหลิงเสี่ยวกับนางมารหยินชิงเฉวียนด้วย!”
“พวกเราต้องช่วยกันทำลายตระกูลหลิงกับพรรคมารให้สิ้นซานเพื่อให้ยุทธภพกลับสู่ความสงบอีกครั้ง!” “ทำลายพรรคมารได้ยุทธภพเราก็จะมีแต่ความสงบสุข!”
จางจวิ้นเจิงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกเพราะเขาพูดมามากพอแล้ว และได้จุดประกายความแค้นขึ้นในใจเหล่าชาวยุทธได้สำเร็จแล้ว เวลานี้ทุกคนต่างก็มีจุดประสงค์เดียวกัน!
“ทุกท่าน..ได้โปรดอยู่ในความสงบก่อน ตอนนี้ไต้ซือหลัวฮั่นถังแห่งเส้าหลินมีบางสิ่งบางอย่างต้องการพูดกับทุกท่าน คำพูดของเขาสำคัญกับทุกท่านยิ่งนัก!”
หลังจากพูดจบจางจวิ้นเจิงก็เดินลงจากหินก้อนใหญ่นั้นไป หลวงจีนวัดเส้าหลินซึ่งมีคิ้วและเคราสีขาว สวมเสื้อคลุมสีทอง ก็ได้ขึ้นไปยืนแทนพร้อมกับยกมือโบกเป็นสัญญาณให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
“ทุกท่าน..ได้โปรดฟังข้ากล่าววาจาสักหน่อยเถิด!”
“อามิตตาพุทธ!” หลังจากที่หลวงจีนคิ้วขาวรูปร่างสูงใหญ่ทักทายเหล่าชาวยุทธแล้วจึงได้พูดขึ้นว่า “การกระทำของหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินนั้นได้สร้างปัญหาให้กับยุทธภพไม่น้อย และได้ทำให้ผู้บริสุทธิ์ตายไปมากมาย แต่ดูเหมือนท่านเจ้าสำนักจางจะยังกล่าวออกมาไม่หมด..”
“วัดเส้าหลินซึ่งอยู่คู่กับยุทธภพมานานนับพันๆปีนั้นก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ และทนเห็นผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายได้..”
“แต่ที่ข้ามาในวันนี้ก็ไม่ได้มาเพื่อที่จะพูดเรื่องเหล่านี้..”
“ทุกท่านคงจะเคยได้ยินคำพูดว่าเมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และจักรพรรดิแห่งผืนพิภพถือกำเนิดขึ้นที่จิงฉู เมื่อนั้นใต้หล้าจะมีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง”
ทันทีที่หลวงจีนคิ้วขาวกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาเหล่าชาวยุทธในที่นั้นต่างก็พากันนิ่งเงียบ และกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น!
เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าสิ่งที่หลวงจีนอาวุโสผู้นี้กำลังจะพูดถึงนั้นย่อมต้องเกี่ยวข้องกับพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดินั่นเอง!
“อามิตาพุทธ!”
“หลังจากที่อาตมาสืบมาอย่างละเอียดแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างบ่งบอกว่าทั้งพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดินั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ในความครอบครองของหลิงหยุนทั้งสิ้น!”
“ห๊ะ!”
“จริงรึ!”
หลังจากที่หลวงจีนอาวุโสพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทั่วทั้งหุบเขาอีกครั้งทันที!
นั่นเพราะทั่วทั้งยุทธภพไม่มีผู้ใดไม่รู้จักพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการได้สมบัติล้ำค่าทั้งสองชิ้นนี้มาครอบครอง!
อย่าว่าแต่ผู้อื่นจะประหลาดใจเพราะแม้แต่ตัวหลิงหยุนเองยังคิดไม่ถึงว่า หลวงจีนเฒ่าจะกล้าประกาศเรื่องสำคัญเช่นนี้ต่อหน้าเหล่าชาวยุทธมากกว่าหกร้อยคน! “เรื่องตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดินั้นอาตมาเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว ข้าจึงไม่ขอพูดอะไรมาก..”
“หลังจากที่หลิงหยุนขึ้นมาจากหลุมยักษ์เขาก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสังหารเหล่าชาวยุทธตายไปมากมาย การกระทำของเขานั้นเป็นบาปยิ่งนัก!”
“เมื่อคืนนี้ระดับหัวหน้าของสำนักเขาหลงหู่ สำนักกระบี่คุนหลุน และอีกกว่าสามสิบสำนัก พวกเราต่างก็ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และทั้งหมดก็เห็นพ้องตรงกันว่าหากไม่เพราะอานุภาพของพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิแล้วล่ะก็ หลิงหยุนไม่มีทางที่จะก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ได้!”
“อาตมาของบอกตามตรงผู้ใดจะครอบครองสมบัติล้ำค่าทั้งสองสิ่งนี้ย่อมไม่เป็นปัญหา แต่ต้องไม่ใช่มารร้ายที่โหดเหี้ยมเช่นหลิงหยุน!” “หลิงหยุนไม่เพียงครอบครองพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิเท่านั้นแต่เขายังครอบครองทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้ สมบัติเต๋าอย่างหม้อเสินหนง และสมบัติล้ำค่าของพุทธองค์ในคราวเดียวด้วย..”
“ที่อาตมาเชื่อเช่นนั้นเพราะเมื่อครั้งที่ปรมาจารย์ที่เก่งกาจของวัดเส้าหลินได้ไล่สังหารผู้ที่ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้นั้น ทั้งคู่ก็ได้หายเข้าไปที่เขามังกรในเมืองจิงฉูด้วยกัน”
“ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงเชื่อว่าหลิงหยุนจะต้องค้นพบหม้อเส้นหนง กระบี่โลหิตแดนใต้ และสมบัติพุทธองค์ที่ใต้หลุมยักษ์นั่น..”
“พวกเราจะปล่อยให้สมบัติล้ำค่าทั้งหมดนี้ตกไปอยู่ในมือของมารร้ายเช่นหลิงหยุนไม่ได้พวกเราจะต้องช่วยกันสังหารหลิงหยุน เพื่อนำพาความสงบสุขให้เกิดขึ้นในยุทธภพอีกครั้ง!”
หลังจากพูดจบหลวงจีนรูปนั้นก็ได้กระโดดกลับไปยืนที่เดิมทันที และไม่ได้พูดจากระตุ้นความฮึกเหิมของเหล่าชาวยุทธแต่อย่างใด
ยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีกอย่างนั้นหรือเพียงแค่รู้ว่าหลิงหยุนครอบครองพู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิก็เพียงพอแล้ว แต่นี่หลิงหยุนยังครอบครองสมบัติล้ำค่าอีกมากมาย และเพียงแค่นั้นก็ทำให้เหล่าชาวยุทธนึกอิจฉา และอยากจะแย่งชิงมาเป็นของตนเองมากแล้ว!
“ถูกต้อง!ไม่ควรปล่อยให้พู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิตกอยู่ในมือของหลิงหยุนเช่นนั้น!”
“ใช่แล้วพวกเราช่วยกันสังหารหลิงหยุนชิงสมบัติพุทธองค์และสมบัติล้ำค่าอื่นๆของเขามา จากนั้นค่อยทำลายกระบี่โลหิตแดนใต้ทิ้งซะ!”
“คืนนี้พวกเราต้องไม่ให้หลิงหยุนมีชีวิตออกไปจากหุบเขาแห่งนี้โดยเด็ดขาด!”
…… แม้คำพูดของอาวุโสแห่งเขาหลงหู่จะสามารถสร้างความฮึกเหิมเคียดแค้นในใจของเหล่าชาวยุทธได้แต่คำพูดของหลวงจีนอาวุโสกลับสามารถผลักดันอารมณ์ของพวกเขาให้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดทีเดียว!
แม้ทุกคนจะอ้างเรื่องปราบมารร้ายแต่หากไร้ซึ่งผลประโยชน์ มีผู้ใดบ้างที่ยินดีจะทุ่มเทอย่างสุดตัว!
สำหรับเหล่าชาวยุทธแล้วยังมีสิ่งใดสำคัญกว่าสมบัติล้ำค่าเหล่านี้อีกงั้นรึ
……
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าหลวงจีนเฒ่าแห่งวัดเส้าหลินจะกล้าเปิดเผยถึงเพียงนี้!”
หลิงหยุนซึ่งแอบซุ่มดูอยู่บนท้องฟ้าถึงกับพึมพำออกมาแววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง ความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อหลวงจีนเจี๋วยหยวนก่อนหน้า ได้อันตธานหายไปจนหมดสิ้น!
“เจี๋ยวหยวน..เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะ!” ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นเขาสังเกตเห็นหลวงจีนเจี๋ยวหยวนมีสีหน้าตกใจอย่างที่สุด เพราะคิดไม่ถึงว่าหลวงจีนอีกรูปจะกล้าพูดออกไปเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ทันแล้ว!
หลิงหยุนเลิกสนใจหลวงจีนเจี๋วยหยวนและหันไปถามเย่ซิงเฉิน “ซิงเฉิน.. งานชุมนุมชาวยุทธในคืนนี้ เจ้าว่าตระกูลหลงอยู่เบื้องหลังหรือไม่”
หลิงหยุนคาดเดาว่าหากเป็นหลวงจีนเจี๋วยหยวนที่แพร่งพรายเรื่องพู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิออกไป ตระกูลหลงย่อมต้องล่วงรู้เรื่องนี้ด้วยเป็นแน่!
นั่นเพราะเมื่อครั้งที่หลิงหยุนดูดซับเอาปราณมังกรภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปจนหมดนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของหลิงหยุนใรขั้นนี้จะสามารถทำเรื่องอัศจรรย์เช่นนั้นได้
หลงฮ่าวหลานเองย่อมต้องคาดเดาว่าเขาครอบครองพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิไว้เช่นกัน!
“ข้าว่าจิ้งจอกเฒ่าหลงฮ่าวหลานต้องมารอข้าอยู่ที่นี่แล้วเป็นแน่!”
หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆจนเข้าใจแล้วหลิงหยุนก็ร้องบอกเย่ซเงิฉินอย่างมั่นอกมั่นใจ
เวลานี้พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้อยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของขาส่วนสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพก็อยู่ในจุดตันเถียน อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนก็สามารถสื่อสารกับดวงจิตทั้งสองได้ เขาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวศัตรูมากมายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“หากพวกเจ้ามีความสามารถพอก็มาแย่งไปจากข้าได้เลย!”
เย่ซิงเฉินหันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า“เจ้าดูดซับปราณมังกรกว่าหกร้อยปีของตระกูลหลงไป หากตระกูลหลงไม่คิดจัดการกับเจ้า ก็คงจะไม่ใช่ตระกูลหลงเป็นแน่!” หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“ถ้าเช่นนั้นพวกเราสองคนคงไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว นอกจากสังหารพวกมันให้หมด!”
“หึ!ไม่จำเป็นต้องอ้างคุณธรรมเพื่อสังหารคนเหมือนชาวยุทธพวกนั้น..”
จากนั้น..ทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินต่างก็เหาะวนไปรอบๆหุบเขาหลงเฟิงเพื่อสังเกตการอีกครั้ง แล้วจึงค่อยเหาะลงไปบนพื้นด้านล่าง..
ทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินมิได้เหาะลงตรงกลางหุบเขาในทันทีพวกเขาเหาะลงด้านข้าง แล้วจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้ามากลางงานชุมนุมแทน
และในเวลาเดียวกันนั้นเสียงคำรามของหลิงหยุนก็ดังขึ้นทั่วทั้งหุบเขา “เทพแห่งมารหลิงหยุน และธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินมาแล้ว!”
จากนั้นร่างของสองมารชายหญิงก็กระโดดเคียงข้างกันเข้ามาทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร