หลิงหยุนไม่ลงมือแต่เมื่อลงมือย่อมหมายถึงชีวิต!
“ห๊ะ!”
เสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจดังขึ้นทั่วทั้งหุบเขาหลงเฟิงและส่วนใหญ่เป็นเสียงร้องของชาวยุทธหญิง
เพราะชาวยุทธหญิงส่วนใหญ่นั้นแม้จะเคยผ่านการประลองมาบ้าง แต่ก็แทบไม่เคยลงมือสังหารผู้ใดจริงๆเสียที หลายคนยังไม่เคยแม้แต่เห็นการเข่นฆ่าสังหารกับตาตัวเองด้วยซ้ำไป อย่างเช่นศิษย์ของอารามจิ้งซินเป็นต้น
มันเป็นภาพที่โหดร้ายและรุนแรงเกินไปที่ได้เห็นจางจวิ้นเจิงถูกสังหารตายภายในชั่วพริบตาเช่นนั้นอีกทั้งกะโหลกศรีษะยังถูกทุบแตกราวกับลูกแตงโม หลังจากที่สังหารจางจวิ้นเจิงแล้ว ร่างที่ถูกทุบกะโหลกศรีษะเละจนกลายเป็นร่างไร้หัวนั้น ก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ในมือของหลิงหยุนอยู่ใครู่หนึ่งก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด
ตุ้บ!
หลิงหยุนจับร่างของจางจวิ้นเจิงโยนลงไปกับพื้นพร้อมกับพูดเหยียดหยัน “หึ! น่าขันสิ้นดี ข้ายังไม่ทันได้เห็นฤทธิ์เดชของสำนักเขาหลงหู่เลยแม้แต่น้อย!”
หลิงหยุนไม่มีทีท่าลังเลใจเลยแม้แต่น้อยในการที่จะสังหารจางจวิ้นเจิงเพราะเย่ซิงเฉินได้เล่าให้เขาฟังก่อนแล้วว่า หนึ่งในศิษย์สำนักเขาหลงหู่นั้นเป็นผู้ยุยงให้เกิดการบุกตระกูลหลิงอย่างไม่เป็นธรรมในครั้งนั้น
และเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่จางจวิ้นเจิงก็ดูมีความสุขอย่างมากเมื่อได้เห็นว่าเหล่าชาวยุทธมีท่าทีฮึกเหิมต้องการที่จะบุกถล่มตระกูลหลิงอีกครั้งหลังจากที่ฟังเขายุยง!
เมื่อสิบแปดปีก่อนที่เหล่าชาวยุทธบุกไปถล่มตระกูลหลิงนั้นหนึ่งในผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในครั้งนั้นก็คือสำนักเขาหลงหู่ และในงานชุมนุมชาวยุทธครั้งนี้ก็ยังนำโดยสำนักเขาหลงหู่อีกครั้ง ในสายตาของหลิงหยุน คนของสำนักเขาหลงหู่จึงต้องตายเพียงสถานเดียวเท่านั้น!
และด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงเลือกที่จะจัดการกับสำนักเขาหลงหู่เป็นรายแรก!
“พวกเจ้าบอกว่าข้าโหดเหี้ยมแล้วก็เป็นมารายไม่ใช่รึ ข้าพิสูจน์ให้พวกเจ้าเห็นกับตาแล้วยังไงเล่า พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้หันมองไปทางหลี่เจี้ยนกังและเสียตงคุนที่ยังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จาพร้อมกล่าวกับพวกเขาทั้งสองว่า
“พวกเจ้าสองคนยังยืนนิ่งอยู่ทำไมกันเล่าข้าอยู่ที่นี่แล้ว ยังไม่ลงมืออีกรึ?”
หลังจากที่ได้ยินคำท้าทายของหลิงหยุนทั้งสองคนต่างก็กระโดดกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับศิษย์สำนักของตนเองทันที
เวลานี้ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกหวาดผวาไม่น้อย!
หลังจากหายตกตะลึงทั้งคู่ต่างก็พากันกระโดดถอยหนีให้ห่างไกลจากหลิงหยุน และไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ที่แก้ปัญหาด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวเช่นหลิงหยุนอีก!
แม้กระทั่งหลี่เจี้ยนกังแห่งสำนักคุนหลุนที่อยู่ในระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติและเสียตงคุนแห่งสำนักดาบสวรรค์ซึ่งอยู่ในระดับสี่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติ ก็ยังรู้สึกว่าต่อให้พวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกัน ก็ยังมิอาจสู้หลิงหยุนได้ และคงต้องตายภายใต้น้ำมือของอีกฝ่ายเป็นแน่!
เพราะแม้แต่ยอดฝีมือระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติอย่างจางจวิ้นเจิงแห่งสำนักเขาหลงหู่ยังถูกหลิงหยุนสังหารตายได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้แล้วหลิงหยุนต้องแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน
หลังจากที่ได้เห็นจางจวิ้นเจิงถูกหลิงหยุนสังหารตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ทุกคนในที่นั้นต่างก็พากันตกอกตกใจไม่น้อย หลายคนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น และหลายคนก็ถึงกับก้าวถอยหลังออกไปทันที เพราะเกรงว่าหลิงหยุนจะมองตนเป็นเป้าหมายต่อไป!
หนึ่งหมัดของหลิงหยุนสามารถทำให้เหล่าชาวยุทธตื่นตระหนกตกใจได้มากถึงเพียงนี้!
นับว่ากลยุทธ์ในการทำสงครามของหลิงหยุนนั้นชาญฉลาดยิ่งนัก!
หลิงหยุนเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้เป็นอย่างดีว่าหากมนุษย์เราได้พบเห็นการตายต่อหน้าต่อตา และตนเองต้องตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้น คนเราจะมีสติมากขึ้นและจะรักตัวกลัวตายมากขึ้นด้วยเช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงได้ล่าถอยออกไปทันทีและเวลานี้พื้นที่รอบตัวหลิงหยุนก็กลายเป็นที่ว่างซึ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงได้แต่นึกหยัน..
“อะไรกัน!เมื่อครู่พวกเจ้ายังฮึกเหิมต้องการจะสังหารข้าให้ได้ไม่ใช่รึ? เห็นข้าฆ่าคนเพียงแค่คนเดียว พวกเจ้าก็เปลี่ยนใจไม่อยากสังหารข้าแล้วรึ? หรือว่าพวกเจ้าหวาดกลัว?”
หลิงหยุนกวาดตามองไปรอบๆแล้วจึงประกาศกร้าว “ข้าจะบอกความจริงให้พวกเจ้ารู้ หุบเขาหลงเฟิงนี้ได้ถูกคนของข้าล้อมไว้หมดแล้ว หากผู้ใดกล้าหนีออกไปจากที่นี่ มันผู้นั้นจะถูกสังหารตายเป็นคนแรก!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางคนของสำนักเขาหลงหู่ที่เหลือหลวงจีนจากวัดเส้าหลิน สำนักกระบี่คุนหลุน แล้วก็อีกมากมาย..
“ข้า..หลิงหยุนมาที่นี่ในคืนนี้ ก็เพื่อจะมาแก้แค้นให้กับพ่อแม่! พวกเจ้าใครก็ตามที่เคยบุกไปถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อน อย่าได้หวังที่จะมีชีวิตรอดออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้เลย!”
“เอาล่ะ..ใครที่ต้องการจะสังหารข้ากับเย่ซิงเฉิน ก็ก้าวเท้าออกมาได้เลย!”
หลังจากที่หลิงหยุนประกาศออกไปเช่นนั้นทุกคนในหุบเขาหลงเฟิงต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และได้แต่หันมองไปทางเหล่ายอดฝีมือของวัดเส้าหลินและสำนักเขาหลงหู่ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นใด
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่าทั้งหลวงจีนจากวัดเส้าหลินและนักบวชจากสำนักเขาหลงหู่นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือระดับหกขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้วทั้งสิ้น และนับว่าเป็นผู้ที่ฝีมือสูงส่งที่สุดแล้ว!
“อามิตตาพุทธ..”
หลวงจีนวัดเส้าหลินเล็งเห็นว่าชาวยุทธหลายคนเริ่มมีอาการหวาดกลัวครั้งนี้จึงต้องยืนหยัดออกหน้า ไม่เช่นนั้นงานชุมนุมชาวยุทธเพื่อสังหารหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินในคืนนี้ กลับต้องกลายเป็นโศกนาฏกรรมของชาวยุทธฝ่ายธรรมะแทนเป็นแน่!
“ศิษย์วัดเส้าหลินออกมาได้!”
พรึบ..พรึบ.. พรึบ..
สิ้นคำสั่งของหลวงจีนอาวุโสของวัดเส้าหลินหลวงจีนอีกสิบกว่ารูปก็กระโดดออกมาจากด้านหลังของเขาทันที และเวลานี้ก็มีหลวงจีนจากวัดเส้าหลินยืนอยู่ด้านหน้าทั้งสิบแปดรูป แต่ละรูปล้วนสวมจีวรสีส้มเปิดไหล่หนึ่งข้าง ด้านล่างเป็นกางเกงยาวเลยเข่า
และนี่คือสิบแปดอรหันต์แห่งวัดเส้าหลินหรือที่ชาวยุทธต่างเรียกขานกันว่าค่ายกลมนุษย์ทองคำนั่นเอง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่เหนือขั้นพลังธรรมชาติระดับสี่ขึ้นไปทั้งสิ้น..
“สิบแปดอรหันต์ฟังคำสั่งของข้าพวกเจ้าใช้ค่ายกลสิบแปดอรหันต์จัดการสังหารมารร้ายนี้ซะ!”
“น้อมรับคำสั่ง!”
สิบแปดอรหันต์แห่งวัดเส้าหลินต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกันจากนั้นหลวงจีนทั้งสิบแปดรูปจึงกระโดดออกไปยืนอยู่กลางลานประลองพร้อมกัน!
จากนั้นหลวงจีนทั้งสิบแปดรูปจึงได้แยกย้ายกันสร้างเป็นค่ายกลสิบแปดอรหันต์ล้อมรอบหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินไว้ส่วนหลวงจีนอาวุโสก็ได้กระโดดเข้าไปในลานประลองเผชิญหน้ากับหลิงหยุนเช่นกัน “อามิตาพุทธ..ธรรมและอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ วันนี้วัดเส้าหลินจะช่วยกำจัดมารยุทธภพ อย่าได้ตำหนิว่าข้าข่มเหงรังแรเจ้าเลยนะ!’
หลิงหยุนจ้องมองค่ายกลสิบแปดอรหันต์ของวัดเส้าหลินด้วยแววตาเย้ยหยันก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“หลวงจีนเฒ่าอย่าด่วนกล่าววาจาโอ้อวดเช่นนั้น! ท่านปู่เล่าให้ข้าฟังว่าเจ้าคือหนึ่งในสี่ยอดฝีมือที่เข้าไปล้อมและกลุ้มรุมทำร้ายท่านแม่ของข้าคนเดียว จนนางไม่สามารถไปช่วยเหลือคนอื่นๆในตระกูลหลิงได้ใช่หรือไม่”
“เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกนัก!นางคือคนของพรรคมาร ผู้ใดพบเห็นย่อมมีสิทธิ์สังหารได้ทั้งนั้น!”
หลวงจีนอาวุโสถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธพร้อมกับโต้เถียงกลับไปทันที!
หลิงหยุนได้แต่พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ดี! ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกยอดฝีมือที่เหลืออีกสามเข้ามาจัดการกับข้าพร้อมๆกันเหมือนที่จัดการกับแม่ข้าเล่า หรือเกรงจะถูกกล่าวหาว่ารุมรังแกข้า!”
จากพลังปราณที่พวยพุ่งออกมาจากร่างนั้นทำให้หลิงหยุนรู้ว่าหลวงจีนผู้นี้น่าจะมีพลังปราณสูงส่งที่สุด และภายในหุบเขาหลงเฟิงเวลานี้ผู้ที่มีพลังปราณในระดับนี้ก็น่าจะมีอยู่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น หากเขาสามารถสังหารยอดฝีมือเหล่านี้ได้ ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไป๋เซียนเอ๋อและคนอื่นๆได้
“อามิตาพุทธ..ประสกทั้งสอง เพียงแค่วัดเส้าหลินของข้าก็สามารถเอาชนะพวกเจ้าสองคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วย”
หลวงจีนอาวุโสผู้นี้ร้องตะโกนสั่งทันที“ศิษย์วัดเส้าหลินจงฟังข้า จัดการสังหารมารน้อยทั้งสองเพื่อผดุงความสงบสุขให้เกิดแก่ยุทธภพ พวกเจ้ารีบกลืนโอสถและปิดยันต์เพชรไว้ที่ตัว แล้วจัดการสังหารมารร้ายทั้งสองนี่ซะ!”
หลวงจีนทั้งสิบแปดรูปของวัดเส้าหลินต่างก็กลืนโอสถและจัดการปิดยันต์ไว้ที่ร่างกายของตนเองทันที!
เพียงแค่พริบตาเดียวพลังปราณในร่างของหลวงจีนทั้งสิบแปดรูปก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และเวลานี้ทั้งหมดก็เข้าสู่ระดับห้าขั้นพลังเหนือธรรมชาติ อีกทั้งยังมียันต์เพชรเสมือนเกราะแข็งแกร่งคอยปกป้องร่างกายไว้ด้วย เวลานี้ร่างกายที่เป็นสีทองแดงได้เปล่งประกายสว่างเจิดจ้าคล้ายกับสีทองคำบริสุทธิ์ขึ้นทันที
“ซิงเฉินเจ้ารับมือกับสิบแปดอรหันต์เส้าหลินนี้ไปก่อน รอให้ข้าสังหารหลวงจีนเฒ่านี้เสียก่อน แล้วจะมาช่วยเจ้าจัดการกับหลวงจีนสิบแปดรูปนี้ต่อ!”
หลิงหยุนหยิบสร้อยประคำพร้อมกับเรียกน้ำเต้าที่บรรจุน้ำลายมังกร และสมบัติพุทธองค์ชิ้นอื่นๆออกมาจากแหวนของตัวเอง และนำไปส่งให้จินเหยียวถือไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้สมบัติพุทธองค์เหล่านี้ลอยออกมาขัดขวางไม่ให้เขาสังหารหลวงจีนวัดเส้าหลินได้อีก
และที่หลิงหยุนยังไม่ให้ไป๋เซียนเอ๋อมาในตอนนี้ก็เพราะเมื่อครั้งที่อยู่ใต้หลุมยักษ์นั้น สมบัติพุทธองค์เหล่านี้ล้วนมีผลต่อนาง และหากนางเกิดหวาดกลัวต่อหน้าเหล่าสาวกพุทธองค์นี้ จะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างเล่า
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าเจ้าจัดการกับหลวงจีนเฒ่านั่นได้ตามสบาย..” เย่ซิงเฉินร้องบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้าท่าทางสบายๆ ไม่มีหนักอกหนักใจเลยแม้แต่น้อย
“ลงมือได้!”
สิ้นเสียงร้องตะโกนหลิงหยุนก็ได้ทำการเผาเสินหวนกว่าหนึ่งร้อยหยด กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือมีพลังหยางบริสุทธิ์พวยพุ่งออกมา และมีพลังสายฟ้าสีทองและสีเงินปรากฏอยู่นับไม่ถ้วน!
นี่คือกระบี่เพลิงสายฟ้า!
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครั้งที่ประมือกับตระกูลซันและตระกูลเฉินในการประลองครั้งก่อน หลิงหยุนก็สามารถสื่อสารสารกับดวงจิตในกระบี่โลหิตแดนใต้นี้ได้แล้ว และเวลานี้เขาก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของมังกรแดนใต้ที่อยู่ภายใน คล้ายกำลังจะบอกกับหลิงหยุนว่ามันพร้อมที่จะดื่มเลือดแล้ว!
“ตาย!”
หลิงหยุนกระโดดพุ่งเข้าหาหลวงจีนอาวุโสพร้อมกับร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารเข้าใส่ทันที!
“เกราะเพชรไร้พ่าย!”
หลวงจีนอาวุโสเห็นเพลงกระบี่ที่น่ากลัวของหลิงหยุนจึงไม่กล้าประมาทเขารวบรวมพลังปราณและปรากฏเป็นแสงสีทองสว่างไสวครอบคลุมไปทั่วทั้งร่าง!
และนี่คือเกราะเพชรไร้พ่ายที่แข็งแกร่งของวัดเส้าหลิน!
“ลงมือได้!”
สิ้นคำสั่งของหลวงจีนอาวุโสสิบแปดอรหันต์วัดเส้าหลินก็จู่โจมเข้าใส่เย่ซิงเฉินเทันทีเช่นกัน!
ตูม!
กระบี่่สีดำในมือของหลิงหยุนฟันเข้าใส่แสงสีทองที่ครอบคลุมร่างของหลวงจีนอาวุโสจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นทั่วทั้งบริเวณ พลังชั่วร้ายแห่งมารปะทะเข้ากับพลังแห่งพุทธะจนเกิดเป็นเสียงดังคล้ายระเบิด เศษหินและเศษดินรอบตัวต่างก็ปลิวว่อนไปทั่วทั้งบริเวณจนคนอื่นๆต่างก็ต้องหันหน้าหลบ
หลังจากที่ปะทะกับหลิงหยุนเช่นนั้นร่างของหลวงจีนอาวุโสก็ถึงกับถอยร่นออกไปถึงสามก้าว..
“อามิตาพุทธ..”
ทางด้านหลิงหยุนเองก็ถึงกับชาไปทั่วทั้งร่างเช่นกันหลังจากที่ปะทะเข้ากับเกราะไร้พ่ายของหลวงจีนผู้นั้น..
“เกราะไร้พ่ายของหลวงจีนเฒ่าไม่เลวเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร