หลี่ซิ่วนั้นแตกต่างจากเฉิงเม่ยเฟิงนางอาศัยอยู่ในอารามจิ้งซินมาตั้งแต่เด็กและเติบโตขึ้นมาในนั้น เวลานี้ได้ยินหลิงหยุนพูดว่าจะทำลายอารามจิ้งซินทิ้ง จึงรีบร้องตะโกนบอกกับหลิงหยุนว่า
“พี่ชายคะ..ความจริงท่านอาจารย์และศิษย์พี่ของข้าล้วนเป็นคนดี ท่านต้องไม่…”
หลิงหยุนยิ้มบางพร้อมตอบกลับไปว่า“พวกเขาเป็นคนดีงั้นรึ ในความคิดของข้า แม่ชีพวกนี้ล้วนเป็นอันตรายต่อผู้อื่น! แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง..”
มีหรือที่ผู้ใดจะโน้มน้าวจิตใจคนเช่นหลิงหยุนได้..
เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไว้ชีวิตหลี่ซิ่วและช่วยให้นางได้ออกจากโลกแห่งความขมขื่นใบนั้น ให้นางได้พบเห็นกับโลกแห่งความเป็นจริง และใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาทั่วไป แทนการต้องติดตามแม่ชีเสียสติพวกนี้แล้วคิดว่าพวกนางเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่อีกต่อไป
“พี่ชายท่านได้โปรดฟังข้า ความจริงแล้ว…”
“หลี่ซิ่วเจ้าหุบปากได้แล้ว!”
มี่เจียวซือไท่ร้องตะโกนดุหลี่ซิ่วมิให้นางกล่าวอันใดอีกจากนั้นจึงก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้าจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า
“หลิงหยุนข้ารู้ว่าเพราะเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิงทำให้เจ้าขุ่นเคือง และต้องการที่จะแก้แค้นอารามจิ้งซิน แต่พวกเราไม่ได้หวาดกลัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
“ตอนนี้เจ้ามีฝีมือเหนือกว่าและสามารำทำให้ยอดฝีมือหลายคนหวาดกลัวได้ แต่ก็ยังมียอดฝีมืออีกเกือบสามร้อยคนที่ยังไม่หนีไปไหน เจ้าอย่าได้ด่วนดีใจไปนัก คืนนี้ผู้ใดจะเป็นฝ่ายถูกสังหารก็ยังไม่แน่!”
แม่ชีมี่เจียวอยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับห้านางกล่าววาจาห้าวหาญต่อหน้าหลิงหยุนอย่างไม่นึกหวาดกลัว แต่ละคำล้วนบ่งบอกถึงความเข้มแข็ง ทำให้เหล่ายอดฝีมือคนอื่นๆที่พากันหนีออกไปและกลับเข้ามาเกิดความละอายใจยิ่งนัก
แต่นับว่าเป็นความโชคร้ายของแม่ชีมี่เจียวที่พูดกับคนผิดเสียแล้ว…
เพียะ!
หลิงหยุนกระโดดเข้าไปหาแม่ชีมี่เจียวพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าของนางทันทีระหว่างที่ร่างของนางปลิวออกไปไกลนั้น หลิงหยุนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ข้ากำลังพูดกับหลี่ซิ่วใครใช้ให้เจ้าพูดแทรก”
หลังจากที่พูดออกไปแล้วหลิงหยุนจึงกระโดดกลับมาทันที..
“ดูท่าแล้ว..คืนนี้คงหลีกเลี่ยงการประมือไม่ได้สินะ”
หลิงหยุนกวาดตามองเหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบๆพร้อมกับยิ้มออกมาเขารู้ว่ายอดฝีมืออีกหลายคนในนี้ไม่ได้มีไพ่ตายในมืออะไรมากนัก เขาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร
“เอาล่ะ..ข้าคร้านที่จะพูดจาไร้สาระอีกแล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่า!”
หลิงหยุนกวาดตามองไปยังศิษย์สำนักต่างๆและในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลวงจีนจื้อเหนิงที่ยืนอยู่กลางลาน
“หลวงจีนเฒ่าถึงคราวที่ข้าต้องสังหารเจ้าแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าหาคนมาช่วยกี่คนก็ได้ คืนนี้หากข้าพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าจะไม่ตำหนิเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
“อามิตาพุทธ!”
หลวงจีนจื้อเหนิงยกมือข้างหนึ่งขึ้นพนมกลางอกพร้อมกับพูดต่อว่า“มารชั่วช้า.. เจ้าแสดงความแข็งแกร่งออกมาเช่นนี้ ผู้ใดยังจะกล้าเสนอตัวสู้กับเจ้าอีกเล่า ข้านี่ล่ะจะสู้กับเจ้าเพียงผู้เดียว!”
หลวงจีนจื้อเหนิงเป็นถึงหลวงจีนอาวุโสแห่งหออรหันต์ของวัดเส้าหลินเวลานี้สิบแปดอรหันต์แห่งเส้าหลินถูกสังหารตายจนสิ้น จึงไม่มีผู้ใดหลงเหลือให้เขาสั่งการได้อีก
“ทุกท่านในที่นี้ต่างก็รู้ดีแล้วว่าข้าคือหนึ่งในผู้ที่นำเหล่ายอดฝีมือบุกไปตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อน หลิงหยุนเองก็ประกาศแล้วว่าต้องการแก้แค้นเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะขอสู้กับหลิงหยุนตามลำพัง ทุกท่านอย่าได้ยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว..”
จากนั้นหลวงจีนจื้อเหนิงจึงก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้าพร้อมพูดกับหลิงหยุนว่า“เริ่มได้!”
“ซิงเฉิน..เจ้าหลีกไปให้ห่างจากข้า!”
หลิงหยุนหันไปบอกเย่ซิงเฉินพร้อมกับก้าวเข้าไปหาหลวงจีนจื้อเหนิงทันที!
ปัง!ปัง!
ทุกสายตาในที่นัันต่างก็จับจ้องไม่วางตา..
ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวทั้งสองคนต่างก็สู้กันตัวต่อตัวอย่างยุติธรรม..
พลังพุทธะส่องสว่างออกจากร่างของหลวงจีนจื้อเหนิงอีกครั้งจากนั้นจึงพุ่งเข้าจู่โจมใส่หลิงหยุนโดยมีเกราะไร้พ่ายคุ้มกันร่างกายอยู่ แต่ละกระบวนท่าที่ใช้จู่โจมหลิงหยุนนั้นล้วนเป็นเจ็ดสิบสองกระบวนท่าที่มีชื่อเสียงของวัดเส้าหลินทั้งสิ้น!
หลิงหยุนเพิ่งจะเผาเสินหยวนสามร้อยกว่าหยดในคราวเดียวจนสามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) อีกทั้งยังมีวิชาดาราคุ้มกายที่แข็งแกร่ง เขาจึงมิได้หวาดกลัวคู่ต่อสู้ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย และใช้กระบี่โลหิตแดนใต้เข้าฟาดฟันใส่ทันที!
ในการต่อสู้ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ต้องการใช้ของวิเศษใดๆอีกเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเขาต้องการใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียวในการจัดการกับคู่ต่อสู้ตรงหน้า
พลังพุทธะของหลวงจีนจื้อเหนิงถูกพลังปราณจากกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนฟันเข้าใส่อย่างรุนแรงจึงถึงกับอ่อนกำลังลงทันที!
หลวงจีนจื้อเหนิงนับเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเส้าหลินอีกทั้งเจ็ดสิบสองกระบวนท่าวัดเส้าหลินก็ล้วนเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและรุนแรง ทำให้หลิงหยุนรับมือได้ไม่ง่ายนัก..
ระหว่างที่ประลองกับหลวงจีนจื้อเหนิงอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้แอบจดจำกระบวนท่าต่างๆไว้ในใจ เพื่อที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับตี้เสี่ยวอู๋และศิษย์สำนักหมอสวรรค์ทั้งเจ็ดสิบสองคนต่อไป
หลังจากที่ผ่านการสังหารหมู่ไปและชาวยุทธสามร้อยกว่าคนถูกสังหารตายในคราวเดียว เวลานี้จึงเหลือยอดฝีมืออยู่เพียงแค่สองร้อยกว่าคนเท่านั้น ภายในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้จึงค่อนมีผู้คนอยู่บางตา ถึงกระนั้นผู้ที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าก็ยังมิอาจมองเห็นการต่อสู้ที่รวดเร็วของทั้งสองฝ่ายได้ทัน
“ยี่สิบเก้า..สามสิบเจ็ด.. สี่สิบห้า.. ห้าสิบเจ็ด..”
หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างมากเพราะภายในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลวงจีนจื้อเหนิงก็สามารถใช้วิชาเส้าหลินไปได้ถึงห้าสิบเจ็ดกระบวนท่าแล้ว ประกอบกับสามกระบวนท่าของการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทำให้หลิงหยุนสามารถจดจำได้ทั้งหมดหกสิบกระบวนท่าแล้ว
แม้ทั้งคู่จะต่อสู้กันอย่างดุเดือดแต่หลิงหยุนก็ยังไม่สามารถเอาชนะหลวงจีนจื้อเหนิงได้ อีกทั้งยังไม่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอะไรได้มากนัก เพราะหลวงจีนจื้อเหนิงมีเกระเพชรไร้พ่ายคอยคุ้มกันร่างกายอยู่
แต่หลังจากผ่านไปอีกราวยี่สิบนาทีความแข็งแกร่งของหลวงจีนจื้อเหนิงก็ค่อยๆลดลงอย่างมาก นั่นเพราะหลิงหยุนใช้กระบี่ในมือฟันเข้าที่เกราะไร้พ่ายไปมากกว่าหกร้อยครั้งแล้ว และแต่ละครั้งนั้นก็มีทั้งพลังสายฟ้าอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังใช้หมัดปีศาจเถียนกัง และเท้าวายุชกและเตะเข้าสับเปลี่ยนกันเป็นครั้งคราว ทำให้เกราะเพชรไร้พ่ายของหลวงจีนจื้อเหนิงค่อยๆอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลานี้เบาบางอย่างมากแล้ว ในขณะที่หลวงจีนจื้อเหนิงเริ่มอ่อนกำลังลงมากแต่หลิงหยุนกลับยังคงแข็งแกร่งไม่ต่างจากพยัคฆ์ อีกฝ่ายบ่มเพาะพลังพุทธะเช่นนี้ หลิงหยุนจึงไม่ต้องการที่จะดูดซับเข้าไปในร่าง เวลานี้เขาเพิ่งเผาเสินหยวนไป ร่างกายจึงมีพลังหยินและหยางแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีพลังอมตะสีม่วงอีกด้วย!
ในคืนที่หนิงหลิงยู่รับทัณฑ์สวรรค์นั้นหลิงหยุนก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่เช่นกัน จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ได้ผ่านไปราวยี่สิบวันแล้ว เวลานี้หลิงหยุนจึงมีหยดเสินหยวนสะสมอยู่เกือบหกหมื่นหยดเลยทีเดียว!
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงสามารถเผาเสินหยวนได้มากมาย และด้วยจำนวนเสินหยวนที่มีอยู่ในตอนนี้ เขาสามารถใช้ได้นานถึงแปดหรือสิบวันโดยไม่ต้องกังวลเลยทีเดียว..
ชัวะ!ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ!
เมื่อเห็นว่าพลังพุทธะของหลวงจีนจื้อเหนิงอ่อนกำลังลงมากแล้วหลิงหยุนก็ได้กระหน่ำฟันเข้าใส่ร่างของหลวงจีนอย่างไม่ปราณี อีกทั้งเขาเองก็สามารถจดจำกระบวนท่าวัดเส้าหลินได้กว่าหกสิบกระบวนท่าจนขึ้นใจแล้ว
ตูม!
ในที่สุดพลังปราณจากกระบี่สีดำแดงที่ยาวกว่าสิบเมตร ก็ได้ฟันเข้าใส่เกราะไร้พ่ายที่ปกคลุมร่างของหลวงจีนจื้อเหนิงจนแตกกระจายออก!
และเวลานี้หลวงจีนจื้อเหนิงก็ได้อ่อนล้าลงอย่างมากแล้ว!
ชัวะ!
หลิงหยุนเงื้อกระบี่ในมือฟันลงไปที่ร่างของหลวงจีนจื้อเหนิงอีกครั้งอย่างไม่ปราณี..
“เจี๋ยวหยวน!จำไว้ว่าหากเจ้าสามารถรอดชีวิตออกไปจากหุบเขาหลงเฟิงได้ อย่าได้ให้เส้าหลินแก้แค้นแทนข้า! จำไว้.. จำไว้..”
ในระหว่างที่กำลังจะสิ้นใจตายนั้นหลวงจีนจื้อเหนิงก็ได้หันไปทางหลวงจีนเจี๋ยวหยวน พร้อมกับสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
หลิงหยุนรอคอยให้หลวงจีนจื้อเหนิงสั่งเสียจนคำสุดท้ายจากนั้นจึงเงื้อกระบี่ในมือขึ้นฟันเข้าที่ศรีษะของหลวงจีนทันที!
ศรีษะของหลวงจีนจื้อเหนิงร่วงหล่นจากลงกับพื้นทันที!
“ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป!”
หลิงหยุนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่ตัดศรีษะของหลวงจีนจื้อเหนิง..
ครั้งนี้นับเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมยิ่งนักและหลังจากการต่อสู้ที่ดำเนินไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หลิงหยุนก็ได้แอบจดจำกระบวนท่าต่างๆของวัดเส้าหลินได้ถึงหกสิบกระบวนท่า นับว่าหลิงหยุนได้กำไรจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว!
ในเวลาต่อมา..หลิงหยุนก็เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง “เซียนเอ๋อ.. น้าหญิง.. ทุกคนไม่ต้องหลบซ่อนแล้ว ปรากฏตัวออกมาได้เลย!”
เวลานี้หลวงจีนจื้อเหนิงได้ถูกสังหารตายไปแล้วศิษย์วัดเส้าหลินจึงเหลือเพียงแค่หลวงจีนเจี๋วยหยวนเพียงผู้เดียวเท่านั้น พลังพุทธะจึงมิได้รุนแรงจนสามารถส่งผลต่อไป๋เซียนเอ๋อได้อีก
“พี่หลิงหยุน!”
“หลิงหยุน..ข้ามาแล้ว!”
พรึบ..พรึบ.. พรึบ..
เสียงของไป๋เซียนเอ๋อฉินตงเฉี่วย เฉิงเม่ยเฟิง ตี้เสี่ยวอู๋ และเหมี่ยวเสี่ยวเหมากระโดดออกมาจากที่ซ่อนตรงเข้ามาในหุบเขาหลงเฟิงทันที
ทั้งหมดต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลลวงตาที่ไป๋เซียนเอ๋อสร้างขึ้นระหว่างนั้นก็ได้รอคอยคำสั่งของหลิงหยุนอยู่นานถึงชั่วโมงกว่า
“ที่นี่มีศิษย์สำนักดาบสวรรค์อยู่ด้วยใช่หรือไม่เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าชื่ออะไรนะ?! อ่อใช่แล้ว.. เสียตงคุน! เจ้าก้าวออกมา น้าหญิงของข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า!”
เมื่อทุกคนปรากฏตัวแล้วหลิงหยุนจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางสำนักสำนักดาบสวรรค์ทันที พร้อมกับพูดจาเย้ยหยัน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร