พรึบ!
หลิงหยุนรอจนกระทั่งฉินตงเฉี่วยพูดจบจึงได้กระโดดเข้าไปหาและทันทีที่จับเข้าที่แขนของนาง เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก
หลิงหยุนไม่รอช้าเขารีบถ่ายเทพลังปราณอมตะสีม่วงลงไปในร่างกายของนางทันที จากนั้นจึงควบคุมพลังอมตะสีม่วงนี้ให้เคลื่อนผ่านไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างกายของนาง จนกระทั่งเข้าสู่จุดตันเถียนในที่สุด ทั้งนี้เพื่อช่วยรักษาซ่อมแซมเส้นลมปราณที่เสียหาย อีกทั้งยังช่วยกำจัดความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ด้วย
และภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเส้นลมปราณที่เสียหายก็กลับมาดีดังเดิม ความเจ็บปวดก็มลายหายสิ้นไป เวลานี้ฉินตงเฉี่วยสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่มีพลังปราณหลงเหลืออยู่อีกแล้วและไม่สามารถใช้วรยุทธได้
แต่ถึงกระนั้นขั้นของวิชาดาราคุ้มกายก็ยังคงอยู่ไม่ได้สูญเสียไปด้วย เพราะวิชาดาราคุ้มกายเป็นวิชาที่ใช้ปรับร่างกาย จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับจุดตันเถียน เส้นลมปราณ หรือว่าพลังปราณภายในร่างกาย ด้วยเหตุนี้การที่ฉินตงเฉี่วยทำลายพลังปราณของตนเองจึงไม่มีผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของร่างกาย
“เจ้าเด็กดื้อ..ข้ากับสำนักดาบสวรรค์ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว จากนี้ไปเจ้าอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่เจ้า!”
ฉินตงเฉี่วยบอกกับหลิงหยุนอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนจากนั้นนางจึงหายใจเข้าลึกพร้อมกับพูดต่อว่า
“เพียงแต่ข้าไม่สามารถร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้าได้ในเวลานี้!”
หลิงหยุนยิ้มให้ฉินตงเฉี่วยอย่างอ่อนโยน“น้าหญิง ท่านวางใจได้! หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ท่านเพียงแค่ยืนดูอะไรสนุกๆก็พอ!” จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปกำชับเย่ซิงเฉินว่า“ซิงเฉิน คืนนี้เจ้ามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของน้าหญิงแทนข้า! การต่อสู้นับจากนี้ข้าจะเป็นผู้ลงมือเอง..”
เย่ซิงเฉินหันไปยิ้มกว้างใหัหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปทันที“ข้ายังต้องให้เจ้าสั่งอีกรึ ข้าเองก็คร้านที่จะประมือกับชาวยุทธไร้สมองพวกนี้อีกแล้ว..”
หลิงหยุนแววตาเป็นประกายขึ้นมาอย่างนึกสนุกเขาหันไปมองเสียตงคุนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“เสียตงคุนข้าขอถามเจ้า! ที่น้าหญิงของข้าทำลงไปเมื่อครู่นี้ สามารถลบล้างบุญคุณที่สำนักดาบสวรรค์เคยถ่ายทอดวิชาให้กับนางได้แล้วหรือไม่”
การที่หลิงหยุนถามเช่นนี้..หากคำตอบของเสียตงคุนคือ ‘ไม่’ หลิงหยุนก็จะจัดการถล่มสำนักดาบสวรรค์ให้สิ้นชื่อในคืนนี้!
ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในคืนนี้นั้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเสียตงคุนยิ่งนักเวลานี้ใบหน้าของเขาถึงกับซีดขาว แต่ก็พยายามกดข่มความหวาดกลัวภายในใจเอาไว้ และตอบหลิงหยุนไปว่า
“ตามกฏยุทธภพแล้วผู้ใดที่ทำลายพลังปราณของตนเองทิ้ง ย่อมสามารถออกจากสำนักนั้นได้ทันที สำนักดาบสวรรค์เองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน!”
“เช่นนั้นก็ดี!”
หลิงหยุนพูดขึ้นพร้อมกับยกมือชี้หน้าเสียตงคุนแล้วถามขึ้นอีกว่า “ถ้าเช่นนั้น.. สิ่งที่น้าหญิงของข้าทำลงไปเมื่อครู่นี้ ก็สามารถทดแทนบุญคุณที่สำนักดาบสวรรค์เคยมีต่อตระกูลฉินเมื่อสิบแปดปีก่อนได้ใช่หรือไม่”
ระหว่างที่ถามนั้นหลิงหยุนก็จ้องลึกลงไปในดวงตาของเสียตงคุนด้วย..
เสียตงคุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบพยักหน้าและตอบกลับไปทันที “ก็ใช่!”
“ดี!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“หลังจากการต่อสู้ที่ยอดเขาหลงเหมินในครั้งนั้น ศิษย์หญิงของเจ้าได้กลับไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าฟังแล้วใช่หรือไม่”
เสียตงคุนไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่หลิงหยุนถามเรื่องนี้แต่ก็ได้แต่พยักหน้าตอบไปตามความจริง “ก็ใช่อีก!”
“ถ้าเช่นนั้นศิษย์ของเจ้าได้รายงานหรือไม่ว่า ครั้งนั้นน้าหญิงของข้าไม่ได้เป็นผู้พูดว่านางจะออกจากสำนักดาบสวรรค์ แต่เป็นข้าที่พูด..”
“พวกนางรายงานเช่นนั้น..”
“ถ้าเช่นนั้น..พวกนางก็ต้องรายงานเจ้าเช่นกันว่า หลังจากที่น้าหญิงของข้าออกจากสำนักดาบสวรรค์แล้ว ข้า – หลิงหยุนได้เสนอที่จะตอบแทนบุญคุณที่สำนักดาบสวรรค์เคยมีต่อตระกูลฉินเมื่อสิบแปดปีก่อน ด้วยการถ่ายวิชาที่ล้ำเลิศให้สามวิชาใช่หรือไม่”
เสียตงคุนเริ่มเข้าใจแล้วว่าหลิงหยุนมีจุดประสงค์ใดกันแน่ จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ในเมื่อน้าหญิงของข้าทำลายพลังปราณของตนเองแล้ว และเจ้าก็บอกเองเมื่อครู่ว่า นางได้ตอบแทนบุญคุณของสำนักดาบสวรรค์ไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่จำเป็นถ่ายทอดวิชาให้กับสำนักดาบสวรรค์อีกแล้วสินะ”
เสียตงคุนได้ฟังหลิงหยุนพูดเช่นนี้ก็ได้แต่หงุดหงิดใจอย่างมาก และรู้ว่าตนเองได้ทำพลาดไปแล้ว เพราะนั่นเป็นโอกาสที่ดีและหาได้ยากยิ่งนัก ดียิ่งเสียกว่าการได้อยู่ภายใต้ใบบุญของสำนักกระบี่คุนหลุน และสำนักกระบี่เทวะเสียอีก!
แต่ต่อให้นึกเสียใจในตอนนี้ก็สายไปแล้วเพราะถึงอย่างไรเวลาก็ไม่อาจเดินย้อนกลับ เสียตงคุนจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันแน่นพร้อมกับพยักหน้าเท่านั้น..
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับกวาดสายตาไปตามร่างไร้วิญญาณของหลวงจีนทั้งยี่สิบเอ็ดรูปพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หากผู้ใดไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้าข้าก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนผู้นั้น แต่หากมันผู้ใดบังอาจหาเรื่องข้าแล้วล่ะก็.. เจ้าดูหลวงจีนวัดเส้าหลินเหล่านี้สิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลานี้พวกเขาไปที่ใดกันแล้ว”
หลิงหยุนไม่ได้ต้องการคำตอบจากเสียตงคุนเขาจึงพูดต่อทันที “ที่ยอดเขาหลงเหมินในครั้งนั้น ข้ายื่นข้อเสนอให้กับศิษย์สำนักดาบสวรรค์ของเจ้าสามข้อ แลกกับการยอมถอยกลับไปแต่โดยดี เพราะเห็นแก่ที่สำนักดาบสวรรค์เคยมีบุญคุณต่อตระกูลฉิน ข้าจึงต้องการไว้ชีวิตและไม่ถือสาที่พวกเจ้าใช้น้าหญิงของข้าเป็นเหยื่อล่อ แต่ศิษย์ของเจ้ากลับเลือกที่ตายเอง..”
“ด้วยนิสัยของข้าแล้วเจ้าเองก็ควรจะรู้ว่าศิษย์ของเจ้าจะมีสภาพเช่นใด แต่ถึงอย่างนั้น ท้ายที่สุดข้าก็ยังยอมไว้ชีวิตศิษย์ของเจ้าถึงสามคน! ส่วนกัวเสี่ยวเทียนที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นั้น กลับฝืนใช้เพลงดาบซานไฉเพื่อสังหารข้าให้ได้ และที่ข้าต้องทุบกระโหลกศรีษะของเขาจนแตกกระจายนั้น ไม่เพียงเพราะต้องการระบายความโกรธในใจของตนเอง แต่ยังต้องการช่วยให้เขาไม่ต้องเจ็บปวดทรมานไปอีกชั่วชีวิต..”
“ส่วนศิษย์อีกคนของเจ้าที่ชื่อหลิวซุ่ยเฟิงนั้นต้องบอกว่ามันรนหาที่ตายเอง! ข้าคิดว่าศิษย์หญิงทั้งสองของเจ้าคงจะรายงานเรื่องนี้ให้เจ้ารู้แล้วเช่นกัน และในครั้งนั้นหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากเจ้าไม่เชื่อก็ลงถามพวกเขาดูก็ได้!”
ตั้งแต่ต้นจนจบพี่พูดไปทั้งหมดนั้นไม่มีประโยคใดเลยที่หลิงหยุนพูดโกหก ทุกอย่างล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เสียตงคุนจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับเท่านั้น
“เรื่องนี้ข้าเองก็ได้รับรายงานแล้วเช่นกันไม่จำเป็นต้องสอบถามผู้ใดอีก..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับถามเสียตงคุนว่า“เช่นนี้แล้วผู้ที่สมควรตาย ข้าจึงจำเป็นต้องสังหารพวกเขา! ส่วนที่เหลืออีกสามคน ข้าก็ไว้ชีวิตและปล่อยพวกเขากลับไปสำนักดาบสวรรค์ได้อย่างปลอดภัยไม่ใช่รึ”
“เรื่องนี้เป็นความจริง!”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงปล่อยพวกเขาไป”
หลิงหยุนถามเสียตงคุนแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบอีกเช่นเคยเขาอธิบายต่อทันที “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบ ข้าจะบอกเจ้าเอง..”
“ที่ข้ายอมไว้ชีวิตศิษย์ทั้งสามคนของเจ้านั้นเพราะเห็นแก่ที่สำนักดาบสวรรค์เคยช่วยตระกูลฉินไว้ในอดีต ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีใด ข้าสนใจเพียงแค่ผลเท่านั้น! และผลในครั้งนั้นก็ทำให้ท่านแม่ของข้า และหนิงหลิงยู่น้องสาวของข้าปลอดภัย! เจ้าคิดว่าข้าทำเช่นนี้ยุติธรรมหรือไม่”
เสียตงคุนรีบพยักหน้าทันที“ยุติธรรมแล้ว!”
จะไม่ยุติธรรมได้อย่างไรกันสามชีวิต.. แลกสองชีวิต! อีกทั้งในครั้งนั้นที่สำนักดาบสวรรค์ยื่นมือเข้าไปช่วยฉินจิวยื่อกับหนิงหลิงยู่นั้นพวกเขาก็แทบจะไม่ได้ออกหน้าอะไรเลย ทุกอย่างเป็นผลจากจดหมายของหนิงเทียนหยาทั้งสิ้น!
“เช่นนั้นแล้ว..บุญคุณที่เจ้าเคยช่วยท่านแม่กับน้องสาวของข้า ก็นับว่าไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกันแล้วใช่หรือไม่”
ระหว่างที่ถามนั้นหลิงหยุนก็ได้ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเสียตงคุนอีกเช่นเคย..
“ใช่!”
“เอาล่ะ!”
“แม้สำนักดาบสวรรค์จะไม่ได้บุกไปถล่มตระกูลหลิงในคืนนั้นด้วยย่อมเท่ากับไม่ใช่ศัตรของตระกูลหลิง แต่การที่พวกเจ้ามาร่วมงานชุมนุมชาวยุทธที่จัดขึ้นเพื่อสังหารข้ากับเย่ซิงเฉินเช่นนี้..”
“ย่อมเท่ากับว่าสำนักดาบสวรรค์เป็นศัตรูของข้า– หลิงหยุน! และข้าก็สามารถที่จะสังหารเจ้าได้ในพริบตา โดยไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายพูดกับเจ้ามากมาย..”
“แต่ข้า– หลิงหยุนมีความยุติธรรมมากพอ! ในเมื่อน้าหญิงของข้ารู้สึกติดค้างต่อสำนักดาบสวรรค์ของเข้า”
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับกล่าวต่อว่า“เรื่องบุญคุณที่สำนักดาบสวรรค์เคยช่วยตระกูลฉินในครั้งนั้น.. ข้า – หลิงหยุนจะเป็นผู้ชดใช้แทนให้เอง!”
“ฉะนั้นแล้ว..เพื่อตอบแทนบุญคุณที่สำนักดาบสวรรค์มีต่อตระกูลฉิน ข้าจะไม่สังหารเจ้าและคนของสำนักดาบสวรรค์ เสียตงคุน.. เจ้าว่าข้าทำเช่นนี้ยุติธรรมพอหรือไม่”
เสียตงคุนถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและแทบอยากจะร้องไห้ออกมาพร้อมๆกัน เพราะในที่สุดสำนักดาบสวรรค์ของเขาก็สามารถรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ไปได้ แต่ในขณะเดียวกันจะไม่มีสิ่งใดติดค้างระหว่างสำนักดาบสวรรค์กับตระกูลฉินอีกเช่นกัน!
แต่เขามีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือในเมื่อหลิงหยุนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และเขาสามารถถูกหลิงหยุนสังหารได้ภายในพริบตาเดียว และไม่แน่ว่าเขาอาจตายในสภาพที่น่าสังเวชกว่ากัวเสี่ยวเทียนนัก!
และที่สำคัญสำนักดาบสวรรค์ไม่ได้วิงวอนร้องขอความเมตตาจากหลิงหยุนจึงไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับสำนักดาบสวรรค์เลยแม้แต่น้อย..
“เฮ้อ…”
เสียตงคุนรู้สึกไม่ต่างจากการได้ยกหินก้อนใหญ่ที่หนักอึ้งออกจากหน้าอกของตนเองเขาถอนหายใจยาวพร้อมกับพยักหน้าและตอบกลับไปทันที
“ยุติธรรม!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ายอมรับว่ายุติธรรม เช่นนั้นแล้วนับจากนี้ไปสำนักดาบสวรรค์กับตระกูลฉิน ท่านแม่ของเข้า น้าหญิง และน้องสาวของข้า ล้วนไม่มีบุญคุณใดๆติดค้างกันอีก!” “และนับจากนี้ต่อไปห้ามเจ้าอ้างบุญคุณกับคนตระกูลฉินอีก และนับจากนี้ไป หากสำนักดาบสวรรค์ยังทำตัวเป็นศัตรูกับข้าอีก ข้าหลิงหยุนจะไม่ปราณีเช่นนี้แน่!”
“เสียตงคุน..เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ในสองประโยคสุดท้ายนั้นหลิงหยุนจงใจใช้มังกรคำรามพูดกับเสียตงคุน
เสียตงคุนสะดุ้งและรีบตอบกลับไปทันที“ข้าเข้าใจ!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดต่อว่า“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอแนะนำให้เจ้าและศิษย์สำนักดาบสวรรค์ออกจากหุบเขาแห่งนี้โดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อใดที่เกิดการต่อสู้กันขึ้น แม้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ก็ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่ฆ่าพวกเจ้าด้วย!”
เสียตงคุนรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นประสานเข้าด้วยกันพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “หลิงหยุน ข้าเสียตงคุนนับถือน้ำใจเจ้ายิ่งนัก! หวังว่าวันหน้าพวกเราจะได้พบเจอกันอีก..” จากนั้นเสียตงคุนก็หันหลังกลับพร้อมกับโบกมือให้ศิษย์สำนักดาบสวรรค์ทั้งหมดตามเขากลับออกไปทันที!
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร