คำถามของหลิงหยุนนั้นทำให้นักบวชเลี่ยหลงไม่สามารถตอบได้..
เหตุใดอย่างนั้นหรือนั่นก็เพราะนักบวชเขาหลงหู่ฝ่ายชางจิงกงนั้น ชื่นชอบการเข่นฆ่าสังหารปีศาจจิ้งจอกเพื่อความสนุกสนาน..
นั่นเพราะอีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอนั่นเอง!
แต่เหตุผลเช่นนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่นักบวชเลี่ยหลงจะกล่าวออกมาเพราะหากสามารถใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างในการสังหารชีวิตผู้อื่นได้ หากวันหนึ่งพบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า และตนเองกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ ย่อมหมายความว่าผู้อื่นมีสิทธิ์ที่จะเข่นฆ่าตนเองเพื่อความสนุกสนานเช่นกัน
“แม้ปีศาจตนนี้จะยังไม่ได้ทำความผิดอันใดแต่มันก็ไม่ใช่มนุษย์ ยากนักที่จะสามารถคาดเดาจิตใจได้!” นักบวชเลี่ยหลงไร้ซึ่งคำตอบจนถึงกับเอ่ยออกไปเช่นนั้น..
“ดี!”
หลิงหยุนรู้ว่านี่เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดเท่าที่นักบวชเลี่ยหลงจะคิดได้ในเวลานี้เขาจึงคร้านที่จะโต้แย้ง เพียงแค่ตอบกลับไปว่า
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้..ข้าก็จะขอถามเจ้าว่า ปีศาจภัยแล้งก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า เจ้าเองก็ไม่อาจคาดเดาจิตใจของมันได้ เหตุใดเจ้าจึงชุบเลี้ยงมันได้เล่า”
“…”
นักบวชเลี่ยหลงถึงกับพูดไม่ออกและไม่สามารถอธิบายได้! เขาแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเพราะคำถามของหลิงหยุน
“คำตอบของเจ้าทำให้ข้าเข้าใจว่าตราบใดที่สิ่งมีชีวิตนั้นดีและมีประโยชน์กับพวกเจ้า ต่อให้ไม่ใช่มนุษย์ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีงามในสายตาของพวกเจ้า แต่หากสิ่งมีชีวิตนั้นไม่ดีและไม่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้า พวกเจ้าก็จะเข่นฆ่าและกำจัดพร้อมกล่าวหาว่าพวกมันเป็นปีศาจ หรือนักบวชอย่างพวกเจ้าก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ในการจัดการกับมนุษย์ด้วยกัน”
หลิงหยุนถามยิ้มๆพร้อมกับชี้ให้เห็นถึงข้อน่าสงสัยคลางแคลงใจ..
“นี่..อย่าได้กล่าวหากันเช่นนี้ ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย..”
นักบวชเลี่ยหลงเริ่มอึกอักและแก้ตัวทันที..
“เจ้าไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่ความหมายของมันกลับชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเป็นเช่นนั้น!”
หลิงหยุนย้ำด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดและหนักแน่น “คำพูดของเจ้ามันบ่งบอกว่า ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นปีศาจหรือมนุษย์ หากพวกเจ้าไม่พอใจ พวกเจ้าก็จะหาเหตุผลขึ้นมาอ้าง และทำในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการจะทำ!”
“เพียงแค่คำว่า‘ปีศาจ’ หลุดออกจากปากนักบวชอย่างพวกเจ้า พวกเจ้าก็สามารถสังหารผู้ใดก็ได้เพื่อผดุงความสงบสุขยุติธรรมอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าใช้ข้ออ้างนี้กับทุกๆเรื่องใช่หรือไม่?”
“เช่นเดียวกับงานชุมนุมชาวยุทธที่จัดขึ้นในคืนนี้พวกเจ้าตราหน้าเย่ซิงเฉินเป็นนางมาร พร้อมกับป่าวประกาศให้เหล่าชาวยุทธมาช่วยกันสังหารนาง วิธีการนี้ไม่ต่างจากที่นักบวชอย่างพวกเจ้าใช้จัดการกับไป๋เซียนเอ๋อเลยแม้แต่น้อย!”
“ส่วนพวกเจ้าก็อาศัยว่ามีความแข็งแกร่งเหนือกว่าชาวยุทธคนอื่นๆในที่นี้ตราบใดที่พวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องขึ้นอยู่กับเจ้า หากผู้ใดกล้าเห็นแย้งกับพวกเจ้า พวกเจ้าก็แค่สังหารพวกเขาทิ้งเสีย!”
“ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดถูกต้องหรือไม่”
หลิงหยุนเอ่ยถามนักบวชเลี่ยหลงหลังจากที่อธิบายมายืดยาวเพราะสำนักเขาหลงหู่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานชุมนุมชาวยุทธในครั้งนี้ขึ้น
“แต่ครั้งนี้สวรรค์ไม่เข้าข้างเจ้า..เพราะทั้งข้า เย่ซิงเฉิน ไป๋เซียนเอ๋อ และเหล่าแวมไพร์ทั้งห้า ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าพวกเจ้ามากนัก พวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะหรือสังหารพวกข้าได้ ด้วยเหตุนี้.. พวกเราจึงมีโอกาสที่จะมายืนโต้แย้งและอธิบายต่อหน้าเจ้า และทุกคนเช่นนี้ได้!”
หลิงหยุนกวาดสายตามองไปรอบๆเขายกมือขึ้นทำท่านับเหล่าชาวยุทธไม้เลื้อย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจ้าดูให้ดีสิ!พวกเขาต่างมาร่วมงานชุมนุมในคืนนี้เพื่อต่อสู้เคียงข้างกับเจ้าไม่ใช่รึ แต่เวลานี้ข้างกายเจ้ากลับเลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่ยังต้องการจะร่วมมือกับเจ้าสังหารมาร!”
นักบวชเลี่ยหลงไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนกลับไปได้แม้แต่คำเดียวและเวลานี้ทั่วทั้งหุบเขาหลงเฟิง ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยวาจาอันใดออกมาแม้แต่คนเดียว
นั่นเพราะคำกล่าวของหลิงหยุนล้วนเป็นความจริงและยากที่ผู้ใดจะหาเหตุผลมาโต้แย้งได้! หลังจากที่หลิงหยุนกล่าวทวงความเป็นธรรมให้กับไป๋เซียนเอ๋อแล้วเขาก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก และไม่คิดที่จะอธิบายอะไรให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่กล่าวเพียงแค่สั้นๆว่า
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดของข้าหรือไม่แต่นี่คือบัญชีแรกที่ข้าจะต้องสะสางกับสำนักเขาหลงหู่ของเจ้า!”
สำนักเขาหลงหู่เลี้ยงปีศาจภัยแล้งส่วนหลิงหยุนก็มีจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ต่างฝ่ายต่างก็ยกเหตุผลขึ้นมาโต้แย้งกันไปมา แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของหลิงหยุน จุดประสงค์ของเขาคือต้องการคิดบัญชีกับสำนักเขาหลงหู่ที่ปล่อยให้ปีศาจภัยแล้งเข่นฆ่าครอบครัวของไป๋เซียนเอ๋อ
“เลี่ยหลง..ข้ายังมีคำถามจะถามเจ้าอีก และหวังว่าเจ้าจะสามารถให้คำอธิบายที่กระจ่างชัดแกข้าด้วย!”
หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับถามขึ้นว่า“ระหว่างที่บุกเข้าไปในบ้านของข้าในเมืองจิงฉูนั้น นักบวชเลี่ยยื่อกับโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ได้ร่วมมือกัน เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายเช่นใด”
หลังจากที่พอลนำตัวนักบวชเลี่ยยื่อเข้ามาหลิงหยุนได้ประกาศต่อหน้าทุกคนถึงสองเรื่อง แต่ทุกคนมัวแต่ตกใจกับเรื่องปีศาจภัยแล้ง จนลืมอีกหนึ่งเรื่องสำคัญไป..
และนี่ก็เป็นประเด็นสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง..
สำนักเขาหลงหู่จัดงานชุมนุมชาวยุทธขึ้นมาเพื่อปราบมารในยุทธภพแต่นักบวชฝ่ายชางจิงกงของเขาหลงหู่เองกลับร่วมมือกับโอรสพรรคมารเสียเอง เช่นนี้แล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
“ใช่แล้ว!พวกเราสนใจแต่เรื่องปีศาจภัยแล้งจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นักบวชเลี่ยยื่อคงเสียสติไปแล้วเป็นแน่ จึงได้กล้าร่วมมือกับโอรสพรรคมารเช่นนี้!”
“บ้าไปแล้ว!หรือสำนักเขาหลงหู่จะเป็นมารไปเสียเอง!”
“นักบวชเจ้าเล่ห์!หลิงหยุนพูดถูกไม่มีผิด..” ……
หลังจากที่นักบวชเลี่ยหลงสามารถอธิบายเรื่องการเลี้ยงปีศาจได้สมเหตุสมผลทำให้เหล่าชาวยุทธต่างพากันหายคลางแคลงใจลงบ้าง แต่เมื่อหลิงหยุนยกเรื่องใหม่ขึ้นมาถามอีก ทุกคนในที่นั้นก็เริ่มกล่าวหาสำนักเขาหลงหู่อีกครั้ง..
นักบวชเลี่ยหลงได้ฟังคำถามของหลิงหยุนก็ถึงกับโกรธมากและร้องตะโกนสวนกลับไปว่า “เป็นไปไม่ได้! หลิงหยุน.. เจ้าอย่าได้กล่าวหาพวกเราลอยๆเช่นนี้!”
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!นักบวชทำเรื่องเลวร้ายที่สุดก็แค่แอบเลี้ยงปีศาจภัยแล้งเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะยินดีไปร่วมมือกับคนของพรรคมารเช่นนั้นแน่!”
นักบวชเลี่ยหลงถูกหลิงหยุนตั้งคำถามจู่โจมเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ และเริ่มโต้เถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพราะหากเรื่องนี้เป็นความจริงสำนักเขาหลงหู่ต้องเป็นอันจบสิ้นแน่!
นักบวชเลี่ยหลงไม่มีทางเลือกอื่นและได้แต่ยืนกรานปฏิเสธ!
นักบวชเลี่ยหลงได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่านับเป็นความโชคดีที่เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว เพราะต่อให้หลิงหยุนเก่งกาจมากเพียงใด ก็คงไม่สามารถย้อนเวลาพาทุกคนกลับไปดูเหตุการณ์ที่แท้จริงได้แน่!
“หึ!”
หลิงหยุนสามารถคาดเดาความคิดของนักบวชเลี่ยหลงได้จึงทำเสียงเย้ยหยันอยู่ในลำคอ ในขณะเดียวกันก็คิดว่า ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่ก็สามารถทำให้ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งได้!
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องปฏิเสธและไม่ยอมรับ!เลี่ยหลง.. เจ้าดูให้เห็นกับตาตัวเอง!”
ทันทีที่พูดจบหลิงหยุนก็เรียกโน๊ตบุ๊คออกมาจากแหวนจักรวาล และจัดการเปิดคลิปวีดีโอที่ได้อัดไว้ให้กับทุกคนในที่นั้นดูพร้อมๆกัน
ภาพทั้งหมดนั้นได้มาจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ภายในบ้านเลขที่-1หลิงหยุนมีคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้ทั้งหมด แต่เลือกนำเฉพาะช่วงที่นักบวชเลี่ยยื่อกับโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ปรากฏตัวเท่านั้น
ในคืนนั้นแม้โอรสพรรคมารจะได้ทำการตัดไฟภายในบ้านเลขที่-1ของหลิงหยุนแล้ว แต่เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านของคนร่ำรวย ด้านนอกรอบๆบ้าน และหลายจุดภายในหมู่บ้านต่างก็มีกล้องวงจรปิดอยู่ทั้งสิ้น รวมทั้งบริเวณเนินเขาด้านหลังบ้านเลขที่-1 ด้วย..
และกล้องวงจรปิดบนเนินเขาด้านหลังก็ได้บันทึกภาพของคนสองคนไว้ได้อย่างชัดเจน!
คลิปวีดีโอเหล่านี้ล้วนเป็นถังเทียนห่าวพ่อของถังเมิ่งเป็นคนมอบให้หลิงหยุนทั้งสิ้นหลังจากที่หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสในคืนนั้นจนหมดสติไปนานหลายวัน ถังเทียนห่าวก็ได้มาสำรวจบริเวณโดยรอบด้วยตัวเอง ไม่เพียงถังเทียนห่าวส่งกองกำลังของตำรวจมาเฝ้าคุ้มครองความปลอดภัยให้ แต่ยังมาทำการเก็บกวาดทำลายหลักฐานต่างๆด้วย พร้อมกันนั้นก็ได้ทำการตรวจเช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวด้วยตัวเอง
จากนั้น..คลิปวีดีโอนี้ก็ได้ถูกนำส่งให้หน่วยมังกรที่ปักกิ่งในคืนเดียวกัน และบุคคลอันดับหนึ่งแห่งปักกิ่งก็ได้เห็นคลิปวีดีโอนี้ก่อนหน่วยนภา และหน่วยมังกร จึงได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้เหล่าชาวยุทธเดินทางเข้าเมืองจิงฉูโดยเด็ดขาด
หลังจากที่หลิงหยุนฟื้นคืนสติขึ้นมาเขาก็ได้รับคลิปวีดีโอเหล่านี้ในช่วงระหว่างที่ทำการฟื้นฟูจุดตันเถียนและเส้นลมปราณของตัวเอง นับจากนั้นเขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปสะสางบัญชีแค้นครั้งนี้กับสำนักเขาหลงหู่ด้วยตนเอง จึงได้ทำการบันทึกคลิปทั้งหมดไว้ในโน๊ตบุ๊ค แต่แน่นอนว่าหลิงหยุนจงใจเปิดคลิปวีดีโอเพียงแค่สองคลิปเท่านั้นใช่ว่านักบวชเลี่ยหลงจะสามารถปิดบังความจริงได้ฝ่ายเดียว หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าควรจะต้องเปิดเผยความจริงส่วนไหนบ้างจึงจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองมากที่สุด!
และคลิปวีดีโอที่หลิงหยุนนำมาเปิดให้เหล่าชาวยุทธในหุบเขาหลงเฟิงดูก็คือคลิปที่โอสรพรรคมารซือกงวู่จี๋กับนักบวชเลี่ยยื่อปรากฏตัวในบ้านเลขที่-1 พร้อมกัน และคลิปที่ทั้งสองคนต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในคืนนั้น
“เป็นโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋จริงๆด้วยข้าเคยพบเจอเขาก่อนหน้านี้!”
“ใช่ๆในคลิปนั่นก็เห็นทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม มิหนำซ้ำยังร่วมมือกันจัดการกับหลิงหยุนอีกด้วย!”
“ปีศาจภัยแล้ง!ในคลิปมีปีศาจภัยแล้งด้วย ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดยิ่งนัก!”
“ในเมื่อความจริงเปิดเผยออกมาเช่นนี้การจัดชุมนุมในคืนนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก ช่างน่าขันสิ้นดี!”
เวลานี้ชาวยุทธต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์และพูดจาเหน็บแนมนักบวชฝ่ายชางจิงกงของสำนักเขาหลงหู่ ครั้งนี้หลิงหยุนสามารถทำให้นักบวชฝ่ายชางจิงกงถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอีกครั้งได้!
……
หลังจากทำการฉายคลิปวีดีโอที่มีความยาวเพียงแค่สองสามนาทีจบแล้วหลิงหยุนก็จัดการเก็บโน๊ตบุ๊คเข้าไปในแหวนของตนเอง
หลิงหยุนหันกลับไปมองนักบวชเลี่ยหลงที่กำลังตกอยู่ในอาการตกตะลึงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ว่าอย่างไรล่ะเลี่ยหลง เวลานี้ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยแล้ว เจ้ายังคิดที่จะแก้ตัวอีกหรือไม่?”
ในเมื่อหลักฐานมัดตัวเช่นนี้นักบวชเลี่ยหลง นักบวชเลี่ยหู่ และนักบวชคนอื่นๆฝ่ายชางจิงกง ต่างก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด และต่างก็พูดอะไรไม่ออก.. พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคลิปวีดีโอเพียงแค่สองสามนาทีนี้ ได้เป็นหลักฐานผูกมัดอย่างดีว่านักบวชเลี่ยยื่อได้ร่วมมือกับโอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋บุกถล่มบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนจริง ทุกคนจึงหมดหนทางที่จะแก้ตัวได้อีกต่อไป..
นั่นเพราะในคลิปวีดีโอไม่ได้มีเพียงแค่ภาพนักบวชเลี่ยยื่อยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับโอรสพรรคมารเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีภาพที่ทั้งสองคนสนทนากันมากมาย และร่วมมือกันต่อสู้กับหลิงหยุน
“นี่เป็นการกระทำส่วนตัวของนักบวชเลี่ยยื่อพวกเราฝ่ายชางจิงกงมิได้รู้เห็นด้วย!”
ในเวลานั้นนักบวชเลี่ยหลงพูดได้เพียงแค่นั้น เขารู้ดีว่ายิ่งอธิบายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งไม่เป็นผลดีมากเท่านั้น และเวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องปัดความรับผิดชอบทั้งหมดออกจากฝ่ายชางจิงกงให้ได้โดยเร็วที่สุด!
เพราะเรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงชื่อเสียงของสำนักเขาหลงหู่! หลิงหยุนตอบโต้กลับไปทันที“หึ.. หลังจากจนด้วยหลักฐาน และไม่สามารถแก้ตัวได้ พวกเจ้าก็ปัดความรับผิดชอบเช่นนี้อย่างนั้นรึ พวกเจ้าชางจิงกงช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”
สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกรังสีสังหารปรากฏขึ้นในแววตาวูบหนึ่ง “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นนักบวชที่ปลิ้นปล้อนเช่นนี้ เห็นทีคงมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น คือฆ่าพวกเจ้าทิ้งเสีย!”
ชัวะ!
หลิงหยุนเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาไว้ในมือและเพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของนักบวชเลี่ยยื่อก็ถูกรังสีกระบี่ของหลิงหยุนฟันขาดออกเป็นสองท่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร