Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1329

รอบๆกระบี่เหินพลังหยางที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น เวลานี้มีเปลวไฟลุกโชน และในที่สุดนักบวชทั้งสี่ก็ได้กระโดดออกมาจากด้านใน พร้อมกับร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห!
  พวกเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอมกระบี่เหินพลังหยางจะสร้างประโยชน์ให้กับศัตรูได้มากมายถึงเพียงนี้!
  “ทุกคนถอนตัวออกมา!”
  ตอนนี้นักบวชเลี่ยหลงเข้าใจดีแล้วว่าตราบใดที่หลิงหยุนยังไม่ตาย ก็ยากที่จะหลอมกระบี่เหินพลังหยางได้สำเร็จ อีกทั้งยังต้องสูญเสียพลังหยางบริสุทธิ์ให้กับหลิงหยุนมากมายด้วย
  เป็นเพราะหลิงหยุนดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปได้รวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆและความเร็วในการดูดซับของหลิงหยุนก็เหนือกว่าความเร็วในการหลอมรวมกระบี่ของนักบวชทั้งสิบสองคน ทำให้กระบี่เหินพลังหยางไม่อาจหลอมรวมได้สำเร็จเสียที!
  นักบวชทั้งสิบสองคนต่างพากันถอนพลังหยางในการหลอมรวมกระบี่เหินขนาดใหญ่นั้นกลับมาแล้วจึงกระโดดเข้าไปรวมกลุ่มกับนักบวชขั้นพลังเหนือธรรมชาติทั้งสี่คนทันที
  เวลานี้พลังหยางบริสุทธิ์ในร่างของนักบวชทั้งสิบสองคนถูกหลิงหยุนดูดเข้าไปมากมายจึงเหลือพลังหยางในร่างไม่ถึงสามสิบส่วน ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของนักบวชเลี่ยหลงนักบวชทั้งสิบสองคนจึงถอนพลังหยางกลับทันที กระบี่เหินพลังหยางที่รวมตัวกันเป็นกระบี่ยาวถึง 36 เมตร ก็ได้แยกออกจากกันกลายเป็นกระบี่เหินสิบสองเล่มขนาดเล็กลอยอยู่กลางอากาศแทน
  “เลี่ยหมิงเลี่ยเฟิง พวกเจ้าพาพี่น้องสองคนไปช่วยศิษย์น้องอีกสี่คนจัดการกับแวมไพร์พวกนั้นก่อน รีบลงมือสังหารพวกมันทั้งสี่ตนให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
  “ส่วนพวกเจ้าที่เหลืออีกแปดคนไปจัดการสังหารสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางตนนั้น!”
  นักบวชเลี่ยหลงร้องตะโกนออกคำสั่งในขณะที่ตนเองกับนักบวชอีกสามคนตรงเข้าล้อมหลิงหยุน เย่ซิงเฉิน และหวังชงเซียวไว้ทันที
  นักบวชเลี่ยหลงพยายามบีบให้ศัตรูของตนกลับลงมาสู้กันบนพื้นดินเพราะการต่อสู้กลางอากาศนั้น สามารถหลบหลีกไปในทิศทางต่างๆได้มากกว่า ทำให้ยากต่อการควบคุม และต้องอาศัยความเร็วในการเคลื่อนที่อย่างมาก
  นักบวชเลี่ยหลงหันไปทางสำนักกระบี่คุนหลุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ท่านจาง ท่านหลี่ พวกเราต่างก็มีศัตรูคนเดียวกัน พวกท่านจะเพียงแค่ยืนมองพวกเราต่อสู้กับศัตรูเพียงลำพังเช่นนี้จริงๆอย่างนั้นรึ”
  ด้านหลังของหลิงหยุนเป็นชายสองคนรูปร่างไม่สูงมากมายนักแต่ใบหน้าของทั้งคู่นั้นดูเคร่งขรึมดุดันยิ่งนัก แม้หลิงหยุนจะไม่รู้จักยอดฝีมือทั้งสองนี้ แต่ก็ใช่ว่าผู้อื่นในที่นั้นจะไม่รู้..
  เวลานี้นักบวชชงซวีแห่งบู๊ตึ๊งและหลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งเส้าหลิน ก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินชื่อของสองยอดมือกระบี่แห่งสำหนักกระบี่คุนหลุน!
  –จางคุนหลุนกับหลี่คุนหลุนแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนมาด้วยตัวเองจริงๆงั้นรึพวกเขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน?-
  นักพรตชงซวีส่งกระแสจิตถามหลวงจีนเจี๋ยวหยวนทันที
  “อามิตาพุทธ..”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนไม่ตอบและได้แต่หันไปมองนักพรตชงซวีพร้อมกับห้ามปรามด้วยสายตา..
  นักพรตชงซวีชะงักไปทันทีเพราะเขารับรู้ได้ว่าเวลานี้มีจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังสองสาย กำลังเพ่งเล็งมาทางตน และนั่นทำให้เขาถึงกับเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที!   ‘จางคุนหลุนหลี่คุนหลุนงั้นรึ เหตุใดชื่อของทั้งสองจึงฟังดูแปลกหูเช่นนี้?’
  เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่แม้นักพรตชงซวีจะพูดผ่านกระแสจิต ก็หาได้รอดพ้นจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนไปได้
  แต่เวลานี้หาใช่เวลาที่จะมานั่งประหลาดใจเพราะเมื่อเห็นนักบวชเขาหลงหู่กำลังสร้างค่ายกล เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือค่ายกลสำหรับสังหารไป๋เซียนเอ๋อ
  ‘คิดจะสังหารเซียนเอ๋อของข้างั้นรึเจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!’
  เมื่อนักบวชทั้งแปดกำลังเคลื่อนที่เพื่อออกจากตำแหน่งที่ยืนอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตเรียกหินพลังชีวิตสิบกว่าก้อนพร้อมด้วยแม่เหล็กขั้วโลกออกมา แล้วจัดการวางรอบล้อมร่างของนักบวชทั้งแปดไว้ทันที
  ร่างของนักบวชที่มีแสงสว่างสีขาวสว่างรอบตัวหายวับไปในพริบตาและปรากฏเป็นหมอกสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาแทน  หลิงหยุนใช้แม่เหล็กขั้วโลกแทนดวงตาค่ายกลส่วนก้อนหินพลังชีวิตสิบกว่าก้อนนั้นก็สร้างเป็นค่ายกลวราหกปกคลุมร่างของนักบวชเหล่านั้นไว้
  จากนั้นหลิงหยุนจึงอาศัยจังหวะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีผู้ใดลงมือนั้นจัดการเผาเสินหยวนอีก 360 หยดทันที!
  พรึบ..
  หลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือแล้วใช้วิชาเงาลวงตาพุ่งเข้าใส่ร่างของนักบวชอีกแปดคนที่กำลังประมืออยู่กับแวมไพร์ทั้งสี่ตนอย่างรวดเร็ว
  กระบี่วิเศษในมือของหลิงหยุนขยับเคลื่อนไหวทั้งหมดแปดครั้ง..ชัวะ! ชัวะ….
  ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง..นักบวชทั้งแปดคนที่กำลังต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ ถูกหลิงหยุนสังหารตายภายในดาบเดียวทุกคน!
  ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปจัดการฟันเข้าใส่ค่ายกลวราหกสังหารนักบวชเขาหลงหู่อีกแปดคนสิ้นใจตายทันทีเช่นกัน
  เพียงแค่ในเวลาสั้นๆที่หลิงหยุนกระโดดเข้าไปในสนามต่อสู้เขาก็สามารถสังหารนักบวชจากเขาหลงหู่ตายไปถึงสิบหกคนพร้อมกัน!
  การลงมือของหลิงหยุนนั้นอธิบายได้เพียงแค่สั้นๆว่า รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าฟาด!
  “เลี่ยหมิง..เลี่ยเฟิง..!”
  “ศิษย์น้อง!”
  นักบวชเลี่ยหลงเลี่ยหู่ เลี่ยเหลย และเลี่ยหยาง ต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกันเมื่อได้เห็นภาพน่าสยดสยองที่เกิดขึ้น ทั้งสี่คนโกรธจนแทบคลั่ง!
  นักบวชเลี่ยหลงที่เพิ่งจะเปลี่ยนแผนยกเลิกการหลอมรวมกระบี่เหินพลังหยางและสั่งให้นักบวชทั้งสิบสองคนแยกย้ายกันไปสังหารคนของหลิงหยุน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจของตนจะเป็นการทำร้ายพี่น้องร่วมสำนักทั้งสิบหกคนเช่นนี้!
  หลังจากที่หลิงหยุนจัดการสังหารนักบวชทั้งสิบหกคนไปแล้วเขาจึงหันไปจ้องมองนักบวชทั้งสี่ด้วยสีหน้าและแววตาที่สบายอกสบายใจ
  ทางด้านตี้เสี่ยวอู๋ที่อยู่ไกลออกไปนั้นกำลังยืนกำหมัดแน่นพร้อมกับมีเหงื่อไหลออกมาตามร่างกายจนเปียกโชก เพราะเหตุการณ์ในสนามต่อสู้นั้นได้สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวให้กับเขาอย่างมาก และในที่สุดก็ร้องตะโกนเย้ยหยันนักบวชเลี่ยหลง
  “เป็นยังไงบ้างล่ะนักบวชเฒ่าสมใจเจ้าหรือไม่”
  หลิงหยุนได้ยินเสียงร้องตะโกนออกมาของตี้เสี่ยวอู๋จึงหันไปมองทั้งคู่มองตากันยิ้มๆ และหลิงหยุนก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
  นักบวชเขาหลงหู่ที่ดูเหมือนจะได้เปรียบหลิงหยุนก่อนหน้านี้แต่กลับถูกหลิงหยุนสังหารตายจนเหลือเพียงแค่สี่คนเท่านั้น!   “หลิงหยุน..เจ้ามารชั่วช้า! นี่เจ้ากล้าสังหารคนของชางจิงกงครั้งเดียวพร้อมกันถึงสิบหกคนเชียวรึ”
  นักบวชเลี่ยหลงร้องตะโกนออกมาเสียงดังดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ ลูกนัยน์ตาสั่นระริก ขนลุกขนชันทั่วทั้งตัว บ่งบอกถึงความโกรธแค้นสุดขีด!
  “หลวงจีนเส้าหลินทั้ง21 คนยังถูกข้าสังหารได้ เหตุข้าจึงจะไม่กล้านักบวชชางจิงกงเพียงแค่สิบหกคนด้วยเล่า”
  จากนั้นหลิงหยุนก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หากไม่ใช่เพราะความโง่เขลาของเจ้า พวกเขาทั้งสิบหกคนก็คงไม่ต้องตายเร็วเช่นนี้! เป็นเจ้าต่างหากที่ทำร้ายพวกเขา หาใช่ข้าไม่!”
  นักบวชเลี่ยหลงได้ฟังคำพูดเย้ยหยันของหลิงหยุนเขาก็โกรธจนแทบกระอักเลือด จากนั้นจึงหันไปมองจางคุนหลุน และหลี่คุนหลุนแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน พร้อมกับถามขึ้นว่า  “ท่านทั้งสองจะยืนดูอยู่เช่นนี้จริงๆงั้นรึ”
  นักบวชเลี่ยหลงรู้ดีว่าเพียงแค่พวกตนสี่คนนั้นย่อมไม่สามารถสังหารหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน จึงต้องการยอดฝีมือสูงส่งเข้ามาช่วย
  พรึบ!
  จางคุนหลุนแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนกระโดดหมุนตัวเข้าไปในสนามต่อสู้ร่วมกับนักบวชเลี่ยหลงทันที ในขณะที่หลี่คุนหลุนยังคงยืนนิ่ง เพื่อทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองคนของสำนักกระบี่คุนหลุนที่เหลือไม่ให้ถูกหลิงหยุนจู่โจม!
  นั่นเพราะหลิงหยุนได้ประกาศกร้าวก่อนหน้านี้แล้วว่าหากผู้ใดยื่นมือเข้าช่วยนักบวชเขาหลงหู่ เขาจะจัดการสังหารคนที่เหลือและถล่มสำนักของคนผู้นั้นทันที!
  และเมื่อครู่หลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินก็ได้สังหารตระกูลหลิวตระกูลหวัง และนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝูเป็นตัวอย่างไปแล้ว  จางคุนหลุนกระโดดเข้าไปยืนข้างกายนักบวชเลี่ยหลงพร้อมกับเอ่ยถามหลิงหยุนซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามว่า
  “หลิงหยุน..พลังปราณทั้งหมดในตัวเจ้านั้น เจ้าได้มาเช่นใด”
  จางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนเฝ้าสังเกตหลิงหยุนมานานตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้และพลังปราณที่จางคุนหลุนถามถึงนั้นก็คือพลังทั้งสี่ชนิดในร่างกายหลิงหยุนนั่นเอง ซึ่งก็คือปราณมังกร พลังอมตะสีทอง พลังอมตะสีม่วง และปราณเสีวยนหวงสีเหลืองนั่นเอง!
  หลิงหยุนได้ยินคำถามของจางคุนหลุนก็ถึงกับประหลาดใจไม่น้อยและคิดไม่ถึงว่าไพ่ในมือที่แข็งแกร่งของตนจะถูกอีกฝ่ายพบเห็นได้เช่นนี้!
  “ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า!”
  หลิงหยุนย่อมไม่เปิดเผยออกไปเป็นแน่ในขณะเดียวกันเขาก็พบว่าตนเองไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของอีกฝ่ายได้  แทบไม่ต้องสงสัยว่าในหุบเขาหลงเฟิงแห่งนี้จางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนต่างหากที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด หาใช่นักบวชจากเขาหลงหู่นี้ไม่!
  ภายในหุบเขาหลงเฟิงเวลานี้หลิงหยุนสังเกตเห็นว่ายอดฝีมือที่เก่งล้ำเลิศที่สุดนั้นมีอยู่เพียงแค่สิบคน และล้วนเป็นคนจากวัดเส้าหลิน สำนักเขาหลงหู่ และสำนักกระบี่คุนหลุน
  แต่เวลานี้ยอดฝีมือทั้งสามของวัดเส้าหลินได้ถูกเขาสังหารตายไปแล้วจึงเหลือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดอีกเพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น!
  แต่เวลานี้หลิงหยุนรู้ตัวว่าคงไม่อาจจัดการคนของสำนักกระบี่คุนหลุนที่เหลือได้ เพราะมีหลี่คุนหลุนคอยปกป้องอยู่ เขาจึงคิดที่จะจัดการกับห้าคนที่อยู่ในสนามต่อสู้เวลานี้ก่อน
  หลิงหยุนรู้มาว่าคนของสำนักกระบี่คุนหลุนที่เคยบุกไปถล่มตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น เป็นมือกระบี่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสี่ที่อยู่ในกลุ่มเวลานี้!
  หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดว่าจะสังหารยอดฝีมือทั้งห้านี้ได้อย่างไร
  หากมีเพียงแค่นักบวชฝ่ายชางจิงกงทั้งสี่หลิงหยุนมั่นใจว่าจะสามารถสังหารพวกมันได้ไม่ยาก แต่เวลานี้มีจางคุนหลุนอยู่ด้วยจึงไม่ใช่เรื่องง่าย!
  เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่ยอมตอบคำถามจางคุนหลุนจึงถามต่อ “ถ้าเช่นนั้นเจ้าตอบข้าได้หรือไม่ว่า หม้อเสินหนง ตราหยกจักรพรรดิ แหวนพื้นที่ และวิชาบ่มเพาะที่เจ้าฝึกนั้น เจ้าได้มาจากที่ใดกัน”
  หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า..“เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเช่นกัน!”
  “ผิดแล้ว!เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวกับข้า และหากเจ้าไม่ตอบ ข้าจะสังหารเจ้าซะ และผู้ใดก็ยากที่จะช่วยเจ้าได้!”
  หลิงหยุนนับว่าเป็นคนจองหองมากแล้วแต่จางคุนหลุนกลับผยองมากกว่าเขาเสียอีก ถึงกับข่มขู่จะสังหารเขาด้วย!
  “โอ้..ใครกันมาผายลมต่อหน้าข้า!”
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นร้องอุทานออกมาคิดจะข่มขู่เขาอย่างนั้นหรือ หลิงหยุนหาใช่ผู้ที่จะหวาดกลัวคำข่มขู่ของผู้ใดไม่!
  หากอีกฝ่ายบ้าบิ่นมาก..หลิงหยุนจะสามารถบ้าบิ่นได้มากกว่า!
  และเวลานี้วิชาหยางพิสุทธิ์ของเขาก็ได้เข้าสู่ระดับเจ็ดของขั้นที่หนึ่งแล้ววิชานี้มีพลังจู่โจมที่แข็งแกร่งมาก และเวลานี้เขาก็อยากจะทดสอบพลังของมันอย่างมากแล้ว!
  หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อคำข่มขู่ของจางหลงคุนเลยแม้แต่น้อย!
  “เจ้าหนูหากเจ้ายังไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้ เท่ากับเจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ!”
  จากนั้นจางคุนหลุนก็หันไปสั่งนักบวชเขาหลงหู่ทั้งสี่คนว่า“พวกท่านทั้งสี่คนไปจัดการสังหารยอดฝีมือทั้งสามและแวมไพร์ทั้งห้าของหลิงหยุนให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนข้าจะจัดการกับหลิงหยุนเอง!”
  “ท่านจางได้โปรดวางใจ!”
  ทันทีที่เห็นจางคุนหลุนตัดสินใจที่จะลงมือเช่นนี้นักบวชเลี่ยหลงถึงกับดีอกดีใจอย่างมาก และตอบกลับจางคุนหลุนด้วยความนอบน้อม
  จากนั้นจางคุนหลุนก็กระโดดเข้าหาหลิงหยุนด้วยมือเปล่า..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร