ตูม!
หลิงหยุนฟาดกระบี่หยางพิสุทธิ์เล่มยาวกว่าสิบเมตรนี้เข้าใส่ร่างของนักบวชเลี่ยหลงที่อยู่ไกลออกไป และเพียงแค่ดาบเดียวนักบวชเลี่ยหลงก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายในพริบตา!
เวลานี้นักบวชทั้งสี่แห่งชางจิงกงก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!
หลิงหยุนเชื่อมั่นในอานุภาพของวิชาหยางพิสุทธิ์นี้เป็นอย่างมากเพราะนี่คือฝึกวิชาที่ใช้ในการจู่โจมศัตรูที่ดุดันและแข็งแกร่งที่สุดแห่งโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ และเวลานี้ก็ยังหาวิชาใดเทียบที่จะมีพลังจู่โจมรุนรุนแรงได้เท่ากับวิชาหยางพิสุทธิ์นี้ได้!
หลิงหยุนไม่อาจยอมให้นักบวชเลี่ยหลงทำการอัญเชิญเทพได้สำเร็จแน่นั่นเพราะเวลานี้คู่ต่อสู้ของเขาก็อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับเจ็ดแล้ว หากปล่อยให้ใช้วิชาเวทย์อัญเชิญเทพได้สำเร็จ ขุมพลังของนักบวชเลี่ยหลงจะไม่พุ่งขึ้นไปถึงขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับเก้าเลยงั้นหรือ หรือไม่ก็อาจจะสูงกว่านั้นด้วยซ้ำไป
หากหลิงหยุนปล่อยให้เป็นเช่นนั้นต่อให้เขาใช้วิชาพลังมังกรเพิ่มอานุภาพของวิชาพลังหยางพิสุทธิ์ขึ้นอีกสิบเท่า ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้หรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนยังไม่รู้ว่าเทพที่อีกฝ่ายอัญเชิญมานั้น จะเป็นเซียนที่มีพลังวิเศษน่ากลัวมากเพียงใด เขาจึงต้องตัดสินใจสังหารนักบวชเลี่ยหลงในดาบเดียว
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือหลิงหยุนเผาหยดเสินหยวนในระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ ทำให้สามารถเข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ได้ พลังปราณและเสินหยวนจึงคล้ายกับเส้นลมปราณภายในเส้นลมปราณอีกที หากใช้วิชาพลังมังกร เขาเกรงว่าจะเกิดปรากฏการณ์เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งที่อยู่บ้านเลขที่-1 ในเมืองจิงฉู ไม่แน่ว่าหากเขาใช้พลังมังกรอาจเกิดทัณฑ์สวรรค์อย่างไม่คาดคิดขึ้นมาอีก และครั้งนี้เขาอาจตายด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่เหี้ยมโหดจริงๆก็ได้!
กระบี่หยางพิสุทธิ์เล่มยักษ์โบกสะบัดไปมาตามมือของหลิงหยุนเกิดเป็นลำแสงสีขาวสว่างขนาดใหญ่ยาวอยู่กลางท้องนภา ดูราวกับอสุนีบาตเส้นมหึมาที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าที่มืดสนิทในยามนี้!
หลังจากที่จัดการฟันร่างของนักบวชเลี่ยหลงขาดออกเป็นสองท่อนแล้วหลิงหยุนเกรงว่าภายในร่างของนักบวชเลี่ยหลงจะยังมีดวงจิตของเซียนที่อัญเชิญลงมาอาศัยอยู่ เขาจึงสะบัดกระบี่หยางพิสุทธิ์ในมือไปมาอย่างรวดเร็ว และเพียงแค่ชั่วพริบตา.. ร่างของนักบวชเลี่ยหลงก็ได้กลายเป็นเศษเนื้อกองอยู่กับพื้น!
หลังจากนั้นก็มีแสงสีขาวสุกสว่างพวยพุ่งออกมาจากร่างของนักบวชเลี่ยหลงคล้ายระเบิดลูกใหญ่หลิงหยุนถูกแรงระเบิดนั้นจนร่างกระเด็นไกลออกไปราวสองร้อยเมตร และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขากลับไม่หวาดกลัว และพยายามกระโดดเข้าไปใกล้ลูกไฟสีขาวที่เป็นพลังหยางบริสุทธิ์ เพื่อที่จะดูดซับมันเข้าไปในร่างของตน!
แต่นี่ไม่ใช่พลังหยางบริสุทธิ์ธรรมดามันคือพลังหยางบริสุทธิ์ในขั้นเซียน มีหรือที่มันจะยอมให้หลิงหยุนดูดซับเข้าไปได้ง่ายๆ หลังจากที่เกิดการระเบิดขึ้น พลังหยางขั้นเซียนเหล่านั้นก็รีบหลอมรวมเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ทันที!
“เจ้าอย่าคิดหนีเลย!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปพร้อมกับสะบัดกระบี่หยางในมือเข้าใส่กลุ่มพลังหยางบริสุทธิ์ขั้นเซียนในรูปมนุษย์อีกครั้งก่อนจะรีบดูดซับเอาพลังที่แตกสลายนั้นเข้าไปในร่างของตนทันที!
เวลานี้..ป้ายบูชาที่ตั้งอยู่ภายในห้องสักการะของนักบวชฝ่ายชางจิงกงสำนักเขาหลงหู่ ได้แตกสลายกลายเป็นแสงสีขาวพวยพุ่งออกมาก่อนจะมลายหายไปในทันที ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นแตกละเอียด
หลังจากได้รับพลังหยางบริสุทธิ์ในขั้นเซียนจำนวนมากเข้าไปในครั้งนี้วิชาหยางพิสุทธิ์ของหลิงหยุนก็ได้ก้าวหน้าขึ้นอีกถึงสองระดับย่อย และเข้าสู่ระดับที่เก้าซึ่งเป็นระดับสูงสุดของขั้นที่หนึ่งทันที!
บูม!
แสงสีขาวในตัวหลิงหยุนเวลานี้เปล่งประกายสว่างไสวเจิดจ้าจากเดิมถึงสามเท่า และกระบี่หยางพิสุทธิ์ในมือของเขาก็ขยายยาวออกเป็น 36 เมตร และกว้าง 4 เมตรในทันที!
หลังจากนั้นกระบี่พลังหยางของนักบวชชางจิงกงทั้งสิบสองเล่มที่ไม่สามารถหลอมรวมได้สำเร็จ ก็มาปรากฏอยู่ในมือของหลิงหยุน..
“เลี่ยหลง..เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะว่ากระบี่หยางที่ไม่สามารถหลอมรวมได้สำเร็จนั้นกลับช่วยให้พลังหยางในตัวของข้าพัฒนาขึ้นมากถึงเพียงนี้!”
หลิงหยุนเกลียดชังนักบวชเลี่ยหลงยิ่งนักเมื่อครู่ที่นักบวชทั้งสามใช้วิชาพลังหยางพิโรธเข้าสังหารตนนั้น หากเป้าหมายไม่ใช่ตัวเขาแต่เป็นเย่ซิงเฉิน ไป๋เซียนเอ๋อ และหวังชงเซียว แน่นอนว่าทั้งสามคงยากที่จะต้านทานพลังหยางที่รุนแรงนั้นได้ และต่อให้หลิงหยุนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่เขาก็ต้องสูญเสียทั้งสามคน หรือไม่ก็ใครคนใดคนหนึ่งไปเป็นแน่!
ความจริงแล้วการที่นักบวชฝ่ายชางจิงกงทั้งสี่คนผสานพลังกันนั้นแน่นอนว่าความแข็งแกร่งย่อมเหนือกว่าหลวงจีนจื้อหนงจากหออรหันต์ของเส้าหลิน แต่นับว่าเป็นความโชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือหลิงหยุน มิหนำซ้ำนักบวชเลี่ยหลงยังเลือกใช้วิธีการต่อสู้ที่ผิดพลาดยิ่งนัก!
นั่นเพราะการที่นักบวชเลี่ยหลงตัดสินใจให้นักบวชทั้งสิบสองคนหลอมรวมกระบี่เหินพลังหยางขึ้นมากลับทำให้หลิงหยุนดูดซับเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปจนสามารถพัฒนาขั้นของวิชาพลังหยางพิสุทธิ์ได้ อีกทั้งวิชาพลังหยางพิโรธก็ยังช่วยทำให้หลิงหยุนพัฒนาก้าวหน้าขึ้นจากเดิมได้อีกถึงหนึ่งระดับ
แต่ในที่สุดที่นักบวชเลี่ยหลงตัดสินใจใช้วิชาเวทย์นั้นทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะวิชาหยางพิสุทธิ์ของหลิงหยุนแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากแล้ว..
ในการต่อสู้ครั้งนี้อาจเรียกได้ว่านักบวชฝ่ายชางจิงกงเป็นฝ่ายส่งอาวุธที่ทรงอานุภาพให้กับหลิงหยุนหลายครั้งหลายครา หากพวกเขาไม่ตายก็คงยากที่จะมีหน้าอยู่ต่อไปได้
ในเวลานั้นเองท้องนภาเหนือหุบเขาหลงเฟิง เหลือเพียงร่างของหลิงหยุนเหาะอยู่เพียงลำพัง เวลานี้เขาดูไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ลูกใหญ่ แสงสว่างสีขาวพวยพุ่งล้อมรอบกายอยู่ท่ามกลางท้องนภาที่มืดมิด จนกลบแสงจันทร์ไว้ได้อย่างสนิท ภาพหลิงหยุนถือกระบี่หยางพิสุทธิ์ไว้ในมือและกำลังเหาะอยู่กลางอากาศนั้น ดูราวกับเทพจากสรวงสวรรค์ที่กำลังเหาะลงมายังโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน!
เย่ชิงซินซึ่งอยู่ไกลออกไปนั้นเมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นเวลานี้ นางถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก แววตาของนางเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน และเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมานั้นนางกังวลมากจนเกินไป เพราะดูเหมือนหลิงหยุนจะไม่จำเป็นต้องให้นางช่วยเหลือจริงๆ!
“คุนหลุนเตรียมรับกระบี่ของข้า!”
ท่ามกลางแสงสีขาวเจิดจ้านั้นหลิงหยุนจ้องมองไปยังคนของสำนักกระบี่คุนหลุนที่อยู่บนพื้นด้านล่าง เขาจ้องมองจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไป!
จังหวะดีๆเช่นนี้หากหลิงหยุนไม่ฉวยโอกาสสั่งสอนยอดฝีมือทั้งสองคนของคุนหลุนให้สำนึกเสียบ้าง ก็คงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก!
บูม!
กระบี่ใหญ่ยาวสีขาวเจิดจ้านั้นพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือจากคุนหลุนทั้งสองทันที.. “แย่แล้ว!”
จางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนรับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างมากที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเห็นกระบี่หยางพิสุทธิ์ขนาดใหญ่ฟาดลงมาทางพวกตนทั้งสองเช่นนั้น ทันทีที่แสงสีขาวเจิดจ้ายาวกว่าสามสิบหกเมตรพุ่งเข้ามา หลี่เจี้ยนกังแห่งสำนักกระบี่คุนหลุนก็รีบกระโดดถอยหลังหลบออกไปไกลถึงสองร้อยเมตรด้วยความหวาดกลัว เหล่าศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนต่างก็พากันกระโดดถอยหนีด้วยความหวาดผวา
ทั้งจางหลงคุนและหลี่หลงคุนต่างก็กระโดดหมุนตัวลอยขึ้นฟ้าทั้งคู่ช่วยกันปลดปล่อยพลังปราณในร่างของตนเข้าสะกัดกั้นและต้านทานกระบี่หยางพิสุทธิ์ของหลิงหยุนไว้ทันที!
แสงสีแดงสว่างไสวสองสายพุ่งเข้าปะทะกับกระบี่แสงสีขาวของหลิงหยุนและเกิดเป็นเสียงดังคล้ายระเบิดสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ!
ตูม! จากนั้นร่างของจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนที่ถูกแรงปะทะรุนแรงจากกระบี่หยางพิสุทธิ์ของหลิงหยุนนั้น ก็ร่วงลงสู่พื้นดินเบื้องล่างทันที!
ส่วนกระบี่สีขาวสว่างขนาดใหญ่ของหลิงหยุนที่ฟาดลงไปนั้นก็ได้ปะทะเข้ากับพื้นดินภายในหุบเขาหลงเฟิงจนเกิดเป็นหลุมขนาดกว้างกว่า 360 เมตร และผืนดินบริเวณนั้นก็ได้กลายเป็นสีดำไหม้เกรียม และไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีความลึกมากเพียงใด
และนี่คือพลังหยางพิสุทธิ์ที่แข็งแกร่งของหลิงหยุน!
นับว่าเป็นความโชคดีของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนที่ในวินาทีนั้นจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนได้กระโดดเข้าสะกัดกั้นกระบี่หยางพิสุทธิ์ที่ทรงพลังของหลิงหยุนไว้ ศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนจึงมีโอกาสกระโดดหลบหนีออกไปจากบริเวณนั้นได้ทัน ไม่เช่นนั้นแล้วทุกคนในที่นั้นคงต้องตายกันหมดอย่างแน่นอน!
เหล่าชาวยุทธที่พากันยืนมองอยู่นั้นได้แต่นิ่งเงียบ…
ไม่มีแม้แต่เสียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจหรือตื่นเต้น เพราะทุกคนกำลังอยู่ในอาการตกตะลึงสุดขีด!
“หึ!คิดว่าจะรับมือกับกระบี่หยางพิสุทธิ์ของข้าได้งั้นรึ”
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจดูที่พื้นด้านล่างทันทีและพบว่าเวลานี้ทั้งจางคุนหลุน และหลี่คุนหลุนต่างก็ร่วงลงไปอยู่ใต้หลุมด้านล่าง อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เสียชีวิต!
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลิงหยุนจึงได้เงื้อกระบี่หยางพิสุทธิ์ในมือขึ้น และกำลังจะฟันลงใส่ร่างของพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง!
ฟิ้ว!ฟิ้ว!
แต่ในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังเงื้อกระบี่หยางพิสุทธิ์ในมือเพื่อที่จะฟันลงไปเป็นครั้งที่สองนั้นร่างทั้งสองของจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนก็ได้เหาะหายขึ้นมาจากหลุมขนาดใหญ่และเมื่อขึ้นมาถึงปากหลุมทั้งสองคนก็ได้เหาะหายไปทางทิศตะวันตกท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดด้วยความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์!
ทั้งสองคนหนีไปอย่างรวดเร็วและไม่แม้แต่จะสนใจศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นใดอีกเลย!
“หึ!นี่น่ะรึคุนหลุน แค่นี้เองรึ!”
หลิงหยุนพูดออกมาอย่างเย้ยหยันในขณะที่จ้องมองไปทางร่างของยอดฝีมือทั้งสองที่หนีไปจากนั้นจึงหันไปสั่งเย่ซิงเฉิน หวังชงเซียว และคนอื่นๆ
“ซิงเฉิน..ได้เวลาทำเก็บกวาดแล้ว เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”
และคำว่าเก็บกวาดของหลิงหยุนนั้นหมายความเช่นใดเย่ซิงเฉินย่อมเข้าใจดี เพราะในการประลองครั้งนี้ หลิงหยุนจะได้สิ่งของติดไม้ติดมือกลับไปมากมายเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นคฑาของหลวงจีนวัดเส้าหลินกระบี่เหินทั้งยี่สิบเล่มของนักบวชฝ่ายชางจิงกง และอีกสี่เล่มของนักบวชฝ่ายเทียนชี่ฝู…
อาวุธทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโลหะชั้นดีเหมาะแก่การนำไปหลอมทำอาวุธต่อไป อีกทั้งยังมีโอสถของวัดเส้าหลิน และโอสถเขาหลงหู่ที่มีมากกว่าสิบขวด ยังมียันต์สีเงินของนักบวชฝ่ายชางจิงกงที่ยังไม่ได้ใช้หลงเหลืออยู่อีกด้วย!
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติที่มีค่าหลิงหยุนจัดการเรียกเก็บเข้าไปในแหวนจักรวาลของตนเองต่อหน้าชาวยุทธทั้งหมด และไม่คิดที่จะปิดบังเลยแม้แต่น้อย!
เวลานี้คนของฝ่ายหลิงหยุนไม่ว่าจะเป็นเย่ซิงเฉินไป๋เซียนเอ๋อ หวังชงเซียว ตี้เสี่ยวอู๋ เฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย และคนอื่นๆ ต่างก็พากันยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดลานประลอง..
แม้แต่โม่วู๋เตาที่กำลังทำการบันทึกวีดีโออยู่ยังถึงกับหยุดบันทึก และกระโดดเข้าไปหาของดีๆเช่นกัน
“คืนนี้หลิงหยุนได้ประโยชน์กลับไปไม่น้อยทีเดียว!”
เย่เทียนสุ่ยจ้องมองคนของหลิงหยุนที่กำลังเก็บกวาดลานประลองด้วยแววตาเป็นประกายและที่สำคัญเขากำลังอิจฉาที่คนของหลิงหยุนทุกคนต่างก็มีแหวนพื้นที่กันหมด!
หลังจากสิ้นสุดการประลองแล้วหลิงหยุนก็หยุดใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ และกระบี่สีขาวสว่างขนาดใหญ่ในมือก็อันตธานหายไป เหลือเพียงแสงสีขาวสว่างจากพลังหยางธรรมดาเท่านั้น
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่หยางพิสุทธิ์อีกแล้วเพราะเวลานี้หลวงจีนจื้อเหนิง นักบวชทั้งสี่แห่งเขาหลงหู่ ต่างก็ถูกเขาสังหารตายหมดแล้ว ส่วนจางคุนหลุนและหลี่คุนหลุนก็หนีไปแล้ว เวลานี้เหลือเพียงหลี่เจี้ยนกังและศิษย์คนอื่นๆของสำนักกระบี่คุนหลุนเท่านั้น หลิงหยุนสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
การใช้วิชาหยางพิสุทธิ์นั้นก็คือการใช้พลังหยางบริสุทธิ์ภายในตัว หลิงหยุนจึงไม่ต้องการทำเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนด้วยการสูญเสียพลังหยางไปโดยใช่เหตุกับมดปลวกเหล่านี้
พรึบ!
หลิงหยุนกระโดดลงไปยืนอยู่ตรงหน้าหลี่เจี้ยนกังซึ่งเป็นหัวหน้าของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
“หลี่เจี้ยนกัง..ได้เวลาสะสางบัญชีของเราแล้ว!”ต้องการทำเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตนด้วยการสูญเสียพลังหยางไปโดยใช่เหตุกับมดปลวกเหล่านี้
พรึบ!
หลิงหยุนกระโดดลงไปยืนอยู่ตรงหน้าหลี่เจี้ยนกังซึ่งเป็นหัวหน้าของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
“หลี่เจี้ยนกัง..ได้เวลาสะสางบัญชีของเราแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร