บทที่ 1387 : บ้านหลังใหม่
“หวังชงเซียวคาราวะคุณชายหลิง!”
เพียงแค่หนึ่งนาทีต่อมาหลิงหยุนก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหวังชงเซียวแล้ว หวังชงเซียวเห็นเช่นนั้นจึงรีบตรงเข้ามาคุกเข่าทำการคาราวะหลิงหยุน
ความจริงหลิงหยุนได้เคยบอกหวังชงเซียวแล้วว่าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคาราวะเขาเช่นนี้ก็ได้แต่ในโลกของผู้บ่มเพาะตนนั้น ล้วนเคารพนับถือกันที่ความแข็งแกร่งหาใช่อายุ หรือความอาวุโส อีกทั้งหวังชงเซียวเองก็เป็นผู้เคร่งครัดในขนบธรรมเนียม หลิงหยุนจึงคร้านที่จะห้าม และได้แต่ปล่อยเลยตานเลยไป..
“ลุกขึ้นได้!”
หลิงหยุนสั่งให้หวังชงเซียวลุกขึ้นแล้วจึงหันไปมองมังกรทั้งสองตัวที่กำลังเล่นกันอยู่ไกลๆ จากนั้นจึงยิ้มออกมาพร้อมกับถามขึ้นว่า “เจ้าอยู่กับพวกมันมาตลอดสองวันที่ผ่านมาใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง!”
หวังชงเซียวเพียร์ซ และจอยซ์ ต่างก็อารักขามังกรทั้งสองตัวจากแม่น้ำแยงซีเกียงไปจนถึงทะเลจีนตะวันออกได้อย่างราบรื่น และมาถึงปากอ่าวจิงฉูตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้ว หลังจากปล่อยมังกรทั้งสองตัวเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตัวเขาเองก็เข้าไปในป่าทำสมาธิพักผ่อน
“เพียร์ซกับจอยซ์เล่า”
“เรียนคุณชายหลิง..หลังจากมาถึงที่นี่ ข้าเห็นว่าไม่มีอันตรายอะไรแล้ว จึงให้แวมไพร์ทั้งสองกลับไปจิงฉู ช่วยกันเฝ้าตี๋ยั่วถัง”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมกับพยักหน้าแล้วจึงเอ่ยชมหวังชงเซียว “เจ้าปฏิบัติภารกิจที่ข้ามอบหมายให้ได้เยี่ยมมาก! คืนนี้ข้ายังต้องจัดการเรื่องมังกรสองตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้น ข้าจะหาเวลาถ่ายทอดวิชาใหม่ให้กับเจ้า” หวังชงเซียวคุกเข่าลงอีกครั้ง“ขอบคุณคุณชายหลิง!”
จากนั้นหวังชงเซียวก็ลุกขึ้นยืนแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายหลิงจะนำมังกรทั้งสองตัวนี้ไปไว้ที่ใดงั้นรึ”
“เรื่องนี้ข้าจะบอกกับเจ้าวันหลัง..”
พูดเพียงแค่นั้นหลิงหยุนก็เอื้อมมือไปโอบเอวไป๋เซียนเอ๋อ และพาเหาะไปหามังกรทั้งสองตัวที่อยู่ไกลออกไป
หลังจากเข้าสู่ท้องทะเลได้ไม่นานร่างของเจ้าสีนิลก็ได้เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และเวลานี้ร่างของมันก็ใหญ่กว่าหนึ่งเมตร และยาวหลายสิบเมตร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเล็กกว่ามังกรแดนใต้ถึงสองเท่า
เมื่อเห็นหลิงหยุนปรากฏตัวมังกรทั้งสองก็มีท่าทางตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด มันมุดขึ้นมุดลงไปมาอยู่ในท้องทะเลด้วยความดีอกดีใจ จนผิวน้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นใหญ่ลูกแล้วลูกเล่า “เจ้านาย..”
ในระหว่างนั้นมังกรแดนใต้ที่สามารถสื่อสารกับหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิตได้นั้น ก็เอ่ยทักทายเขาทันที
“เจ้าตัวใหญ่..เจ้าสีนิล.. นี่คือไป๋เซียนเอ๋อ นางเป็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง! พวกเจ้าทั้งสองจำนางได้หรือไม่”
เจ้าสีนิลนั้นย่อมจำได้อย่างแน่นอนส่วนมังกรแดนใต้นั้น เมื่อครั้งที่ดวงจิตของมันถูกสะกดไว้ในกระบี่โลหิตเทวะนั้น ย่อมต้องเคยได้สัมผัสกลิ่นอายปีศาจของไป๋เซียนเอ๋อ
มังกรทั้งสองตัวโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำจ้องมองไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับผงกหัวหงึกๆ
“ข้าหวังว่าจากนี้ไปพวกเจ้าจะสามารถเข้ากันได้และกลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน!”
คำพูดของหลิงหยุนหาใช่คำขอไม่แต่มันคือคำสั่ง!
นั่นเพราะสายพันธุ์อสูรนั้นแตกต่างจากมนุษย์พวกมันไม่มีกฏเกณฑ์และข้อจำกัดทางสังคม เพียงแค่ไม่ค่อยชอบ พวกมันก็สามารถเข่นฆ่ากันได้ทันที หลิงหยุนไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับพวกมันทั้งสาม
“เจ้าตัวโต..ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อไป๋เซียนเอ๋อ หรือจะเรียกข้าว่าขาวปุยก็ได้!”
ไป๋เซียนเอ๋อติดตามหลิงหยุนมานานนางจึงเชื่อฟังคำสั่งของหลิงหยุนอย่างมาก และเป็นฝ่ายทักทายมังกรแดนใต้ก่อน..
แต่สำหรับเจ้าสีนิลนั้นไป๋เซียนเอ๋อไม่จำเป็นต้องทักทายเลยด้วยซ้ำ เพราะมันได้ว่ายเข้ามาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของไป๋เซียนเอ๋อ พร้อมกับชูคอทักทายอย่างสนิทสนม
แต่ในขณะที่มังกรแดนใต้กลับชูคอสูงใหญ่ของมันขึ้นพ้นน้ำดวงตาสีแดงเพลิงคู่นั้นจ้องมองไป๋เซียนเอ๋อนิ่งนาน แววตาทั้งคู่นอกจากจะเย็นชาแล้ว ยังมีความดุร้ายแฝงอยู่ และไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
มังกรแดนใต้นั้นดื่มกินโลหิตเพื่อสะสมความดุร้ายมาเนิ่นนานมันจึงมีนิสัยเย็นชา ดุร้าย และก้าวร้าว อีกทั้งยังได้ร่างของมังกรสีแดงที่จำศีลอยู่นานจนพลังแก่กล้า จึงยากที่จะเป็นมิตรกับสัตว์อื่นได้ง่ายๆ
“หืมม..นี่เจ้าไม่ฟังแต่คำสั่งของข้างั้นรึ”
หลิงหยุนจ้องมองท่าทีของมังกรแดนใต้ด้วยความไม่พอใจพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ห้วน และหากมังกรแดนใต้กล้าที่จะขัดคำสั่งเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้กระบี่โลหิตเทวะสังหารมันในทันที!
“เจ้านายข้าไม่กล้า..”
มังกรแดนใต้รีบโน้มศรีษะลงพร้อมกับสื่อสารตอบหลิงหยุนทันที“เจ้านาย ร่างที่ข้าครอบครองอยู่นี้ ครอบครัวของมันถูกอสูรธาตุไฟสังหารตาย แน่นอนว่าความทรงจำของมัน ย่อมเห็นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางตนนี้เป็นศัตรู และข้าก็กำลังที่จะสะกัดกั้น และยับยั้งสัญชาติญาณนั้นไว้..”
“เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ”
หลิงหยุนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ในขณะเดียวกันก็นึกหนักใจอยู่ไม่น้อย เพราะเวลานี้ทั้งมังกรแดนใต้ มังกรดำ จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง และยังมีอีกาทองคำที่เขาเลี้ยงไว้ในคฤหาสน์ตระกูลหลิงอีกตัว สัตว์ทั้งสี่ชนิดนี้จะต้องอยู่ร่วมกันในวันข้างหน้า หากตัวเขาเองไม่แข็งแกร่งพอ ก็ยากที่จะควบคุม และสั่งการพวกมันได้
“เยี่ยมมาก!”
“เอาล่ะ..เจ้าตัวโต เจ้าสีนิล ข้าหาที่อยู่ใหม่ให้กับพวกเจ้าได้แล้ว คืนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งสองไปที่นั่น!”
มังกรทั้งสองตัวได้แต่ผงกหัวหงึกๆ
“เอาล่ะตอนนี้พวกเราไปเล่นที่ใต้ทะเลลึกกันก่อน!”
เวลานี้เพิ่งจะสี่ทุ่มซึ่งเป็นเวลาที่ยังไม่ดึกมากหลิงหยุนจึงไม่สะดวกที่จะพาพวกมันเข้าจิงฉูตอนนี้ ทั้งเขา หวังชงเซียว และไป๋เซียนเอ๋อ จึงพากันเหาะไปพร้อมกับมังกรทั้งสองตัว
หลังจากที่เหาะออกจากห่างฝั่งไปราวสองร้อยกิโลเมตรหลิงหยุนจึงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น และปล่อยให้มังกรทั้งสองตัวไปว่ายน้ำเล่น ส่วนเขาก็เริ่มถ่ายทอดวิชาใหม่ให้กับหวังชงเซียว
วิชาดาราคุ้มกาย!
ในที่สุดหลิงหยุนก็ตัดสินใจสอนวิชาบ่มเพาะพลังให้กับเขาหวังชงเซียวถึงกับดีใจจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้!
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงและตรงกับเวลาเที่ยงคืนพอดี หลิงหยุนจึงได้พามังกรทั้งสองตัวว่ายเข้าอ่าวจิงฉู และใช้เส้นทางน้ำในการเดินทางต่อไป แต่ครั้งนี้เขาไม่มีแก้วจ้าวสมุทร จึงไม่ได้ให้ไป๋เซียนเอ๋อกับหวังชงเซียวติดตามไปด้วย ไป๋เซียนเอ๋อจึงกลับไปที่บ้านเลขที่-9 ส่วนหวังชงเซียวก็นั่งฝึกฝนวิชาดาราคุ้มกายอยู่ที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกต่อไป
หลิงหยุนฝึกวิชาคลื่นคงคาแม้จะไม่มีแก้วจ้าวสมุทรก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาในการอยู่ใต้น้ำ เขายืนอยู่บนศรีษะของมังกรแดนใต้ที่ว่ายไปตามแม่น้ำอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากมังกรว่ายไปใต้น้ำ จึงไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คน
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมังกรแดนใต้ก็พาหลิงหยุนเข้าสู่เขตแม่น้ำจิงฉู และว่ายตรงไปอีกเพียงแค่สองร้อยกิโลเมตร ก็ถึงด้านฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจิงฉู
บริเวณนี้เป็นเขตภูเขาสองฝั่งแม่น้ำจิงฉูจึงมีทั้งภูเขา และยอดเขาสูงหลายลูก ตีนเขาได้ทำให้ทิศทางการไหลของแม่น้ำจิงฉูเปลี่ยนเส้นทางและแคบลง แต่ความลึกของน้ำกลับยิ่งลึกมากกว่าเดิม
ระหว่างทางที่มังกรทั้งสองตัวว่ายน้ำมาตลอดนั้นหลิงหยุนเองก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกขั้นสุดเพื่อสำรวจเส้นทางไปด้วย เพื่อหาทางที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำใต้หลุมยักษ์ แต่กลับไม่พบอะไรเลย
จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่มีภูเขารายล้อมสองฝั่งของแม่น้ำจิงฉูนี้หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มและพึมพำออกมา “บริเวณนี้เองหรอกรึ”
ในเมื่อหลิงหยุนหาทางเชื่อมต่อกับแม่น้ำทางด้านล่างไม่เจอดังนั้นทางเชื่อมนี้น่าจะต้องอยู่ในภูเขาบนชายฝั่งเป็นแน่ และน่าจะต้องอยู่ในถ้ำใหญ่ๆที่ไหนสักแห่ง
ตอนนี้หลิงหยุนอยู่ห่างจากชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจิงฉูไปราวสิบกิโลเมตรได้อีกทั้งยังมีภูเขามากมายล้อมรอบ เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาพบเจอเข้า หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจไปทั่วทั้งบริเวณ และในที่สุดก็สังเกตเห็นช่องขนาดใหญ่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง
“ต้องเป็นที่นั่นแน่ๆ!ถูกซ่อนไว้เสียมิดชิดทีเดียว”
ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นเขาพบภูเขาลูกหนึ่งทางชายฝั่งด้านใต้ ซึ่งมีถ้ำรูปร่างแปลกๆขนาดสี่เมตรอยู่ภายใน และหลิงหยุนก็เหาะขึ้นไปสำรวจทันที
ภายในถ้ำแห่งนี้มีรูขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำจิงฉูและที่ปากหลุมก็มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่หนาแน่น หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ต่อให้ยืนอยู่ปากหลุมก็ยากที่จะหาพบ
และหากวันข้างหน้ามังกรทั้งสองตัวเผลอว่ายออกมาถึงบริเวณหลุมนี้ก็ยากนักที่ผู้คนจะสามารถพบเจอได้
และหากมังกรทั้งสองได้อยู่ที่นี่พวกมันก็สามารถว่ายไปได้ทั้งแม่น้ำใต้หลุมยักษ์ หรือไม่ก็แม่น้ำจิงฉูตามแต่ใจต้องการ
“เจ้าตัวโตเจ้าสีนิล ข้าหาบ้านใหม่ให้กับพวกเจ้าทั้งสองได้แล้ว!”
“เส้นทางนี้เชื่อมต่อกับแม่น้ำใต้ดินหลังจากที่พวกเจ้าทั้งสองว่ายไปตามแม่น้ำใต้ดินนี้ ก็สามารถออกสู่ทะเลลึกได้..”
“พวกเจ้าทั้งสองลงไปสำรวจดูและทำความคุ้นเคยกับบ้านใหม่ของพวกเจ้า ข้าจะรอพวกเจ้าทั้งสองอยู่ที่นี่!”
เจ้าสีนิลพุ่งร่างของมันลงน้ำและรีบว่ายเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว แล้วมังกรแดนใต้ก็ตามเจ้าสีนิลไป
“นี่..พวกเจ้ารีบๆสำรวจล่ะ ข้ามีเวลาไม่มากนัก!” หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องตะโกนบอกไป ส่วนหลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าเขานั่งฝึกวิชารอมังกรทั้งสองตัวอยู่ร่วมสามชั่วโมง มังกรทั้งสองจึงว่ายกลับมา
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าหลุมนี้จะเป็นเส้นทางเข้าสู่แม่น้ำใต้ดินอีกทางนอกจากหลุมยักษ์และดูเหมือนมังกรทั้งสองตัวจะชื่นชอบบ้านหลังใหม่นี้มาก ทั้งคู่ดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอย่างมีความสุข
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า“พวกเจ้าทั้งสองชอบบ้านใหม่ที่ข้าหาให้หรือไม่”
มังกรแดนใต้และจ้าสีนิลต่างก็พากันผงกหัวแล้วมังกรแดนใต้ก็พูดกับหลิงหยุนว่า “เจ้านาย ขอบคุณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มีความเย็น เหมาะแก่การฝึกฝนวิชาของข้ามากยิ่งนัก!”
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าสถานที่เย็นที่มังกรแดนใต้พูดถึงนั้นก็คือบริเวณที่เป็นดวงตาค่ายกลหยินนั่นเอง เพราะบริเวณนั้นเป็นเขาหยกด้านใต้ ซึ่งมีพลังหยินหนาแน่น จึงเหมาะแก่การฝึกฝนวิชามัน..
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“เช่นนั้นก็ดี.. เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่อีกนาน!”
“แต่..”
หลิงหยุนหยุดนิ่งไปเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อว่า “ระหว่างที่พวกเจ้าทั้งสองอาศัยอยู่ที่นี่ ข้ามีข้อห้ามทั้งหมดสามข้อ..”
“ข้อแรก..ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ห้ามทำร้ายมนุษย์โดยเด็ดขาด!”
“ข้อสอง..หากไม่จำเป็นจริงๆ ห้ามเจ้าแสดงตนให้คนธรรมดาทั่วไปเห็นโดยเด็ดขาด!”
“ข้อสุดท้าย..ไม่ว่าเจ้าจะว่ายไปในทะเลจีนตะวันออก ในอ่าวจิงฉู หรือในแม่น้ำจิงฉูก็ตาม พวกเจ้าทั้งสองจะต้องอยู่ให้ห่างจากเรือทุกลำ และอย่าได้ทำให้เกิดคลื่น หากอยากจะเล่นสนุก ให้ออกไปเล่นที่ใต้ทะเลลึกแถบทะเลจีนตะวันออกแทน..”
หลิงหยุนจำเป็นต้องห้ามปรามมังกรทั้งสองไว้ก่อนไม่เช่นนั้นพวกมันอาจสร้างปัญหาให้กับเขาในคราวหลังก็เป็นได้ โดยเฉพาะมังกรแดนใต้ หลิงหยุนต้องหันไปถามย้ำ
“เจ้าตัวโต..เจ้ารับปากจะทำตามคำสั่งของข้าทั้งสามข้อได้หรือไม่”
“เจ้านาย..ข้ารับปากท่าน!” มังกรแดนใต้ตอบกลับโดยเร็ว
“ดีมาก!”หลิงหยุนเอ่ยชมมังกรแดนใต้
“แต่ความจริงแล้วคำสั่งห้ามทั้งสามข้อของข้า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อปกป้องพวกเจ้าทั้งสองต่างหาก..”
“บนโลกใบนี้มีผู้ที่แกร่งกล้ากว่าข้าอยู่มากมายและหลายคนก็ล้วนต้องการทำร้ายพวกเจ้า หากพวกเจ้าปรากฏตัวให้คนพวกนี้พบเข้า พวกเจ้าทั้งสองอาจถูกพวกเขาฆ่าตายได้! พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“เจ้านายพวกเราเข้าใจดี ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง!”
แววตาของมังกรแดนใต้มีวี่แววของความหวาดกลัวปรากฏขึ้นและรีบรับปากหลิงหยุนอย่างว่าง่าย..
“เอาล่ะ..ข้าต้องไปก่อนแล้ว!”
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายวับไปทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร