บทที่ 1402 : โอกาสของโม่วู๋เตา
เวลานี้โม่วู๋เตากำลังนอนหมดสติอยู่ที่พื้นห่างจากจุดที่เขานั่งขัดสมาธิเมื่อครู่ไปราวสามเมตร..
ใบหน้าของเขาซีดเผือดและมีคราบเลือดกระจายอยู่เต็มหน้า หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า แม้โม่วู๋เตาจะยังคงนอนแน่นิ่ง แต่หน้าอกของเขากลับขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงและถี่มาก ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าโม่วู๋เตาไม่เพียงแค่หมดสติ แต่ยังได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสอีกด้วย!
แม้หลิงหยุนจะรู้ว่าโม่วู๋เตายังไม่เสียชีวิตแต่ที่เขายังคงยืนนิ่งไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือนั้นก็เพราะว่า เหรียญทองแดงทั้งสามนั้นยังคงกลิ้งกลับไปกลับมาอยู่บนพื้นไม่หยุด..
เหรียญทองแดงทั้งสามนี้เปรียบเสมือนเครื่องมือสื่อสารจากสวรรค์และการที่โม่วู๋เตาแอบดูความลับสวรรค์เช่นนี้ ย่อมต้องได้รับบทลงโทษ และการที่เหรียญทั้งสามยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเช่นนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า การลงทัณฑ์ยังไม่สิ้นสุด และหากหลิงหยุนเข้าไปช่วยโม่วู๋เตาในเวลานี้ ย่อมเท่ากับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการรับทัณฑ์ของผู้อื่น..
สีหน้าของหลิงหยุนเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมากกว่าเดิมไม่ใช่เพราะเห็นว่าโม่วู๋เตาได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นเพราะเหรียญทองแดงทั้งสามยังคงกลิ้งไปมาไม่หยุดต่างหาก..
เหรียญทองแดงทั้งสามที่กลิ้งกลับไปกลับมาอยู่ภายในสวนนั้นไม่เพียงกลิ้งไปมาด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ แต่ยังกลิ้งขนานกันและไม่ชนกันอีกด้วย..
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
เมื่อครั้งที่โม่วู๋เตาคำนวณหาที่คุมขังของหลิงเสี่ยวเขาก็ถึงกับกระอักเลือดมาแล้วเช่นกัน นั่นเพราะหลิงเสี่ยวเป็นพ่อของหลิงหยุน ดวงชะตาของเขาจึงผูกพันแน่นแฟ้นกับหลิงหยุนมาก แต่ครั้งนั้นโม่วู๋เตาก็เพียงแค่กระอักเลือด ไม่ถึงกับหมดสติไปเช่นนี้..
ครั้งนี้เขาคำนวณดวงชะตาของฉินจิวยื่อซึ่งเป็นเพียงแค่แม่บุญธรรมของหลิงหยุนไม่ได้มีดวงชะตาผูกพันแน่นแฟ้นเหมือนเช่นหลิงเสี่ยว อีกทั้งเพียงแค่ต้องการทำนายว่าฉินจิวยื่อเวลานี้เป็นหรือตายเท่านั้น ไม่ได้ค้นหาตำแหน่งที่ซ่อนเหมือนเมื่อครั้งของหลิงเสี่ยว จึงไม่ควรจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นไม่ใช่หรือ และหากรู้ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หลิงหยุนคงจะไม่ให้โม่วู๋เตาทำนายดวงชะตาแม่ของเขาเป็นแน่..
ร่างที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นของโม่วู๋เตาคราบเลือดที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้าของเขา และเหรียญทองแดงทั้งสามที่ยังคงกลิ้งกลับไปกลับมาไม่หยุด ทั้งหมดนั้นทำให้หลิงหยุนทั้งรู้สึกผิด และโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก!
นั่นเพราะเหตุการณ์เช่นนี้มีคำอธิบายได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือ..ชะตากรรมของนางฉินจิวยื่อเวลานี้ จะต้องน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าหลิงเสี่ยวเสียอีก!
“หยุดแล้ว!”
เสียงของเย่ซิงเฉินร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น..
ทุกคนในที่นั้นต่างก็จ้องมองภาพที่เหรียญทองแดงทั้งสามกลิ้งไปมาไม่หยุดด้วยความตื่นเต้นตกใจและในวินาทีที่เหรียญทั้งสามหยุดนิ่ง ทั้งหมดก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก..
“ห๊ะ!”
เหรียญทั้งสามนั้นไม่ได้ค่อยๆหยุดแต่หลังจากที่กลิ้งไปมาอย่างรวดเร็วนั้น จู่ๆเหรียญทั้งสามก็หยุดชะงักนิ่งพร้อมกันอย่างไร้เหตุผล และทันทีที่หยุดนิ่ง ก็เกิดควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นจากเหรียญทั้งสาม จากนั้นเหรียญทั้งสามก็จางหายไปในอากาศ..
ทุกคนในที่นั้นต่างก็คิดว่าการทำนายดวงชะตาของโม่วู๋เตาครั้งนี้คงล้มเหลวแล้วเป็นแน่ อีกทั้งยังต้องสูญเสียเหรียญทองแดงที่ใช้ในการทำนายไปทั้งสามเหรียญด้วย
และเมื่อเหรียญทองแดงทั้งสามอันตธานหายไปหลิงหยุนก็พุ่งเข้าไปหาร่างของโม่วู๋เตาทันที เขาย่อตัวลงพร้อมกับใช้วิชาดัชนีห้าธาตุถ่ายเทพลังปราณผ่านนิ้ว และทำการจี้จุดตามร่างกายของโม่วู๋เตา และเริ่มถ่ายเทพลังชีวิตในร่างของตนรักษาอาการบาดเจ็บของเขาทันที..
หลังจากที่ทำการรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับโม่วู๋เตาแล้วหลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดบัดระดับห้าออกมาห้าแผ่น และปิดไปที่ศรีษะด้านบนของโม่วู๋เตา และจุดสำคัญอื่นๆอย่าางหัวใจ แผ่นหลัง และจุดตันเถียนของเขา แล้วจึงร้องสั่งยันต์ให้ออกฤทธิ์
ยันต์บำบัดระดับห้าทั้งห้าแผ่นนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างเจิดจ้า ก่อนจะค่อยๆซึมหายเข้าไปภายในร่างกายของโม่วู๋เตา
แต่ผ่านไปกว่าครึ่งนาทีแล้วแม้หลิงหยุนจะได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้แล้ว แต่โม่วู๋เตากลับยังคงนอนแน่นิ่งไม่ได้สติดังเดิม..
“หลิงหยุนเกิดอะไรขึ้นกับนักพรตน้อย เหตุใดเขาจึงยังไม่รู้สึกตัว?”
เวลานี้ทุกคนในสวนต่างก็พากันกลุ้มรุมหลิงหยุนกับโม่วู๋เตาอยู่ทั้งหมดต่างก็เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถด้านการแพทย์ของหลิงหยุน แต่เมื่อเห็นว่าหลังจากที่หลิงหยุนได้ทำการรักษาแล้ว โม่วู๋เตากลับยังคงแน่นิ่งไม่ได้สติ จึงได้แต่ร้องถามออกมาด้วยความงุนงงสงสัย..
“พวกเจ้าดูที่ดวงตาของเขาสิ!”
หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองดวงตาที่ยังคงปิดสนิทของโม่วู๋เตา..
ทุกคนต่างก็เห็นตรงกันว่าถึงแม้เปลือกตาของโม่วู๋เตาจะยังคงปิดสนิท แต่ลูกนัยน์ตาของเขานั้นกลับกรอกไปกรอกมา ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่กำลังฝันร้ายขณะนอนหลับ..
“เกิดอะไรขึ้นกับโม่วู๋เตากันแน่”ฉินตงเฉวี่ยหันไปถามหลิงหยุนด้วยความตกอกตกใจ
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน!”
ในสถานการณ์เช่นนี้หลิงหยุนไม่ต้องการที่จะพูดอะไรออกมามากนักเขาตอบเพียงแค่สั้นๆพร้อมกับส่ายหน้า
ฉินฉางชิงไม่ต้องการให้ทุกคนตื่นตกใจมากไปกว่านี้นจึงพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป เวลานี้โม่วู๋เตาน่าจะถูกสวรรค์ลงโทษที่บังอาจไปแอบดูความลับสวรรค์ ตอนนี้อาจจะยังคงตื่นตกใจอยู่ จึงยังไม่ฟื้นคืนสติก็เป็นได้..”
หลังจากที่ได้ฟังฉินฉางชิงอธิบายทุกคนจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้ด้วยความโล่งอก เว้นเพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้น
และในระหว่างนั้นฉินฉางชิงก็แอบถามหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิต–หลิงหยุน อาการของโม่วู๋เตาจริงๆแล้วเป็นเช่นใดกันแน่-
หลิงหยุนตอบกลับผ่านกระแสจิตทันที–ข้าเองก็ไม่รู้ว่าโม่วู๋เตาจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นอันตรายกับเขายิ่งนัก แต่ถึงกระนั้นก็เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน!-
ฉินฉางชิงจึงถามขึ้นว่า–นี่เจ้าหมายความว่าโม่วู๋เตาอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกก็ได้งั้นรึ” –ก็อาจเป็นไปได้!กายเนื้อของโม่วู๋เตานั้นหาได้ยากในคนทั่วไป ส่วนดวงจิตของเขานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะแข็งแกร่งกว่ากายเนื้อของเขาเสียอีก ข้าคิดว่าปัญหาครั้งนี้ของโม่วู๋เตาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!–
–เช่นนั้นแล้วพวกเราควรทำเช่นใดต่อไปดี-
–คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอให้โม่วู๋เตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น..-
หลิงหยุนตอบฉินฉางชิงพร้อมกับเรียกศิลากลั่นวิญญาณขนาดใหญ่ออกมาจากนั้นจึงใช้กระบี่กังฉีตัดศิลาออกมาทั้งหมดสามชิ้น สองชิ้นแรกมีขนาดเท่ากำปั้น ส่วนอีกหนึ่งชิ้นใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย จากนั้นจึงเอ่ยปากถามฉินฉางชิงว่า
“ท่านตาฉินข้าจะใช้ห้องใดได้บ้าง”
“ข้าได้เตรียมไว้ให้แล้วเจ้าตามข้ามา..”
ฉินฉางชิงเดินนำหลิงยุนและทุกคนไปยังห้องนอนทีอยู่ด้านหลังทันทีและระหว่างกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่หลิงหยุนรักษาโม่วู๋เตามาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้สัมผัสร่างกายของโม่วู๋เตาเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งในการเคลื่อนย้ายร่างของโม่วู๋เตา หลิงหยุนก็ใช้พลังจิตของตนนำร่างของโม่วู๋เตาไปไว้บนเตียงนอนภายในห้อง..
หลังจากที่วางร่างของโม่วู๋เตาลงบนเตียงแล้วหลิงหยุนก็ได้นำศิลาลั่นวิญญาณสองก้อนไปวางไว้บนฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา ส่วนก้อนที่ใหญ่ที่สุดนั้นวางอยู่ที่หน้าผากของเขา
“นี่คือสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้ในเวลานี้..”
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงหันไปพูดกับฉินฉาง “ท่านตาฉิน ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ข้าคงไม่อาจพาโม่วู๋เตาไปเทียนซานด้วยได้..”
สายตาของฉินฉางชิงจับจ้องอยู่ที่ร่างของโม่วู๋เตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน เจ้าอย่าได้กังวลใจไป โม่วู๋เตาต้องประสบเคราะห์ร้ายเช่นนี้ ก็เพราะต้องการช่วยตระกูลฉินของข้า ข้าจะเป็นผู้ดูแลเขาเอง..”
“ภายในสามวันนี้ห้ามไม่ให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายร่างของเขาโดยเด็ดขาดภายในสามวันนี้ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องการกินและการดื่มของเขา แต่หากผ่านสามวันนี้ไปแล้ว หากเขายังไม่ฟื้นคืนสติ ท่านจึงค่อยให้น้ำแก่เขา แต่หากผ่านไปห้าวันแล้วเขายังไม่ฟื้น ท่านค่อยหาทางให้อาหารกับเขาต่อไป..”
หลิงหยุนพูดต่อว่า“หากถึงเวลาที่ต้องให้อาหารกับเขา ท่านสามารถใช้วิธีตามแพทย์แผนปัจจุบันได้!”
“ได้ๆข้าจะจดจำไว้ ว่าแต่.. หากผ่านไปห้าวันแล้วเขายังไม่ฟื้นอีกเล่า…”
หลิงหยุนยิ้มบ้าง“ท่านตาฉิน เรื่องนี้ไว้รอข้าช่วยท่านแม่กลับมาให้ได้ก่อน จากนั้นข้าจะกลับมาหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้เอง”
“แล้วหินทั้งสามก้อนนี้เล่า..”
ฉินฉางชิงหันไปมองศิลากลั่นวิญญาณทั้งสามก้อนพร้อมกับร้องถามขึ้น “นี่คือศิลาเกลาใจ..ท่านตาฉิน ท่านต้องระมัดระวังอย่าให้ศิลาทั้งสามก้อนนี้หลุดออกจากร่างของโม่วู๋เตาโดยเด็ดขาด ศิลานี่จะช่วยให้เขาฟื้นคืนสติได้เร็วขึ้น..”
หลิงหยุนอธิบายให้ฉินฉางชิงฟังอย่างละเอียดจากนั้นจึงโบกมือไล่ทุกคนให้ออกไปจากห้อง “เอาล่ะ เรื่องของโม่วู๋เตาไม่มีอะไรแล้ว พวกเราออกไปจากห้องกันดีกว่า!”
หลิงหยุนสั่งให้ทุกคนออกไปจากห้องและเวลานี้ก็เหลือเขาอยู่เพียงแค่คนเดียว หลิงหยุนยืนอยู่ปลายเตียงพร้อมกับจ้องมองโม่วู๋เตาที่ยังคงนอนหลับไหล ด้วยสีหน้าและแววตาที่กังวลใจอย่างมาก
–นักพรตน้อย..ข้าพอจะเข้าใจว่าเจ้ากำลังเผชิญกับเหตุการณ์เช่นใด แต่นี่เป็นโอกาสทองของเจ้า ในโลกของเจ้า.. ข้าไม่อาจช่วยเหลือได้ หวังว่าเจ้าจะระมัดระวังตัวให้มาก..-
–แต่เจ้าจงมั่นใจในตัวข้าหากถึงเวลาแล้วเจ้ายังไม่สามารถกลับมาได้ ข้าจะต้องหาทางไปช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!-
ครั้งนี้หลิงหยุนหาได้พูดออกมาเป็นคำพูดไม่แต่เขาได้เผาเสินหยวน และใช้พลังจิตของตนส่งกระแสจิตนี้ผ่านเข้าสู่จุดซือไห่ของโม่วู๋เตาแทน!
และทันทีที่หลิงหยุนกล่าวจบเขาก็สังเกตเห็นมือที่กำศิลากลั่นวิญญาณทั้งสองข้างของโม่วู๋เตานั้น บีบเข้าหากัน..
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่อว่า–เจ้าชื่นชอบการนอนยิ่งนักไม่ใช่รึ ครั้งนี้เจ้าได้นอนหลับไหลสมใจแล้ว ฮ่าๆๆ–
หลิงหยุนพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังเขาไม่รู้ว่าโม่วู๋เตาจะได้ยินหรือไม่
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินออกมาจากห้องนอน และตรงเข้าไปหาตี้เสี่ยวอู๋
“เสี่ยวอู๋หากไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ เจ้าออกจากที่นี่ และไปยังเทือกเขาฉินหลิง ที่นั่นมีพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์และแข็งแกร่ง เจ้าไปหาที่ฝึกฝน และเตรียมเข้าสู่การรับทัณฑ์สวรรค์”
“เจ้าเองก็สามารถที่จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปได้แล้วระหว่างที่ฝึกฝนหากรู้สึกว่าตนเองใกล้จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปได้แล้ว รีบโทรติดต่อข้าทันที แล้วข้าจะรีบไปช่วย!”
“ครับพี่หยุนข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
ตี้เสี่ยวอู๋รับคำสั่งหลิงหยุนแล้วรีบออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาฉินหลิงทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร