บทที่ 1423 : กระบี่สวรรค์ที่แท้จริง
กระบี่สวรรค์ทั้งเก้าควบคุมผ่านกระแสจิตที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนเพียงแค่พริบตาเดียวก็พุ่งไปถึงร่างของจ้าวหมิงถัง
จ้าวหมิงถังดิ้นรนที่จะหนีอยู่ท่ามกลางห้วงอากาศแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างของเขาถูกกระบี่ยักษ์หั่นสะบั้นอยู่กลางอากาศ จนร่างขาดออกจากกันเป็นเก้าท่อน อวัยวะภายในและลำไส้ปลิวกระจายไปคนละทิศคนละทาง!
นับว่าจ้าวหมิงถังนั้นตายอย่างน่าเวทนายิ่งนักนั่นเป็นเพราะเขาต้องการที่จะแตะต้องทั้งฉินจิวยื่อและเย่ซิงเฉินเช่นนั้น ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถปล่อยไว้ได้อีก
ร่างของเจ้าหมิงถังถูกตัดขาดออกจากกันถึงเก้าท่อนหนึ่งในนั้นคือศรีษะของเขาที่ถูกตัดขาด และในขณะที่ศรีษะร่วงหล่นลงสู่พื้นนั้น ดวงตาที่เบิกโพลงของเขายังคงเแดงก่ำ ใบหน้าบ่งบอกถึงความหวาดผวา และความรู้สึกที่ยังไม่อยากตาย.. –หลิงหยุนผู้บ่มเพาะในคุนหลุนมีมากมายดั่งเมฆา ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมีมากมายดั่งสายฝน คืนนี้เจ้าสังหารศิษย์คุนหลุนถึงสี่คน จากนี้ไปคุนหลุนจะเป็นฝ่ายไล่ล่าเจ้า!–
นี่คือคำพูดสุดท้ายของจ้าวหมิงถังที่ร้องบอกหลิงหยุนผ่านทางจิตและนี่คือความพยายามสุดท้ายที่เขาพยายามจะสื่อให้ถึงหลิงหยุน
–ต่อให้ข้าไม่สังหารพวกเจ้าคุนหลุนก็ไล่ล่าข้าอยู่แล้ว!-
หลิงหยุนตอบกลับจ้าวหมิงถังเป็นครั้งสุดท้ายและได้แต่คิดในใจว่า ‘ต่อให้ข้าไม่สังหารพวกเจ้า คุนหลุนจะหยุดไล่ล่าข้างั้นรึ’
เพราะเวลานี้..มิใช่คุนหลุนหรอกหรือที่สั่งให้ศิษย์ทั้งสี่ รวมถึงสำนักกระบี่เทียนซานสังหารเขา แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งหมดถูกหลิงหยุนสังหารจนสิ้น!
ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่คิดที่จะสังหารจ้าวหมิงถังจริงๆเขาตั้งใจไว้ว่าจะสอบถามจ้าวหมิงถังเกี่ยวกับคุนหลุนสักสองสามคำถามจากนั้นจะปล่อยตัวเขาไปให้เขาได้มีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ แต่การกระทำครั้งสุดท้ายของจ้าวหมิงถัง ทำให้หลิงหยุนรู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยให้คนผู้นี้มีชีวิตรอดไปได้อีก!
ผู้บ่มเพาะพลังในขั้นสร้างรากฐานจะแตกต่างจากขั้นพลังชี่เพราะนี่เป็นด่านสำคัญยิ่งในเส้นทางบ่มเพาะของผู้บ่มเพาะทั้งหลาย ที่จะต้องสร้างรากฐานเต๋าขึ้นภายในใจ
อีกทั้งขั้นก่อสร้างรากฐานนี้ยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างการกลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณ และการนำจิตวิญญาณเข้าสู่เต๋า หลังจากสำเร็จขั้นก่อสร้างรากฐานแล้ว จึงนับเป็นความสำเร็จของจุดซือไห่และจุดตันเถียนด้วย อีกทั้งเป็นการกลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบ เมื่อเวลานั้นมาถึง พลังปราณในร่างจึงสามารถเปลี่ยนเป็นพลังวิเศษได้ ทำให้ผู้บ่มเพาะสามารถใช้พลังวิเศษได้ตามใจชอบ
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นอู่เฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-5) ช่องว่างระหว่างเขากับขั้นก่อสร้างรากฐานในด่านสุดท้ายจึงนับว่ากว้างนัก และหากไม่มีกระบี่โลหิตเทวะในมือ คืนนี้หลิงหยุนย่อมต้องเผชิญศึกหนักอย่างยิ่งเป็นแน่
หอกมังกรทองเป็นอาวุธทรงพลังอีกหนึ่งอย่างที่สะกัดกั้นจ้าวหมิงถังมิให้เข้าใกล้หลิงหยุนได้มิเช่นนั้นแล้ว เขาก็ไม่อาจมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ก็เป็นได้..
หลังจากที่เห็นว่าจ้าวหมิงถังไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือกับตนอีกทั้งยังคิดที่จะทำร้ายฉินจิวยื่อกับเย่ซิงเฉินเช่นนั้น หลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะไว้ชีวิตของเขาอีกเลย
แต่การที่จะสังหารยอดฝีมือที่สูงส่งเช่นนี้ใช่ว่าคิดจะฆ่าก็จะสามารถฆ่าได้ง่ายๆ หากต้องการจะสังหารยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐานให้สิ้นใจในคราวเดียวนั้น จักต้องทำลายจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของเขาเสียก่อน หาไม่แล้วก็เหลือเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้นคือ.. ตัดศรีษะของเขาทิ้งเสีย!
ไม่เช่นนั้นต่อให้สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ายย่อมสามารถใช้เวทย์มนต์คาถา และพลังวิเศษรักษาตนเองได้อยู่ดี จากนั้นพวกเขาก็ยังสามารถใช้พลังจิตจู่โจมใส่คู่ต่อสู้ได้อีกเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงต้องสังหารยอดฝีมือทั้งสี่ของคุนหลุนด้วยการตัดศรีษะให้ขาด หรือไม่ก็ให้ร่างแยกขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง
สำหรับคำพูดสุดท้ายของจ้าวหมิงถังนั้นหลิงหยุนมิได้รู้สึกกังวลใจเลยแม้แต่น้อย เขาย่อมรู้แต่แรกแล้วว่า หากตนสังหารศิษย์ทั้งสี่ของคุนหลุนครั้งนี้ คุนหลุนจะไม่ยอมหยุด และจะยิ่งเพิ่มการไล่ล่าเขาให้หนักขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะหาวิธีจับเป็นศิษย์คุนหลุนให้จงได้..
อีกทั้งหากหลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานเขาย่อมไม่สามารถเข้าไปคุนหลุนได้ เพราะนั่นเท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง
หลังจากที่สังหารจ้าวหมิงถังแล้วหลิงหยุนก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก เขารีบหันไปทางตี๋เสี่ยวเจินพร้อมกับร้องบอกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ตี๋เสี่ยวเจินหาให้ข้าเดาไม่ผิด เจ้ามีผู้อารักขาประจำตัวมิใช่รึ เวลานี้คนผู้นั้นอยู่ที่ใด?”
หลิงหยุนได้ยินมาว่าตี๋เสี่ยวเจินมีผู้อารักขาส่วนตัวและคนผู้นี้จักต้องเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานแล้วเช่นกันเป็นแน่ ในเวลานี้ สำนักกระบี่เทียนซานกำลังจะล่มสลายด้วยน้ำมือหลิงหยุน หลิงหยุนจึงไม่ต้องการปล่อยคนผู้นี้ไว้เป็นภัยคุกคามตนเองต่อไป
เวลานี้ตี๋เสี่ยวเจินถูกทำลายวรยุทธสิ้นแล้วและมีสภาพย่ำแย่กว่าคนธรรมดาทั่วไปเสียอีก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลิงหยุนเช่นนี้ แววตาของนางจึงมีแต่ความหวาดกลัวและหวาดผวา แต่ถึงกระนั้นจิตใจของนางก็ยังดื้อดึง และหุบปากแน่นมิยอมเอ่ยปาก
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ที่ข้าไม่สังหารเจ้า เพราะเจ้าเป็นหนี้ชีวิตผู้อื่นอีกมากมาย ความเป็นความตายของเจ้าจึงมิใช่ข้าเป็นผู้ตัดสิน แต่เป็นท่านแม่ของข้าที่จะเป็นผู้ชี้ชะตาชีวิตเจ้า!”
“เจ้าคิดว่าการที่เจ้าไม่ปริปากพูดข้าจะไม่มีวิธีทำให้เจ้าอ้าปากพูดได้หรอกรึ ในเมื่อเจ้าอยากจะเจ็บปวดทรมานก่อนที่จะได้พบกับท่านแม่ของข้าแล้วล่ะก็ ข้าก็ยินดีที่จะสนองให้..”
จากนั้นหลิงหยุนก็จ้องลึกลงไปในดวงตาของตี๋เสี่ยวเจิน และกำลังรอคอยให้นางตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง
“เขาเป็นท่านลุงหกของข้า..แค๊ก.. แค๊ก.. เวลานี้เขากำลังเก็บตัวฝึกฝนวิชาอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขาเจงิชโชกูซู เวลานี้.. แค๊ก.. พ่อของข้าได้สั่งให้ชิงโหวไปตามเขามา..”
ตี๋เสี่ยวเจินรีบอ้าปากตอบทันทีขณะเดียวกันก็ไอออกมาเป็นโลหิตอยู่เนืองๆ นางมิอาจทนต่อการทรมานของหลิงหยุนได้ ด้วยความหวาดกลัวจึงรีบบอกความจริงกับหลิงหยุนทันที!
“แล้วเหตุใดเขาจึงยังไม่มาเล่า” หลิงหยุนเองก็สังเกตเห็นว่าตี๋ชิงโหวได้ไปที่ยอดเขาเจงิชโชกูซุนานแล้วจึงแทบไม่ต้องระแวงว่าสิ่งที่ตี๋เสี่ยวชิงพูดจะเป็นความจริงหรือไม่
อีกอย่าง..ตี๋ชิงโหวเองก็อยู่ในขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) การจะเหาะไปคงต้องใช้เวลาเช่นกัน
ตี๋เสี่ยวเจินส่ายหน้าที่มีเส้นผมยุ่งเหยิงปกคลุมอยู่ไปมาพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า “ข้า.. ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน.. ตั้งแต่เล็กจนโต ชิงโหวเองก็มิเคยไปที่ถ้ำแห่งนั้นมาก่อน เขาเพียงแค่ล่วงรู้ตำแหน่งของถ้ำเพียงคร่าวๆ อาจต้องใช้เวลาในการค้นหาก็เป็นได้..”
“งั้นรึ!”
หลิงหยุนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก“เจ้าคงมิกล้าโกหกข้าหรอกนะ!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ก้าวเท้าตรงเข้าไปหาร่างของตี๋เสี่ยวเจิน แต่แล้วเขาก็ถึงกังตกใจอย่างมาก! ครืน…
นั่นเพราะทั่วทั้งยอดเขาซึ่งเป็ที่ตั้งของสำนักกระบี่เทียนซานนั้นกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงหิมะที่อัดแน่นอยู่บนยอดเขาเจงิชโชกูซูแตกละเอียด น้ำแข็งจำนวนมหาศาลได้ถล่มลงจากภูเขาราวกับคลื่นซึนามิก็ไม่ปาน..
หิมะถล่ม!!
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ของตนออกสำรวจยอดเขาเจงิชโชกูซูในทันทีแล้วเขาก็ถึงกับยิ้มออกมา!
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิดนั้นมีกระบี่สวรรค์ขนาดใหญ่นับพันเมตรปรากฏขึ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร