บทที่ 1438 : สำนักกระบี่หลิงหยุน
หาใช่หลิงหยุนโหดร้ายแต่เป็นเพราะตี๋ยั่วถังจักต้องตายไม่ต่างจากศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานคนอื่นๆต่างหากเล่า..
ตี๋ยั่วถังไม่เพียงแซ่ตี๋แต่ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของตี๋เสี่ยวเจิน หลายปีที่ได้เข้าร่วมในหน่วยนภานั้น ได้ติดต่อกับยอดฝีมือมากมาย และเฝ้าจับตามองตระกูลหลิงอยู่นานนับเดือน!
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ตี๋ยั่วถังโดดเด่นกว่าคนตระกูลตี๋หลายชีวิตที่รอดออกไปต่อให้หลิงหยุนทำลายวรยุทธของมันทิ้งไป แต่คนเช่นตี๋ยั่วถังนั้น ไม่นานนักก็จักหาโอกาสก่อคลื่นความไม่พอใจในยุทธภพขึ้น และสร้างปัญหาให้กับหลิงหยุนอย่างแน่นอน!
แม้หลิงหยุนมิต้องการเข่นฆ่าผู้คนมากไปกว่านี้แต่การปล่อยตี๋ยั่วถังไปหาใช่แสดงถึงความใจกว้าง แต่เป็นการแสดงถึงความโง่เขลาต่างหากเล่า ฉะนั้นแล้วไม่ว่าอย่างไรตี๋ยั่วถังก็ต้องตายอยู่ดี!
อีกอย่าง..ความจริงแล้วตี๋ยั่วถังก็สมควรต้องตายมาตั้งนานแล้วด้วย
และการที่อาวุโสตระกูลตี๋มิกล้าเอ่ยปากร้องของก่อนที่จะจากไปนั้นเพราะเขาเองก็เล็งเห็นจุดจบของตี๋ยั่วถังด้วยเช่นกัน!
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
หลิงหยุนเย่ซิงเฉิน และไป๋เซียนเอ๋อ ทั้งสามคนต่างก็เหาะกลับขึ้นไปยังยอดเขามนุษย์ ซึ่งเวลานี้เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานที่รอดชีวิตมาได้ ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว หากนับรวมหลี่เพียวหยาง กัวผิง และเจิ้งซิ่วยี่แล้ว ก็มีอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดชีวิต
ผู้คนนับร้อยรวมตัวกันอยู่ที่นี่แต่กลับมิมีเสียงดังหนวกหูเลยแม้แต่น้อย ภายใต้การดูแลของหลี่เพียวหยางและอีกสองคน ศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานต่างก็ยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ที่นี่หามีคนโง่เขลาไม่ทุกคนต่างก็รู้ว่าตนเองเสมือนลูกแกะที่พร้อมจะถูกเชือดเมื่อใดก็ได้ และชะตะกรรมของพวกเขาต่างก็อยู่ในกำมือของหลิงหยุน
สำนักกระบี่เทียนซานถูกทำลายล้างสิ้นแล้วศิษย์ทุกคนในที่นี้ต่างก็ใช้เวลาตลอดคืนในการยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ อีกทั้งหลิงหยุนมิได้คุมขังพวกเขา ปล่อยให้ทุกคนมีอิสระมาตลอดทั้งคืน ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว ทั้งหมดจึงค่อยๆทำใจยอมรับฐานะใหม่ของตนเองได้ในที่สุด
การกระทำและการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของหลิงหยุนนั้นศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทุกคนต่างก็ได้เห็นกันอย่างแจ่มชัด จึงมิมีผู้ใดกล้าคิดกบฏหรือหาทางหนีอีก จึงได้แต่นิ่งคอยหลิงหยุนซึ่งเป็นผู้ที่จะกำหนดชะตากรรมของพวกตนอยู่อย่างเงียบๆ
แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็ยังหาได้ท้อแท้สิ้นหวังไม่ เพราะดูจากที่หลิงหยุนยอมไว้ชีวิตคนตระกูลตี๋ และสังหารเฉพาะผู้ที่คิดแข็งข้อกับตนเท่านั้น ทุกคนจึงเชื่อมั่นว่าหลิงหยุนหาใช่ผู้ที่กระหายความตาย อย่างมากก็คงจะทำลายวรยุทธของพวกตน แล้วก็ปล่อยตัวไป
เมื่อเห็นหลิงหยุนกับพวกทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ทั้งหมดจึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกันทันที ทั้งหมดแทบมิกล้าแม้แต่จะหายใจ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและตึงเครียดอย่างไม่อาจบรรยาย
นั่นเพราะทุกคนต่างก็รู้ว่า..เวลานี้หลิงหยุนกำลังจะทำการประกาศชะตากรรมของพวกเขาทุกคน!
“…”
หลี่เพียวหยางกัวผิง และเจิ้งซิ่วยี่ซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อเห็นหลิงหยุนปรากฏตัวก็ได้แต่ลังเล มิรู้ว่าจะเรียกขานหลิงหยุนว่าอย่างไรดี แม้ทั้งสามจะปรึกษากันอยู่นานก่อนหลิงหยุนจะมาถึง แต่ท้ายที่สุดก็มิได้คำตอบอยู่ดี..
หากจะเรียกชื่อ‘หลิงหยุน’ เฉยๆ ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม แต่ก็มิรู้ว่าควรจักเรียกเขาว่า คุณชาย.. อาวุโส.. หรือว่าท่านหัวหน้าดี
แต่ในเมื่อหลิงหยุนยังไม่ประกาศชะตากรรมของพวกตนออกมาอย่างชัดเจนทั้งสามจึงเห็นว่าการเงียบน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้!
หลิงหยุนกวาดสายตามองศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทั้งร้อยสี่สิบกว่าคนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เอาล่ะทุกคน..ข้ามีเรื่องที่จะต้องเจรจากับพวกเจ้า!”
“กว่าจะฝึกฝนมาได้จนถึงตอนนี้หาใช่เรื่องง่ายไม่..”
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามพูดกับทุกคนแม้น้ำเสียงของเขาจะมิได้ดังมากมายนัก แต่ทุกคำพูดกลับแทงทะลุเข้าไปในแก้วหูของทุกคนในที่นั้นอย่างชัดเจน
“ก่อนหน้านั้นทั้งข้ากับพวกเจ้าล้วนแล้วแต่มิเคยรู้จัก หรือแม้แต่จะเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนด้วยซ้ำ จึงย่อมมิเคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อนเป็นแน่..”
“ที่ข้าบุกมาสำนักกระบี่เทียนซานในครั้งนี้จุดประสงค์ก็เพื่อมาช่วยท่านแม่ของข้า และแก้แค้นให้กับตระกูลฉินเท่านั้น แต่เป็นเพราะพวกเจ้าล้วนเป็นศิษย์ที่ฝึกฝนวิชาอยู่ในสำนักกระบี่เทียนซานแห่งนี้ พวกเราจึงต้องกลายเป็นศัตรูไปชั่วขณะ..”
“แต่นับจากนี้..จะมิมีชื่อสำนักกระบี่เทียนซานอีกแล้ว!”
“พวกเจ้าเห็นว่าคำพูดของข้าถูกต้องหรือไม่”
ทุกคนนิ่งฟังหลิงหยุนที่กล่าวออกมาคราวเดียวจนจบและเมื่อหลิงหยุนเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น หลี่เพียวหยางจึงทำหน้าที่ตอบคำถามแทนทุกคน
“ถูกต้อง..ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!”
การที่หลิงหยุนกล่าวว่ากว่าจะฝึกฝนมาได้จนถึงตอนนี้หาใช่เรื่องง่ายนั้น เป็นการบอกกับทุกคนเป็นนัยว่า หลิงหยุนมิได้ต้องการที่จะทำลายวรยุทธของพวกเขา
และประโยคที่พูดว่าต่างฝ่ายต่างก็มิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนนั้น ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าหลิงหยุนมิได้เห็นพวกเขาเป็นศัตรู
ท้ายที่สุด..นับจากนี้จะมิมีสำนักกระบี่เทียนซานอีกต่อไปแล้ว เป็นการประกาศว่า สำนักกระบี่เทียนซานได้พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุน และทุกคนล้วนเป็นศิษย์ไร้สำนักแล้วในเวลานี้
“เอาล่ะ..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าคงมิมีผู้ใดกล้าบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดไม่ถูกต้องจึงได้แต่พูดต่อว่า “ข้ามีคำถามที่จะต้องถามพวกเจ้า!”
“ข้อแรก..พวกเจ้าผูกพันลึกซึ้งกับสำนักกระบี่เทียนซาน จนรู้สึกว่าอยากจะแก้แค้นแทนสำนักของตนบ้างหรือไม่”
“ไม่!”
ครั้งนี้ทุกคนร้องตะโกนออกมาพร้อมกันทันทีราวกับเกรงว่าหลิงหยุนจะไม่เชื่อ.. “ดี!เช่นนั้นแล้วข้าก็จะประกาศให้พวกเจ้าทุกคนได้รู้ว่า นับจากนี้ไปสำนักกระบี่เทียนซานได้ตกเป็นสำนักของข้าแล้ว”
หลิงหยุนถามต่อทันที..
“เวลานี้ข้ามีทางเลือกให้กับพวกเจ้าสองทางเลือก..หนึ่ง – ยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า และพวกเจ้าจะได้อยู่ที่นี่ฝึกฝนวิชาต่อไป และสอง – หากมิต้องการสวามิภักดิ์ต่อข้า พวกเจ้าก็จงทำลายวรยุทธของตนเอง แล้วก็เก็บข้าวของออกไปจากที่นี่ได้เช่นเดียวกับคนตระกูลตี๋!”
“เอาล่ะ..ข้ามีทางเลือกให้พวกเจ้าเพียงแค่สองทาง และพวกเจ้ามีเวลาตัดสินใจเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น!”
“คุณชาย..”
ยังมิทันที่หลิงหยุนจะพูดจบประโยคดีด้วยซ้ำหลี่เพียวหยางก็ก้าวเดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น และในที่สุดเขาก็หาคำเรียกขานหลิงหยุนที่เหมาะสมจนได้
“คุณชาย..พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาใคร่ครวญอีกแล้ว พวกเราได้ปรึกษาหารือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนต่างก็ยินดีที่จะยอมจำนนรับใช้ท่าน และสาบานว่าจะภักดีต่อท่านตลอดไปนับจากนี้!”
“ถูกต้องแล้ว!พวกเราทั้งหมดยินดีรับใช้คุณชาย!”
เสียงร้องตะโกนของศิษย์สำนักกระบี่เทียนซานทั้งหนึ่งร้อยสี่สิบกว่าคนดังขึ้นพร้อมกันในคราวเดียว และกระหึ่มไปทั่วทั้งขุนเขา
ในโลกของผู้บ่มเพาะพลังนั้นผู้ที่แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพนับถือ เรื่องนี้เป็นความจริงเสมอมา ฉะนั้นแล้ว คงจะมีเพียงผู้ที่โง่เขลาเท่านั้นที่จะปฏิเสธข้อเสนอของหลิงหยุน
สำหรับทุกคนที่นี่แล้วนี่ไม่ต่างจากการเปลี่ยนตัวเจ้านายเท่านั้น ทุกอย่างสำหรับพวกเขายังคงเหมือนเดิม อีกทั้งเจ้านายใหม่ก็ยังแข็งแกร่งอย่างมากด้วย!
“พวกเจ้าไม่ต้องการเวลาใคร่ครวญจริงรึข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกคนก่อนว่า หากสวามิภักดิ์กับข้าแล้ว ย่อมต้องทำตามกฏระเบียบของข้า หากผู้ใดฝ่าฝืน หรือคิดคดทรยศ อย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยมก็พอ…”
หลี่เพียวหยางรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว“เรียนคุณชาย.. พวกเราตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และในเมื่อพวกเราตัดสินใจยอมสวามิภักดิ์ต่อท่าน ย่อมต้องทำตามกฏของท่านเป็นแน่ หากผู้ใดคิดคดทรยศต่อท่าน ข้าจักไม่ไว้ชีวิตมันผู้นั้นเช่นกัน!”
“เยี่ยม!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความพอใจจากนั้นจึงประกาศกร้าวว่า
“ทุกคนฟังข้า!นับจากนี้ไปที่นี่คือสำนักกระบี่หลิงหยุน พวกเจ้าล้วนเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่หลิงหยุนแห่งนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร