Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 361
[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
บทที่ 361 : ล้างบางเมืองจิงฉู (10) – เสน่ห์ของหลิงหยุน!
บรรดาคนงานต่างก็โกรธแค้น และพากันสาปแช่งชายวัยกลางคนด้วยความรู้สึกที่ชิงชัง!
หลิงหยุนหัวเราะหึหึพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องโมโหไป.. ผมจัดการล้างแค้นแทนทุกคนแล้ว ตอนนี้ตาของมันบอดและคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน..!”
หัวหน้าคนงานจ้องมองหนอนกู่สีเขียวเข้มในมือหลิงหยุน แววตาของเขาทั้งตกใจและหวาดกลัว เขากัดฟันกรอดพร้อมกับพูดออกมาอย่างเคียดแค้น
“ไอ้ชาติชั่ว! คิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะใช้พิษทำร้ายพวกเรา น้องหลิงหยุน.. ขอบคุณที่มาช่วยพวกเราในวันนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องตายเพราะปีศาจตัวนั้นแน่!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ! เป็นเพราะผมต่างหาก พวกคุณทุกคนถึงต้องมารับกรรมไปด้วย การมาช่วยทุกคนในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ผมควรต้องทำอยู่แล้ว! เอาล่ะ.. คนต่อไปเลยครับ!”
หัวหน้าคนงานลุกขึ้นยืน คนงานคนต่อไปก็เข้ามานั่งแทนที และหลิงหยุนก็จัดการเอาหนอนกู่ออกจากร่างของคนงานทุกคนจนหมด
เมื่อหลิงหยุนจัดการเอาหนอนกู่ออกจากร่างของคนงานคนสุดท้ายแล้ว ยอดฝีมือวัยกลางคนที่กำลังหนีออกจากเมืองจิงฉูก็ถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือด และคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสองวัน!
หลังจากที่จัดการถอนพิษให้กับทุกคนแล้ว หลิงหยุนก็ขอตัวไปล้างมือ แต่ความจริงแล้วเขาหลบไปจัดการใช้ยันต์อัคนีเผาซากหนอนกู่ทั้งเจ็ดตัว แล้วจึงกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง
ระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้าน หลิงหยุนก็เรียกเงินสดจำนวนสองแสนหยวนออกมาจากแหวนพื้นที จากนั้นก็วางเงินจำนวนนั้นลงบนโต๊ะพร้อมกับพูดขึ้นท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
“เป็นเพราะผม.. ทำให้ทุกคนเกือบต้องเสียชีวิต! เงินจำนวนนี้ถือว่าเป็นค่าทำขวัญ.. ผมขอมอบให้จากใจจริงของผม!”
“นี่.. นี่.. น้องหลิงหยุน! จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? พวกเราจะรับเงินก้อนนี้ไว้ได้ยังไงกัน?!” หัวหน้าคนงานร้องปฏิเสธเสียงดัง และรีบหยิบเงินกลับไปคืนให้กับหลิงหยุน
หลิงหยุนรีบร้อนมาหาพวกเขาในยามดึกดื่นค่ำคืน ไม่เพียงมาช่วยชีวิตของพวกเขา แต่กลับเอาเงินมาให้พวกเขาอีกด้วย อีกทั้งจำนวนเงินที่ให้ก็มากมายเหลือเกิน!
เหล่ากุ่ยและตู้กู่โม่ไม่สามารถทำความเข้าใจหลิงหยุนได้ทัน เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ที่หลิงหยุนเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเซียงซี หลิงหยุนกลับดูดุร้ายและโหดเหี้ยมจนได้ฉายาว่าเทพแห่งปีศาจ แต่เพียงแค่พริบตาเดียว เขาก็กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีเมตตาช่วยเหลือผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก!
เมื่อไหร่ก็ตามที่หลิงหยุนนำเงินออกมาแล้ว เขาจะไม่มีทางนำกลับไปคืนอย่างเด็ดขาด! เขายกมือโบกไปมาพร้อมกับตอบยิ้มๆ
“พี่ชายครับ.. ยังไงคุณก็ต้องรับเงินก้อนนี้ไว้ เพราะนี่เป็นเงินค่าจ้างตกแต่งคลีนิค คุณไม่ต้องการหรือยังไง?”
หัวหน้าคนงานถึงกับงุนงงพร้อมกับตอบไปว่า “แต่ว่า.. คลีนิคถูกทำลายจนพังแล้ว! อีกอย่าง.. ค่าแรงตกแต่งที่คุยกันไว้ตั้งแต่แรกก็แค่สามหมื่นหยวนเท่านั้น ทำไมถึงได้ให้เงินผมมากมายแบบนี้ล่ะ!?”
“อีกอย่าง.. น้องชายมาที่นี่กลางดึกก็เพื่อมาช่วยชีวิตของพวกเราทั้งเจ็ดคน ถ้าเรายังกล้ารับเงินของคุณไว้ พวกเราคงจะรู้สึกไม่ดีแน่!”
หลิงหยุนได้ฟังหัวหน้าคนงานพูดแล้ว จึงได้แต่หันไปมองถังเมิ่งพร้อมกับขยิบตาให้เขา..
ถังเมิ่งเก่งในเรื่องการเจราจาโน้มน้าวใจผู้คนอยู่แล้ว.. เขายิ้มพร้อมกับเดินตรงเข้าไปตบไหล่หัวหน้างคนงานพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่ชาย.. ยากมากนะที่คนอย่างพี่หยุนจะยอมให้เงินใครง่ายๆ ผมว่ารีบรับๆไว้เถอะ!”
“อีกอย่าง.. คลีนิคของพี่หยุนก็ถูกพังราบเป็นหน้ากองไปแล้ว ยังไงก็ต้องเริ่มตกแต่งใหม่ ยังไงเดือนนี้พี่ชายก็ยังหางานไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? พักผ่อนอีกสักสองสามวัน เมื่อฟื้นตัวดีแล้วก็ค่อยกลับไปตกแต่งคลีนิคให้พี่หยุนใหม่ แบบนี้เป็นไง?”
หัวหน้าคนงานรีบพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไปอย่างดีใจ “ได้ๆ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง! ผมรับรองว่าจะจัดการตกแต่งร้านให้สวยกว่าเดิมและดีกว่าเดิม แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแลก็ได้ครับ ผมจะดูแลให้เอง แต่ถึงยังไงจำนวนเงินที่ให้มาก็มากเกินไปอยู่ดี!”
คนงานคนอื่นๆต่างก็จ้องมองเงินจำนวนสองแสนพร้อมกับส่ายหน้าเช่นกัน พวกเขาล้วนเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ต่างก็ปฏิเสธที่จะรับเงินก้อนนี้ไว้
หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. พวกคุณรับเงินก้อนไปเถอะ ถ้าภายในหนึ่งเดือนสามารถตกแต่งคลีนิคเสร็จ ผมจะมีงานให้พวกคุณทำต่อ!”
“แต่ว่า..”
หัวหน้าคนงานจ้องมองหลิงหยุนอยู่นาน ก่อนจะหันไปมองคนงานคนอื่นๆ ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นเต้นตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น!
ถังเมิ่งจึงพูดต่อ “เอาล่ะ.. ในเมื่อพี่ชายยอมรับแล้ว พวกก็ต้องขอตัวกลับเหมือนกัน!”
หัวหน้าคนงานรีบวางเงินลงบนโต๊ะ แล้วรีบเอื้อมมือไปคว้ามือหลิงหยุนไว้พร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้น..
“น้องหลิงหยุน.. สบายใจได้ พวกเราจะตกแต่งคลีนิคให้เสร็จโดยเร็วที่สุด พวกเราจะพยายามให้คุณเปิดคลีนิคให้ได้เร็วที่สุด!”
“ช่างเป็นคนดีจริงๆ..” “อย่างกับเทพมาโปรด..”
คนงานคนอื่นๆต่างก็พากันสรรเสริญหลิงหยุน พวกเขาได้แต่คิดเหมือนกันว่า จะตั้งใจตกแต่งคลีนิคของหลิงหยุนอย่างสุดความสามารถ!
“โอ้.. นายน้อยแห่งตระกูลหลิง..” เหล่ากุ่ยพยักหน้าพึมพำอย่างซาบซึ้งใจ หลิงหยุนทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากทีเดียว!
เหล่ากุ่ยได้ติดตามนายผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิงมานานหลายปี เห็นเงินทองมาเยอะแยะมากมาย เงินไม่กี่แสนของหลิงหยุนไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย..
แต่เรื่องที่ทำให้เหล่ากุ่ยประหลาดใจอย่างมากนั้นก็คือ.. ทักษะทางการฝังเข็มที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนต่างหาก! ไม่เพียงเท่านั้น หลิงหยุนยังไม่มีทีท่าเกรงกลัวพิษหนอนกู่แม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะอธิบายได้!
ไม่ว่าจะเป็นการสังหารศัตรู หรือช่วยชีวิตผู้คน หลิงหยุนจะทำด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจ และเป็นธรรมชาติ!
ตู้กู่โม่เคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของหลิงหยุนด้วยการใช้ยันต์บำบัดรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นทักษะการฝังเก้าเข็มปลุกชีพของเขา จึงอดที่จะทึ่งในสำนักหมอสวรรค์ไม่ได้!
‘นี่เจ้าสามารถรักษาได้ทุกโรคเลยหรือยังไงกัน?’
เมื่อได้ยินหัวหน้าคนงานยืนยันเช่นนั้น หลิงหยุนก็หัวเราะดีใจและพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ถ้าอย่างนั้น.. คลีนิคของผมคงต้องยกให้พี่ชายช่วยดูแลแล้วสินะครับ?”
หัวหน้าคนงานพยักหน้าอย่างมั่นใจ “สบายใจได้.. ตอนนี้ร่างกายของพวกเรามีเรี่ยวมีแรงแล้ว ไม่จำเป็นต้องพัก พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปที่คลีนิคตั้งแต่เช้าตรู่ รับรองว่าภายในสิบวันต้องเปิดกิจการได้อย่างแน่นอน!”
ตอนนี้.. ในสายตาของพวกเขาหลิงหยุนไม่ใช่นายจ้าง แต่คือผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ที่นอกจากจะช่วยชีวิตแล้วยังให้เงินกับพวกเขาอีกด้วย..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นและคนอื่นๆก็ทำตาม จากนั้นก็เอ่ยลาทุกคนและออกจากบ้านไป
ภายในรถ.. หลิงหยุนใช้มือลูบขนนุ่มของเจ้าขาวปุยเป็นการเอาใจ จากนั้นจึงหันไปทางเหล่ากุ่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เหล่ากุ่ย.. สองสามวันนี้ข้าต้องไปสะสางบัญชี และอาจต้องปะทะกับยอดฝีมือมากมาย และต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อย ไม่ทราบว่าเหล่ากุ่ยจะยินดีช่วยเหลือหรือไม่?”
เหล่ากุ่ยได้ฟังถึงกับแอบถอนหายใจ แต่ก็พูดติดตลกว่า “พ่อหนุ่ม.. ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีตัวเลือกอื่นให้ข้าสินะ?!”
เหล่ากุ่ยสืบรู้มาว่าตระกูลซันได้เดินทางเข้ามาในเมืองจิงฉูก็เพื่อมาจัดการกับหลิงหยุน แน่นอนว่าต้องมีการปะทะกันอย่างดุเดือดแน่นอน ต่อให้หลิงหยุนไม่ร้องขอให้เขาช่วย เขาก็ต้องช่วยอยู่แล้ว!
เมื่อหลิงหยุนเห็นเหล่ากุ่ยแสดงออกชัดเจนว่าอยู่ข้างเขา เขาจึงรู้สึกดีใจอย่างมากและหัวเราะกับอารมณ์ขันของเหล่ากุ่ยเสียงดัง
‘ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากใหน ตราบใดที่เจ้าต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้า ข้าหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรมาก!’
สำหรับตู้กู่โม่นั้น หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องถาม เพราะตู้กู่โม่ต้องมาเป็นองค์รักษ์ให้กับเขาเพียงเพราะอาหารมื้อเดียว.. ช่างคุ้มค่าเสียจริง!
ทั้งสี่คนเดินทางกลับไปที่อพาร์ทเมท์ หลิงหยุนไม่เสียเวลาขึ้นบันไดไป เขากระโดดจากสนามหญ้าขึ้นไปที่ระเบียงทันที ส่วนเหล่ากุ่ยกับตู้กู่โม่ก็ไม่รอให้หลิงหยุนเชื้อเชิญ ทั้งคู่ต่างก็กระโดดตามหลิงหยุนไปทันที
ทั้งสี่คนนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นในอพาร์ทเมนท์ หลิงหยุนนั่งลงบนโซฟาและส่งโทรศัพท์ของเขาให้กับถังเมิ่ง เขามองหัวโล้นใสของถังเมิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ถังเมิ่ง.. ฉันว่านายหัวโล้นแบบนี้ก็เก๋ดีนะ นายทำผมทรงนี้ไปตลอดก็ดีเหมือนกัน!”
หลังจากที่กลับมาถึงเมืองจิงฉูตอนทุ่มครึ่ง หลิงหยุนก็ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหนิงน้อย จากนั้นก็ไปรักษาอาการบาดเจ็บให้กับถังเมิ่งและเหยาลู่ ตามด้วยการบุกร้านของเคนเซียงซี และจัดการไล่พวกมันออกไปจากเมืองจิงฉู ต่อด้วยการไปถอนพิษให้กับคนงานทั้งเจ็ด และตอนนี้เขาต้องการพักผ่อน!
ถังเมิ่งเอามือลูบหัวโล้นพร้อมกับร้องเสียงดัง “ไม่ล่ะพี่หยุน.. หัวล้านแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของฉัน..”
หลิงหยุนลุกขึ้นไปชงชาหลงจิ่งที่เฉิงเม่ยเฟิงซื้อมา และนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านหน้า จากนั้นก็มองถังเมิ่งพร้อมกับถามขึ้นว่า..
“ถังเมิ่ง.. ทำไมตั้งแต่ฉันกลับมายังไม่ได้ข่าวเกาเฉินเฉินเลยล่ะ?”
เมื่อเหล่ากุ่ยและตู้กู่โม่ได้ยินชื่อของเกาเฉินเฉิน ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากัน!
เมื่อถังเมิ่งได้ยินคำถามของหลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไป “พี่หยุน.. ฉันเห็นพี่ไม่ถามก็นึกว่าพี่คงจะรู้เรื่องแล้ว นี่พี่ยังไม่รู้อีกเหรอ..?!”
หลิงหยุนตกใจมากและเกือบจะถามออกไปว่าเกาเฉินเฉินไม่ได้รับอันตรายอะไรใช่ไม๊? แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตระกูลเกาเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ ใครจะกล้ายุ่งกับเธอ?
หลิงหยุนจึงได้แต่ถอนหายใจและตอบกลับไปว่า “ไม่มีใครบอกฉัน แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง? นายไม่เห็นหรือไงว่าตั้งแต่กลับมาฉันก็ยุ่งมาตลอดทั้งคืน?!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
ถังเมิ่งอดคิดไม่ได้ว่า.. หนิงน้อยน่าจะเป็นคนแรกที่บอกเรื่องนี้กับหลิงหยุนนี่นา แล้วจึงตอบไปว่า
“ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก.. เกาเฉินเฉินก็แค่กลับไปที่ปักกิ่ง!”
“เธอกลับไปตั้งแต่เช้าวันอังคาร ตอนที่เธอกลับไปพวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เองก็หายตัวไปด้วย!”
“แล้วเธอกลับไปทำไมกัน?” หลิงหยุนถาม
“เธอก็กลับไปดูตัวน่ะสิ! จะเป็นเรื่องอะไรไปได้ล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร