บทที่ 485 : อิสระเสรี!
แสงอาทิตย์สาดส่อง ลมทะเลอ่อนๆ พัดโชย ก่อให้เกิดคลื่นสีขาวนับไม่ถ้วน ซัดเข้ากระทบฝั่งเบาๆ จนเกิดเสียงครืน.. ครืน.. ครั้งแล้วครั้งเล่า..
ห่างจากชายฝั่งไปราวสิบเมตร หลิงหยุนสวมเพียงกางเกงขาสั้น ไม่สวมรองเท้า กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หินที่ทำขึ้นเอง และถือ Oxford English Dictionary อยู่ในมือ
ก่อนที่ไป๋เซียนเอ๋อจะเข้าสู่บททดสอบ หลิงหยุนได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง แต่เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย เขาก็จะหยิบดิกชันนารีออกมานั่งท่อง และตอนนี้ก็ท่องไปได้กว่าครึ่งแล้ว ในยามที่รู้สึกผ่อนคลายแสนสบายเช่นนี้ เขาจึงไม่ลืมที่จะหยิบมันออกมาท่องต่อ
แต่หลิงหยุนในตอนนี้ก็ไม่ใช่หลิงหยุนคนเดิมอีกแล้ว เพราะเวลานี้เขามีจิตหยั่งรู้เกิดขึ้นแล้ว และมีดูเหมือนจะใช้การได้ดีพอสมควร
ไม่เพียงแค่จิตหยั่งรู้ที่ใช้การได้ดี แต่เนตรหยินหยางของในเวลานี้ ก็สามารถมองทะลุเครื่องกำบังได้ด้วย ซึ่งนับว่ามีประโยชน์อย่างมาก!
ยิ่งเขาฝึกเข้าสู่ขั้นสูงขึ้นไปได้มากเท่าไหร่ วิชาพลังลับหยินหยางของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น เนตรหยินหยางก็จะยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นเช่นกัน
หากผู้ใดเคยตกตะลึงกับความสามารถของหลิงหยุนในช่วงที่ผ่านมา เวลานี้เขากลับมีความสามารถชนิดที่เรียกว่าทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ความทรงจำที่น่าอัศจรรย์ ก็ยิ่งจำได้แม่นขึ้น มากขึ้น เร็วขึ้น และชัดขึ้น!
นั่นเพราะว่าเนตรหยินหยางทำงานควบคู่กับจิตหยั่งรู้ของเขา ทั้งสองสิ่งนี้เกิดจากจิตวิญญาณจากขั้นอมตะของหลิงหยุนมีอานุภาพมากขึ้น และทำให้หลิงหยุนสามารถอ่านหนังสือได้ครั้งละหนึ่งหน้า ครั้งละหนึ่งหน้าในที่นี้หมายถึงการพิมพ์ทั้งหน้าลงไปในใจของเขา!
ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น.. คนธรรมดาอย่างเราเมื่อได้เห็นหน้าปกของหนังสือเล่มใหน ก็จะสามารถจดจำหน้าปกนั้นได้ขึ้นใจ และไม่มีวันลืมเลือนได้
เช่นเดียวกับหลิงหยุนเมื่อเขาเปิดหน้าหนังสือขึ้นมา และมองไปยังเนื้อหาในหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดของตัวหนังสือ จำนวนคำในหนังสือ หรือแม้แต่จำนวนบรรทัดในหนังสือ สายตาของคนธรรมดาอย่างเราๆ จะไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้หมด และไม่สามารถจดจำอักษรทุกคำที่อยู่ในหน้านั้นได้หมดอย่างแน่นอน
แต่หลิงหยุนกลับแตกต่าง.. ด้วยอานุภาพของจิตหยั่งรู้ เนตรหยินหยาง และจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ทำให้หลิงหยุนมีความทรงจำที่ยิ่งกว่าคำว่าอัศจรรย์ จำนวนตัวอักษรมากมายเป็นพันๆตัวในหนึ่งหน้า ในสายตาของเขานั้นไม่ต่างไปจากคำว่า ‘ภาษา’ เพียงคำเดียว หรือไม่ต่างจากการจดจำเพียงหน้าปกเท่านั้น
และด้วยวิธีการนี้ ทำให้หลิงหยุนสามารถจดจำคำศัพท์ใน Oxford English Dictionary ได้อย่างรวดเร็ว และแล้วหลิงหยุนก็วางดิกชันนารีเล่มนั้นลงเมื่อเปิดมาจนถึงหน้าสุดท้าย เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพึมพำว่า
“มีจิตหยั่งรู้กับเนตรหยินหยาง เรื่องพวกนี้ก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ!”
หลิงหยุนกำลังคิดที่จะโยนดิกชันนารีเล่มนั้นออกไปกลางทะเล เพราะเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามันเป็นของเกาเฉินเฉิน เขาจึงเปลี่ยนใจ และเก็บมันไว้ในแหวนพื้นที่ตามเดิม
“ไว้ค่อยคืนให้กับเฉินเฉินด้วยมือข้าเอง..”
หลิงหยุนไม่ได้พบเกาเฉินเฉินมานานแล้ว และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง? ในใจของหลิงหยุนเริ่มรู้สึกคิดถึงเธอขึ้นบ้างแล้ว..
“ได้เวลาเตรียมอาหารเที่ยงแล้ว..”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ และเมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้หิน และกระโจนไปยังทะเลที่อยู่ด้านหน้าไปไกลราวสิบกว่าเมตร จากนั้นจึงดำดิ่งลงไปในทะเลลึก..
สิ้นเสียงตูม..! คลื่นขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นในทะเลทันที
ไม่ถึงนาที.. ร่างที่แข็งแกร่งและเซ็กซี่ของหลิงหยุนก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล ในมือของเขามีปลาเก๋าตัวใหญ่เกือบครึ่งเมตรสองตัวกำลังดิ้นรนอยู่
“ไม่ต้องดิ้น.. ยังไงวันนี้ข้าจะกินพวกเจ้าทั้งสองตัว..”
หลิงหยุนพูดกับปลาสองตัวอย่างสุภาพ จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดกลับไปที่ถ้ำ และด้วยวิชาตัวเบาที่แสนรวดเร็วของหลิงหยุนในเวลานี้ แม้เพียงยอดหญ้าเขาก็สามารถยืนได้ จึงไม่ต้องพูดถึงท้องทะเล
หลังจากที่หลิงหยุน และไป๋เซียนเอ๋ออยู่บนเกาะต่ออีกสองสามวัน หลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นปรับบร่างกาย-7 ได้แล้ว
ตอนนี้เขาจึงเน้นฝึกวิชาดารกะดายัน เพื่อที่จะทะลุทะลวงผ่านระดับย่อยที่สิบสามไปให้ได้
หลิงหยุนเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นปรับบร่างกายได้แล้ว และการจะก้าวเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-8 และ 9 นั้น ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเขา เพียงแต่ต้องรอคอยเวลา และพลังชี่ที่เพียงพอ
หลิงหยุนกลับไปที่ถ้ำซึ่งเขาและไป๋เซียนเอ๋ออาศัยอยู่ด้วยกัน เขาพูดกับไป๋เซียนเอ๋อที่เพิ่งจะฝึกเสร็จว่า
“เซียนเอ๋อมากินข้าวเร็วเข้า.. ข้าขอยืมไฟจากเจ้าหน่อย..”
ตอนนี้ไป๋เซียนเอ๋อสวมชุดกระโปรงสีแดง นางมองหลิงหยุนที่ตัวเปียกปอน และเสื้อผ้าแนบสนิทกับเรือนร่างแล้วก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่า เรือนร่างของหลิงหยุนช่างงดงามนัก
“พี่หลิงหยุน.. ท่านไม่มียันต์อัคนีแล้วหรือ ถึงต้องมายืมไฟจากข้า..” ไป๋เซียนเอ๋อโพล่งออกมา
หลิงหยุนยิ้มมุมปาก พร้อมกับใช้นิ้วลูบหัวปลาเก๋าสองตัว..
แม้ว่าไป๋เซียนเอ๋อจะทำท่าทางอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ต้องการพลาดโอกาสดีที่จะได้ทำอาหารร่วมกับหลิงหยุน นางรีบใช้วิชาฝ่ามือเพลิงเรียกลูกไฟออกมาจากฝ่ามือ หลิงหยุนเองก็ไม่ยอมให้เสียเวลา เขารีบย่างปลาให้ไหม้ และมันดีกว่ายันต์อัคนีของเขาหลายเท่านัก
หลังจากนั้น หลิงหยุนก็จัดการโยนปลาเก๋าทั้งสองตัวลงไปในหม้อหิน เขาเรียกยันต์ธาราออกมา และน้ำขนาดเท่าลูกบาสเก็ตบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ไหลลงไปในหม้อหินพอดิบพอดี
หลิงหยุนเรียกโสม และสมุนไพรเหอโชวูออกมาจากแหวนพื้นที่ และจัดการหั่นอย่างละสองสามชิ้นใส่ลงไปในหม้อ แล้วปิดฝาทิ้งไว้
จากนั้นจึงเรียกยันต์อัคนีระดับสองออกมา และสอดนิ้วที่หนีบยันต์อัคนีลงไปใต้ก้นหม้อ และเปลวไฟสีน้ำเงินก็ลุกโชนขึ้นใต้หม้อหินทันที
ยันต์อัคนีของหลิงหยุนนั้นยังเหลืออยู่อีกมาก เขาจึงใช้มันมาต้มปลา แทนการใช้ฝ่ามือเพลิงของไป๋เซียนเอ๋อ ซึ่งจะดูเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตมากเกินไป
แม้หลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อจะอยู่บนเกาะกลางทะเลที่ไม่มีน้ำดื่ม และไม่มีอาหาร แต่ทุกวันกลับเป็นวันสบายๆ และมีความชุ่มชื่นใจอย่างที่สุด!
และแน่นอนว่าสำหรับหลิงหยุนในตอนนี้ ต่อให้ไม่มีอาหารและน้ำดื่ม เขาก็สามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ
ยังไม่ทันที่เปลวไฟของยันต์อัคนีจะดับลง หม้อหินก็ถูกไฟเผาจนเป็นสีแดง น้ำในหม้อก็เริ่มเดือด และเมื่อฝาหม้อเผยอขึ้น หลิงหยุนจึงเอื้อมมือไปเปิดฝาหม้อ และจัดการโรยเกลือลงไปก่อนจะเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา แล้วจัดการหยดน้ำลายมังกรลงไปสองสามหยด และปิดฝาหม้อลงอีกครั้ง
ภายในถ้ำอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวน..
จากนั้นหลิงหยุนก็ไม่สนใจอะไรอีก เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หินของตัวเองราวกับคนใหญ่คนโต และกำลังมองไป๋เซียนเอ๋อที่ตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นกับการจัดถ้วยชาม และตะเกียบที่ทำจากหิน ไป๋เซียนเอ๋อหัวเราะคิกคักร่าเริงราวกับผีเสื้อตัวน้อย
ทั้งสองคนช่วยกันปรุงปลาเก๋าสองตัว ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงนำขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะหิน และกลายเป็นอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยของหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อ!
หลังจากทานอาหารเสร็จ ไป๋เซียนเอ๋อก็จัดการล้างถ้วยชาม และทำความสะอาดโต๊ะหิน หลังจากวุ่นวายกับการสะสางงานหลายอย่างแล้ว จึงเดินไปหาหลิงหยุน พร้อมกับนวดไหล่ให้กับเขา
ช่างเป็นโลกที่งดงามที่สุด และมีความสุขที่สุด..!
“เซียนเอ๋อ..”
“คะ..”
“เจ้าฝึกวิชาฝ่ามือเพลิง กับจิ้งจอกระเริงไฟไปถึงใหนแล้ว?”
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มีเสน่ห์ของไป๋เซียนเอ๋อ แต่ดวงตากลับจับจ้องอยู่ที่หน้าอกสวยงามของนาง และหลิงหยุนก็ใช้เนตรหยินหยางมองตรงส่วนนั้น..
‘อืมม.. ไม่เพียงใหญ่โต หนำซ้ำยังขาวอีกด้วย..’
ไป๋เซียนเอ๋อโน้มหน้าลงไปหาหลิงหยุน และแรงสั่นสะเทือน ทำให้หน้าอกสีขาวใหญ่โตทั้งสองข้างของนางกระเพื่อมขึ้นลง และสั่นไปมา
หลิงหยุนเองก็ไม่เคยระมัดระวังกิริรยาของตนเองในยามที่อยู่กับนาง ดังนั้นไป๋เซียนเอ๋อจึงได้แต่ยืนหน้าแดงอยู่ด้านหลังหลิงหยุน
“นายท่านกำลังคิดอะไรอยู่..” ร่างของไป๋เซียนเอ๋อสั่น และบิดไปมาด้วยความอาย
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม.. เรื่องที่เนตรหยินหยางของเขาสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้นั้น เขาไม่ได้บอกให้ผู้ใดรู้ แม้แต่ไป๋เซียนเอ๋อ! เพราะนี่เป็นความลับเฉพาะเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ไป๋เซียนเอ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตอบหลิงหยุนไปว่า “นายท่าน.. เซียนเอ๋อขอเวลาอีกสองสามวัน วิชาจิ้งจอกระเริงไฟเป็นวิชาที่ฝึกค่อนข้างยาก แต่ก็คงอีกไม่นาน..”
ความจริงแล้ววิชาฝ่ามือเพลิงของไป๋เซียนเอ๋อนั้นก็ฝึกสำเร็จในขั้นเล็กๆแล้ว และวิชาจิ้งจอกระเริงไฟก็ฝึกได้บ้างแล้วเช่นกัน แต่ในระยะเวลาสั้นๆนี้ จึงก้าวหน้าได้ไม่มากนัก
อีกทั้งไป๋เซียนเอ๋อรู้ดีว่ารอบกายหลิงหยุนนั้นรายล้อมด้วยสาวงามมากมาย และทุกคนก็ดูจะวุ่นวายกับหลิงหยุนมาก หากกลับไปตอนนี้ นางกับหลิงหยุนคงต้องถูกหญิงสาวพวกนั้นแยกออกจากกันอย่างแน่นอน
การได้อยู่กับหลิงหยุนตามลำพังบนเกาะกลางทะเลแห่งนี้ ทำให้ไป๋เซียนเอ๋อมีความสุข และพอใจอย่างมาก แม้จะอยู่ในถ้ำที่แสนธรรมดาก็ตาม
หลิงหยุนได้แต่นึกขันไป๋เซียนเอ๋อ สิ่งที่ไป๋เซียนเอ๋อคิด มีหรือเขาจะไม่ล่วงรู้และไม่เข้าใจ!
“ก็ได้.. ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน รอจนกว่าเจ้าจะฝึกเสร็จ แล้วค่อยกลับกัน..”
หลิงหยุนพยายามที่จะทำให้เซียนเอ๋อสมใจปรารถนา และนั่นทำให้นางแอบหัวเราะด้วยความดีใจ
ความจริงแล้ว หลิงหยุนเองก็ยังไม่อยากกลับเช่นกัน เพราะการได้อยู่ที่นี่เป็นความสุขที่สุดของเขา อีกทั้งยังมีไป๋เซียนเอ๋อที่คอยบบริการอย่างเยี่ยมยอด จึงยากที่เขาจะปฏิเสธได้ไม่ทำตามคำขอได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลิงหยุนยังต้องการเวลาที่จะสงบจิตสงบใจอีกด้วย..
วันเวลาล่วงเลยไป..
ไป๋เซียนเอ๋อไม่ยอมฝึกฝน และเอาแต่เล่นกับหลิงหยุนอยู่บนเกาะถึงสองวัน หลังจากเล่นจนพอใจแล้ว ในที่สุดหลังอาหารเย็นวันนั้น ไป๋เซียนเอ๋อก็เสนอให้กลับบ้าน..
ไป๋เซียนเอ๋อนั้นเฉลียวฉลาดมาก นางรู้ว่าเวลาที่หลิงหยุนมอบให้กับบนางนั้นนับว่ายาวนานมากพอแล้ว หากนางยังไม่ยอมปล่อยให้หลิงหยุนกลับไป เจ้านายของนางคงจะต้องไม่พอใจแน่
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย และลักยิ้มลึกที่แก้มซ้ายก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นบีบจมูกเล็กๆของนาง
“เล่นจนพอใจแล้วสินะ! ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กลับกันคืนนี้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร