บทที่ 530 : โหมโรง!
ถังเทียนห่าวร้องตะโกนใส่โทรศัพท์ระหว่างที่วิ่งตรงเข้าไปยังภัตตาคารจิงฉู เขาตรงขึ้นไปชั้นบนสุดของภัตตาคารทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ระหว่างทางก็วิ่งชนผู้คนที่เดินอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจอะไร..
ถังเทียนห่าววิ่งชนผู้คนตามทางไปอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับร้องตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดัง ท่าทางของถังเทียนห่าวดูตื่นตระหนกอย่างมาก เขาหวั่นเกรงจนลืมรักษาภาพพจน์ของผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงไว้ แตในนาทีนี้เขาก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
ในเมืองจิงฉูแห่งนี้.. คุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ไปวุ่นวาย หรือมีปัญหากับหลิงหยุน!
คนอื่นอาจไม่รู้.. แต่ถังเทียนห่าวนั้นไม่รู้ไม่ได้! เพราะคนอย่างหลิงหยุนนั้นเรียกได้ว่าแม้แต่มือสังหารอาชีพยังไม่อาจเทียบเคียงได้!
ถังเทียนห่าวร้อนใจ และเป็นกังวลอย่างที่สุด..!
แต่เขาไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของหลิงหยุน เพราะรู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมากที่เขาจะจัดการกับคนของหลิวจินไล๋ได้ไม่ต่างจากการบี้มดสองสามตัว!
ถังเทียนห่าวร้อนใจว่าหากหลิวจินไล๋มีตาแต่กลับไร้แวว และไปสร้างความรำคาญใจให้กับหลิงหยุนจนกระทั่งเขาโกรธ และตัดสินใจลงมือแล้วล่ะก็ ต่อให้ตำรวจที่มีปืนเหล่านั้น รวมทั้งตัวหลิวจินไล๋เองก็ยากที่จะรอดไปได้!
ในคืนที่หลิงหยุนต้องการไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิงนั้น เขาได้พาเหล่ากุ่ยกับตู้กู่โมบุกไปที่บ้านของเฉิงเทียน และจัดการกับยอดฝีมือทั้งสามคนรวมทั้งซันเทียนเปียว จนแม้กระทั่งตัวซันเทียนเปียวเองยังต้องอ้อนวอนขอชีวิต เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นถังเทียนห่าวก็ได้เห็นกับตาตัวเอง
อีกทั้งในคืนวันเดียวกันนั้น ด้วยคำขอของเหลยเจิ้งแห่งกลุ่มเทพอินทรี ถังเทียนห่าวพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสิบกว่านาย จึงต้องเข้าไปจัดการกับซากศพที่กลาดเกลือนเต็มคฤหาสน์ของเฉิงเทียน และภาพที่ถังเทียนห่าวได้พบนั้น ก็ช่างน่าสยดสยองไม่ต่างจากอยู่ในขุมนรก ตำรวจแต่ละนายรวมทั้งตัวเขาเองยังแทบอาเจียนออกมา
เรื่องนี้.. ถังเทียนห่าวเองก็ไม่ได้พูดให้ใครฟังแม้แต่ถังเมิ่งที่เอาแต่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนเขาเองถึงกับต้องสั่งห้ามถังเมิ่งไม่ให้ถามอีก เพราะมันน่าสยดสยองเกิดกว่าที่จะเล่า!
ถังเทียนห่าววิ่งเข้าไปในลิฟท์ราวกับคนคลุ้มคลั่ง ในใจของเขานึกเกลียดจางเติงเกอขึ้นมาจับใจ.. เพราะเขาช่างสร้างปัญหาได้อย่างไม่จบไม่สิ้น!
‘จางเติงเกอมันคิดว่ามันเป็นใครกัน? ถึงได้กล้าไปยั่วยุหลิงหยุนจนทำให้ฉันต้องวุ่นวายขนาดนี้!’
อย่าว่าแต่หลิงหยุนเพิ่งจะจับจางเติงเกอโยนลงไปในทะเลสาบเลย ต่อให้คนทั้งเมืองจิงฉูเข้ามาพร้อมกัน ก็ไม่สามารถจัดการกับหลิงหยุนคนเดียวได้!
ทางด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานรักษาความมั่นคงที่ตามถังเทียนห่าวมาตรวจงานด้วยนั้น ก็ถึงกับงุนงงว่าเหตุใดถังเทียนห่าวถึงได้มีท่าทางร้อนรนจนคลุ้มคลั่งเช่นนั้น พวกเขาได้แต่คิดในใจว่า เหตุใดผู้อำนวยการที่เคร่งขรึมจึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้!
จางเติงเกอและลูกน้องของเขารวมทั้งหมดเก้าคนที่เพิ่งถูกหลิงหยุนจับโยนลงไปในทะเลสาบนั้น เมื่อได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของถังเทียนห่าวก็ถึงกับตกตะลึง และต่างคนต่างก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับเสียวสันหลังวาบ..
ที่ชั้นหกของภัตตาคารจิงฉู หลิวจินไล๋กำลังยืนถือโทรศัพท์ตะลึง และอ้าปากค้างด้วยความงุนงง!
“ให้พวกเราออกไปจากห้องนี้นี่นะ? นี่มัน..”
หลิวจินไล๋ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดถังเทียนห่าวจึงออกคำสั่งเช่นนั้น เขาได้แต่แอบมองหลิงหยุนที่ยังคงนั่งยิ้ม และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนช่างเป็นคนที่คาดเดาได้ยากยิ่งนัก..
‘ดูท่าครั้งนี้ฉันคงจะสะดุดตอเข้าแล้วล่ะสิ..’
หลิวจินไล๋นิ่งอึ้งด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง.. จากนั้นความหวาดกลัวก็เริ่มเข้าครอบงำจิตใจ และตอนนี้ขาของเขาก็เริ่มสั่นจนไม่สามารถแม้แต่จะขยับขาได้
หลิงหยุนได้ยินเสียงตะโกนสั่งของถังเทียนห่าวได้อย่างชัดเจน และเขายังคงไม่ใส่ใจหลิวจินไล๋ และไม่เห็นหลิวจินไล๋อยู่ในสายตาน้อย
ต่อให้หลิวจินไล๋แสดงออกว่าเคารพนบนอบเขา หรือแสดงท่าทางยิ่งจองหองใส่เขา หรือแม้จะแสดงท่าทางหวาดกลัวเขา หลิงหยุนก็ไม่แยแสอีกต่อไป เขาคร้านที่จะใยดีกับคนผู้นี้
เรียกได้ว่าในสายตาของหลิงหยุนนั้น หลิวจินไล๋ไม่ต่างจากมดปลวกที่ไม่ว่าจะแสดงท่าทีอย่างไร ก็ไม่ได้มีผลใดๆต่อความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย!
“หนิงน้อย.. อิ่มหรือยัง?”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับร้องถามเสี่ยวเม่ยหนิง เขาจะต้องรีบส่งเด็กสาวตัวแสบนี้กลับไปที่โรงเรียนก่อน
แม้ว่าระหว่างรับประทานอาหารจะมีเรื่องราวที่วุ่นวายหลายครั้ง แต่หลิงหยุนก็สามารถจัดการแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที จึงไม่มีผลต่อการรับประทานอาหารของพวกเขาทั้งสามคน
เสี่ยวเม่ยหนิงมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความสนุกสนาน เรียกได้ว่าภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ช่วยให้เธอเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น แล้วก็สามารถกินอาหารได้มากกว่าปกติ
“อิ่มพอดีเลย..”
แต่ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไปนั้น หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตึงๆดังอยู่หน้าห้อง หลิงหยุนรู้ดีว่าถังเทียนห่าวกำลังมา เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน และผลักเก้าอี้ที่นั่งอยู่ออกไปด้านหลัง
“หลิวจินไล๋.. ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมจัดการเอง!”
ทันทีที่ถังเทียนห่าวออกมาจากลิฟท์ เขาก็ร้องตะโกนสั่งหลิวจินไล๋เสียงดังจนแขกเหรื่อที่อยู่ชั้นบน และชั้นล่างต่างก็ได้ยินกันหมด
หลิวจินไล๋เองก็กำลังรอคอยอยู่แล้ว เขาจึงรีบหลีกทางให้!
หลิวจินไล๋แม้จะเรียกว่าเป็นคนดีไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวไปหมดเสียทีเดียว เขาเป็นข้าราชการที่อยู่ในระดับล่างของระบบ แต่มีมือขวาและซ้ายที่ค่อนข้างไร้สมอง สิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็เพียงแค่ต้องการรักษาตำแหน่งที่มีอยู่ และต้องการไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น
ตอนที่หลัวจ้งยังอยู่นั้น เขาก็เอาอกเอาใจหลัวจ้ง และเมื่อถังเทียนห่าวขึ้นมาแทนที่ เขาก็กลับลำไปเข้าข้างถังเทียนห่าวแทน
แต่วันนี้.. เพราะความยะโสโอหังของจางเติงเกอ ทำให้เขาต้องพบกับความโชคร้าย! เพราะจางเติงเกอพลาดที่ไปดันไปยั่วโมโหหลิงหยุนเข้า จนทำให้ถังเทียนห่าวมีปฏิกิริยาอย่างที่เห็น หลิวจินไล๋เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่อาจรับมือกับเด็กวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ในห้องนี้ได้..
หลิวจินไล๋ยังคงไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว เหงื่อเม็ดโป้งค่อยๆไหลลงตามใบหน้า และแม้แต่ใต้ฝ่าเท้าของเขาตอนนี้ก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกัน!
‘ไอ้เวรจางเติงเกอ! เพราะแกคนเดียว ฉันจะย้ายแกไปอยู่ที่อื่น คอยดูสิ!’ หลิวจินไล๋ได้แต่กร่นดาและสาปแช่งจางเติงเกออยู่ในใจ
ไม่นานถังเทียนห่าวก็เข้ามาถึงห้องดูทะเลสาบ เขาเบียดฝูงชนที่มุงอยู่หน้าประตูเข้าไปในห้องทันที และยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร
“ลุงถังก็มาเหมือนกันเหรอครับ!”
หลิงหยุนได้ลุกขึ้นยืนรอถังเทียนห่าวอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นถังเทียนห่าวเข้ามา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ!
ถังเมิ่งเปรียบเสมือนน้องชายของเขา อีกทั้งพวกเขาสองคนยังเป็นเพื่อนรักกัน และถังเมิ่งเองก็เคารพและเชื่อฟังหลิงหยุนมาก มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่ให้ความเคารพต่อถังเทียนห่าว!
“ลุงถังสบายดีมั๊ยคะ?”
เสี่ยวเม่ยหนิงเองเมื่อเห็นถังเทียนห่าวเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายเขาทันทีเช่นกัน
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็เคยพบถังเทียนห่าว และรู้ว่าเขาคือพ่อของถังเมิ่ง จึงลุกขึ้นยิ้มทักทายเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ถังเทียนห่าวที่วิ่งมาด้วยความเร็ว จึงต้องสูดลมหายใจเข้าไปเพราะความเหนื่อยหอบอยู่สองสามเฮือก ก่อนจะพูดขึ้นว่า..
“ใช่พวกเธอจริงๆด้วย..!”
ประโยคสุดท้ายที่ถังเทียนห่าวคิด แต่ไม่ได้พูดออกมาก็คือ ‘ทำให้ฉันตกใจกลัวแทบแย่..!’
แต่ถึงกระนั้น ถังเทียนห่าวก็ยังเชื่อมั่นว่าถึงอย่างไรหลิงหยุนก็คงต้องไว้หน้าเขาบ้าง..
“ลุงถังเพิ่งวิ่งมาถึงเหนื่อยๆ? นั่งลงดื่มชา แล้วค่อยๆคุยกัน..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าเพราะเหตุใดถังเทียนห่าวจึงวิ่งหน้าตื่นมา และรู้ดีว่าตัวเองควรต้องทำเช่นไร? ทำให้หนิงน้อยได้แต่ยืนมองด้วยความอึ้ง ก่อนจะรีบเข้าไปยิ้มหวานให้กับถังเทียนห่าวพร้อมกับรินน้ำชาใส่แก้วให้..
เมื่อเห็นเช่นนั้น.. ทั้งหลิวจินไล๋กับรองผู้อำนวยการทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหัวหน้าจ้าว ต่างก็พากันตกตะลึงและหวาดหวั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าพวกเขาต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน!
ถังเทียนห่าวดื่มน้ำชาที่เสี่ยวเม่ยหนิงรินให้ เขาสงบจิตสงบใจอยู่ชั่วครู่ แล้วค่อยๆหันไปสำรวจหลิวจินไล๋ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนยังอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยดี ถังเทียนห่าวก็ถึงกับโล่งอก..
“ผู้อำนวยการหลิว! ผมสั่งให้คุณขึ้นมาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ความว่าอย่างไรบ้าง? เกิดอะไรขึ้น? คุณบอกจะพาผมมาทานข้าวที่นี่ แล้วทำไมถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากขนาดนี้?!”
ในที่สุดถังเทียนห่าวก็พูดขึ้นมา ทั้งคำพูดและท่าทางของเขานั้นเป็นการสื่อให้กับหลิวจินไล๋รับรู้ว่า หลิงหยุนคือคนในครอบครัวของเขา และหากหลิวจินไล๋ไม่ต้องการที่จะมีปัญหา ก็ให้รีบจัดการตัวเอง!
“ผู้อำนวยการถัง.. ผม.. ผมเข้าใจแล้วครับ..”
“ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้?” ถังเทียนห่าวถามขึ้นเช่นนี้เพื่อให้หลิงหยุนพอใจ
นี่คือหลิงหยุน ส่วนคนหนึ่งก็เป็นหลานสาวของท่านเสี่ยวหมอเทวดา – เสี่ยวเหม่ยหนิง และสาวน้อยที่อยู่ถัดไปนั่นก็คงจะไม่ใช่ใครนอกจากหลานสาวคนใหม่ของท่านหมอเสี่ยวที่ถังเมิ่งเล่าให้เขาฟัง
หลิวจินไล๋รู้ตัวดีว่าเขาคงต้องตายแน่ๆ และถังเทียนห่าวคงจะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน จึงได้แต่หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เป็นเพราะจางเติงเกอสร้างปัญหาขึ้นแท้ๆ.. ผมแค่สั่งให้เขามาจองห้องที่นี่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาข่มขู่บังคับให้คนอื่นออกจากห้องแบบนี้..”
แต่ยังไม่ทันที่หลิวจินไล๋จะพูดจบ ถังเทียนห่าวก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “แล้วตามความคิดเห็นของคุณ เรื่องนี้ควรจะจัดการอย่างไร?”
หลิวจินไล๋ตอบ “ผมจะรีบโทรไปเรียกจางเติงเกอขึ้นมาขอโทษน้องชายคนนี้..”
แต่ถังเทียนห่าวกลับตะโกนเสียงดังออกมา “ตามกฎหมายแล้ว.. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำลายภาพพจน์ในเรื่องความปลอดภัยของเขตนี้จนเสียหาย.. หรือคุณว่าไม่ใช่?”
หลิวจินไล๋ถึงกับอ้ำอึ้ง “เอ่อ.. เรื่องนั้น..”
ถังเทียนห่าวไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป “ไปเรียกเขามาขอโทษ แล้วจัดการปลดจากตำแหน่ง ที่เหลือไว้คุยกันหลังจากนี้..”
“เรียกจางเติงเกอขึ้นมาพบผมเดี๋ยวนี้!” ถังเทียนห่าวสั่ง
และคำสั่งของถังเทียนห่าว ก็ทำให้จางเติงเกอต้องหลุดจากตำแหน่ง!
และด้วยการตัดสินใจปลดจางเติงเกอครั้งนี้ ก็ทำให้ถังเทียนห่าวต้องประกาศสงครามเชิงรุกกับตระกูลเสีย..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร