Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 557

บทที่ 557 : ห้าร้อยล้าน!
  “แม่ของเจ้าก็เปิดคลีนิคเจ้าเองก็เปิดคลีนิค ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ! ยังไงข้าก็ต้องไปร่วมยินดีอยู่แล้ว..” ฉินตงเฉี่วยจิบชา และตอบหลิงหยุนยิ้มๆ
  “พี่ใหญ่..พิธีเปิดเริ่มกี่โมงเหรอคะ” หนิงหลิงยู่เกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด จึงได้ถามเวลากับหลิงหยุนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
  “สิบโมงตรง..”
  หลิงหยุนตอบพร้อมกับถามฉินตงเฉี่วยว่า“น้าหญิง.. หลายวันนี้มีคนของกลุ่มเทพอินทรีมาถามหาข้าที่บ้านบ้างหรือไม่”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าหลงเทียนเจียวยังคงอยู่ในจิงฉูและกลุ่มเทพอินทรีเองก็ยังคงอยู่ที่จิงฉูด้วยเช่นกัน
  ฉินตงเฉี่วยแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยัน“เหลยเชิ่งมันรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ ต่อให้มันกินดีหมีดีมังกร ก็ไม่กล้าส่งคนมาที่นี่แน่ แม้แต่ตัวมันเองก็ยังไม่กล้า!”
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าน้าหญิงของเขานั้นช่างดุร้ายเสียจริงๆ!
  “เจ้าวางใจได้ข้าสอบถามฉินเหว่ยแล้ว ตอนนี้เหลยเชิ่งไม่กล้าสั่งคนออกตามหาเจ้า เว้นแต่มันจะแอบสืบหาด้วยตัวเองเงียบๆ”
  หลิงหยุนรีบถามขึ้นทันที“ฉินเหว่ยคือใครกัน”
  ฉินตงเฉี่วยตอบกลับมายิ้มๆ“จะเป็นใครไปได้ล่ะ เขาก็เป็นทายาทตระกูลฉินเหมือนเจ้ากับหลิงยู่ยังไงล่ะ เป็นหลานชายบุญธรรมของข้า และทำงานก็อยู่ในกลุ่มเทพอินทรีด้วย!”
  หลิงหยุนถึงกับเวียนหัวและได้แต่คิดในใจว่า ดูเหมือนคนของตระกูลใหญ่ ต่างก็มีคนในตระกูลของตนเองทำงานอยู่ในกลุ่มเทพอินทรี
  และแน่นอนว่าตระกูลฉินก็ไม่ได้มีเพียงสองพี่น้องอย่างฉินจิวยื่อกับฉินตงเฉี่วยเท่านั้นไม่เช่นนั้นตระกูลฉินคงจะไร้ผู้สืบสกุลอย่างแน่นอน แล้วตระกูลจะเติบโตก้าวหน้าได้อย่างไร
  “หลิงยู่..เคล็ดวิชาที่พี่เขียนให้ เธอท่องไปถึงใหนแล้ว” หลิงหยุนนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามขึ้นมา และเริ่มเป็นห่วงการฝึกของหนิงหลิงยู่
  หลิงหยุนได้เขียนเคล็ดวิชาที่เขาต้องการสอนให้หนิงหลิงยู่ไว้สองอย่างหนึ่งคือวิชาดาราคุ้มกายที่ใช้ฝึกเพื่อปรับปรุงร่างกาย กับวิชาคลื่นคงคาที่ราวกับเขียนขึ้นมามาเพื่อให้หนิงหลิงยู่ฝึกโดยเฉพาะ
  “ฉันจำได้หมดแล้ว..”หนิงหลิงยู่ตอบอายๆ แต่ก็มีแววภาคภูมิใจ
  “จำได้หมดแล้วจริงๆเหรอ!’
  หลิงหยุนแทบไม่อยากเชื่อเขาคิดไม่ถึงว่าความทรงจำของน้องสาวจะอัศจรรย์เช่นนี้
  การจดจำและทำความเข้าใจเคล็ดวิชาดาราคุ้มกายนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ที่ยากคือเคล็ดวิชาคลื่นคงคาต่างหาก วิชานี้คล้ายคลึงกับวิชาพลังลับหยินหยางที่หลิงหยุนฝึก และมีตัวอักษรมากกว่าสามพันตัวที่หนิงหลิงยู่ต้องจดจำ และค่อนข้างยากต่อการทำความเข้าใจ
  “เธอออกมาข้างนอกกับพี่”หลิงหยุนไม่เชื่อ เขาจึงดึงแขนหนิงหลิงยู่ออกไปนอกบ้าน
  “เซียนเอ๋อ..เจ้าอยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก็แล้วกัน..”
  ฉินตงเฉี่วยรู้ว่าหลิงหยุนต้องการสอนวรยุทธให้กับหนิงหลิงยู่เธอจึงนั่งนิ่งไม่ตามออกไป และรั้งไป๋เซียนเอ๋อที่ต้องการจะตามออกไปให้อยู่กับนางด้วย
  หลิงหยุนเลือกสองสามย่อหน้า..และให้หนิงหลิงยู่ท่องให้เขาฟัง และผลปรากฏว่าหนิงหลิงยู่สามารถท่องได้ถูกต้องหมดทุกคำ ทำให้หลิงหยุนถึงกับอัศจรรย์ใจอย่างมาก
  หลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะแล้วแต่หนิงหลิงยู่กลับไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย
  “แล้วนี่เธอเข้าใจทั้งหมดด้วยหรือเปล่า”หลิงหยุนถามอย่างตื่นเต้น
  “เอ่อ..ก็น่าจะมากกว่าครึ่งนะ เพียงแต่ฉันยังไม่รู้ว่าจะต้องลงมือฝึกยังไง..” หนิงหลิงยู่ตอบอายๆ
  “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาพี่ใหญ่จะสอนให้เธอเอง..”
  เมื่อหลิงหยุนได้ฟังคำตอบของหนิงหลิงยู่เขาก็มีความสุขอย่างมาก และได้ถามกลับไปว่าตรงใหนที่เธอยังไม่เข้าใจ แล้วหลิงหยุนก็เริ่มอธิบายให้หนิงหลิงยู่ฟังอย่างละเอียด
  หนิงหลิงยู่นับว่ามีพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดอย่างมากเพราะหลิงหยุนเพียงแค่อธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย เธอก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
  หลังจากจบการอธิบายวิชาคลื่นคงคาหลิงหยุนก็เริ่มอธิบายวิชาดาราคุ้มกายให้หนิงหลิงยู่ฟังอย่างละเอียด และให้เธอลองเริ่มฝึกดู
  หนิงหลิงยู่ไม่ทำให้หลิงหยุนผิดหวังเลยแม้แต่น้อยเพราะเพียงครั้งแรกที่ลองฝึกโคจรดารกะดายัน เธอก็สามารถทำได้สำเร็จ และเมื่อได้สัมผัสกับพลังจันทรา หนิงหลิงยู่เองก็ถึงกับตกใจอย่างมาก!
  แต่หลิงหยุนนั้นกลับตกใจมากยิ่งกว่าร่างกายของหนิงหลิงยู่นั้นนับว่ามหัศจรรย์เหลือคณา และเหนือกว่าตี้เสี่ยวอู๋อย่างมาก!
  เมื่อครั้งที่เขาสอนดาราคุ้มกายให้กับตี้เสี่ยวอู๋นั้นตี้เสี่ยวอู๋สามารถเข้าใจแก่นของเคล็ดวิชาดาราคุ้มกายได้ในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมง แต่ต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันในการฝึกโคจร จึงจะสามารถสัมผัสถึงพลังที่น่าอัศจรรย์นี้ได้ แต่หนิงหลิงยู่กลับสามารถเข้าใจและทำได้ทันที เช่นนี้แล้วมีหรือที่หลิงหยุนจะไม่ตกใจ
  ‘ไม่น่าเชื่อ..นี่นางฝึกได้รวดเร็วกว่าข้าเสียอีก!’
  หลิงหยุนได้แต่นึกในใจอย่างตื่นเต้น พร้อมกับยื่นมือออกไปตบบ่าหนิงหลิงยู่ด้วยความภาคภูมิใจ
  แต่จะว่าไปแล้วการที่หนิงหลิงยู่รุดหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการช่วยเหลือของหลิงหยุนก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังอมตะที่เขาได้ถ่ายเทลงไปในร่างกายของหนิงหลิงยู่ รวมถึงการช่วยให้เธอได้เปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของตัวเอง และอีกมากมาย! ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จในครั้งนี้
  อีกทั้งหนิงหลิงยู่ก็ได้อยู่ใกล้ชิดกับฉินตงเฉี่วยมานานนับเดือนหนิงหลิงยู่จึงมีโอกาสได้ฟังคำแนะนำจากนาง และได้เห็นนางสาธิตให้ดูอยู่ทุกวัน และด้วยคำแนะนำของยอดฝีมือทั้งสองคน การฝึกของหนิงหลิงยู่จึงเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และราบรื่น!
  หนิงหลิงยู่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนไหล่และกลิ่นหอมประหลาดที่กระจายออกมาจากร่างกายของหลิงหยุน หัวใจของเธอพองโตเมื่อได้รับคำชื่นชมจากหลิงหยุน
  “ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกบ้างพี่ใหญ่จะได้สอนให้’
  หลิงหยุนลืมเรื่องที่จะต้องกลับเข้าเมืองไปทันทีและตั้งอกตั้งใจจะสอนวิชาดาราคุ้มกายให้กับหนิงหลิงยู่
  หนึ่งชั่วโมงผ่านไป..หลิงหยุนทั้งสอน และทบทวนให้กับหนิงหลิงยู่ จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว หลิงหยุนจึงหยุดสอน
  “จากการฝึกในวันนี้พี่คงไม่ต้องกังวลอะไรกับวิชาคลื่นคงคาอีกแล้ว! เธอเห็นทะเลใช่มั๊ย เวลาฝึกวิชาคลื่นคงคา.. ให้ไปที่ชายหาดดูคลื่นและกระแสน้ำ มันจะช่วยให้เธอเข้าใจเรื่องน้ำได้มากขึ้น..”
  หลิงหยุนแนะนำน้องสาวอย่างทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง
  “ขอบคุณพี่ใหญ่!”
  นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงหลิงยู่สัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ของการฝึกวรยุทธการได้เรียนกับพี่ใหญ่ของเธอตัวต่อตัว ทำให้หนิงหลิงยู่มีความสุขมาก และรู้สึกราวกับฝันไป
  “ระหว่าที่พี่ไม่อยู่ถ้าเธอติดปัญหาอะไร อย่าคาดเดาเอาเอง ให้สอบถามจากน้าหญิง.. เข้าใจมั๊ย” หลิงหยุนกำชับหนิงหลิงยู่
  หนิงหลิงยู่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและสองพี่น้องก็พากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนพร้อมกับส่งกระแสจิตถาม
  -นางเป็นอย่างไรบ้าง-
  -อัศจรรย์มาก!ช่างน่าเหลือเชื่อ เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ว่ายาก แต่นางกลับเข้าใจได้อย่างง่ายดาย!- หลิงหยุนส่งกระแสจิตตอบกลับ
  “นี่..ข้าเองก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิชากระบี่นวะสังหารเหมือนกัน..” จู่ๆฉินตงเฉี่วยก็พูดขึ้นมาลอยๆ
  หนิงหลิงยู่เป็นทายาทของตระกูลฉินฉินตงเฉี่วยจึงค่อนข้างมั่นใจว่าหนิงหลิงยู่จะต้องมีพรสวรรค์ค่อนข้างสูง แต่เมื่อได้ฟังจากปากหลิงหยุน นางก็มีความสุขอย่างมาก แต่ก็รู้สึกอิจฉาอยู่บ้างเช่นกัน
  เพราะด้วยความสามารถของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-4นั้น ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรแม้แต่เข็มตกยังได้ยิน มีหรือที่ฉินตงเฉี่วยจะไม่ตั้งอกตั้งใจฟังที่หลิงหยุนสอนวิชาให้กับหนิงหลิงยู่จนลืมเวลา
  แม้แต่ไป๋เซียนเอ๋อเองก็เช่นกันนางคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะดีกับหนิงหลิงยู่ถึงเพียงนี้ นางจึงได้แต่นั่งมองหลิงหยุนด้วยแววตาเศร้าสร้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมา
  “น้าหญิง..ท่านมีข้อสงสัยอะไรก็ถามข้าได้เลย..” หลิงหยุนรีบตรงเข้าไปถามฉินตงเฉี่วย
  “ยังก่อน..วันนี้ป้าเหมยมาที่บ้าน ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง ไว้ข้าค่อยคุยกับเจ้าเรื่องนี้วันหลัง..”
  หลิงหยุนรีบร้องบอก“น้าหญิง.. พรุ่งนี้เป็นวันเปิดคลินิค ข้าต้องกลับไปจัดการธุระอีกหลายเรื่อง คืนนี้คงจะค้างที่บ้านไม่ได้..”
  นี่ก็เย็นแล้วและที่บ้านหลังนั้นก็มีตี้เสี่ยวอู๋เฝ้าอยู่เพียงคนเดียว ไม่มียอดฝีมืออยู่เลย..
  “ได้สิ..!เจ้ากลับไปได้ แต่คืนนี้ข้าต้องการพูดคุยกับเซียนเอ๋อ ให้นางอยู่ที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้นางเข้าเมืองพร้อมกับข้า” ฉินตงเฉี่วยเอ่ยปากขอให้ไป๋เซียนเอ๋อค้างที่บ้าน
  หลิงหยุนได้แต่รับปากฉินตงเฉี่วยและส่งกระแสจิตบอกไป๋เซียนเอ๋อสองสามประโยค หลิงหยุนบอกกับนางว่าหากฉินตงเฉี่วยถามอะไร ก็ให้ตอบไปตามตรงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับป้าเหมยสองสามคำและเตรียมตัวจะกลับเข้าเมือง
  “ข้าให้เจ้า..”ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนกำลังจะกลับ ก็ได้ยื่นซองสีแดงในมือให้
  หลิงหยุนยื่นมือออกไปรับพร้อมกับถามอย่างไม่เข้าใจ“น้าหญิง.. นี่มันอะไร”
  ฉินตงเฉี่วยยิ้มให้ป้าเหมยแล้วจึงตอบหลิงหยุนไปว่า“ก็ซองแดงไงล่ะ! เจ้าเปิดคลินิกทั้งที ข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ!”
  ซองแดงของขวัญ? มันหมายความเช่นไรกัน?
  แต่ถึงแม้ซองแดงจะค่อนข้างใหญ่แต่ก็บางเฉียบ..หลิงหยุนคาดว่าข้างในซองคงจะเป็นเงิน แต่บางเช่นนี้คงจะเป็นธนบัตรเพียงไม่กีใบ
  “เจ้าเปิดออกดูสิ..”ฉินตงเฉี่วยร้องบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสราวกับดอกไม้เบ่งบาน
  หลิงหยุนเปิดซองแดงออกดูและพบว่าข้างในไม่ใช่เงิน แต่เป็นเช็ค! หลิงหยุนมองตัวเลขที่กรอกในเช็คแล้วถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
  “เหตุใดจึงมีเลขศูนย์มากมาย!”
  “ห๊ะ..เช็คนี่ลงจำนวนเงินไว้ห้าร้อยล้าน!” ในเช็คก็เขียนตัวเลขไว้ชัดเจน
  หลิงหยุนถึงกับงุนงงพร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า‘เจ้าให้เงินข้ามากมายถึงเพียงนี้ แล้วข้ายังจะต้องเปิดคลีนิคไปอีกทำไมกัน’
  หลิงหยุนกำเช็คในมือไว้แน่นพร้อมกับร้องถามฉินตงเฉี่วย “นี่มันอะไรกันน้าหญิง เหตุใดจึงมากมายเช่นนี้..”
  ฉินตงเฉี่วยมองสีหน้าตกอกตกใจของหลิงหยุนแล้วก็ได้แต่หัวเราะและคิดในใจว่า ‘ในที่สุดข้าก็ทำให้เจ้าตกใจจนได้!’
  ฉินตงเฉี่วยแห่งตระกูลฉินหากไม่ทำก็คือไม่ทำ แต่หากจะลงมือ ก็ต้องยิ่งใหญ่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร