บทที่ 568 : ธาตุทั้งห้า!
หลิงหยุนเห็นดังนั้นก็ถึงกับปากคอสั่นดวงตาของเขาเป็นประกาย และรีบพุ่งไปยืนข้างกล่อง และโน้มตัวลงไปหยิบทองแทงขึ้นมาสองแท่ง
“หนิงน้อย..มีตาชั่งมั๊ย”
เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะคิกคัก“ไม่เห็นต้องชั่งเลย.. หนักแท่งละห้าสิบปอนด์..”
ทองแต่ละแท่งนั้นหนักห้าสิบปอนด์ทองทั้งหกแท่งรวมกันก็สามร้อยปอนด์ ตกราว 150,000 กรัม และหากคำนวณด้วยราคาทอง ณ ปัจจุบันซึ่งก็คือ 275 หยวนต่อน้ำหนักหนึ่งกรัม ดังนั้นทองทั้งหมดหกแท่งนี้จึงมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสี่สิบล้านหยวน!
ฉินตงเฉี่วยเพิ่งจะให้เช็คจำนวนห้าร้อนล้านหยวนกับหลิงหยุนยังไม่ทันไร.. เขาก็ได้ทองแท่งมาอีกถึงหกแท่ง!
หลิงหยุนดีใจจนตัวลอย..!
“โอ้โห..ทองแท่งใหญ่ขนาดนี้ เอามาทุบหัวใครเล่นดีนะ!”
หลิงหยุนใช้สองมือหยิบทองแท่งขึ้นมาและโยนเล่นไปมา แต่ภายในใจนั้นกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
จู่ๆเสี่ยวเม่ยหนิงก็มองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบว่า “พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า.. พี่ใหญ่เอาทองแท่งพวกนี้ติดตัวมาด้วยตั้งแต่ตอนที่ออกมาตามหาท่านปู่ แต่ตอนนี้ก็ได้พบกับท่านปู่แล้ว ทองพวกนี้ก็ไม่จำเป็นอีก พี่ใหญ่ก็เลยตั้งใจยกให้กับพี่ทั้งหมด..”
ทองนั้นมีมูลค่าไม่ต่างจากเงินไม่ว่าจะนำไปขายที่ร้านทอง หรือว่าที่ธนาคาร ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดออกมาได้ทันที
‘เหมี่ยวเสี่ยวเหมานำทองแท่งติดตัวมามากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ย่อมหมายความว่าชนเผ่าเหมี่ยวต้องมีฐานะทางการเงินที่ไม่ธรรมดาเลย’
หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างมาก!
“นี่..พี่สาวของคุณก็มารยาทดีเหมือนกันนะ ยังอุตส่าห์มีของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับผมในวันเปิดคลีนิคด้วย! นี่เธอยังสติดีอยู่ใช่มั๊ย! ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนพูดออกมาอย่างไม่อายปากจากนั้นจึงจัดการเรียกทองทั้งหกแท่งเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ แต่เพราะแหวนพื้นที่ของเขามีพื้นที่ไม่ใหญ่โตนัก และตอนนี้ของที่อยู่ภายในก็มีมากมาย หลิงหยุนจึงได้แต่โยนทองแท่งเก็บเข้าไปไว้ในหม้อเสินหนงแทน
แหวนพื้นวงนี้ค่อนข้างเล็กมากและตอนนี้พื้นที่ภายในแหวนก็บรรจุสิ่งของไว้เต็มไปหมด หลิงหยุนเองก็กำลังหาโอกาสที่จะสร้างหลุมพื้นที่อันใหม่ขึ้นมาแทน
หลังจากเก็บทองคำทั้งหกแท่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับหนิน้อยอย่างหน้าไม่อายว่า
“หนิงน้อย..เป็นพยานด้วยนะว่าพี่สาวของคุณมอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้กับผมแล้ว บอกเธอว่าห้ามมาขอกลับคืนไปล่ะ”
“ทุเรศ!งกที่สุด!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่อยู่ห้องถัดไปถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างโมโหเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุน
เหมี่ยวเสี่ยวเหมานอนคลุมโปงอยู่บนเตียนพร้อมกับเอามืออุดหูเพราะไม่อยากได้ยินบทสนทานระหว่างหลิงหยุนกับหนิงน้อย แต่น่าแปลก.. ทั้งที่เธอปิดการรับรู้ของประสาทสัมผัสทั้งหกของตนเองแล้ว แต่เสียงของหลิงหยุนก็ยังสามารถดังเข้าสู่โสตประสาทของเธออย่างชัดเจน และไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับตอบหลิงหยุนกลับอย่างโมโห“พี่พูดแบบนี้ได้ยังไง ที่พี่ใหญ่ตั้งใจมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับพี่ ก็เพราะว่าพี่เป็นคนช่วยชีวิตท่านปู่ไว้ แล้วยังสัญญาว่าจะช่วยให้ท่านปู่กับท่านย่าเหมี่ยวกลับมาคืนดีกัน พี่ใหญ่ก็เลยต้องการให้ของขวัญพี่เป็นการตอบแทน!”
หลิงหยุนไม่สนใจว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเขาเพียงใดแต่ที่เขายอมรับของขวัญทันทีนั้น ก็เพราะว่าทองเป็นวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ต่อการเล่นแร่แปรธาตุของเขาในวันข้างหน้า
ต่อให้ทองคำจะมีมูลค่ามากเพียงใดแต่สำหรับหลิงหยุนแล้ว มันก็เป็นเพียงโลหะที่มีค่าเท่านั้น แต่ไม่ใช่เงิน! เพราะสำหรับหลิงหยุนแล้วทองเป็นเพียงวัตถุดิบสำหรับนำมาใช้การเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น ไม่ใช่มีไว้เพื่อแปลงเป็นเงิน!
การเอาโลหะแท้ไปแลกเป็นกระดาษที่ไร้ค่าช่างเป็นความคิดที่โง่เสียเหลือเกิน!
แต่แน่นอนว่าในสายตาของคนธรรมดาทั่วไปนั้นหากรู้ว่าหลิงหยุนจะนำโลหะที่มีค่าเหล่านี้มาหลอม ก็คงจะต้องด่าว่าเขาโง่เช่นกัน!
“หนิงน้อย..คุณลองอ่านวิชาเก้าเข็มปลุกชีพที่ผมเขียนให้คุณหรือยัง ในนั้นได้อธิบายหลักการ และวิธีการฝังเข็มไว้ทั้งหมดแล้ว คุณต้องค่อยๆอ่านทำความเข้าใจไป ไม่ต้องรีบร้อน..”
“เก้าเข็มปลุกชีพ..อาศัยหลักการในเรื่องของธาตุทั้งห้าด้วย ซึ่งไม่แตกต่างจากหลักการแพทย์แผนจีนมากนัก ความเข้าใจและการฝึกฝนเป็นเรื่องสำคัญ คุณจะอาศัยเพียงแค่การท่องจำไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการเรียนรู้ และฝึกฝนด้วย..”
หลิงหยุนบอกกับเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางจริงจัง..
เสี่ยวเม่ยหนิงพยักหน้าแต่ก็ร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ “พี่หลิงหยุน.. เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว! แต่ที่ฉันอยากจะรู้ก็คือว่า.. ปกติการแพทย์แผนจีนนั้นต้องอาศัยระยะเวลาในการรักษา แต่ทำไมพี่ถึงสามารถรักษาคนไข้ให้หายได้ในทันทีล่ะ!”
บาดแผลและความเจ็บป่วยบางอย่างนั้น การรักษาอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าการรักษาก็คือ.. การรักษาให้หายได้ในทันทีต่างหาก! ซึ่งหากทำได้ก็จะสามารถช่วยให้คนไข้ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานกับขั้นตอนการรักษาที่ยาวนาน
และนี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญที่เสี่ยวเม่ยหนิงต้องการถามเกี่ยวกับวิชาเก้าเข็มปลุกชีพของหลิงหยุน..!
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า“วิชาเก้าเข็มปลุกชีพนี้ นับว่าเป็นวิธีการฝังเข็มที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อน และเป็นวิชาที่ชาญฉลาด! มันไม่ใช่เพียงแค่การเอาเข็มมาจิ้มลงไปตามร่างกายของคน แต่ยังต้องมีการถ่ายเทพลังชีวิตผ่านวิชาเก้าเข็มปลุกชีพไปสู่ร่างกายของผู้ป่วยด้วย เพื่อเป็นการซ่อมแซม แก้ไข และรักษาต้นหตุของโรค..”
ทั้งวิธีการฝังเข็มและพลังชีวิต สองสิ่งนี้ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การฝังเข็มแบบเก้าเข็มปลุกชีพนั้น เป็นวิชาฝังเข็มที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก แต่แม้ว่าทั้งสองสิ่งล้วนเป็นเรื่องสำคัญ และขาดไม่ได้ทั้งคู่ แต่พลังชีวิตก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
เสี่ยวเม่ยหนิงพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก็ยังคงถามต่อว่า “พี่หลิงหยุน.. ท่านปู่เองก็ฝึกกำลังภายใน แต่ทำไมถึงไม่สามารถรักษาคนไข้ให้หายได้ในทันทีล่ะ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอธิบายในความเข้าใจผิดของเสี่ยวเม่ยหนิง“หนิงน้อย.. วิชาเก้าเข็มปลุกชีพไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยหายได้ในทันที..”
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและอาการเจ็บป่วย.. คุณยังจำคุณตาที่เกิดอุบัติเหตุรถชนในครั้งนั้นได้ใช่มั๊ย คุณตาท่านนั้นได้รับบาดเจ็บที่สมอง ผมใช้วิชาเก้าเข็มปลุกชีพฝังเข็มรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา แต่ก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อยสามอาทิตย์ ไม่ใช่หายทันทีอย่างที่คุณเข้าใจ! ซึ่งตอนนี้คุณตาท่านนั้นก็น่าจะหายดีแล้วล่ะ..”
“ส่วนวิธีการฝังเข็มและวิชาการแพทย์ของท่านปู่เสี่ยวนั้น ก็ต้องจำแนกตามคนป่วย และอาการเจ็บป่วยเหมือนกัน หากอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง ก็สามารถรักษาให้หายได้ทันทีเช่นกัน แต่หากอาการป่วยหนักมาก ก็ยากที่ท่านปู่เสี่ยวจะรักษาให้หายได้ อย่างกรณีของหลี่จิ้งเฉินเป็นต้น..”
เสี่ยวเม่ยหนิงตั้งใจฟังและถามต่อว่า “แต่พี่หลิงหยุนก็รักษาพี่จิ้งเฉินแค่ครั้งเดียว แล้วเขาก็หายป่วยทันทีเลย! นี่ไม่ใช่ความมหัศจรรย์ของวิชาเก้าเข็มปลุกชีพเหรอคะ”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับอธิบายช้าๆว่า“จะเรียกว่าเป็นความอัศจรรย์ของการฝังเข็มด้วยวิธีนั้นก็ได้ แต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งก็คือ การใช้หลักการธาตุทั้งห้าร่วมกับการใช้พลังชีวิต ซึ่งจะให้ผลในการรักษาที่ดีและรวดเร็วขึ้น..”
“และยิ่งพลังชีวิตในร่างกายมีมากเท่าไหร่และสามารถถ่ายเทออกจากร่างกายได้ภายในครั้งเดียว ผลของการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้น และสามารถรักษาคนไข้ให้หายได้ในทันที!”
“และเหตุผลที่ทำให้ท่านปู่เสี่ยวได้กลายเป็นหมอเทวดามือหนึ่งของประเทศจีนนั่นก็เพราะว่าร่างกายของท่านหมอเสี่ยวนั้นเป็นธาตุไม้ พลังชี่ในร่างกายจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง..”
“และด้วยวิธีการรักษาเช่นนี้ท่านปู่เสี่ยวจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำให้หลี่จิ้งเฉินมีอายุยืนยาวได้ถึงสี่สิบปี..”
หลิงหยุนนั้นวิเคราะห์ได้อย่างเฉลียวฉลาดเสี่ยวเม่ยหนิงที่กำลังฟังอย่างตั้งอกตั้งใจก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “โอ้โห.. ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
“พี่หลิงหยุนคะ..แล้วฉันล่ะธาตุอะไร”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ในร่างกายของหนิงน้อยนั้นมีอยู่สี่ธาตุในจำนวนทั้งหมดห้าธาตุ และธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือธาตุน้ำ ส่วนธาตุที่อ่อนแอที่สุดก็คือธาตุดิน”
ดินบ่งบอกถึงความหนักแน่นและน้ำบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลง!
เสี่ยวเม่ยหนิงแม้จะมีบุคลิคนิสัยอ่อนโยนแต่ก็เป็นคนแปรปรวนคาดเดาได้ยาก นั่นเป็นเพราะเธอขาดธาตุดิน
“แล้วพี่ใหญ่ล่ะ”
“พี่สาวของคุณน่ะเหรอเธอเป็นคนที่มีธาตุไม้โดดเด่นเช่นเดียวกับปู่ของคุณ ก็เลยติดไฟง่าย!”
ความจริงแล้วหลิงหยุนพูดถูกเพียงแค่ครึ่งแรกครึ่งเดียว แต่ครึ่งหลังนั้นเป็นการประชดประชันเสียมากกว่า! เมื่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ!
เสี่ยวเม่ยหนิงกระซิบถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก“แล้วถ้าธาตุดินฉันอ่อนแอ จะมีผลให้รักษาคนไข้แบบใหนไม่ได้บ้างมั๊ย”
ผู้คนในยุคนี้มักเป็นเช่นนี้ที่คิดว่าตนเองต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ต้องไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง แม้กระทั่งเสี่ยวเม่ยหนิงที่มีถึงสี่ธาตุนั้นนับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แต่เธอเองกลับยังไม่พอใจ
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า“หนิงน้อย.. คุณเข้าใจผิดแล้ว! ในร่างกายของมนุษย์เรานั้นไม่ว่าจะมีธาตุอะไร หรือว่าขาดธาตุอะไรไป นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง! เพราะหากจะพูดตามหลักการ มนุษย์ทุกคนล้วนมีอวัยวะภายในหลักทั้งห้าครบทุกคน ซึ่งนั่นเป็นเป็นตัวแทนของธาตุทั้งห้าแล้วนั่นเอง!”
“เคล็ดวิชาหลิงซีที่ผมเขียนให้คุณนั้นก็เพื่อให้คุณได้ฝึกกำลังภายใน และฝึกดูดซับพลังชีวิต รอให้คุณมีพื้นฐานที่ดี และเรียนรู้เก้าเข็มปลุกชีพได้คล่องแล้ว ผมจะสอนวิธีการฝังเข็มแบบห้าธาตุเทวะซึ่งเป็นทักษะที่สูงขึ้นให้กับคุณ!”
“ฝังเข็มห้าธาตุเทวะเหรอ!”เสี่ยวเม่ยหนิงร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้เรียนเก้าเข็มปลุกชีพ แต่หลิงหยุนกลับเอ่ยปากว่าจะสอนการฝังเข็มห้าธาตุเทวะให้เธอด้วย
หลิงหยุนลูบไล้ผมยาวของเสี่ยวเม่ยหนิงและพูดอย่างอ่อนโยน “ฟังนะ.. ผมยังมีอีกมากมายหลายอย่างที่ต้องการสอนให้คุณ แต่คุณค่อยๆเรียนรู้ไป ไม่ต้องตื่นตระหนก!”
หลิงหยุนอธิบายวิชาเก้าเข็มปลุกชีพให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงฟังอีกทั้งยังพูดเรื่องความสัมพันธ์ของธาตุทั้งห้าอีกด้วย มีหรือที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินจะไม่ตกใจ!
เหมี่ยวเสี่ยวได้เรียนรู้การใช้พิษชนิดต่างๆรวมถึงพิษหนอนกู่มาจากเหมี่ยวเฟิงหวง และเหมี่ยวเฟิงหวงในฐานะที่เป็นธิดาแห่งชนเผ่าเหมี่ยวนั้น ก็มีทักษะทางด้านการแพทย์ไม่ด้อยไปกว่าท่านหมอเสี่ยวเลย
ดังนั้นทักษะทางด้านการแพทย์ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงนับว่าเหนือกว่าเสี่ยวเม่ยหนิง เมื่อเธอได้ยินหลิงหยุนพูดถึงเรื่องพลังชีวิตและธาตุทั้งห้า เธอจึงอดที่จะตกใจไม่ได้!
วิชาหลิงซีสามารถดูดซับและถ่ายเทพลังจากธาตุทั้งห้าและพลังชีวิตได้อย่างนั้นหรือ
“ไม่ธรรมดาเลย..น่าอัศจรรย์จริงๆ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับใจสั่นและจู่ๆภายในจิตใจก็เกิดความรู้สึกทีอธิบายได้ยาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร