Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 610

บทที่ 610 : ค้นพบของล้ำค่า!
  “หลิงหยุน..นี่เธอคือ.. หลิงหยุนหรือนี่!”
  มู่หลงเวิ่นฉีจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย..
  เมื่อครั้งที่มู่หลงเวิ่นฉีได้พบกับหลิงหยุนนั้นหลิงหยุนเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-1 และเพิ่งเริ่มลดน้ำหนัก ตอนนั้นหลิงหยุนจึงยังคงเป็นเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่มีน้ำหนักเกือบสองร้อยกิโลกรัม
  แต่ตอนนี้..รูปลักษณ์ของหลิงหยุนไม่เพียงสมส่วนอย่างที่สุด แต่ใบหน้ายังหล่อเหลาอย่างมากอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักยิ้มข้างแก้มซ้ายที่เป็นร่องลึก เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ของหลิงหยุนเวลานนี้ สามารถทำให้ผู้หญิงที่เดินตามท้องถนนต้องถึงกับเหลียวหลังกลับมามองกันทุกคนเลยทีเดียว
  แม้ในวันนั้นมู่หลงเวิ่นฉีจะอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่ก็ยังจำหลิงหยุนในวันนั้นได้ดี และได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน หลิงหยุนสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ นี่หลิงหยุนจะต้องใช้ความเพียรพยายามมากเพียงใด?
  ระหว่างที่มู่หลงเวิ่นฉีกำลังตกตะลึงอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังออกมาจากห้องทำงานของมู่หลงเฟยจื่อ..
  “น้องเฟยจื่อ..ในโลกนี้นอกจากผม – จูหย่งหวัง ก็ไม่มีผู้ชายคนใหนที่จะเหมาะสมกับคุณเท่าผมอีกแล้ว!”
  จูหย่งหวังยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงดึงดัน“ถ้าคุณมีแฟนแล้วจริงๆ ทำไมถึงไม่พามาแนะนำให้ผมรู้จักบ้างล่ะ ผมคงจะรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นแย่เลย!”
  จูหย่งหวังพูดยังไม่ทันจบ..เสียงชายหนุ่มอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาทันที “ไร้สาระที่สุด..! ผู้ชายที่เหมาะสมกับน้องเฟยจื่อที่สุดก็คือฉัน – โหวเย่าจงต่างหากล่ะ ส่วนนาย.. รีบกลับบ้านไปได้เลย!”
  โหวเย่าจงเป็นชาวฮ่องกงที่พูดภาษาจีนกลางได้ชัดเจนและคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าคงจะเดินทางมาที่จีนแผ่นดินใหญ่อยู่บ่อยครั้ง
  “ตระกูลจูจะมาเทียบกับตระกูลโหวที่เป็นบริษัทจิวเวลรี่ของฉันได้ยังไงกันน้องเฟยจื่อกับฉันต่างหากถึงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก! น้องเฟยจื่อจะแต่งงานกับฉันคนเดียวเท่านั้น เพราะเราทั้งคู่จะได้ทำธุรกิจร่วมกัน”
  จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเย็นชาของมู่หลงเฟยจื่อ“พวกคุณสองคนเลิกพูดจาไร้สาระซะทีจะได้มั๊ยคะ แฟนของฉันยุ่งมาก แต่ถ้าพวกคุณอยากพบ ฉันก็จะโทรเรียกเขามาเดี๋ยวนี้ก็ได้..!”
  โหวหย่งหวังได้ยินก็รีบพูดขึ้นอย่างจองหอง“ไม่จำเป็นต้องโทรเรียกมาหรอกน้องเฟยจื่อ คุณแค่บอกแซ่ของแฟนคุณมาก็พอ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าเขาหมาะสมที่จะเป็นแฟนคุณมั๊ย”
  มู่หลงเฟยจื่อเห็นหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนยังคงไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจเธอจึงกระแทกปากกาที่กำลังเซ็นต์เอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดและรำคาญใจอย่างมาก
  หลิงหยุนได้แต่นึกสนุกเมื่อเห็นมู่หลงเฟยจื่อกำลังเผชิญหน้ากับความวุ่นวาย..
  ทางด้านซ่งเจิ้งหยางเห็นมู่หลงเวิ่นฉียังคงยืนมองหลิงหยุนอยู่นานแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเสียที จึงรู้สึกรำคาญจนต้องร้องถามออกมา
  “นี่เฒ่ามู่หลง..คุณเป็นอะไรกันแน่ นี่ไม่ใช่การพนันหินนะ.. ถึงได้กลัวว่าฉัน – ซ่งเจิ้งหยางจะหลอกเอา?”
  มู่หลงเวิ่นฉีที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงของซ่งเจิ้งหยางก็ตื่นจากภวังค์ทันที และรีบหันไปดุซ่งเจิ้งหยาง
  “คุณซ่ง..อย่าได้วุ่นวายให้มากนัก..”
  จากนั้นเขาก็หันหน้าไปพูดกับหลิงหยุน“น้องหลิงหยุน.. เธอ.. ดูเหมือนเธอจะผอมลงไปมาก..!”
  หลิงหยุนรู้อยู่แล้วว่ามู่หลงเวิ่นฉีจะต้องถามคำถามนี้เขายิ้มสดใสพร้อมกับตอบไปว่า
  “คุณมู่หลง..ผมรู้สึกอึดอัดเพราะอ้วนมาก เคลื่อนไหวร่างกายก็ลำบาก จึงตั้งใจที่จะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง และตอนนี้ก็ลดลงไปได้หลายสิบกิโลเลยล่ะครับ”
  ถังเมิ่งก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ปู่มู่หลงครับ.. นี่คือพี่หยุนตัวจริงเสียงจริง! เขาก็คือหลิงหยุนที่เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมจิงฉูครับ”
  ความจริงก็แทบไม่ต้องให้ถังเมิ่งยืนยันเพราะถึงอย่างไรซ่งเจิ้งหยางก็คงไม่กล้าเล่นตลกกับเขาแบบนี้แน่
  มู่หลงเวิ่นฉีร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“โอ้.. ดูฉันสิ! ทำไมถึงได้กลายเป็นตาแก่เลอะเลือนแบบนี้นะ แม้แต่ผู้มีพระคุณมายืนอยู่ตรงหน้า แต่กลับจำไม่ได้! เร็วเข้า.. นั่งลงคุยกันดีกว่า!”
  พูดจบมู่หลงเวิ่นฉีก็รีบเดินเข้าไปจับมือหลิงหยุนอย่างกระตือรือร้นและไม่สนใจซ่งเจิ้งหยางอีก
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ดูเหมือนว่าผมจะเปลี่ยนไปมากสินะครับ อาวุโสถึงได้ตกใจขนาดนี้..”
  เมื่อเชิญแขกไปนั่งในห้องเรียบร้อยแล้วมู่หลงเวิ่นฉีก็เดินไปที่โต๊ะทำงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหามู่หลงเฟยจื่อ
  “เฟยจื่อ..มาที่ห้องทำงานของปู่เร็วเขา ผู้มีพระคุณของปู่อยู่ที่นี่แล้ว..”
  หลังจากมู่หลงเวิ่นฉีวางสายเขาก็รีบเดินกลับไปนั่งที่โซฟา และเอ่ยขอโทษขอโพยหลิงหยุนเป็นการใหญ่
  “น้องหลิงหยุน..เฟยจื่อหลานสาวของฉันมีนิสัยเอาแต่ใจเพราะฉันเลี้ยงเขามาอย่างตามใจ ครั้งที่แล้วฉันส่งหลานสาวเป็นตัวแทนไปขอบคุณเธอที่โรงเรียน เพราะฉันยังต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าหลานสาวฉันทำอะไรไม่เหมาะสม หรือทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจ เธอก็อย่าได้ถือสาหลานสาวของฉันเลยนะ..”
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม“คุณมู่หลงไม่ต้องกังวลใจไปครับ.. ผมไม่ได้ถือสาอะไรเลย!”
  ความจริงแล้วหลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความผิดของเขาเองที่เผลอไปจ้องหน้าอกของมู่หลงเฟยจื่อก่อน เป็นใครก็คงต้องโกรธ!
  มู่หลงเวิ่นฉีจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับคิดในใจว่าหลิงหยุนไม่ได้ดูเลวร้ายเหมือนที่มู่หลงเฟยจื่อเล่าเลยแม้แต่น้อย – หลิงหยุนทั้งเย่อหยิ่งจองหอง โลภมาก แล้วก็ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์เลยแม้แต่น้อย
  ระหว่างนั้นซ่งเจิ้งหยางก็พูดขึ้นมาว่า“นี่เฒ่ามู่หลง.. ถ้าวันนี้หลิงหยุนไม่มาที่ตลาดค้าของเก่า ฉันก็คงไม่ได้รู้สักทีว่าหมอเทวดาคนใหนแน่ที่เป็นคนช่วยชีวิตของคุณไว้!”
  ซ่งเจิ้งหยางและมู่หลงเวิ่นฉีนั้นต่างก็เป็นประธานของสมาคมตลาดค้าของเก่าเมืองจิงฉูด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนจึงได้พบปะกันแทบทุกวัน ความสัมพันธ์จึงค่อนข้างสนิทสนมกันมากกว่าปกติ
  มู่หลงเวิ่นฉีตอบกลับยิ้มๆ“เฒ่าซ่ง.. อย่าต่อว่าฉันเลย! ฉันเองก็เพิ่งจะได้พบน้องหลิงหยุนครั้งแรกตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ!”
  ซ่งเจิ้งหยางรู้จักนิสัยของมู่หลงเวิ่นฉีดีจึงไม่ได้นึกตำหนิอะไรมากมาย และได้แต่หัวเราะ
  หลิงหยุนสูดลมหายใจลึกพร้อมกับใช้จิตหยั่งรู้สำรวจภายในห้องทำงานของมู่หลงเวิ่นฉีและในที่สุดเขาก็พบแหล่งกำเนิดพลังชีวิตที่อยู่บนชั้นสอง
  มันคือหินประดับชิ้นหนึ่งที่มีความสูงกว่าครึ่งเมตรลักษณะรูปร่างคล้ายกับหน่อไม้ที่หนาและแหลม ตอนนี้ตั้งเป็นเครื่องประดับอยู่บนโต๊ะทำงานของมู่หลงเวิ่นฉี
  ‘พลังชีวิตสีทองงั้นรึไม่เลวเลยทีเดียว..’
  หลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและได้แต่คิดว่าหินที่ดีขนาดนี้ แต่กลับนำมาใช้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ น่าเสียดายนักจริงๆ!
  ดูเหมือนว่ามู่หลงเฟยจื่อจะมีปัญหากับผู้มีพระคุณของปู่เธออย่างมากเพราะหลิงหยุนทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนโลภ และไร้ซึ่งจรรยาบรรณแพทย์
  ไม่เพียงแค่นั้น..ระหว่างที่มู่หลงเวิ่นฉีนอนพักฟื้นกว่าครึ่งเดือน เขาก็ได้คะยั้นคะยอให้มู่หลงเฟยจื่อไปหาหลิงหยุนที่โรงเรียนอีก แต่ครั้งนั้นหลิงหยุนไปทำการสำรวจหลุมยักษ์ หลังจากนั้นก็เดินทางไปเกาะเตียวหยู มู่หลงเฟยจื่อที่ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไปนั้น จึงพบว่าหลิงหยุนไม่เข้าเรียนเลย และได้แต่คิดในใจว่า ‘ขาดเรียนเป็นนิสัยแบบนี้ ผลการเรียนคงจะแย่แน่!’
  ในความรู้สึกของมู่หลงเวิ่นฉีนั้นหลิงหยุนน่ารังเกียจยิ่งกว่าหนุ่มเพลย์บอยสองคนนี้เสียอีก เมื่อนึกถึงหลิงหยุนที่เป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนลามกจ้องชอบมองหน้าอกของเธอ มู่หลงเฟยจื่อก็แทบไม่อยากออกไปพบ
  แต่จู่ๆมู่หลงเฟยจื่อก็เงยหน้าขึ้นมองหนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาของเธอกระพริบถี่คล้ายกำลังครุ่นคิดแผนการอะไรบางอย่าง
  “นี่..พวกคุณอยากเห็นแฟนของฉันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว!”
  จากนั้นมู่หลงเฟยจื่อก็ยิ้มออกมาและลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องทำงานของมู่หลงเวิ่นฉีทันทีโดยไม่สนใจหนุ่มเพลย์บอยสองคนอีกเลย
  นี่เรียกว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว..มู่หลงเฟยจื่อต้องการให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของหลิงหยุน ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้จูหย่งหวัง และโหวเย่าจงได้รู้จักกับ ‘แฟน’ ของเธอด้วย
  มู่หลงเฟยจื่อรู้จักนิสัยของสองหนุ่มเพลย์บอยนี้ดีหากพวกเขาได้พบกับหลิงหยุน คงต้องพูดจาดูถูกเย้ยหยันหลิงหยุนอย่างแน่นอน และนั่นคือความต้องการของเธออยู่แล้วที่ต้องการให้หลิงหยุนถูกฉีกหน้า!
  นี่มู่หลงเฟยจื่อมีแฟนแล้วจริงๆหรือนี่และตอนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว?
  หนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนคิดไม่ถึงจริงๆจึงได้แต่หันไปมองหน้ากัน และดูเหมือนจะสามัคคีกันขึ้นมาทันที!
  “ไปกัน.. ฉันไม่เชื่อว่าจะมีคนที่หล่อและรวยกว่าฉัน!” จูหย่งหวังยกมือขึ้นลูบผมที่ใส่น้ำมันจนเรียบแปล้ของตนเอง
  “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้หน้าโง่ที่ใหนกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!”โหวเย่าจงกรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจขณะทีเดินตามมู่หลงเฟยจื่อออกจากห้องทำงานไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร