Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 663

บทที่ 663 : ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์!
  การที่หลิงหยุนยินยอมให้เซียนพนันทั้งห้าคนจ่ายค่าเสียหายเพียงแค่ห้าร้อยล้านหยวนนั้นนับว่าเขาปราณีมากแล้ว! เพราะหากไม่ใช่เพราะทั้งห้าคนต่างก็ยอมรับผิดแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นอย่าได้หวังว่าหลิงหยุนจะเห็นแก่หน้าของเซิ่งลิ่วฉีที่ยกขึ้นมาอ้าง และยอมปล่อยตัวพวกเขาไปง่ายๆเช่นนี้!
  ในสถานการณ์เช่นนี้อีกทั้งยังอยู่ในถิ่นของหลิงหยุน เซียนพนันทั้งห้าคนจึงได้แต่ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของหลิงหยุน เซิ่งหยิงหยิงจำต้องยอมจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับหลิงหยุนสองร้อยล้านหยวน ส่วนที่เหลืออีกสามร้อยล้านนั้นเธอได้แต่ประทับลายนิ้วมือลงบนหนังสือกู้ยืมแทน
  เซิ่งหยิงหยิงยกนิ้วที่หมึกยังไม่ทันแห้งนั้นขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องออกมาอย่างเคียดแค้น
  “นายระวังตัวไว้ให้ดี!ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
  “ยินดีต้อนรับเสมอ.. เชิญคุณมาเมื่อไหร่ก็ได้!”
  หลิงหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจและเลิกสนใจเซิ่งหยิงหยิง แต่เมื่อหยิบเอกสารกู้ยืมเงินขึ้นมาดู เขาก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘นางน่าจะพิมพ์รอยปากแทนรอยนิ้วมือ..’
  เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเซิ่งหยิงหยิงจึงรีบวิ่งตรงไปที่โต๊ะพนัน และหงายไพ่นกกระจอกของหลิงหยุนอีกสองตัวที่คว่ำไว้ขึ้นดูทันที
  “พระเจ้า..นี่มัน!” เซิ่งหยิยหยิงร้องอุทานออกมา และถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึง
  ไพ่ทั้งสองตัวที่หลิงหยุนคว่ำไว้นั้นเป็นไพ่ที่สามารถทำให้แต้มของหลิงหยุนสูงขึ้นอีก และเซิ่งหยิงหยิงก็มั่นใจว่าหลิงหยุนไม่ได้โกงพวกเธออย่างแน่นอน เพราะระหว่างที่เล่นอยู่นั้น ทั้งเธอและพี่ๆต่างก็จับตามองหลิงหยุนอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งระหว่างที่ล้างไพ่นั้นเขาก็แทบไม่ได้สนใจไพ่บนโต๊ะเลยด้วยซ้ำไป และยังหยิบไพ่เสร็จก่อนเธออีกด้วย..
  นี่มันอะไรกันเรื่องแบบนี้แม้แต่พ่อของเธอ – เซิ่งลิ่วฉี ยังไม่สามารถทำได้!
  เซียนพนันทั้งสี่คนมองไพ่นกกระจอกสองตัวที่เซิ่งหยิงหยิงเพิ่งเปิดขึ้นในใจก็ได้แต่คิดว่าตอนนี้พวกเขาต่างก็เข้าใจคำสอนของเซิ่งลิ่วฉีแล้ว – เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
  “ขอบคุณที่ปล่อยพวกเราไปในวันนี้!เงินที่เหลืออีกสามร้อยล้าน พวกเราจะนำมาคืนให้อย่างเร็วที่สุด!”
  “กลับได้!”
  พี่ใหญ่ประสานมือเข้าหากันพร้อมกับทำการร่ำลาหลิงหยุนจากนั้นจึงหันไปมองน้องๆของเขาทั้งสี่คน และรีบเข้าไปลากเซิ่งหยิงหยิงที่ยังคงยืนตะลึงอยู่นั้นออกจากบ่อนของกงหงกวงไปทันที
  ในเมื่อเป็นฝ่ายชนะแล้วและรู้ว่าทั้งห้าคนนั้นล้วนเป็นศิษย์ของเซิ่งลิ่วฉี กงหงกวงจึงเดินออกไปส่งเซียนพนันทั้งห้าคนที่รถด้วยตัวเอง และเมื่อรถของพวกเขาแล่นไปจนลับสายตาแล้ว กงหงกวงจึงเดินกลับเข้าไปในบ่อน
  “ฝีมืออย่างท่านหัวหน้าคงต้องเรียกว่า‘โคตรเซียน’ ฝีมือแบบนี้.. ท่านหัวหน้าสามารถไปกวาดเงินในบ่อนใหญ่ๆที่ฮ่องกง มาเก๊า หรือแม้แต่ในลาสเวกัสได้สบายๆเลย!”
  ทันทีที่กลับเข้ามากงหงกวงก็พูดกับหลิงหยุน และไม่ลืมที่จะสั่งให้คนนำเช็คหนึ่งพันล้านมามอบให้กับเขา
  แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ปฏิเสธ!เขายื่นมือออกไปรับเช็คหนึ่งพันล้านมาพร้อมกับหัวเราะ และพูดกับกงหงกวงว่า
  “เถ้าแก่กง..เงินหนึ่งพันล้านนี้เป็นเงินที่ผมเล่นได้ ผมไม่ให้คุณนะ! ส่วนสองร้อยล้านนี่ผมจะมอบให้กับหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวคนใหม่ไปจัดการเคลียร์ให้กับบ่อนอื่นๆที่เสียหาย และส่วนที่เหลือค่อยมอบให้กับคุณ!”
  กงหงกวงนั้นรู้สึกขอบคุณหลิงหยุนอย่างมากและในเวลานี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าใครกันคือหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวตัวจริง!
  หลังจากที่ทุกอย่างเรียกร้อยแล้วหลิงหยุน ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิง ต่างก็ออกจากบ่อนของกงหงกวงไปทันที
  ภายในรถ..หลิงหยุนนั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ หลังจากที่นั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันไปพูดกับคนทั้งสามว่า
  “หลังจากนี้หุ้นส่วนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นคงจะไม่กล้ายุ่งกับแก๊งมังกรเขียวอีกแล้วล่ะ!นับว่าเป็นความโชคร้ายของพวกมัน แต่ก็สมควรแล้ว!”
  ถังเมิ่งหัวเราะร่วนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พี่หยุน.. จะว่าไปแล้วพวกมันก็รนหาที่เอง ครั้งนี้สูญเงินไปถึงพันล้าน รับรองว่าพวกมันคงตายสนิท!”
  ทั้งสี่คนในรถหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างมีความสุขจากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปพูดกับอาปิง
  “อาปิง..นายเอาเงินที่ได้ไปจัดการเคลียร์ให้กับบ่อนที่ได้รับความเสียหาย ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้สำหรับดูแลแก๊งมังกรเขียว!”
  “ครับพี่หยุน!”
  อาปิงพยักหน้าเคร่งขรึมของตนเองและตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใดถังเมิ่งจึงยินดีที่จะติดตามหลิงหยุน เพราะการติดตามหลิงหยุนนั้นมีแต่ได้กับได้..
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับสั่งว่า“ส่งฉันกลับบ้านเลขที่-1”
  ผ่านไปสิบห้านาที..หลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ก็ลงจากรถ แต่ก่อนลงหลิงหยุนก็ได้หันไปสั่งถังเมิ่งว่า
  “ถังเมิ่ง.เรื่องร้านของคุณซู ฉันจะให้นายเป็นคนจัดการ เธออยากจะได้อะไร ก็จัดหาให้เธอตามนั้น นายเข้าใจมั๊ย”
  ถังเมิ่งยักคิ้วให้หลิงหยุนในแบบที่เข้าใจกันเพียงแค่สองคน..
  หลิงหยุนทำเสียงในลำคอดุถังเมิ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า“พวกนายรีบกลับไปบ้านพักผ่อนได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องพาลุงซ่งกับเซียนหยกไปกินข้าวเที่ยง แล้วพวกนายทั้งสามคนก็ต้องไปกับฉันด้วย!”
  ถังเมิ่งและอาปิงต่างก็แยกย้ายตัวไปส่วนหลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ก็เดินเข้าไปในบ้าน หลิงหยุนเรียกหินพลังชีวิตออกมาจากแหวนพื้นที่ และตอนนี้ภายในบ้านของเขาก็เต็มไปด้วยพลังชีวิตมากมาย
  “เอาล่ะ..เริ่มฝีกกันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็แยกย้ายกันหามุมสงบและเริ่มหาที่นั่งขัดสมาธิเพื่อเริ่มฝึกฝน
  ……………
  เวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้น..ถังเมิ่งกับอาปิงต่างก็ขับรถของตนเองไปที่ตลาดค้าของเก่าเพื่อรับซ่งเจิ้งหยางและอวี้เฉิงจิน ส่วนหลิงหยุนกับตี้เสี่ยวอู๋นั้นได้ล่วงหน้าไปรออยู่ที่โรงแรมแล้ว
  ซ่งเจิ้งหยางอวี้เฉิงจิน ถังเมิ่ง และอาปิง ต่างก็พากันเข้าไปสมทบกับหลิงหยุนและตี้เสี่ยวอู๋ที่กำลังอยู่ในห้องส่วนตัวก่อนแล้ว
  ระหว่างที่รับประทานอาหารไปด้วยนั้นหลิงหยุนก็ได้เอ่ยปากขอให้ทั้งสองคนมาช่วยถังเมิ่งดูแลธุรกิจต่างๆ ทั้งซ่งเจิ้งหยางและอวี้เฉิงจินต่างก็ตอบรับอย่างไม่อิดออด และด้วยความเต็มใจ
  ใครๆต่างก็ต้องการตีสนิทกับหลิงหยุนในเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ก็คงจะมีเพียงคนหน้าโง่เท่านั้นล่ะที่จะปฏิเสธโอกาสดีๆเช่นนี้!
  เมื่อรับประทานอาหารเสร็จซ่งเจิ้งหยางก็พาหลิงหยุนออกไปนอกห้องพร้อมกับกระซิบเสียงเบา
  “นี่พ่อหนุ่ม..เธอมีงานอะไรยุ่งอะไรนักหนางั้นรึ”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ผมก็ยุ่งๆเรื่องสอบเอนทรานซ์ล่ะครับ แล้วก็เพิ่งจะสอบเสร็จเมื่อวานนี้เอง”
  ซ่งเจิ้งหยางเกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เรื่องนั้นฉันรู้.. แต่ตอนนี้ก็สอบเสร็จแล้วนี่นา ทำไมไม่ไปที่ตลาดค้าของเก่าบ้างล่ะ”
  หลิงหยุนนึกประหลาดใจหินพลังชีวิตก็ถูกเขากว้านซื้อมาจนไม่เหลือแม้แต่ก้อนเดียวแล้ว จึงได้แต่ถามซ่งเจิ้งหยางไปว่า
  “ลุงซ่งมีเรื่องอะไรกันแน่ครับ!”
  ซ่งเจิ้งหยางตบต้นขาตนเองเสียงดังพร้อมกับร้องขึ้นว่า“นั่นไง! เธอนี่เป็นโรคขี้ลืมตั้งแต่อายุยังน้อยเชียวเหรอ นี่เธอลืมหลานสาวมู่หลงไปได้ยังไงกัน?!”
  มู่หลงเฟยจื่อ!
  หลิงหยุนเพิ่งรู้ตัวว่าเขาลืมมู่หลงเฟยจื่อไปเสียสนิทจริงๆแต่เขากับมู่หลงเฟยจื่อก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาก หรือมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน อีกอย่างสาวๆรอบตัวเขาก็รอคอยเขาอยู่ ในเมื่อมู่หลงเฟยจื่อไม่คิ
  หลิงหยุนครุ่นคิดและรู้ว่าตนเองลืมมู่หลงเฟยจื่อไปจริงๆ แต่เขากับมู่หลงเฟยจื่อก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกล้ำ และสาวๆรอบตัวเขาต่างก็รอคอยเขาอยู่
  “เกิดอะไรขึ้นกับพี่มู่หลงเหรอครับ”หลิงหยุนเห็นซ่งเจิ้งหยางดูกระวนกระวาย จึงนึกขำจนต้องถามออกไป
  ซ่งเจิ้งหยางรีบกระซิบบอกทันที“เฟยจื่อน่ะสิ! คิดถึงเธอจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ.. แล้วมรดกประจำตระกูลที่ตาเฒ่ามู่หลงยกให้เธอน่ะ เธอยังอยากได้อยู่หรือเปล่า”
  คำพูดประโยคแรกๆของซ่งเจิ้งหยางนั้นหลิงหยุนไม่ได้ใส่ใจนักแต่เมื่อได้ยินเรื่องมรดกประจำตระกูลมู่หลง เขาก็ถึงกับหูผึ่งทันที
  “ลุงซ่งครับ..ลุงพอจะรู้มั๊ยครับว่ามันเป็นอะไร” หลิงหยุนถามขึ้น
  “นี่เธอรู้มั๊ยว่าวันนั้นฉันต้องเกลี้ยกล่อมเฒ่ามู่หลงตั้งนานกว่าเขาจะยอมยกมรดกประจำตระกูลชิ้นนี้ให้แต่เธอกลับลืมมันได้!”
  หลิงหยุนเกาศรีษะอย่างรู้สึกผิดวันนั้นเขาเองก็มัวแต่ไปกว้านซื้อหินพลังชีวิตอีกครั้งที่ตลาดค้าของเก่าจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“ลุงซ่งครับ.. แต่เรื่องนี้ผ่านมาหลายวันแล้ว ปู่มู่หลงเองก็ไม่ได้โทรมาบอกผม จู่ๆจะให้ผมเข้าไปเอาจะดีเหรอครับ”
  หากให้หลิงหยุนไปทวงหนี้กับคนอื่นเขาคงกล้าแต่เขาไม่กล้าที่จะไปพูดเรื่องนี้กับมู่หลงเวิ่นฉีและมู่หลงเฟยจื่อ
  ซ่งเจิ้งหยางหัวเราะเสียงดังแล้วบอกกับหลิงหยุนว่า“เฮ้อ.. บางเรื่องเธอก็ฉลาด แต่บางเรื่องเธอก็โง่.. ฉันไม่เข้าใจจริงๆ! เอาเป็นว่าเฒ่ามู่หลงโทรหาฉันหลายรอบถามว่าเมื่อไหร่เธอจะเข้าไปเอามรดกตระกูลหลง เพราะถ้าเธอไม่เข้าไปเอาซะที หลานมู่หลงคงต้องผอมโซแน่ๆ!”
  “เอาล่ะ..อะไรที่ต้องพูดฉันก็พูดกับเธอไปหมดแล้ว จะไปหรือไม่ไป เธอก็ตัดสินใจเองก็แล้วกัน!”
  ซ่งเจิ้งหยางพูดจบก็เดินตรงไปที่ห้องดื่มกินต่ออย่างมีความสุข ปล่อยให้หลิงหยุนยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียวด้านนอก
  ในเมื่อเป็นเรื่องมรดกตระกูลหลงมีหรือที่หลิงหยุนจะกล้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน หลังจากทานอาหารกันเสร็จ เขาก็ขับรถมุ่งหน้าไปที่ตลาดค้าของเก่าทันที
  เมื่อไปถึงเขาก็เดินดิ่งไปที่ศาลาเทียนสี่และตรงขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นห้องทำงานของมู่หลงเวิ่นฉีกับมู่หลงเฟยจื่อทันที ระหว่างนั้นหลิงหยุนได้ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านบนแล้วก็พบว่า มู่หลงเวิ่นฉีไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน มีเพียงมู่หลงเฟยจื่อนั่งอยู่ในห้องของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ และดูเหมือนกำลังเสียใจ
  หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับเดินไปยืนอยู่หน้าห้องทำงานของมู่หลงเฟยจื่อจากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
  “ฉันบอกแล้วว่าวันนี้ไม่รับแขก!เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ให้ผู้จัดการไปจัดการ!” มู่หลงเฟยจื่อร้องบอกอย่างอารมณ์เสีย และไม่ว่าใครเธอก็ไม่ต้องการพบ
  หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า“แต่ธุระของผมมีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะจัดการได้!”
  เสียงนั่น!มู่หลงเฟยจื่อจำได้แม่นยำ! เธอลุกขึ้นยืนทันที และหัวใจก็เริ่มเต้นแรง และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ!
  “เอ่อ..รอฉันเดี๋ยว!”
  มู่หลงเฟยจื่อตื่นเต้นตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมาหาเธอเพิ่งจะร้องไห้จนตาบวมและแดง ใบหน้ายังมีร่องรอยของคราบน้ำตา และหากหลิงหยุนได้เห็นหน้าเธอในตอนนี้ เธอคงจะดูน่าเกลียดมาก!
  มู่หลงเฟยจื่อรีบคว้ากระเป๋าถือมาและค้นหาเครื่องสำอางขึ้นมาแต่งหน้าจนดูดีแล้ว จึงร้องออกไปว่า
  “เข้ามาได้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร