บทที่ 691 : เฉินเจี้ยนกุ่ย (1)
เฉินเซินงั้นรึ
หากหลิงหยุนรู้ว่าเฉินเซินคือคนที่จ้างวานหวังเล่ยให้ขับรถพ่วงไปชนเขาแล้วล่ะก็..หลิงหยุนคงไม่รีรอที่จะเข้าไปลากคอมันออกมาถามทุกอย่างให้กระจ่าง แล้วจัดการสังหารมันด้วยมือเขาเองอย่างแน่นอน
แต่เพราะหลิงหยุนเองก็ยังไม่รู้เช่นกัน!แต่เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเจี้ยนกุ่ยดังออกมาจากปากของเฉินเซิน และเพื่อต้องการสืบข่าวคราวของเฉินเจี้ยนกุ่ยกับเกาเฉินเฉิน หลิงหยุนจึงต้องเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองจับตามองเฉินเซินไว้อีกครั้ง เพื่อรอฟังว่ามันจะพูดอะไรอีก
“นี่มันเป็นปีซวยอะไรของฉันวะ!หลิงห่าวเพิ่งจะบอกว่าไอ้สารเลวหลิงหยุนมันกำลังจะกลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว! หลิงห่าวสนใจ แต่ฉันต้องสนใจด้วยหรือยังไง?”
เฉินเซินดูดบุหรี่เข้าปอดพร้อมกับบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจแววตาดุร้ายของมันกวาดมองไปรอบๆคล้ายกับกำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอะไรบางอย่างอยู่
หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง..!
เรื่องของเขานับว่าเป็นความลับของตระกูลหลิงแม้แต่ตระกูลเฉินก็รู้เรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ และเป็นหลิงห่าวที่แจ้งข่าวนี้ให้กับเฉินเซินรู้งั้นหรือ? นี่หมายความว่าหลิงห่าวเป็นคนทรยศของตระกูลหลิงงั้นหรือ?
หลิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมากเขาตัดสินใจที่จะรอจนกว่าจะช่วยเกาเฉินเฉินออกมาให้ได้ก่อน จึงจะกลับไปที่ตระกูลหลิง และเมื่อไปถึงสิ่งแรกที่เขาจะทำคือสอบถามความจริงเรื่องนี้จากหลิงห่าว!
“แวมไพร์ไม่เพียงมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์แต่ยังมีพลังอำนาจมากอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถพัฒนาร่างได้ด้วยการดื่มเลือดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรมาก นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว..”
เฉินเซินพึมพำขณะที่หยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมาสูบต่อและร่างเปลือยเปล่าของเขาก็เอนหลังพิงโซฟา พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ออกมาจนคลุ้งไปหมดทั้งห้อง ดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงประโยชน์มากมายจากการเป็นแวมไพร์
หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออก..ในขณะที่เขากำลังหาทางรักษาคนตระกูลเกาทั้งสิบคนให้ไม่ต้องเป็นแวมไพร์ แต่เฉินเซินกลับตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เป็นแวมไพร์..
“เชอะ!เฉินเจี้ยนกุ่ยมันไม่ยอมทำให้ฉันเป็นแวมไพร์ก็ไม่เป็นไร อีกสองวันท่านแกรนด์ดุ๊คแครคคิวล่าก็จะมาแล้ว ยังมีเหล่ามาร์ควิส และเคานต์ตามมาอีกมากมาย จะไม่มีสักคนที่จะทำให้ฉันกลายเป็นแวมไพร์ได้เลยหรือยังไง”
“ก็แค่ไวส์เคานต์!คงคิดว่าตัวเองเป็นเสาหลักตระกูลเฉินสินะ แกผิดไปแล้ว.. ฉันต่างหากล่ะที่คู่ควร.. ”
ยิ่งคิดเฉินเซินก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงกับถุยน้ำลายลงพื้นอย่างไม่พอใจ
“เกาเฉินเฉินนั่นก็อีกคน..ในเมื่อตระกูลเกาก็จบสิ้นแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมยกเกาเฉินเฉินให้เป็นเมียฉัน แกอยากดื่มเลือดสาวบริสุทธิ์ ฉันสามารถหาใครมาแทนให้ก็ได้.. คอยดูนะ! ฉันจะให้พวกแวมไพร์ชั้นสูงนั่นทำให้ฉันเป็นแวมไพร์ให้ได้..”
หลิงหยุนได้ยินเฉินเซินพูดถึงเกาเฉินเฉินเช่นนั้นเขาก็แทบอยากจะบุกเข้าไปตบปากมันถึงในบ้าน แต่เมื่อนึกถึงเหล่าแวมไพร์กว่ายี่สิบตน รวมถึงนินจาอีกเป็นร้อย หลิงหยุนจึงต้องอดทนปล่อยเฉินเซินไปก่อน
‘ข้าจะมอบความตายที่น่าจดจำให้กับเจ้า!’
หลิงหยุนยังคงตั้งใจฟังเฉินเซินพูดต่อ..
“ท่านผู้นำตระกูลก็เหลือเกินตระกูลเฉินของเราแข็งแกร่งขนาดนี้ มียอดฝีมือจากตระกูลเก่าแก่มากมายที่อยู่ข้างเรา เพียงแค่ตระกูลหลงตระกูลเดียว ก็ต้องหวาดกลัวพวกมันด้วย! ในบ้านท่านลุงสองดูเหมือนจะขี้ขลาดขึ้นทุกวัน..”
หลิงหยุนได้ฟังจึงเข้าใจได้ทันทีว่าผู้นำตระกูลเฉินคนปัจจุบันที่ชื่อเฉินไห่เผิงนั้น ที่แท้ก็คือลุงสองของเฉินเซินนั่นเอง
พร้อมกันนั้นหลิงหยุนเองก็อดที่จะตกใจไม่ได้เพราะตระกูลเฉินนั้นไม่เพียงได้รับการสนับสนุนจากเหล่าแวมไพร์และนินจา แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลผู้ฝึกวรยุทธต่างๆในประเทศจีนด้วย!
‘ดูท่าข้าคงต้องรีบหาทางช่วยเกาเฉินเฉินออกมาให้ได้ก่อน..’หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ
แต่ดูเหมือนว่าแม้แต่เฉินเซินเองก็ไม่รู้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยซ่อนเกาเฉินเฉินไว้ที่ใหน
ตอนนี้เกาเฉินเฉินอยู่ที่ใหนกันแน่นะ!
แต่จู่ๆร่างของเฉินเซินก็ลุกพรวดพราดขึ้นจากโซฟาและตรงดิ่งไปที่เตียง มันนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับแสยะยิ้ม
“คนสวย..มาหาอะไรตื่นเต้นทำกันดีกว่า!”
จากนั้นเฉินเซินก็ดึงบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวนออกจากปากและใช้บุหรี่ที่ยังมีไฟสีแดงลุกโชนนั้นจี้ลงไปที่หน้าอกด้านขวาของเด็กสาวพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้มไปทั่วห้องเด็กสาวกรีดร้องเสียงดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ เฉินเซินยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะยกขาขึ้นคร่อมร่างของเด็กสาวพร้อมกับยัดเยียดของสงวนลงไปในปากของเธอ..
“ฉันให้เธอทำหน้าที่บริการเลือดให้กับพวกแวมไพร์ถึงแม้ฉันจะดื่มเลือดไม่ได้ แต่ก็สามารถหาความสุขอย่างอื่นจากเธอแทนได้ ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนขบฟันแน่นแววตาของเขาปรากฏรังสีสังหารขึ้นมาทันที หลิงหยุนพบว่าเด็กสาวผู้นี้ถูกควบคุมโดยยาหลอนประสาทชนิดรุนแรง เพราะเธอดูมีความสุขและไม่ต่อต้าน..
ตอนนี้เฉินเซินเปรียบเสมือนศพเดินได้ในสายตาของหลิงหยุนหลิงหยุนเลิกใส่ใจเฉินเซิน และใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูที่สวนหน้าบ้านโดยรอบอีกครั้ง และเมื่อไม่พบอะไรผิดปกติ จึงได้ออกจากบ้านตระกูลเฉินไป
“เพื่อเฉินเฉิน..ข้าจะให้เจ้าโง่นั่นมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสองวัน!”
หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องของตระกูลเกาที่ต้องสะสางหลิงหยุนกคงจะบุกเข้าไปสังหารพวกมันและเดินออกไปจากที่นี่ แต่เวลานี้เขาไม่ต้องการทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยไหวตัว แล้วรีบกลับไปจัดการกับเกาเฉินเฉิน เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาคงต้องเสียใจอย่างมาก..
หลิงหยุนกลับเข้าไปนั่งในรถสีเงิน..
“ไปที่บ้านตระกูลเกา!”หลิงหยุนร้องสั่งเจสเตอร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถ
แวมไพร์ทั้งหกถูกฆ่าตาย..หลิงหยุนต้องการเข้าไปดูว่าจะมีใครเข้าไปหลังจากที่เขาบุกเข้าไปช่วยคนตระกูลเกาทั้งสิบคนออกมาหรือไม่
เวลาตีสามครึ่ง..หลิงหยุนเข้าไปในบ้านตระกูลเกาอีกครั้ง เขาสั่งให้เจสเตอร์กับพอลจอดรถรอห่างจากบ้านตระกูลเกาไปราวหนึ่งกิโลเมตร จากนั้นจึงจัดการสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า และกระโดดเข้าไปในสวนบ้านตระกูลเกาทันที
ร่างทั้งหกของแวมไพร์ได้หายไปแล้ว..หลิงหยุนเดินสำรวจดูรอบบ้านแต่ก็ไม่พบเห็นอะไรผิดปกติ
‘หรือจะเป็นแวมไพร์ที่บ้านตระกูลเฉินมานำศพกลับไปแต่ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น..’ หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
แต่ในขณะนั้นเอง..จู่ๆหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกแผ่กระจายไปทั่วบริเวณสวนภายในบ้าน แต่อีกฝ่ายกลับก็ไม่เข้ามาในบริเวณที่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนรับรู้ได้
แต่หลิงหยุนก็สังเกตเห็นมุมลับในสวนด้านหลังในใจได้แต่คิดว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น!
โดยปกติแล้วหลังจากที่ฝึกฝนวรยุทธเสร็จเฉินเจี้ยนกุ่ยก็จะมาที่บ้านตระกูลเกาทุกคืนเพื่อฝีกวิชาเนตรปีศาจกับคนของตระกูลเกาทั้งสิบคน
แต่ในคืนนั้น..หลังจากที่เฉินเจี้ยนกุ่ยฝึกวิชาโลหิตมารอยู่ในถ้ำหินที่มืดมิดอับชื้นและหนาวเย็นแถบชานเมืองในปักกิ่งเสร็จแล้ว เขากลับพบว่าตนเองไม่สามารถสื่อสารกับแวมไพร์ทั้งหกตนได้ จึงรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านตระกูลเกาอย่างแน่นอน
ทันทีที่เข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเกาเฉินเจี้ยนกุ่ยก็สยายปีกสีดำที่ใหญ่กว่าสี่เมตรของตนเอง บินสำรวจไปรอบๆบ้านตระกูลเกา และไปหยุดยืนนิ่งอยู่ที่สวนด้านหลัง
เสียงเย็นชาพูดขึ้นอย่างเหยียดหยัน“ดูท่าน้องเฉินเฉินจะมีคนมาช่วยแล้วสิ! และคนที่มาช่วยเจ้าก็น่าจะเป็นหลิงหยุนสินะ!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่เกาเฉินเฉินจะบอกชื่อของเขากับเฉินเจี้ยนกุ่ยแต่เฉินเจี้ยนกุ่ยน่าจะใช้เนตรปีศาจควบคุมจิตใจของเธอ และสอบถามข้อมูลที่ต้องการจากเธอ
แววตาสังหารของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งดวงตาแดงก่ำของเขาจับจ้องไปที่ร่างของศัตรูนิ่ง..
ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ตระกูลเฉินแต่เป็นบ้านตระกูลเกา.. เวลานี้มีกันเพียงแค่หนึ่งต่อหนึ่ง หลิงหยุนจะจัดการกับเฉินเจี้ยนกุ่ยคืนนี้!
“โอ้..คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะยังมีคนเป็นเหลืออยู่ให้ข้าเล่นสนุกอีกงั้นรึ!”
ในเวลานั้นเอง..เฉินเจี้ยนกุ่ยก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของหลิงหยุน แต่นั่นเพราะหลิงหยุนไม่ต้องการซ่อนตัวอีกต่อไปแล้วต่างหาก เขาจึงจงใจปลดปล่อยพลังออกไปเพื่อให้เฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถจับได้
“ออกมาได้แล้ว..”
เสียงนุ่มนวลแต่เย็นชาของเฉินเจี้ยนกุ่ยดังขึ้นขณะที่จ้องมองไปทางหลิงหยุนดวงตาหรี่เล็กของมันเริ่มกลายเป็นสีแดง เผยให้เห็นสัญชาติญาณของการกระหายเลือด..
“เจ้าไม่จำต้องต้องเรียก..ข้าออกมาแล้ว!”
หลิงหยุนตะโกนตอบพร้อมกับกระโดดออกมาจากที่ซ่อนและไปหยุดอยู่ห่างจากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยราวยี่สิบเมตร
และเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เฉินเจี้ยนกุ่ยจดจำเสียงที่แท้จริงของเขาได้หลิงหยุนจึงใช้เทคนิคเปลี่ยนเสียงของตนเองให้แก่ขึ้น..
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นสูงหนึ่งเมตรแปดสิบห้าเซนติเมตรร่างผอม สองแขนยาว ใบหน้าซีดขาว ดวงตาเป็นสีแดงเข้ม และมีปีกสีดำสองข้างกระพืออยู่ด้านหลัง สีหน้าที่เย็นชาดุร้ายของมันบ่งบอกว่ากำลังกระหายเลือดอย่างมาก
“เจ้าคือคนของกลุ่มนภางั้นรึ”
เฉินเจี้ยนกุ่ยยังไม่ลงมือในทันทีมันจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกไป
หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ข้าก็คือคนที่จะมาสังหารเจ้ายังไงล่ะ!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยยิ้มพร้อมกับอ้าปากแดงเผยให้เห็นฟันสีขาวเสียงหัวเราะของมันเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกในขณะที่จ้องมองหลิงหยุนอย่างเหยียดหยัน
“เจ้าคนเดียวนี่นะ!”
“แน่นอน!ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว..”
หลิงหยุนยิ้มหยันแต่ในใจกลับคิดว่า ‘เฉินเจี้ยนกุ่ยมีปีกจริงๆด้วย! ข้ายังไม่ทันได้ตระเตรียมลูกธนูเงินมาเลย ดูท่าไม่สู้ดีนัก!’
เฉินเจี้ยนกุ่ยกรีดร้องพร้อมกับกางเล็บยาวแหลมคมใส่หลิงหยุน“ตาเฒ่า.. เจ้าตาบอดหรือยังไง ไม่เห็นปีกของข้างั้นรึ?”
“เจ้าเหิมเกริมถึงกับกล้าพาแวมไพร์มาสร้างความปั่นป่วนในประเทศจีนเป็นใครก็คงยากที่จะยอมรับการกระทำของเจ้าได้!”
หลิงหยุนพูดจบก็ไม่อยากพูดจาไร้สาระอีกต่อไปเขาเดินพลังลับหยินหยางและโคจรดาราคุ้มกายขั้นสูงสุด พร้อมกับใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าหาเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที!
และฝ่ามือทั้งคู่ของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นหมัดพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันทีเช่นกัน!
ปัง..!
พลังจากหมัดของหลิงหยุนและพลังจากฝ่ามือของเฉินเจี้ยนกุ่ยปะทะกันในขณะที่ร่างของทั้งสองคนอยู่ห่างกันราวครึ่งเมตร เสียงพลังที่ปะทะเข้าใส่กันนั้นดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่าตกใจ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร