บทที่ 695 : บริวารของหลิงหยุน!
หลิงหยุนจ้องมองแวมไพร์ทั้งสองตนที่ออกมายืนนิ่งอยู่นอกรถดูเหมือนว่าทั้งคู่จะยอมรับชะตากรรม และรอคอยการได้เป็นบริวารของหลิงหยุน
‘ดวงจิตที่แข็งแกร่ง..กับสายเลือดที่แข็งแกร่ง..’
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองแวมไพร์ทั้งสองตนแล้วจึงก้มมองดาบพายุในมือด้วยสีหน้าครุ่นคิด..
หลิงหยุนมั่นใจว่าจิตวิญญาณของตนเองนั้นแข็งแกร่งกว่าดวงจิตของราชาไดนาสท์ที่สถิตอยู่ในดาบเล่มนี้อย่างแน่นอนเพราะดวงจิตของเขาที่มาจุติใหม่บนโลกมนุษย์นั้น เป็นดวงจิตเดิมซึ่งอยู่ในขั้นอมตะแล้ว และเหลือเพียงแค่การทดสอบจากสวรรค์ด่านสุดท้าย ก็จะกลายเป็นอมตะอย่างแท้จริงแล้ว!
อีกทั้งก่อนที่เข้าสู่ขั้นอมตะนั้นหลิงหยุนก็เข้าสู่ขั้นหลอมรวมกายแล้ว ในขั้นนี้จิตวิญญาณของเขานั้นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างกายเสียอีก เขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าดวงจิตของเขานั้นเหนือกว่าราชาไดนาสท์อย่างแน่นอน!
แต่เนื่องจากในตอนนี้..จิตหยั่งรู้ของเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสำรวจความแข็งแกร่งของดวงจิตที่สถิตอยู่ในดาบเล่มนี้ได้..
ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของสายเลือดนั้น..เป็นเรื่องที่หลิงหยุนค่อนข้างสับสนและไม่มั่นใจอย่างมาก เพราะเมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เขาก็เป็นเด็กกำพร้าจึงไม่รู้ว่าตนสืบสายเลือดมาจากผู้ใดกันแน่ และถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในร่างของหลิงหยุนซึ่งเป็นทายาทตระกูลหลิง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าสายเลือดตระกูลหลิงนั้นแข็งแกร่ง หรือว่าอ่อนแอกันแน่?!
หลิงหยุนขมวดคิ้วและกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก จนลืมแวมไพร์ทั้งสองตนที่กำลังยืนกลั้นหายใจรออยู่..
“เจ้านายที่เคารพ..ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ท่านไม่ต้องการทำให้เราสองคนเป็นบริวารของท่านแล้วหรือยังไง? พวกเราสองคนเต็มใจและยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านตลอดไป..” พอลร้องเตือน..
เจสเตอร์เองก็จ้องมองหลิงหยุนที่กำลังครุ่นคิดพร้อมกับพึมพำเบาๆ“อย่าบอกนะว่าเจ้านายที่เคารพของพวกเราถูกดวงจิตของราชาไดนาสท์ควบคุมไว้แล้ว! ความจริงแล้วหากใครยังไม่เข้าสู่ขั้นไวส์เคานต์ ก็ไม่ควรไปแตะต้องดาบเล่มนี้เลย..”
ในที่สุดหลิงหยุนก็หันไปมองเจสเตอร์กับพอลพร้อมกับพูดยิ้มๆ“พวกเจ้าทั้งสองอยากจะเป็นบริเวารของข้าจริงๆงั้นรึ!”
“เจสเตอร์ยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งเจ้านาย!เจสเตอร์เชื่อว่าคงจะเป็นพระประสงค์ของท่านซาตานซึ่งเป็นเทพแห่งปีศาจ ท่านคงดลจิตใจให้พวกเราข้ามน้ำข้ามทะเลมาพบกับท่านในดินแดนที่แสนห่างไกลนี้ ดังนั้น.. ได้โปรดทำให้พวกเรากลายเป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านด้วยเถิด..”
เจสเตอร์ร้องบอกหลิงหยุนด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ..
“ท่านหลิงที่เคารพ..ข้าเองก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่พิเศษและแข็งแกร่งในตัวของท่าน และพลังอำนาจนั้นก็ทำให้ข้ายอมตนที่จะติดตามเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของท่านไปตลอด..”
หลิงหยุนไม่รู้ว่าแวมไพร์ทั้งสองตนนั้นพูดความจริงหรือไม่!แต่หากสามารถทำให้แวมไพร์สองตนนี้กลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของเขาได้ หลิงหยุนก็จะสามารถกำจัดปัญหาไปได้อีกมากมาย อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยพาพวกมันติดสอยห้อยตามไปใหนต่อใหนด้วยทุกครั้ง..
หลิงหยุนยิ้มเยือกเย็นพร้อมกับตอบไปว่า“เอาล่ะ.. ในเมื่อพวกเจ้ายินดีและเต็มใจ ข้าก็จะทำตามความต้องการของพวกเจ้า จะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยว่าเลือดของข้านั้นจะแข็งแกร่งพอหรือไม่!”
หลังจากพูดจบ..หลิงหยุนก็ไม่พล่ามไร้สาระอะไรอีก เขาหยิบดาบพายุขึ้นและใช้คมดาบกรีดลงบนแขนของพอล และเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลังจากที่ดาบพายุกรีดลงไปบนแขนของพอลร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที แววตาของพอลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และยอมจำนน!
หลิงหยุนจงใจรออยู่ครู่หนึ่งเพื่อสังเกตุดูบาดแผลที่แขนของพอลเขาพบว่าถึงแม้บาดแผลนั้นจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันกลับไม่สมานกันในทันทีเหมือนเช่นทุกครั้ง และด้วยความแข็งแกร่งของพอลในเวลานี้ บาดแผลเพียงแค่นี้ควรต้องสมานกันในทันทีด้วยซ้ำไป!
“เป็นเช่นนี้เองงั้นรึ..”
หลิงหยุนเห็นว่าแวมไพร์ทั้งสองตนไม่ได้โกหก..เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ร่างของพอล จัดการหยดเลือดจากนิ้วชี้ข้างขวาของตนเองลงไปในบาดแผลที่แขนของพอล
เลือดของหลิงหยุนเพียงหยดเดียวนั้นนับว่าเพียงพออย่างมากแล้วเพราะเวลานี้ร่างกายของเขาได้เข้าสู่ระดับสิบสี่ของดาราคุ้มกายแล้ว อีกทั้งยังเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9 ด้วย เรียกได้ว่าร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้ไม่เกรงกลัวพิษนานาชนิด หรือแม้กระทั่งไฟ ดังนั้นเลือดเพียงหยดเดียวของเขาจึงนับได้ว่าเปี่ยมไปด้วยพลังมากมายมหาศาล..
และหลิงหยุนเองก็ยินยอมให้เลือดของเขาเพียงหยดเดียวเท่านั้นไม่มีทางที่เขาจะยอมให้มากกว่านี้แน่..
เลือดของหลิงหยุนที่หยดลงบนบาดแผลของพอลนั้นได้ซึมหายเข้าไปทันที!
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง..หลิงหยุนก็ถึงกับตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นแววตาหวาดกลัวเมื่อครู่ของพอลหายไปในทันที เหลือเพียงแววตาที่บ่งบอกว่ายินดียอมตนเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์เผยออกมาให้เห็นเท่านั้น..
และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของกระบวนการถ่ายเทเลือด..แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่ใช่แวมไพร์ แต่ดาบพายุวิเศษเล่มนี้ก็ได้ทำหน้าที่นั้นแทนเขาแล้ว!
กระบวนการสร้างบริวารที่จงรักภักดีเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านี้กำลังจะเริ่มขึ้น..
สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ร่างของพอลไม่กระพริบนี่เป็นการถ่ายเทเลือดของเขาให้กับพอลเป็นครั้งแรก และสิ่งหลิงหยุนได้เห็นหลังจากนี้ ก็ทำให้เขาต้องจดจำไปตลอดชีวิต..
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับพอลก็คือ..บาดแผลที่แขนของพอลนั้นสมานกันในทันทีอย่างรวดเร็วจนยากที่จะสังเกตุเห็นได้ทัน
จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพอลต่อมา..แม้แต่เจสเตอร์เองก็ถึงกับตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นดวงตาของพอลเริ่มมีสีเข้มขึ้น และนั่นเป็นสัญญาณของการพัฒนาร่าง!
ระหว่างที่ร่างกายของพอลยังไม่มีการพัฒนาใดๆนั้นสิ่งที่ทำให้เจสเตอร์ถึงกับตกใจสุดขีดก็คือ.. ใบหน้าที่ซีดขาวของพอลนั้นกลับมีสีเลือดขึ้นมา!
“โอ้พระเจ้า!นี่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เจสเตอร์ไม่สามารถเก็บซ่อนอาการตกอกตกใจไว้ได้ เขาร้องอุทานออกมาเสียงดับ และอยู่ในอาการตกใจสุดขีด!
“ไออุ่น..ไออุ่น.. พระเจ้า! ร่างกายของพอลมีอุณหภูมิสูงขึ้น!”
เจสเตอร์นั้นเป็นแวมไพร์..เขาจึงรู้ดีว่าร่างกายของแวมไพร์ต้องเย็น และไม่มีไออุ่นเช่นเดียวกับมนุษย์ ดังนั้นเพียงแค่อุณหภูมิในร่างกายของพอลสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ในทันที ถึงแม้ว่าร่างกายของพอลจะนับว่ายังเย็นอยู่หากเทียบกับร่างกายของมนุษย์ แต่อย่างน้อยมันก็อุ่นขึ้น!
พอลยังคงเป็นแวมไพร์อยู่หรือไม่!
“โอ้พระเจ้า..”
และจู่ๆชุดทักซิโด้ของพอลฉีกขขาด..
เจสเตอร์ถึงกับตกตะลึง..ในที่สุดพอลก็เริ่มพัฒนาร่าง!
ร่างกายของพอลขยายใหญ่ขึ้นอย่างน้อยก็สี่สิบเซ็นติเมตรและหนาขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว เขี้ยวทั้งสองข้างงอกยาวขึ้น ส่วนเล็บก็ยาวและแข็งแกร่งกว่าเดิม!
เวลานี้ดวงตาของพอลกำลังเปลี่ยนสีมันค่อยๆเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง และในที่สุดก็กลายเป็นดวงตาสีม่วงไปแล้ว!
ฟรึบ!
ไม่เพียงเท่านั้น..แผ่นหลังของพอลยังมีปีกสีดำเงางามงอกออกมาด้วย และมีขนาดใหญ่โตเกือบสามเมตร และเมื่อสยายปีกจนสุดก็จะใหญ่ถึงหกเมตร สีของมันดำเงาราวกับโลหะ ระหว่างที่กระพือปีกนั้นลมรอบๆตัวพอลก็พัดวนอย่างแรง..
“ขอบคุณเจ้านาย..ไวส์เคานต์พอลยินดีเป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านตลอดไป!”
หลังจากที่พอลพัฒนาร่างแล้วก็ทำความเคารพหลิงหยุนตามแบบฉบับและวัฒนธรรมตามแบบฉบับของคนรับใช้ชาวตะวันตก..
“พระเจ้า..มหัศจรรย์ มหัศจรรย์มากๆ เป็นไปได้ยังไงกัน!”
เจสเตอร์กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งและแทบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาได้อีก เลือดของพอลนั้นไม่ต่างจากขยะ เขาเป็นแวมไพร์มาจนถึงอายุมากกว่าแปดสิบ แต่ยังไม่เคยได้เป็นแม้แต่สมาชิกของแวมไพร์สายเลือดแท้ ดังนั้นอย่าว่าแต่เป็นบารอนเลย!
แต่นี่เพียงแค่ได้รับเลือดจากหลิงหยุนไปหยดเดียวเท่านั้นพอลกลับสามารถพัฒนาร่างขึ้นเป็นไวส์เคานต์ได้แล้ว!
แม้แต่องค์ชายแห่งแวมไพร์ก็ยังไม่สามารถทำให้แวมไพร์ซึ่งมาจากมนุษย์ธรรมดาขึ้นเป็นไวส์เคานต์ได้เลย อย่างมากก็แค่ทำให้มีปีกและเป็นได้แค่บารอนเท่านั้น แต่เพียงแค่นั้นก็นับว่าเก่งกาจมากมายมหาศาลแล้ว!
แต่เลือดของหลิงหยุนเพียงแค่หยดเดียวกลับสามารถทำให้แวมไพร์ชั้นต่ำสุดสามารถกลายเป็นไวส์เคานต์ได้ทันที!
ยิ่งไปกว่านั้น..การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับพอล ยังมีจุดสำคัญที่น่าสังเกตุถึงสามข้อด้วยกัน..
ข้อแรก..ใบหน้าที่ซีดขาวของพอลได้เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่มีสีเลือด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเส้นเลือดขนาดเล็ก และเส้นเลือดฝอยต่างๆในร่างกายของพอลเริ่มทำงานได้ตามปกติ!
ข้อสอง..ร่างกายของพอลมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยปกติแวมไพร์จะมีร่างกายที่เย็นซึ่งเป็นร่างกายของคนตาย! แต่การที่จู่ๆร่างกายของพอลมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้น มันหมายความว่าเช่นไร!
และข้อสุดท้ายและเป็นจุดที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือดวงตาสีม่วงของพอล!
ตามตำนานแวมไพร์เล่าว่าแวมไพร์ที่อยู่ขั้นลอร์ดนั้นจะมีปีสีม่วงทอง มีดวงตาสีม่วงทอง และมีเขาสีม่วงทอง
ส่วนแวมไพร์ในขั้นราชานั้นจะมีปีกสีม่วงเงินดวงตาสีม่วงเงิน และเขาสีม่วงเงิน
และต้นตระกูลแวมไพร์แต่ละตระกูลจะมีปีกสีม่วงดวงตาสีม่วง และเขาสีม่วง!
เวลานี้พอลมีดวงตาสีม่วงและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันทีทันใด และการเปลี่ยนแปลงก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งเพราะเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว หลิงหยุนสามารถสร้างต้นตระกูลแวมไพร์ใหม่ขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการใช้เลือดเพียงแค่หยดเดียวของเขา!
“พระเจ้า!เจสเตอร์ไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย.. นี่เป็นความจริงใช่มั๊ย นี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั๊ย?!”
เจสเตอร์กรีดร้องออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง..
หลิงหยุนจ้องมองพอลพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ!
“เจ้านายที่เคารพ..เร็วเข้า! รีบทำให้เจสเตอรน์กลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของท่านเร็วๆ! เจสเตอร์ต้องการเป็นบริวารของท่านตลอดไป ได้โปรดหยดเลือดให้เจสเตอร์สักสองหยด..”
เจสเตอร์ร่ำร้องให้หลิงหยุนช่วยทำให้เขากลายเป็นบริวารเร็วๆพร้อมกับยกมือไหว้อ้อนวอนหลิงหยุน..
หลิงหยุนถึงหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมตอบกลับไปว่า“นี่เจ้าอย่าดึงรั้งข้าแบบนี้.. นี่ไม่ใช่วิสัยสุภาพบุรุษชาวตะวันตกเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร