บทที่ 709 : สายเลือดตระกูลหลิงไม่กลัวตาย!
หลิงหย่งและหลิงห่าวนั้นแม้ว่าจะเป็นพี่น้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แต่นิสัยใจคอล้วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และเวลานี้หลิงหย่งก็เข้าสู่ระดับกลางขั้นโฮ่วเทียน-9 แล้ว อีกทั้งยังกล้าหาญอย่างมากด้วย
หลิงหย่งไม่เคยมองตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงในความคิดของเขานั้น หากตระกูลหลิงยังตกต่ำอยู่เช่นนี้ เขาคงทนต่อความทุกข์ และความโกรธแค้นที่ได้รับไม่ได้แน่
หลิงซิ่วนั้นเป็นลูกสาวคนโตในบรรดาลูกทั้งสามคนของหลิงเย่วเธอเป็นหญิงสาวอายุยี่สิบสามปีที่ไม่เพียงมีรูปร่างหน้าตางดงาม แต่ยังเฉลียวฉลาดอย่างมากด้วย จัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามและเก่งที่สุดในปักกิ่งเลยก็ว่าได้
และไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้เธออยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-9แล้ว ดวงตาของหลิงซิ่วงดงามราวกับดวงตาของนกฟินิกซ์ คิ้วบางสองข้างเป็นสีดำเข้ม สายตาเต็มไปด้วยความดุดัน ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง และในมือถือกระบี่คมกริบเข้าสู้กับศัตรูอย่าเอาเป็นเอาตายเพื่อปกป้องตระกูลหลิง
ลูกชายอีกสองคนของหลิงเย่วคือหลิงเฟิงกับหลิงเลี่วยหลิงเฟิงอายุยี่สิบปี ส่วนหลิงเลี่วยนั้นยังไม่ถึงสิบแปดปี หลิงเฟิงอยู่ในระดับเริ่มต้นขั้นโฮ่วเทียน-9 ส่วนหลิงเลี่วยนั้นอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 ทั้งคู่นั้นต่างก็ต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจชีวิตของตนเองเช่นกัน!
หนุ่มสาวทั้งสี่คนต่างก็รีบแบ่งยันต์บำบัดที่เหล่ากุ่ยมอบให้หลังจากที่แต่ละคนได้ยันต์ไปมากกว่าคนละยี่สิบแผ่น ต่างคนต่างก็พุ่งเข้าใส่นินจาที่อยู่ใกล้ตนเองที่สุดอย่างไม่เกรงกลัว เพราะถึงแม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็สามารถทำร้ายศัตรูได้!
เหล่ากุ่ยเห็นวิธีการต่อสู้ของหนุ่มสาวทายาทตระกูลหลิงแล้วก็ได้แต่นึกหวั่นอยู่ในใจเด็กหนุ่มสาวทั้งสี่คนล้วนไม่ต่างจากวัวหนุ่มที่ไม่เกรงกลัวต่อพยัคฆ์ และได้แต่นึกเสียใจที่มอบยันต์บำบัดให้กับพวกเขาทั้งสี่ไป!
แม้ว่าในมือของเด็กหนุ่มสาวทั้งสี่คนจะมียันต์บำบัดอยู่ก็ตามแต่นินจาเหล่านั้นเดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมา และจู่ๆก็ผลุบหายไป หากโดนนินจาที่สามารถหายตัวได้เช่นนี้โจมตีเข้าจุดสำคัญเข้า เวลานั้นแม้แต่ยันต์บำบัดก็คงไม่สามารถรักษาให้หายได้
จากการประเมินด้วยสายตาของเหล่ากุ่ยนั้นเขามั่นใจว่านินจาที่มาทั้งสามสิบหกคนในวันนี้ มีสิบคนที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน ส่วนที่เหลืออีกยี่สิบหกคนนั้นล้วนต่ำกว่าขั้นเซียงเทียนทั้งสิ้น
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือในบรรดานินจาขั้นเซียงเทียนทั้งสิบคนนั้น อย่างน้อยห้าคนที่เขาไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในได้ นั่นย่อมหมายความว่านินจาทั้งห้าคนนั้นต้องอยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 ขึ้นไป
ในจำนวนนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้าคนนั้นสองคนกำลังยืนอยู่ดูเหตุการณ์อยู่นิ่งๆ เหล่ากุ่ยเพียงแค่เหลือบมองก็รู้แล้วว่า พวกมันกำลังนึกเหยียดหยันตระกูลหลิงอยู่ พวกมันทั้งคู่กำลังคิดว่าเพียงแค่นินจาที่เหลือทั้งสามสิบสี่คน ก็เพียงพอที่จะจัดการตระกูลหลิงให้ราบคาบได้แล้ว
ส่วนนินจาที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-3ขึ้นไปอีกสามคนนั้น ก็กำลังแยกย้ายกันต่อสู้อยู่กับหลิงลี่ หลิงเจิ้น และหลิงเย่ว หลิงลี่กับหลิงเจิ้นนั้นดูเหมือนจะยังคงรับมือได้ดี แต่หลิงเย่วนั้นเริ่มหมดแรง เพราะในบรรดาพี่น้องทั้งหมด หลิงเย่วคือคนที่มีกำลังภายในอ่อนที่สุด จึงสามารถได้รับบาดเจ็บได้ตลอดเวลา!
ศัตรูของตระกูลหลิงเวลานี้นับว่าแข็งแกร่งมากและแทบจะไม่ต้องอาศัยนินจาที่ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียนทั้งยี่สิบหกคนด้วยซ้ำไป เพราะเพียงแค่นินจาในขั้นเซียงเทียนทั้งสิบคนนี้ ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างตระกูลหลิงได้อย่างง่ายดายแล้ว!
ต่อให้ตระกูลหลิงประเมินสถานการณ์มาดีพอแต่นินจาทั้งห้าคนนั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก และเหล่ากุ่ยเองก็อยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-2 เท่านั้น
สิบต่อสี่..ยังไงก็แพ้!
ในเวลานั้น..ตระกูลหลิงก็มีหน่วยกล้าตายอยู่ราวหนึ่งร้อยชีวิต รวมคนพิการอีกหกคนที่เหล่ากุ่ยสั่งให้คอยคุ้มครองหลิงลี่อย่างสุดความสามารถ
หน่วยกล้าตายทั้งหนึ่งร้อยคนนั้นล้วนแล้วแต่ยังไม่ถึงขั้นโฮ่วเทียน-8แต่พวกเขาต่างก็ยินดีปกป้องตระกูลหลิงด้วยชีวิต!
แต่ละคนไม่มีใครกลัวตายและต่างก็พุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว!
การต่อสู้ที่ดุเดือดและหฤโหดเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นทำให้ตระกูลหลิงต้องสูญเสียหน่วยกล้าตายไปมากกว่าสองค้อยคน ช่างเป็นการเสียสละที่น่ายกย่อง!
ในสนามต่อสู้เวลานี้มีคนตระกูลหลิงอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน และหน่วยกล้าตายทั้งหมดของตระกูลหลิง ต่างก็แยกย้ายกันไปยืนล้อมรอบคนตระกูลหลิงแต่ละคนไว้ หากคนตระกูลหลิงตกอยู่ในอันตรายเมื่อใด พวกเขาก็พร้อมที่จะเอาตัวเข้าไปรับคมกระบี่แทนโดยไม่ปริปาก!
อาจดูเหมือนการต่อสู้ดำเนินไปอย่างเนิ่นนานแต่ความจริงแล้วเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้น ภายในสวนชั้นที่ห้าของตระกูลหลิงก็เกลื่อนไปด้วยซากศพ เลือดไหลเจิ่งนองราวกับสายน้ำ และร่างไร้วิญญาณมากกว่าห้าสิบร่างนอนแน่นิ่งเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น แขนขาที่ถูกตัดกระเด็นไปทั่วบริเวณแทบทุกหนทุกแห่ง!
และท่ามกลางร่างไร้วิญญาณมากกว่าห้าสิบร่างนั้นเป็นร่างของเหล่านินจาเพียงแค่หกเท่านั้น!
นี่คือการต่อสู้ที่สูญเสียเลือดเนื้ออย่างแท้จริง!และสภาพไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่าคฤหาสน์ตระกูลเฉินที่ชานเมืองด้านใต้เลยแม้แต่น้อย เพราะเวลานี้ภายในบ้านตระกูลหลิงก็กลับกลายเป็นขุมนรกในทันทีเช่นกัน!
คนตระกูลหลิงทุกคนต่างก็เริ่มขอบตาแดงก่ำพวกเขาต่างก็มองพี่น้องหน่วยกล้าตายที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ความโศกเศร้าปกคลุมจิตใจจนต้องกัดฟันสู้ต่อโดยไม่คิดที่จะถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
คมกระบี่ไม่ต่างจากเครื่องประหาร!
ทั้งหมัดฝ่ามือ กระบี่ และดาบ อาวุธชนิดต่างๆ พวยพุ่งเข้าใส่ร่างของหน่วยกล้าตายตระกูลหลิง เสียงกระดูกหัก เสียงกะโหลกร้าวดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องเศร้าสร้อยเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลานี้เหล่านินจาไม่ต่างจากแมวที่กำลังไล่จับหนูแต่ละคนต่างก็เข่นฆ่าอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบ และเพราะพวกมันคือนินจา.. ต่อให้ได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด ก็เพียงแค่ใช้วิธีกดจุดห้ามเลือดด้วยสีหน้าและแววตาเฉยชาไร้ความรู้สึก เป้าหมายของพวกมันมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ.. ชีวิตของคนตระกูลหลิง!
คนตระกูลหลิงเองก็เพิ่งจะเห็นว่านินจาเหล่านี้ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเพียงใด พวกมันก็ไม่เคยส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา เพราะพวกมันรู้ว่าการกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดนั้น ไม่เพียงไม่มีประโยชน์ แต่ยังทำให้ศัตรูของพวกมันได้ขวัญกำลังใจเพิ่มด้วย!
เหล่านินจาญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความอดทนแต่คนตระกูลหลิงก็ไม่มีผู้ใดหวาดกลัวต่อความตายเช่นกัน!
ในเมื่อไม่หวั่นเกรงต่อความตาย..มีหรือที่จะใส่ใจกับความเจ็บปวดอีก!
เหล่ากุ่ยได้แต่นึกเจ็บปวดใจอยู่เงียบๆเขาเองยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงตาย เพราะรู้ดีว่านินจาที่แข็งแกร่งที่สุดอีกสองคนนั้นยังคงยืนนิ่ง เวลานี้เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิง เขาจะต้องยืนหยัดปกป้องคนตระกูลหลิงทั้งเจ็ดชีวิต และจะต้องพยายามดึงเวลาจนกว่าหลิงหยุนจะมาถึงให้จงได้!
เวลานี้..บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิง และมีคุณสมบัติพอที่จะรับมือกับนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองได้ ก็มีเพียงเหล่ากุ่ยคนเดียวเท่านั้น เพราะเขาได้ร่ำเรียนวิชาพลังมังกรมาจากหลิงหยุน!
เหล่ากุ่ยได้เคยทดลองใช้วิชาพลังมังกรขั้นสุดมาแล้วมันทำให้กำลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นถึงหกเท่า และสามารถข้ามขั้นได้ถึงสองขั้นในเวลาสั้นๆ เพราะฉะนั้น หากเขาใช้วิชาพลังมังกรในเวลานี้ กำลังภายในของเขาก็จะเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5!
เหล่ากุ่ยใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าหาคนตระกูลหลิงที่กำลังต่อสู้อยู่ในสนามและคอยปกป้องพวกเขาทุกคน หากใครได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะรีบใช้ยันต์บำบัดของหลิงหยุนทำการรักษาให้ทันที
แต่เพราะความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างมากของทั้งสองฝ่ายทำให้ตระกูลหลิงเป็นฝ่ายสูญเสียอย่างมากมาย ภายในเวลาเพียงไม่นาน หน่วยกล้าตายของตระกูลหลิงก็ล้มตายไปถึงห้าสิบคน หลิงลี่เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จึงร้องสั่งและนำทุกคนล่าถอยไปยังสวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิง
“มิสเตอร์ผู้เฒ่าหลิงท่านนำคนตระกูลหลิงทั้งหมดหนีเข้าไปด้านในก่อน ปล่อยให้เจสเตอร์สู้กับพวกมันที่นี่แทนพวกท่านเอง!”
เจสเตอร์นั้นอยู่มาจนอายุแปดสิบปีแล้วแม้หลิงหยุนจะไม่เคยเล่าเรื่องในครอบครัวให้เขาฟัง แต่ในเมื่อหลิงหยุนเองก็แซ่หลิง และที่นี่ก็คือบ้านตระกูลหลิง และหลิงหยุนเองก็เพิ่งสั่งให้เขาพาลุงสองที่ชื่อหลิงเย่วกลับมาที่บ้าน หากทุกอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่เจสเตอร์ยังไม่รู้ว่านี่คือคนในครอบครัวของหลิงหยุน เขาก็สมควรที่จะต้องถูกสับเป็นชิ้นๆ!
เวลานี้ครอบครัวของหลิงหยุนกำลังตกอยู่ในอันตรายมีหรือที่เจสเตอร์จะนิ่งเฉยดูดายได้!
เมื่อครั้งที่อยู่อเมริกานั้นเจสเตอร์เองก็เคยพบเห็นนินจาเหล่านี้ในบ้านตระกูลเฉินมาก่อน อีกทั้งยังเคยได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเหล่านินจามาบ้างเช่นกัน แต่เวลานี้เขาพัฒนาร่างขึ้นเป็นถึงไวส์เคานต์แล้ว หากยังไม่กลายร่าง ความแข็งแกร่งของเขาก็เทียบเท่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวนินจาเหล่านี้..
เจสเตอร์นั้นชื่นชอบการต่อสู้และนิยมชมชอบความแข็งแกร่ง เมื่อมาถึงสวนชั้นที่ห้าของบ้านตระกูลหลิง เขาจึงร้องบอกหลิงลี่ทันที!
และร่างไร้วิญญาณทั้งหกของนินจาที่กองอยู่กับพื้นนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเจสเตอร์ทั้งสิ้น!
แต่นินจาก็คือนินจา!พวกมันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว และยังมีวิชานินจิทสุที่หายตัวได้ และนั่นได้สร้างปัญหาให้กับเจสเตอร์อย่างมาก เพราะเขาไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้เสียที จึงทำให้ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ!
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..ด้วยคำสั่งของหลิงหยุนที่ไม่ยอมให้เขากลายร่างนั้น เจสเตอร์ยังจดจำได้ดีและไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่ง!
เวลานี้คนตระกูลหลิงได้ถอยล่นไปที่สวนชั้นที่หกแล้วแต่เหล่านินจาก็ไม่เร่งรีบตามไปในทันที พวกมันยืนเรียงแถวหน้ากระดานสามแถว และรอคอยคำสั่งจากหัวหน้านินจาทั้งสองคน
เจสเตอร์ยืนขวางหน้าประตูทางเข้าสวนชั้นที่หกไว้ด้วยความรู้สึกที่หงุดหงิด!
“ชิท!ฉันส่งข้อความไปให้แกแล้วพอล.. ป่านนี้ทำไมถึงยังไม่มาอีก! เวรเอ๊ย.. ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้นะ!” เจสเตอร์บ่มพึมพำด้วยความกังวลใจ
ไม่ใช่เพราะว่าพอลเชื่องช้าอย่างที่เจสเตอร์คิดแต่เพราะการต่อสู้ที่นี่นั้นเต็มไปด้วยความดุเดือดและรวดเร็วจนเกินไป ตั้งแต่เริ่มต่อสู้กันมาจนถึงเวลานี้ ก็กินเวลาไปเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้น พอลเองก็ไม่รู้สถานที่ที่แน่ชัดว่าตระกูลหลิงอยู่ตรงใหนกันแน่ เขาจึงต้องเสียเวลาบินหาอยู่ครู่ใหญ่..
ภายในสวนชั้นที่หกของบ้านตระกูลหลิงหน่วยกล้าตายที่เหลืออีกห้าสิบคน ยังคงยืนเรียงกันห้าแถวอยู่ต่อหน้าหลิงลี่และคนอื่นๆในตระกูลหลิง ดวงตาของแต่ละคนล้วนแดงก่ำพร้อมกับจ้องมองนินจาทั้งสามสิบคนซึ่งอยู่ด้านนอกด้วยความเคียดแค้น พวกเขาแทบอยากจะจับนินจาเหล่านั้นเฉือนเนื้อมากิน รินเลือดมาดื่ม!
หน่วยกล้าตายตระกูลหลิงทั้งห้าสิบคนที่ถูกเหล่านินจาสังหารไปนั้นทุกคนล้วนเปรียบเสมือนพี่น้อง พวกเขาทั้งร้อยคนต่างก็ฝึกฝนวิชาร่วมกันมา อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งเช้าและเย็น แต่ในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว พี่น้องทั้งห้าสิบคนกลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเช่นนี้ มีหรือที่ความโกรธแค้นเกลียดชังต่อเหล่านินจาจะไม่ฝังลึกลงในกระดูกและสายเลือด!
“ท่านผู้นำตระกูล..นี่ท่านได้รับบาดเจ็บ!”
เหล่ากุ่ยเดินเข้าไปหาหลิงลี่และคนอื่นๆเมื่อเห็นหลิงลี่ใช้มือข้างหนึ่งกุมไหล่ที่ถูกดาบยาวของนินจาฟันเข้าจนมีแผลลึกถึงกระดูก และยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ ก็ได้แต่นึกแค้นเคืองอยู่ในใจ
“ข้าไม่เป็นไรมาก!”
หลิงลี่โบกมือพร้อมกับร้องตะโกนออกไปอย่างเคียดแค้นแววตาของเขาไม่ต่างจากพยัฆค์
“เฉินจิ้งเทียน..เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ! เจ้ากล้าทำกับตระกูลหลิงของข้าเช่นนี้ หากข้าสามารถผ่านข้ามคืนนี้ไปได้ ข้าสาบานว่าจะต้องไม่ไว้ชีวิตคนชั่วช้าอย่างเจ้า!”
เหล่ากุ่ยยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาและใช้ยันต์บำบัดทำการรักษาบาดแผลให้กับหลิงลี่ จากนั้นจึงหันไปมองหลิงเจิ้นกับหลิงเย่ว
หลิงเจิ้นเองก็ได้รับบาดเจ็บสองแห่งที่หน้าอกและต้นขา เลือดสีแดงสดกำลังไหลออกมาจากบาดแผลมากมาย ส่วนหลิงเย่วที่มีฝีมือด้อยกว่านั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดและมีบาดแผลถึงสามแห่ง
หลิงซิ่วหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็พุ่งเข้าหาหลิงเจิ้นกับหลิงเย่ว พร้อมกับหยิบยันต์บำบัดออกมารักษาให้กับคนทั้งคู่โดยที่ไม่ต้องรอให้เหล่ากุ่ยบอก
ภายในสวนชั้นที่ห้าของบ้านตระกูลหลิง..
หัวหน้านินจาสองคนมองหน้ากันพร้อมกับทำสีหน้าเย้ยหยันก่อนที่คนหนึ่งจะพูดขึ้นว่า
“ท่านยามาดะ..สิ่งที่พวกมันใช้รักษาบาดแผล ดูเหมือนจะเป็นยันต์ของชาวจีน ช่างอัศจรรย์มากจริงๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าว่าพวกเราสองคนคงต้องลงมือเองแล้วล่ะ รีบจัดการสังหารพวกมันให้เร็วที่สุด!”
หัวหน้านินจากอีกคนเพียงแค่แสยะยิ้มพร้อมกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านมิทซุย.. ท่านจะสังหารคนตระกูลหลิง หรือว่าจะสังหารแวมไพร์ ข้าให้ท่านเป็นคนเลือก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร