บทที่ 715 : สายสัมพันธ์!
“หลิงหยุน..ปู่บาดเจ็บไม่มากนัก เจ้าไปดูลุงสองก่อนจะดีกว่า!”
ดังคำพูดที่ว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว..หลิงลี่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยหลานชายของเขากลับมาอยู่ทุกวันทุกคืน เมื่อได้เห็นหลิงหยุนยืนต่อหน้าเช่นนี้ เขาจับมือของหลิงหยุนไว้อย่างมีความสุข ทำให้ลืมเรื่องอาการบาดเจ็บภายในไปจนหมดสิ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเองหลิงเจิ้นกับหลิงเย่วก็มายืนตรงหน้าหลิงหยุนแล้วเช่นกัน หลิงลี่ปล่อยมือที่จับแขนของหลิงหยุนไว้พร้อมกับชี้ไปทางหลิงเจิ้น
“นั่นคือท่านลุงของเจ้า..และเป็นผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบัน..”
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นครอบคลุมไปทั่วทั้งสวนชั้นที่หกและเจ็ดของบ้านตระกูลหลิงเขาจึงเห็นหลิงเจิ้นตั้งนานแล้ว หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับโน้มตัวลงเล็กน้อยต่อหน้าหลิงเจิ้น แล้วเอ่ยทักทาย..
“หลิงหยุนยินดีที่ได้พบลุงใหญ่!”
หลิงหยุนเพียงแค่โน้มตัวลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำการคาราวะหลิงเจิ้น!
ในสายตาของหลิงหยุนนั้น..มีเพียงสองคนในตระกูลหลิงที่เขาจะทำการคาราวะให้ นั่นก็คือหลิงลี่ซึ่งเป็นท่านปู่ และหลิงเสี่ยวซึ่งเป็นท่านพ่อของเขาเท่านั้น คนอื่นอย่าได้หวัง!
แววตาของหลิงเจิ้นนั้นปรากฏร่องรอยของความไม่พอใจขึ้นมาวูบหนึ่งในใจได้แต่นึกขุ่นเคือง แต่ด้วยบุคลิกของเขา หลิงเจิ้นจึงรีบเข้าไปตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับพูดคุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
“หลิงหยุน..เจ้าเป็นลูกชายของน้องสาม ดีๆ ดีๆ!”
จากนั้นหลิงเจิ้นก็พูดต่อว่า“เจ้าเพิ่งมาถึงปักกิ่งไม่ใช่รึ! มาถึงก็ย่องเข้าบ้านตระกูลเฉินไปช่วยลุงสอง ตระกูลหลิงเกือบจะต้องล่มสลายไปแล้ว ขอบใจที่เจ้าเข้ามาช่วยพวกเราได้ทันเวลา เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ!”
“เพียงแค่ก้าวเข้ามาบ้านตระกูลหลิงวันแรกเจ้าก็เสียสละตัวเองครั้งใหญ่ ทำให้เจ้าต้องลำบาก! เวลานี้เจ้าไม่ต่างจากฮีโร่ของตระกูลหลิงไปแล้ว!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “ท่านลุงกล่วชมเกินไปแล้ว..”
หลิงลี่สังเกตุเห็นว่าหลิงหยุนไม่ยอมทำการคาราวะหลิงเจิ้นแต่เขาเองก็เคยได้ยินได้ฟังมาเรื่องอุปนิสัยและอารมณ์ของหลิงหยุนมาจากเหล่ากุ่ยบ้างแล้ว ทำให้พอเข้าใจนิสัยของหลิงหยุนได้ดี อีกอย่างหลิงหยุนเองก็เพิ่งกลับเข้าตระกูลเป็นวันแรก เขาจึงไม่ต้องการจะตำหนิหลิงหยุน!
และหากหลิงเจิ้นต้องการจะทำเช่นนั้นหลิงลี่ก็คงไม่ยินยอมเช่นกัน! เพราะกว่าเขาจะหาหลานชายพบและพากลับมาได้นั้น ช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน! อย่าว่าแต่หลิงหยุนไม่ยอมคาราวะหลิงเจิ้นเลย ต่อให้หลิงหยุนไม่ทำการคาราวะเขา เขาก็ไม่คิดที่จะถือสาด้วยซ้ำไป!
จากนั้นหลิงลี่ก็แนะนำให้หลิงหยุนรู้จักหลิงเย่วด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“หลิงหยุน.. นี่หลิงเย่ว เป็นลุงสองของเจ้า”
“หลิงหยุนยินดีที่ได้พบท่านลุงสอง!”หลิงหยุนเพียงแค่โน้มตัวลงเล็กน้อยเช่นเดียวกันพร้อมกับส่งยิ้มให้หลิงเย่ว..
“เด็กน้อย..ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! หลายปีเหลือเกินที่เจ้าต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง! เจ้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยลุงที่บ้านตระกูลเฉิน ลุงต้องขอบใจเจ้ามาก!”
หลิงเย่วนั้นเปรียบเหมือนมันสมองของตระกูลหลิงเขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดที่สุด และไม่คิดถือสาหลิงหยุนที่ไม่ยอมคาราวะตนเองแม้แต่น้อย หลิงหยุนได้ช่วยชีวิตของเขาถึงสองครั้งภายในคืนเดียว ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก!
ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้กลับเข้าสู่อ้อมอกตระกูลหลิง ยังไม่ทันได้เข้าห้องโถงตระกูลหลิงด้วยซ้ำ ก็ต้องมาอยู่ท่ามกลางซากศพมากมาย เขายังจะต้องสร้างปัญหาอะไรให้หลิงหยุนมากไปกว่านี้อีก!
คำพูดของหลิงเย่วนั้นเปี่ยมไปด้วยความจริงใจสงบเยือกเย็น กระตุ้นให้รู้สึกถึงความผูกพันทางสายเลือดที่มี
“น่าเสียดายที่น้องสามไม่…”
หลิงเย่วจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับคิดในใจว่าหากน้องสามของเขาอยู่ที่นี่และได้พบกับลูกชายที่เก่งกาจของตนเองเช่นนี้ เขาจะรู้สึกมีความสุขมากเช่นใด!
“หลิงซิ่วหลิงเฟิง หลิงเลี่วย พวกเจ้าทั้งสามคนมานี่เร็วเข้า! นี่คือลูกชายของท่านลุงสามชื่อว่าหลิงหยุน!”
“หลิงหยุน..นี่เป็นน้องชายกับพี่สาวของเจ้า!”
หลิงเย่วหันไปดึงหลิงซิ่วหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยมายืนด้านหน้าตนเอง และรีบแนะนำให้หลิงหยุนได้รู้จัก
“หลิงหยุน..เจ้าอายุสิบแปดแล้วใช่หรือไม่”
หลิงลี่ถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดูและแววตาที่มองก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
หลิงซิ่วที่ได้เห็นอากัปกิริยาของท่านปู่ก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อยนางมองหลิงหยุนราวกับว่าหลิงหยุนเป็นน้องชายแท้ๆของตนเอง
ในบรรดาทายาทรุ่นใหม่ของตระกูลหลิงนั้นมีเพียงสามคนนี้ที่แม้จะมีบาดแผลภายนอกมากมาย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสอะไร อีกทั้งพวกเขายังได้ใช้ยันต์บำบัดของหลิงหยุนที่ให้ไว้รักษาไปบ้างแล้ว
“เจ้าอายุแค่สิบแปดปีก็ต้องเรียกข้าว่าพี่นะ..” หลิงซิ่วเดินเข้าไปตบบ่าหลิงหยุน พร้อมกับวางตัวเป็นพี่สาวของเขาทันที
“พี่ก็พี่สิ..”หลิงหยุนเห็นหลิงเสี่ยวแสดงความสนิทสนมกับเขาเช่นนี้ เขารู้สึกไม่เคยชินจึงได้แต่เกาศรีษะแก้เก้อ
“นั่นคือหลิงเฟิง..เขาอายุยีสิบปีแล้ว แก่กว่าเจ้า.. เจ้าก็ต้องเรียกเขาว่าพี่เหมือนกัน!”
หลิงซิ่วชี้ไปทางหลิงเฟิงที่กำลังตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตาระหว่างที่ได้รับการแนะนำตัว
“พี่หลิงเฟิง..”
และนี่เป็นการนับลำดับความอาวุโสกันด้วยอายุไม่ใช่ขั้นของกำลังภายใน!
หลิงเฟิงนั้นตื่นเต้นอย่างมากเขายิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “เรียกข้าว่าพี่สามก็ได้ เพราะเจ้าเป็นน้องชายคนที่สี่ ว่าแต่เจ้าเก่งมากจริงๆ!”
และระหว่างที่รอคอยให้หลิงหยุนเรียกอยู่นั้นหลิงซิ่วก็พุ่งเข้าไปหาหลิงเฟิ่งพร้อมกับขยิบตาและพูดว่า
“น้องคนที่สี่ที่ใหนกัน!พี่สาวคนนี้ของเจ้าก็เป็นคนเหมือนกันนะ ต้องนับรวมข้าไปด้วยถึงจะถูก!”
“หลิงหยุน..เจ้าเป็นน้องคนที่ห้า!”
ในบรรดาทายาทตระกูลหลิงนั้นหากเรียงลำดับตามอายุแล้ว หลิงห่าวคือหลานชายคนโต ตามมาด้วยหลิงหย่ง หลิงซิ่ว หลิงเฟิง หลิงหยุน หลิงเลี่วย และหลิงซวี่
ดังนั้นในจำนวนทายาททั้งเจ็ดคน..หลิงหยุนจึงนับว่าเป็นหลานคนที่ห้าของตระกูล!
แต่หากนับกันตามขนบธรรมเนียมประเพณีจีนนั้นลูกสาวจะไม่ถูกนับรวมเข้ามาด้วย และหลิงหยุนก็จะเป็นหลานชายคนที่สี่ของตระกูลนั่นเอง!
หลิงเฟิงจ้องมองหลิงซิ่วและได้แต่เงียบไปไม่กล้าพูดอะไรอีกหลิงซิ่วจึงพูดต่อว่า
“ไว้ฉันจะจัดการกับนายคืนนี้!”
“หลิงหยุน..นี่หลิงเลี่วย เขาเพิ่งจะอายุสิบเจ็ด จึงนับว่าเป็นน้องของเจ้า..”
“พี่ห้า..ท่านเก่งกาจมากจริงๆ ข้าอยากจะคำนับท่านเป็นอาจารย์!”
หลิงเลี่วยนั้นเป็นเด็กเฉลียวฉลาดเขาได้รับการอบรมมาจากหลิงเฟิง และรีบเรียกหลิงหยุนว่าอาจารย์..
“เจ้าเองก็เก่งมากเช่นกันฝีมือไม่เบาเลยทีเดียว..”
ในที่สุดหลิงหยุนก็กลายเป็นพี่ชายเขาเอ่ยชมหลิงเลี่วยพร้อมกับเอื้อมมือไปตบไหล่อย่างชื่นชม!
ทันทีที่กลับเข้าตระกูลหลิง..หลิงหยุนก็ได้รับการต้อนรับจากสมาชิกตระกูลหลิงทุกคนอย่างอบอุ่น เขากลายเป็นที่สนอกสนใจของสมาชิกทุกคนในบ้าน และความรักจากพวกเขาก็ทำให้หลิงหยุนรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
หลิงลี่ที่ได้เห็นภาพทายาทตระกูลหลิงทั้งสามสี่คนกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา และรักใคร่สามัคคีกันเช่นนี้ ก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก!
“หลิงหยุน..ปู่รู้มาว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้านั้นไม่มีใครเทียบได้! ตอนนี้เหล่ากุ่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปกป้องพวกเราสามคนพ่อลูก เจ้าไปช่วยรักษาเขาก่อนจะได้หรือไม่!”
รอช้าไม่ได้อีกแล้ว!แม้หลิงลี่จะกำลังมีความสุขอย่างที่สุด แต่ก็ไม่ลืมนึกถึงเหล่ากุ่ย และรีบสั่งให้หลิงหยุนไปช่วยเขาเป็นคนแรก!
“แต่ท่านปู่..ท่านเองก็..”
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูอาการบาดเจ็บของทุกคนแล้วเขารู้ว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือเหล่ากุ่ย ต่อมาก็คือหลิงหย่ง แต่อาการของทั้งคู่นั้นจะรักษาใครก่อนก็ไม่ต่างกัน..
“ท่านปู่..หลานจะเชื่อฟังท่านปู่รักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่ากุ่ยก่อน!”
หลิงลี่นั้นยืนยันที่จะให้หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้เหล่ากุ่ยก่อนบ่าวที่จงรักภักดีเช่นเหล่ากุ่ยนั้นหาได้ยากนัก หลิงลี่จึงปฏิบัติต่อเหล่ากุ่ยไม่ต่างจากญาติคนหนึ่ง
ทุกคนในที่นั้นต่างก็รีบย้ายไปที่สวนชั้นที่เจ็ดทันทีเมื่อหลิงหยุนไปถึงก็พูดกับเหล่ากุ่ยว่า “เหล่ากุ่ย.. ข้ามาช้าไปทำให้ท่านต้องได้รับบาดเจ็บ!”
“แค๊ก..แค๊ก.. นายน้อย บ่าวแก่ๆอย่างข้าได้เห็นหน้านายน้อยอีกครั้งก็นับว่ามีความสุขมากแล้ว! แค๊ก.. แค๊ก..”
เหล่ากุ่ยมองหลิงหยุนด้วยแววตาเศร้าสร้อยร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไอไม่หยุด..
“เหล่ากุ่ย..ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ ให้ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของท่านก่อน!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ไม่ปล่อยให้เหล่ากุ่ยได้พูดอะไรอีก! เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเรียกต้นหลิวเทวะที่เหล่ากุ่ยเคยมอบให้เมื่อครั้งที่อยู่จิงฉูออกมา..
พลังชีวิตจากต้นหลิวเทวะพวยพุ่งออกไปทั่วทั้งบริเวณภายในเวลาไม่ถึงสองนาทีทำให้ความรู้สึกสดชื่นแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ และภายในเวลาไม่ถึงสองสามนาที พลังชี่ในร่างกายของคนตระกูลหลิงก็พวยพุ่งขึ้นในทันทีเช่นกัน!
ทุกคนที่อยู่ในสวนนั้นต่างก็พากันสูดหายใจเข้าไปทั้งทางปากและจมูกเพื่อดูดซับเอาพลังชีวิตที่เข้มข้นเข้าไปในร่างกาย!
เวลานี้ต้นหลิวเทวะทั้งสองต้นในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้นเจริญเติบโตจนมีกิ่งก้านสีเขียวกิ่งที่งอกอยู่ด้านบนของหลิวเทวะนั้นงอกเงยขึ้นมาจนยาวเท่านิ้วมือของผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เพียงมีก้านงอกเงย แต่ยังมีใบสีเขียวงอกขึ้นมาด้วย สีเขียวเปล่งประกายสดใส และพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ก็แพร่กระจายออกมาอย่างมากมาย
นั่นเพราะทุกๆวันหลิงหยุนได้ใช้เลือดและปราณเหลืองดำในร่างกายของตนเองรดแทนน้ำ ต้นหลิวเทวะทั้งสองต้นจึงได้เจริญเติบโตงอกงามถึงเพียงนี้ เพียงแต่ไม่มีรากงอกออกมาเท่านั้นเอง!
“นี่มัน..”
“อะไรกันนี่!”
“ห๊ะ!”
หลิงลี่หลิงเจิ้น และหลิงเย่วถึงกับตกใจอย่างสุดขีด!
ทั้งสามคนในฐานะเป็นเสาหลักของตระกูลหลิงมีหรือจะไม่รู้ว่าต้นหลิวเทวะนั้นคือมรดกตกทอดของตระกูลหลิง!
ในตระกูลหลิงมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนถึงสามคนและขั้นโฮ่วเทียน-8 และ 9 อีกหลายคน ตลอดเวลาสิบแปดปีมานี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ใช้เลือดของตนเองรดให้กับหลิวเทวะทั้งกลางวันและกลางคืนทุกๆวัน และยังได้ถ่ายเทปราณเหลืองและดำเข้าไปด้วย แต่ไม้แห้งตายท่อนนี้กลับมีเพียงดอกตูมงอกออกมาเพียงแค่ดอกเดียว
หลิงลี่เป็นคนสั่งให้เหล่ากุ่ยนำไม้แห้งตายท่อนนี้ไปให้หลิงหยุนเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วแต่ตอนนี้มันกลับดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าเหลือเชื่อ!
หลิงลี่ถึงกับช็อคนี่หลานชายที่รักของเขาเก่งกาจอัศจรรย์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
หลิงเจิ้นนั้นกลับยิ่งตกใจมากกว่าใครๆสีหน้าของเขาตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ เพราะคาดไม่ถึงว่าพ่อของตนเองจะแอบมอบมรดกตกทอดของตระกูลหลิงชิ้นนี้ให้กับหลิงหยุน!
แต่ที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือไม้แห้งตายท่อนหนึ่งเมื่ออยู่ในมือของหลิงหยุน กลับงอกงามมีชีวิตขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ!
หลิงเย่วเองก็ตกใจมากเช่นกัน!แต่เขายังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาจ้องมองหลิงเจิ้นและหันไปมองพ่อของตนเอง จากนั้นจึงก้มหน้าลงพร้อมกับคิดอยู่ในใจคนเดียวเงียบๆว่า ดูเหมือนพ่อของเขาจะได้มอบหลิวเทวะนี้ให้กับหลิงหยุนนานแล้ว และจู่ๆความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นมาในสมองของเขา!
หลิงหยุนเรียกต้นหลิวเทวะออกมาและไม่ปล่อยให้คนตระกูลหลิงได้ชื่นชมนานนัก เขารีบดูดซับพลังชีวิตจากต้นหลิวเทวะเข้าไป และนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังเหล่ากุ่ยพร้อมกับใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างแนบกับแผ่นหลังของเขา จากนั้นจึงเริ่มเดินพลังลับหยินหยางเข้าทำการรักษาเส้นลมปราณ และอาการบาดเจ็บภายในให้กับเหล่ากุ่ยทันที
เพียงแค่สองนาทีเท่านั้นเหล่ากุ่ยที่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสก็เริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีเลือด ลมปราณภายในร่างกายก็เริ่มเคลื่อนที่ได้ราบรื่นเป็นปกติ
“ข้าน้อย..กุ่ยจงหวู่แห่งตระกูลหลิงคาราวะนายน้อย ขอบคุณนายน้อยที่ช่วยชีวิต!”
หลังจากที่หายจากอากาบาดเจ็บเหล่ากุ่ยก็ลุกขึ้นยืนทำการคาราวะหลิงหยุนทันที
“พวกเรานักรบตระกูลหลิงคาราวะนายน้อย!”
จากนั้นนักรบตระกูลหลิงที่เหลืออีกสามสิบหกคนต่างก็ทำการคาราวะหลิงหยุนตามเหล่ากุ่ยพร้อมกับส่งเสียงตะโกนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร