บทที่ 726 : สอบปากคำเฉินไห่คุน!
ทางเดินเข้าไปยังคุกใต้ดินนั้นไม่เพียงเงียบสงัดแต่ยังมืดสนิทจนไม่สามารถมองเห็นแม้แต่นิ้วมือของตนเอง..
แต่ความมืดเช่นนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือมีผลต่อหลิงหยุนผู้ฝึกเนตรหยิน-หยางเลยแม้แต่น้อย เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนไม่ต่างจากเวลากลางวัน
คุกใต้ดินตระกูลหลิงนั้นมีทั้งหมดสี่ชั้นและบันไดหินที่ทอดลงไปยังแต่ละชั้นนั้นก็จะมีทั้งหมดยี่สสิบแปดขั้น และต้องเดินหมุนวนลงไปถึงสามรอบกว่าจะเข้าสู่คุกใต้ดินที่ลึกและมืดได้
บันไดแต่ละขั้นนั้นมีความยาวถึงสามเมตรเรียกได้ว่าสามารถเดินเรียงกันห้าถึงหกคนได้เลยทีเดียว คุกใต้ดินตระกูลหลิงนั้นไม่เพียงสะอาดสะอ้าน แต่ยังมีระบบหมุนเวียนอากาศ และระบบไฟที่ค่อนข้างดีเยี่ยม หลิงหยุนรู้ว่าต้องมีสวิทช์ไฟอยู่ที่ใหนสักแห่ง แต่เขาคร้านที่จะไปเปิดเท่านั้นเอง
ภายในคุกใต้ดินนั้นไม่มีการตกแต่งใดๆเลยมันจึงมีลักษณะไม่ต่างจากสุสานโบราณเลยแม้แต่นิดเดียว หลิงหยุนก้าวเดินลงบันไดหินไปทีละขั้นๆ และแม้แต่หลิงหยุนซึ่งนับว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูง ก็ยังสามารถเดินตัวตรงลงไปได้โดยไม่ต้องโน้มศรีษะลงเลย
หลิงหยุนเดินลงบันไดชั้นที่สี่ไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ลงไปถึงชั้นล่างสุดของคุกใต้ดิน เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานก็พอจะเดาได้ว่า จากพื้นจรดเพดานนั้นอย่างน้อยก็ต้องสูงไม่ต่ำกว่าเก้าเมตร
ภายในคุกใต้ดินนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่เกือบหนึ่งพันตารางเมตรเรียกได้ว่าครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของสวนชั้นที่แปดเลยทีเดียว จะเล็กกว่าก็เพียงนิดหน่อยเท่านั้น ภายในคุกใต้ดินแห่งนี้จึงสามารถจุคนได้เป็นพันๆคนเลยทีเดียว
ด้านล่างมีห้องขังน้อยใหญ่มากกว่าสิบห้องขึ้นไปแต่ละห้องล้วนสร้างด้วยหินและอิฐแกร่ง จึงมั่นใจได้ถึงความแข็งแรงปลอดภัย
บริเวณบันไดขั้นสุดท้ายที่หลิงหยุนหยุนยืนอยู่นั้นมีอ่างขนาดใหญ่อยู่สามอ่างเรียงรายติดกัน แต่ละอ่างนั้นมีขนาดใหญ่เกือบสองเมตร และด้านในมีน้ำใสสะอาด
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูก็พบว่าภายในห้องขับหลายๆห้อง ก็มีอ่างลักษณะเดียวกันนี้อยู่เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า..สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงเป็นคุกใต้ดินของตระกูลหลิงเท่านั้น แต่ยังเป็นหลุมหลบภัยในยามวิกฤตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
นั่นเพราะหลิงหยุนได้สำรวจพบว่าแต่ละห้องล้วนมีเส้นทางลับซ่อนอยู่เพียงแต่ไม่รู้ว่าเส้นทางลับที่ค่อนข้างยาวนี้ทอดไปสู่ที่ใดบ้าง เพราะมันเกินขอบเขตรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขา
เส้นทางลับนี้ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดและดูราวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผนัง จึงยากที่ผู้คนจะสามารถค้นพบเส้นทางลับนี้ได้
คุกใต้ดินแห่งนี้ไม่เพียงสามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวหรือหลบหนี แต่ยังสามารถใช้ซ่อนกองกำลังขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว คุกใต้ดินที่ใหญ่โตกว้างขวางเช่นนี้ ไม่นับว่าเกินไปสำหรับตระกูลใหญ่อย่างนั้นหรือ!
‘ช่างออกแบบได้ยอดเยี่ยมนัก..ยอดเยี่ยมจริงๆ!’
หลิงหยุนรู้สึกทึ่งมากเพราะคิดไม่ถึงว่าคุกใต้ดินไม่เพียงใหญ่โตกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก แต่ยังมีเส้นทางลับซ่อนอยู่ด้วย
เมืองหลวงแม้จะเป็นเมืองที่คึกคักแต่ก็ลึกลับอย่างยิ่ง สมกับที่เป็นดินแดนของเหล่าจักรพรรดิ และเทียบไม่ได้เลยกับเมืองจิงฉูเล็กๆที่เขาอยู่
และหากเทียบห้องลับของท่านเสี่ยวหมอเทวดากับคุกใต้ดินตระกูลหลิงห้องลับของท่านหมอเสี่ยวแทบกลายเป็นของเด็กเล่นไปทันที
ด้วยความปราชเปรื่องของหลิงหยุนเขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่า ไม่ใช่เพียงตระกูลหลิงเท่านั้นที่จะมีคุกใต้ดินใหญ่โตเช่นนี้ ตระกูลใหญ่อื่นๆก็ต้องมีด้วยเช่นกัน เหมือนอย่างโรงงานผลิตคลังแสงอาวุธตระกูลหลิง ซึ่งตระกูลใหญ่อีกหกตระกูลก็ต้องมีเช่นกัน
“ไม่แน่ว่าเกาเฉินเฉินอาจจะถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยจับไปขังไว้ที่คุกใต้ดินก็เป็นได้”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาแต่เขาเองก็ไม่พบว่าที่คฤหาสน์ชานเมืองด้านใต้ และคฤหาสน์ชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ของตระกูลเฉินจะมีคุกใต้ดินอยู่เลย หมายความว่าตระกูลเฉินจะต้องมีบ้านอยู่ที่อื่นอีกเป็นแน่ เพราะเขาเองก็ไม่พบเฉินไห่เผิง – ผู้นำตระกูลเฉินคนปัจจุบัน และเฉินจิงเทียน – ผู้นำตระกูลคนก่อนอยู่ในคฤหาสน์ทั้งสองหลังนี้
เวลานี้เฉินไห่คุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5และแน่นอนว่าทั้งเฉินไห่เผิง และเฉินจิงเทียนจะต้องมีขั้นกำลังภายในที่สูงกว่านั้นแน่
หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปเปิดสวิทช์ไฟด้านล่างและภายในคุกใต้ดินก็สว่างขึ้นมาทันที หลิงหยุนเดินเอามือไขว้หลังตรงเข้าไปยังห้องขังของเฉินไห่คุน มิตซุย และยามาดะ
ระหว่างที่เดินไปนั้นหลิงหยุนก็พยายามที่จะควบคุมจุดตันเถียนของตนเองให้หมุนกลับ เพื่อให้เกิดพลังวนหยิน-หยางที่จะสามารถสร้างแรงดูดขึ้นที่ฝ่ามือของตนเองได้ แต่ยิ่งเขาตั้งใจและพยายามมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งล้มเหลว!
หลิงหยุนจึงต้องล้มเลิกความพยายามไปก่อน..
ขณะนี้กระแสวนหยิน-หยางกำลังก่อตัวขึ้นและการจะทำให้เกิดกระแสหมุนกลับนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
หลิงหยุนเดินเข้าไปในห้องขังของเฉินไห่คุนก่อนคนแรกทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็เห็นเฉินไห่คุนนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
เฉินไห่คุนถูกกระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าบาดแผลค่อนข้างใหญ่และลึก ทำให้สูญเสียเลือดมาก
ทันทีที่หลิงหยุนเข้าไปในห้องขังเขาก็จัดการคลายจุดให้กับเฉินไห่คุนที่นอนกองอยู่กับพื้น
“เอาล่ะ..ตอนนี้เจ้าสามารถกัดลิ้นตายได้แล้ว เจ้าจัดการได้เลย ข้าจะไม่ห้ามเจ้า..”
หลิงหยุนจ้องมองเฉินไห่คุนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเฉยชาแม้เขาต้องการจะสอบปากคำของเฉินไห่คุน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลว่ามันจะฆ่าตัวตายเสียก่อน เพราะด้วยเรี่ยวแรงของเฉินไห่คุนยามนี้ หากคิดจะฆ่าตัวตายก็คงไม่ง่ายนัก
เฉินไห่คุนดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นเวลานานแต่ในที่สุดมันก็สามารถลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ เฉินไห่คุนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น และพยายามเดินลมปราณขั้นเซียงเทียนภายในร่างกาย เพื่อให้ตนเองมีเรี่ยวแรงที่พอจะสามารถพูดโต้ตอบได้ จากนั้นจึงลืมตาขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามด้วยความเคียดแค้นเกลียดชัง
“เจ้าต้องการอะไร”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับร้องถามเฉินไห่คุน“ก็ไม่มีอะไรมาก.. ตระกูลเฉินของเจ้าจับตัวลุงสองของข้าไปขังไว้ตั้งนาน เรื่องนี้เจ้าจะตอบยังไง”
“แล้วเจ้าเป็นใคร!เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิง จึงต้องมายุ่งวุ่นวายเรื่องของตระกูลหลิงด้วย?!”
เฉินไห่คุนจ้องมองหลิงหยุนนอยู่นานและก็จำได้ว่าหลิงหยุนไม่ใช่ทายาทคนหนึ่งคนใดของตระกูลหลิงเลย จึงร้องถามออกไปอย่างแปลกใจ
“ถึงเจ้าไม่ถามข้าข้าก็จะบอกเจ้าอยู่แล้ว! ฟังนะ.. ที่ข้าต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลิงก็เพราะข้ามีชื่อว่า.. หลิงหยุน!”
หลิงหยุนยิ้มอย่างภาคภูมิใจแต่ในใจกลับนึกถึงเฉินเซิน และนี่เท่ากับเป็นการตบหน้าเฉินเซิน เพราะหลิงห่าวบอกเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้เฉินเซินรู้ แต่เฉินเซินกลับไม่รายงานเรื่องนี้ให้ตระกูลเฉินรู้
หลิงหยุนนั้นยังไม่รู้ว่าเฉินเซินและหลิงห่าวคือคนที่วางแผนฆ่าเขาและนั่นเป็นความลับระหว่างพวกมันทั้งสองคนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสองตระกูลใหญ่เลยแม้แต่น้อย!
หลิงห่าวสั่งฆ่าหลิงหยุนก็เพื่อป้องกันไม่ให้หลิงหยุนกลับมาเป็นคู่แข่งของเขาในวันข้างหน้าส่วนเฉินเซินก็รับค่าจ้างจากหลิงห่าวเป็นจำนวนเงินยี่สิบล้านหยวนเพื่อนำไปใช้หนี้พนันที่ตนเองก่อขึ้น
“หลิงหยุนงั้นรึ!เหตุใดข้าจึงคุ้นชื่อของเจ้านัก?”
เฉินไห่คุนงุนงงสงสัยและสีหน้าก็บ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก แต่แล้วจู่ๆดวงตาของมันก็เป็นประกายพร้อมกับร้องถามเสียงดัง
“เจ้าก็หลิงหยุนคนเดียวกันกับหลิงหยุนที่อยู่เมืองจิงฉูและเป็นคนที่ทำให้ตระกูลซันต้องวุ่นวายใช่หรือไม่”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าดูเหมือนเรื่องที่เขาจัดการกับซันเทียนเปียว และคนอื่นๆในตระกูลซันนั้น คงจะล่วงรู้ถึงหูเจ็ดตระกูลใหญ่ในปักกิ่งหมดแล้วสินะ!
เมืองจิงฉูมณฑลเจียงหนานนั้นนับว่าเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศจีน เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นที่นั่น เพราะทั้งพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิต่างก็ถือกำเนิดขึ้นที่นั่นอย่างเงียบๆ!
“เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง..ข้าขอแสดงความยินดีด้วย! ใช่แล้ว.. การตายของซันจิ้ง หนิวเฟิ่นเหยียว ซันเทียนเปียว และยอดฝีมือตระกูลซันอีกนับร้อย ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของข้าทั้งสิ้น!”
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องปฏิเสธหรือปิดบัง และแสร้งทำเป็นคนดีมีศีลธรรม..
ทันทีที่เฉินไห่คุนได้ยินหลิงหยุนยอมรับออกมาตรงๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันทีพร้อมกับแอบคิดอยู่ในใจว่า ‘หลิงหยุนแห่งจิงฉูมณฑลเจียงหนาน และตระกูลหลิงในปักกิ่ง.. นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!’
“ถ้าเช่นนั้น..เรื่องที่แม่นางฉินตงเฉี่วยแห่งตระกูลฉินไปที่จิงฉู ก็คงจะเกี่ยวข้องกับเจ้าอีกสินะ!” เฉินไห่คุนถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
ตระกูลใหญ่ในปักกิ่งต่างก็ทราบข่าวว่าหลิงหยุนนั้นเป็นลูกบุญธรรมที่ฉินจิวยื่อแห่งตระกูลฉินเป็นผู้เก็บมาเลี้ยงและรู้ว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลซันได้ อีกทั้งยังได้ข่าวว่าฉินตงเฉี่วยมาปรากฏตัวอยู่ในเมืองจิงฉู ตระกูลใหญ่เองต่างก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และต่างก็ครุ่นคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ ตระกูลฉินอาจจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงหยุนนั้นจะกลายมาเป็นทายาทของตระกูลหลิงไป!
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องมากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก..”
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าเขาคงไม่จำเป็นต้องปิดบังฐานะของตนเองอีกต่อไปและถึงแม้ต้องการจะปิดบัง ก็คงไม่สามารถปิดบังได้นาน
“เจ้าก็เห็นแล้วนี่..ตระกูลเฉินของเจ้าส่งนินจาสามสิบหกคนมาถล่มตระกูลหลิงของข้า และคงกะจะให้สิ้นซากไปเลยทีเดียว! ระหว่างเจ้ากับข้าจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกันอีก และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมาสอบถามอะไรบางอย่างจากเจ้าเท่านนั้น..”
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลากับเฉินไห่คุนอีกเขาวกกลับเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะสอบถามทันที
แต่จู่ๆเฉินไห่คุนก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง จนกระทั่งไอออกมาเป็นเลือด จากนั้นจึงร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้น
“ต้องการให้ข้า– เฉินไห่คุน ทรยศต่อตระกูลเฉินงั้นรึ! เจ้าคงจะเสียสติไปแล้ว!”
หลิงหยุนแสยะยิ้ม“ให้เจ้าทรยศต่อตระกูลเฉินงั้นรึ! นี่เจ้าประเมินตนเองต่ำไม่พอ ยังจะประเมินข้า – หลิงหยุนต่ำเกินไปด้วย! เจ้าลองใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไตร่ตรองดู.. ข้าเพียงคนเดียวก็สามารถสังหารยอดฝีมือตระกูลเฉินร่วมร้อยคนได้ อีกทั้งยังสามารถจับหัวหน้านินจาขั้นเซียงเทียน-7 อีกสองได้ เจ้ายังคิดว่าข้าต้องการให้เจ้าทรยศต่อตระกูลเฉินเพื่อมาช่วยข้าอีกงั้นรึ?!”
คำพูดของหลิงหยุนทำให้เฉินไห่คุนถึงกับนิ่งไปพร้อมกับคิดในใจว่าหลิงหยุนไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังเป็นคนตรงอย่างมากด้วย! เฉินไห่คุนรู้ดีว่าหลิงหยุนต้องการกำจัดตระกูลเฉิน และด้วยความสามารถของหลิงหยุน ก็ไม่จำเป็นต้องขอให้เขาหักหลังตระกูลเฉินด้วยซ้ำไป!
หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่เฉินไห่คุนก็กระซิบเสียงเบาว่า “หลิงหยุน.. นี่เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของเรามียอดฝีมือเพียงแค่ร้อยกว่าคนงั้นรึ นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อย หากเทียบกับตระกูลเฉิน เจ้าเองก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นผง! หากเจ้าไม่เชื่อ และอยากจะกำจัดตระกูลเฉินของเรา ก็เชิญลองดูได้เลย!”
หลิงหยุนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับถามต่อว่า“ข้ามีคำถามที่จะถามเจ้าทั้งหมดสามเรื่อง เรื่องแรก.. เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของเจ้ามีอะไรที่จะทำให้ข้าหวาดกลัวได้งั้นรึ เรื่องที่สอง.. ตระกูลเฉินของเจ้าเอาตัวหลิงเสี่ยว – คุณชายสามแห่งตระกูลหลิงไปขังไว้ที่ใหน? และเรื่องสุดท้าย.. เฉินเจี้ยนกุ่ยจับตัวเกาเฉินเฉินไปขังไว้ที่ใหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร