บทที่ 729 : ค่ายกลบ้านตระกูลหลิง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก เพราะข้อมูลที่ยามาดะให้มานั้น ทำให้เขาได้ทราบว่านอกจากตระกูลโทคุงาวะแล้ว ก็ยังมีตระกูลอื่นๆอีกอย่างเช่นโตโยโทมิ ยากิอุ เอโดะ และมิตซุย..
หากต้องการรู้เรื่องความยิ่งใหญ่ของตระกูลโทคุงาวะเขาคงต้องถามจากมิตซุยซึ่งอยู่ในคุกถัดไปนี้ และน่าจะได้เรื่องมากกว่าถามยามาดะเสียอีก
หลิงหยุนจัดการเรียกยันต์เตโชออกมาเผาทำลายร่างของยามาดะแล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องขังถัดไป
มิตซุยนั้นมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่นและไม่ว่าหลิงหยุนจะพยายามเกลี้ยกล่อมเช่นใด แต่มิตซุยก็ปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถาม
แต่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะหัวดื้อสักเพียงใดหลิงหยุนในฐานะที่เป็นถึงหมออมตะ ก็ย่อมมีวิธีการมากมายที่จะจัดการกับคนลักษณะนี้ได้ และเพียงไม่นานเขาก็สามารถบีบบังคับให้มิตซุยยอมอ้าปากพูด และตอบคำถามของเขาจนได้
ตลอดกระบวนการสอบสวนนั้นมิตซุยได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนทำให้นินจาขั้นชุนนินอย่างเขาถึงกับรู้สึกราวกับตกอยู่ในขุมนรก
“มิตซุย..ขอบใจที่ตอบคำถามของข้า ใหนๆเจ้าก็จะตายแล้ว สมบัติล้ำค่าในตัวเจ้า ขอให้ข้าก็แล้วกัน!”
และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่หลิงหยุนสามารถหมุนจุดตันเถียนกลับได้และจัดการดูดเอาลมปราณของมิตซุยเข้าไปในร่างกายของตนเองได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเจ็บปวดอย่างมากเลยสินะ..เอาล่ะข้าจะช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง!”
หลิงหยุนหมุนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับฟาดฝ่ามือที่รุนแรงราวพายุเฮอริเคนลงบนร่างของมิตซุยจนสิ้นใจตายในทันที จากนั้นหลิงหยุนจึงจัดการใช้ยันต์เตโชเผาร่างของมันทิ้งเสีย
และในเวลานั้นเองหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงของหลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วยดังเอะอะอยู่ด้านนอกคุกใต้ดิน พวกเขาทั้งสามคนต่างก็ต้องการเข้ามาในคุกใต้ดินนี้ให้ได้ แต่เหล่ากุ่ยพยายามห้ามไว้!
“ดูท่าทุกคนจะอาบน้ำเสร็จกันแล้วสินะ!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระโดดออกไปจากคุกใต้ดินตระกูลหลิงทันทีและไม่นานก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ทางเข้าคุกใต้ดิน
เหล่ากุ่ยไม่สามารถห้ามหลิงหย่งและคนอื่นๆได้และทันทีที่เห็นหลิงหยุนเดินออกมา เขาจึงร้องบอกด้วยความดีใจสุดขีด
“นั่นไง..นายน้อยห้าออกมาแล้ว!”
“น้องห้า..”
“พี่ห้า..”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนทันที และไม่สนใจเหล่ากุ่ยอีก
“พวกเจ้ามีอะไร!”หลิงหยุนร้องถามทุกคน
“น้องห้า..เจ้าจะมาจัดการกับสามคนนั่น เหตุใดจึงไม่รอพวกเราสามคนด้วยเล่า!”
หลิงหยุนแสร้งทำท่าโมโหโทโสพร้อมตอบกลับไปว่า“สามคนนั้นปากแข็งนัก ข้าโมโหมากก็เลยจัดการส่งพวกมันไปลงนรกแล้ว!” หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นถูจมูกตนเอง
“ห๊ะ!”
“นี่เจ้า..”
“ทำไมถึงได้รวดเร็วนัก!”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ร้องออกมาด้วยความงุนงง..
“ข้าจะลงไปสับร่างของพวกมันออกเป็นชิ้นๆเพื่อแก้แค้นให้กับนักรบตระกูลหลิงที่ตายไป!” หลิงหย่งร้องออกมา
“เสียใจด้วย..พวกมันได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเรียบร้อยแล้ว!”
พูดจบหลิงหยุนก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับใช้วิชาตัวเบากระโดดออกจากสวนชั้นที่แปดไปทันที
ทั้งสามพี่น้องได้แต่อึ้งและในที่สุดก็กระโดดตามหลิงหยุนไปด้วยความเสียดาย และทุกคนต่างก็บ่นพึมพำที่หลิงหยุนทำอะไรรวดเร็วเหลือเกิน!
“เหล่ากุ่ย..ระบบป้องกันความปลอดภัยของตระกูลหลิงหละหลวมเกินไป พวกเราคงต้องหาวิธีเพิ่มระบบป้องกันให้แข็งแกร่งมากขึ้น ข้าคงต้องทำอะไรสักอย่าง..”
“ไม่ทราบว่านายน้อยห้าคิดเห็นเช่นไรได้โปรดบอกให้ข้ารู้ด้วย!” เหล่ากุ่ยรู้ว่าหลิงหยุนจะต้องมีความคิดดีๆแน่ จึงรีบร้องถามออกไป
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“ข้าต้องการก้อนโลหะขนาดเท่าลูกฟุตบอลสักสองสามร้อยลูก หรือยิ่งมากก็ยิ่งดี!”
เหล่ากุ่ยพยักหน้ายิ้มๆ“นายน้อยห้า.. ก้อนเหล็กที่ท่านต้องการนั้นหาไม่ยาก ข้าจะไปหาซื้อจากโรงงานผลิตเหล็กเอง แต่ลูกใหญ่ขนาดนั้น คงต้องไปสั่งทำล่วงหน้า”
“รีบไปจัดการให้เสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
บ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงนั้นมีสวนล้อมรอบอยู่ทั้งหมดเก้าชั้น พื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ หลิงหยุนจำเป็นต้องวางค่ายกลลวงตา และค่ายกลสังหารไว้ และเวลานี้เขาเองก็มีเงินทองมากมาย จึงเลือกที่จะใช้ก้อนโลหะสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งกว่าแทน
หล่ากุ่ยพยักหน้าและหันไปมองหลิงหย่งที่ตามติดหลิงหยุนไม่ห่าง เขาจึงแอบร่ำลาหลิงหยุนเพื่อไปรายงานเรื่องนี้ให้กับหลิงลี่ทราบ
หลิงหยุนเดินนำพี่น้องทั้งสามคนไประหว่างนั้นก็เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูโดยรอบ เมื่อพบว่าไม่มีศัตรูเข้ามาเพิ่ม เขาก็ยิ้มพร้อมกับหันไปถามทุกคนว่า
“พวกเจ้าอยากดูอะไรสนุกๆหรือไม่”
เวลานี้ทั้งสามพี่น้องต่างก็ได้รู้จากเหล่ากุ่ยแล้วว่ายันต์บำบัดในมือของพวกเขานั้นล้วนเป็นฝีมือการปลุกเสกของหลิงหยุน และทันทีที่ได้ยินหลิงหยุนร้องถามเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น และแทบทนรอไม่ได้
“อยากสิ..พวกเราอยากดูมาก!” พี่น้องทั้งสามคนต่างก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจพร้อมกัน
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกระโดดออกไปนอกกำแพงสูงที่กั้นระหว่างสวนไว้..
“พวกเจ้าดูให้ดีล่ะ!”
หลิงหยุนเรียกยันต์เตโชออกมาและนำไปแปะไว้ที่ลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วจึงแอบร้องสั่งยันต์
หลังจากที่ลูกไฟซึ่งมีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชนขึ้นเผาผลาญลำต้นของต้นไม้ขนาดใหญ่แล้วก็ตามมาด้วยเสียงต้นไม้ลมลงดังครืน! ลำต้นครึ่งท่อนของต้นไม้ใหญ่ล้มตึงลงไปกับพื้น และกิ่งก้านใบต่างก็หักระเนระนาด
“โอ้โห..ช่างรุนแรงมากจริงๆ!” หลิงหย่งร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“นี่มันอะไรกัน!ช่างน่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้! หากผาร่างของคนเข้า คงจะ..” หลิงเลี่วยพึมพำออกมาอย่างงุนงงง
ส่วนหลิงเฟิงนั้นได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก!
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ยันต์ที่พวกเจ้าใช้เมื่อครู่เรียกว่ายันต์บำบัด คุณสมบัติของมันใช้รักษาอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ก็สามารถรักษาให้หายได้ในทันที!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชออกมาอีกปึกหนึ่ง และแบ่งเป็นสามส่วนส่งให้พี่น้องทั้งสามคนของเขาพร้อมกับย้ำว่า
“ฟังนะ..ยันต์นี่มีอานุภาพที่น่ากลัวมากก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะหากคู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นยอดฝีมือแล้วล่ะก็ หากถูกเขาซัดฝ่ามือส่งยันต์กลับใส่ตัวเองแล้วล่ะก็ คงไม่ต้องให้ข้าอธิบายนะ..”
หลังจากสาธิตการใช้ยันต์เตโชจบหลิงหยุนก็หยิบยันต์เพชร ยันต์เกราะออกมาส่งให้กับทุกคน และสอนวิธีการใช้ให้กับทั้งสามคน เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง
“ยันต์นี้ใช้สำหรับเป็นเกราะป้องกันตัวเองควรใช้ในวินาทีที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายเท่านั้น พวกเจ้าทั้งสามจำไว้ให้ดี!”
ทั้งหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยที่กำลังงุนงง ได้แต่พยักหน้างหงึกๆไม่ต่างจากไก่ผงกหัว และสีหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
แต่แล้วหลิงหย่งก็พึมพำออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย“น้องห้า.. หากเจ้ามาเร็วกว่านี้ พวกเราคงไม่ต้องสูญเสียมากมายถึงเพียงนี้ ”
หลิงเฟิงเองก็ไม่ลืมที่จะถามหลิงหยุนว่า“น้องห้า.. ยันต์พวกนี้เจ้าได้มอบให้ท่านปู่กับลุงสองหรือไม่!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ข้าต้องมอบให้กับพวกท่านทั้งสองอยู่แล้ว และนับจากนี้ไปจะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นคืนนี้เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงอีก!”
“กลับกันได้แล้วข้ายังมีเรื่องต้องไปรายงานท่านปู่อีก!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ตรงเข้าไปยังสวนเล็กซึ่งเป็นที่พักของหลิงลี่
และเมื่อไปถึงชายร่างสูงใหญ่สองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ ก็ได้เดินเข้าไปรายงานให้หลิงลี่ทราบว่าหลิงหยุนมาขอพบ แต่กลับได้ยินเสียงของหลิงลี่ดังออกมาว่า
“หลานชายของข้ามาหาข้าเจ้ายังจะต้องมารายงานอะไรอีก จำไว้.. จากนี้ไปนายน้อยสี่ – หลิงหยุนสามารถเดินไปที่ใหนในบ้านหลังนี้ก็ได้!”
“เชิญนายน้อยสี่เข้าไปได้!”นักรบตระกูลหลิงทั้งสองคนร้องบอกหลิงหยุนด้วยความเคารพนบนอบ
หลิงหยุนหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินว่าท่านปู่เรียกเขาว่า ‘นายน้อยสี่’ และหากเป็นหลิงลี่เรียก หลิงซิ่วคงไม่กล้าโวยวายอะไรอีก!
ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปในห้องของหลิงลี่ทั้งหลิงลี่ หลิงเจิ้น หลิงเย่ว และเหล่ากุ่ย ทั้งสี่คนต่างก็ยิ้มทักทายเขา
“ท่านปู่..ข้าลงมือหนักไปหน่อย พวกมันทั้งสามคนจึงสิ้นใจตายไปแล้ว!” หลิงหยุนรายงานด้วยท่าทางสบายๆ
หลิงลี่หัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า “เจ้าเป็นคนจับพวกมันมา อีกอย่างช้าเร็วพวกมันก็ต้องถูกฆ่าอยู่ดี!”
หลิงเข้าเรื่องที่ต้องการรายงานทันที“ท่านปู่.. เฉินไห่คุนบอกกับข้าว่าท่านพ่อไม่ได้ถูกคนตระกูลเฉินจับตัวไป และการหายตัวไปของท่านพ่อไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน!”
หลิงลี่หลิงเจิ้น และหลิงเย่วต่างก็หันไปมองหน้ากัน จากนั้นหลิงเย่วจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า
“เฉินไห่คุนไม่น่าพูดโกหกพวกมันจับข้าไปขังไว้พร้อมกับเสนอเงื่อนไข แต่ก็ไม่เคยพูดถึงน้องสามเลยตั้งแต่ต้นตนถึงบัดนี้..”
หลิงลี่เงยหน้าขึ้นมองเหล่ากุ่ย จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลิงเจิ้นว่า “ผู้นำตระกูล.. เจ้าคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร”
หลิงเจิ้นครุ่นคิดอยู่นานจึงตอบกลับไปว่า“ท่านพ่อ.. ข้าว่าการหายตัวของน้องสามนั้นน่าจะซับซ้อนกว่ากรณีของน้องสอง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องมีอำนาจยิ่งกว่าตระกูลเฉิน และต้องมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าตระกูลเฉินด้วย..”
หลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับพูดเสียงเบา“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่อยากรีบร้อนนัก และไม่ต้องการให้ข่าวคราวเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป ไว้ค่อยหารือกันใหม่อีกครั้ง!”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็มองหลิงหยุนด้วยความสนใจ พร้อมกับพูดยิ้มๆ “หลิงหยุน.. เจ้าสั่งเหล่ากุ่ยให้นำโลหะก้อนมาตั้งมากมาย เจ้าคิดจะทำอะไรงั้นรึ”
หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับตอบยิ้มๆ“ท่านปุ่.. ข้าเห็นว่าระบบป้องกันภายในบ้านตระกูลหลิงค่อนข้างหละหลวมอ่อนแอ ข้าจึงอยากจะคิดหาระบบป้องกันให้เท่านั้นเอง”
ค่ายกลของหลิงหยุนนั้นมีอานุภาพน่ากลัวเพียงใดทุกคนในตระกูลก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการจะวางงค่ายกลภายในบ้าน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด
เพราะตระกูลใหญ่หลายๆตระกูลแม้กระทั่งองค์กรลับอย่างกลุ่มนภา ตระกูลหลง และตระกูลเย่ ต่างก็มีการวางค่ายกลเช่นกัน
และเวลานี้กำลังจะมีตระกูลหลิงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตระกูล!บทที่ 730 : นายน้อยสี่แห่งตระกุลหลิง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะเก่งกาจมากเพียงใดแต่ความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถสร้างขึ้นได้ในเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ดังนั้นหลิงหยุนจึงจำเป็นต้องสร้างค่ายกล และใช้ยันต์อุดจุดอ่อนเหล่านี้ชั่วคราวไปก่อน
ส่วนเรื่องการปรุงยานั้นหลิงหยุนยังขาดแคลนในเรื่องของสมุนไพรชนิดต่างๆ และเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น เขาคุ้นเคยกับหม้อและกระทะแบบที่เคยใช้เมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะ จึงไม่ถนัดที่จะใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่กระวนกระวายใจ และรีบร้อนที่จะสืบหาข่าวคราวเกี่ยวกับตระกูลโทคุงาวะเพื่อหาหนทางนำฝาหม้อเสินหนงกลับมาเช่นนี้
แต่ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีฝาหม้อเสินหนงก็ยังสามารถใช้ฝาหม้อโลหะขนาดใหญ่แทนได้ แต่เพราะหลิงหยุนเป็นคนประเภทต้องการความสมบูรณ์แบบ จึงกระอักกระอ่วนใจที่จะทำเช่นนั้น
หลิงหยุนได้ยินเสียงเอะอะของหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยดังขึ้นที่หน้าประตู และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังโวยวายผู้ที่เฝ้าประตูอยู่
คืนนี้หลิงลี่ไม่เพียงพอใจกับผลงานของทายาททั้งสามคนแต่ยังมีความสุขอย่างมากที่หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูล หลิงลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นพวกเขาต่างก็ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันเช่นนี้ จึงร้องตะโกนออกไปว่า..
“พวกเจ้าปล่อยให้หลานชายของข้าเข้ามาได้..”
“พวกเจ้านี่ร้ายกาจนัก..ไม่รอข้าบ้างเลย!” หลิงซิ่วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบตามมาทันทีเช่นกัน
นางรีบร้อนเพราะเกรงว่าจะตามคนอื่นๆไม่ทันจึงกระโดดหมุนตัวกลางอากาศเข้าไปในประตูบ้านของหลิงลี่เป็นคนแรก จากนั้นจึงหันกลับไปมองหลิงหย่งพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
หลิงซิ่วสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและสวมกระโปรงยีนส์สั้นแสนเซ็กซี่
“พี่หลิงซิ่วช่างงดงามนัก..”หลิงหยุนจ้องมองหลิงซิ่วด้วยความตกใจ และได้แต่เอ่ยชื่นชมออกมา
ใบหน้าของหลิงซิ่วเป็นสีแดงชมพูสดใสและก็เป็นธรรมดาที่นางจะต้องเขินอายที่หลิงหยุนเอ่ยชมต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และรีบตอบกลับหลิงหยุนไปว่า
“น้องห้า..เจ้ารู้จักพี่สาวของเจ้าน้อยไปแล้ว! ระวังตัวให้ดี ข้าจะดึงหูของเจ้าให้ขาดเชียว!”
เวลานั้นทั้งสามพี่น้องก็เดินเข้ามาในบ้านพอดีและทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงซิ่ว สามพี่น้องก็รีบยกมือขึ้นปิดใบหูของตนเองไว้ และรีบขยิบตาให้หลิงหยุนเพื่อเป็นการเตือนให้เขาระมัดระวังตัว!
แต่คำพูดของหลิงลี่กลับทำให้หลิงหยุนถึงกับต้องหัวเราะออกมาอย่างพอใจ“หลิงซิ่ว.. ก่อนหน้านี้ปู่ก็ได้ยินเจ้าเรียกหลิงหยุนว่าน้องห้า แต่ที่ปู่ไม่ได้ห้ามปรามเพราะเห็นว่าพวกเจ้าเพิ่งจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่ต่อไป.. ห้ามเจ้าเรียกหลิงหยุนว่าน้องห้าอีก!”
จากนั้นหลิงลี่ก็ประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ทุกคนจงฟัง.. หลังจากนี้ข้าจะเรียกประชุมตระกูลหลิง เพื่อจัดให้หลิงหยุนได้เข้าคำนับป้ายบรรพบุรุษ และจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้อย่างเป็นทางการว่าหลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูลแล้ว และในรุ่นของพวกเจ้า หลิงหยุนนับเป็นนายน้อยสี่ของตระกูล!”
“ผู้นำตระกูล.. ลูกสอง.. เรื่องนี้พวกเจ้าสองคนไปจัดการด้วย เรื่องที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงคำนับบรรพบุรุษนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ของตระกูล จะทำแบบขอไปทีไม่ได้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเจิ้นและหลิงเย่วต่างก็ลุกขึ้นรับคำสั่งของหลิงลี่แต่หลิงลี่ก็โบกมือให้ทั้งคู่นั่งลง มาถึงตอนนี้ หลิงหยุนก็ได้รับการประกาศฐานะเป็นทายาทอันดับสี่ของตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการแล้ว
ดวงตากลมโตของหลิงซิ่วจ้องมองหลิงลี่ใบหน้างดงามของนางดูเศร้าสร้อยพร้อมกับพึมพำเสียงเบา
“ท่านปู่ลำเอียง..”
หลิงเย่วขมวดคิ้วพร้อมกับตำหนิบุตรสาว“หลิงซิ่ว.. ต่อหน้าท่านปู่ห้ามเสียมารยาท!”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็แทบอยากจะหัวเราะเสียงดังออกมาเช่นกัน แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้..
แต่หลังจากนั้นหลิงหยุนก็รีบกลับเข้าเรื่องที่เป็นธุระของตนเองต่อทันที..
“ท่านปู่..มีเพียงแค่ค่ายกลยังไม่เพียงพอ เพราะหากค่ายกลถูกทำลายไป จะทำเช่นไร ข้าจึงได้เตรียมอย่างอื่นมาให้ด้วย..”
และเพื่อความปลอดภัยของตระกูลหลิงแล้วหลิงหยุนไม่นึกหวงแหนสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย เขาเรียกยันต์เตโชออกมาปึกหนึ่ง และร้องบอกทุกคนว่า
“นี่คือยันต์เตโชมันใช้ง่ายและมีอานุภาพที่รุนแรง ระหว่างที่สู้กับศัตรูแล้วเป็นรอง พวกท่านก็จัดการปิดยันต์นี้ไว้ที่ร่างของคู่ต่อสู้ และร้องตะโกนสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์”
“ส่วนนี่คือยันต์เพชร..หากใช้ยันต์นี้ปิดไว้ที่ร่างกาย กระบี่ธรรมดาๆก็ไม่สามารถทำอันตรายอะไรได้ในชั่วเวลาสั้นๆ มันมีอานุภาพไม่ต่างจากการสวมเสื้อเกราะกันกระสุน!”
สุดท้าย..หลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดออกมา และทุกคนต่างก็ได้เคยเห็นอานุภาพที่น่าทึ่งของมันมาแล้ว
ก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางมาปักกิ่งนั้นเขาได้ปลุกเสกยันต์แต่ละชนิดมามากมาย และได้แจกจ่ายให้กับบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ในจิงฉู และเวลานี้เขาก็ได้มอบยันต์ชนิดต่างๆให้กับตระกูลหลิง และเหลือติดตัวไว้เพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น
“ท่านปู่..ยันต์เหล่านี้ท่านมอบให้เฉพาะคนตระกูลหลิงที่เชื่อใจได้เท่านั้น เพราะในนาทีวิกฤต ยันต์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก!”
“ต้องจำไว้ว่า..ยันต์เหล่านี้นับได้ว่าเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งทีเดียว หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรนำออกมาใช้!”
หลิงหยุนเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมอีกทั้งทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็ไม่ใช่คนโง่ จึงสามารถเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนได้อย่างง่ายดาย
หลิงลี่พยักหน้าหงึกๆจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนประกาศด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกคนฟังคำสั่ง.. เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับหลิงหยุนถือว่าเป็นความลับสุดยอดของตระกูล หากใครนำความลับออกไปแพร่งพราย จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม!”
หลิงเจิ้นหลิงเย่ว เหล่ากุ่ย และคนอื่นๆ ต่างก็ลุกขึ้นรับคำสั่งพร้อมกัน!
มีใครบ้างที่จะมองไม่ออกว่าด้วยความเก่งกาจและแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้น เขาจะสามารถทำให้ตระกูลหลิงเจริญรุ่งเรือง และผงาดขึ้นได้นับจากนี้!
และมีเพียงหลิงหยุน– นายน้อยสี่แห่งตระกูลหลิงเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้นได้!
หลิงลี่พูดจบก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตากังวล“หลิงหยุน.. เจ้าให้ยันต์ป้องกันตัวพวกเรามากมายเช่นนี้ แล้วตัวเจ้าล่ะ! เจ้าต้องออกไปอยู่ข้างนอก เจ้าจะทำเช่นไร?”
หลิงลี่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลิงหยุนอย่างที่สุด!
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่.. ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ข้ายังมียันต์เหลือติดตัวอยู่บ้าง แต่ข้าเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ของเหล่านี้..”
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนออกจากเมืองจิงฉูเขาก็เพียงแค่ใช้ยันต์เตโชทำลายซากศพแวมไพร์สองตนไปเท่านั้น ระหว่างที่ต่อสู้เขาเองก็ไม่ได้ใช้ยันต์เหล่านี้เลย อีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนเองก็มีชุดที่ตัดจากผ้าแพรไหมดำที่เป็นเกราะป้องกันตัว จึงไม่เคยต้องใช้ยันต์บำบัดอีกเลย
หลิงลี่พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ถ้าเช่นนั้นก็ดี.. ปู่ก็จะได้สบายใจ! เจ้าจำไว้ว่าต่อให้มีภาระมากมาย เจ้าก็ต้องปกป้องตนเองก่อน แล้วจึงค่อยคิดปกป้องดูแลตระกูลหลิง เข้าใจหรือไม่!”
ภายในใจของหลิงหยุนเกิดอารมณ์ปะทุขึ้นมามากมายเขาพยักหน้า แล้วจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา..
กระบี่สีดำแกะสลักเป็นรูปมังกรส่งกระแสเย็นยะเยือกออกมาสีดำของกระบี่มีประกายสีแดงเหลือบเพราะดื่มเลือดเข้าไปมากเกินไป
ทันทีที่กระบี่วิเศษถูกนำออกมารังสีอำมหิตก็ได้แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งบริเวณ จนทุกคนในบ้านต่างก็นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง
เมื่อเห็นกระบี่สีดำเล่มนี้ทั้งหลิงลี่ หลิงเจิ้น และหลิงเย่ว ต่างก็นั่งนิ่งด้วยความตกใจ และไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว!
“นี่คือกระบี่โลหิตแดนใต้!”
หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่สีดำในมือไปมาจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “กระบี่สีดำเล่มนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ ตอนนี้ข้าขอให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แม้ว่าตัวข้าเองจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ แต่หากข่าวนี้รั่วไหลลออกไป ข้าเกรงว่าตระกูลหลิงจะต้องประสบกับหายนะใหญ่หลวง!”
หลิงลี่เองเคยได้ยินเหล่ากุ่ยเล่าเรื่องที่หลิงหยุนมีกระบี่โลหิตแดนใต้ในครอบครองมาก่อนแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก แต่หลิงเจิ้น หลิงเย่ว หลิงซิ่ว หลิงหย่ง และคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจจนนิ่งไป..
“ในเมื่อทุกคนก็ได้ยินชัดเจนแล้วถ้าเช่นนั้นก็จงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากใครแพร่งพรายออกไป โทษคือตายสถานเดียว!”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าไม่พูดไม่จามีเพียงหลิงเจิ้นเท่านั้นที่ก้มหน้าลง แต่ดวงตากลับเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วก็ดับไป!
หลิงหยุนนั้นได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจผู้ที่อยู่ในห้องอยู่ตลอดเวลาหลังจากที่สำรวจทุกคนอย่างละเอียดละออ เขาก็สังเกตุเห็นท่าทางและแววตาของหลิงเจิ้นที่เปลี่ยนไป จึงได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าเขาคงต้องระมัดระวังหลิงเจิ้นมากขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า
“ข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”หลิงหยุนพูดย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ท่านปู่ ข้ายังมีอีกสองสามเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน!”
“หลิงหยุน.. เจ้าพูดมาเถิด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร