Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 797

บทที่ 797 : กำลังจะเกิดเรื่อง!
  ส่วนฉางหลิงที่นั่งอยู่ข้างหลิงหยุนนั้นก็ถึงกับใจเต้นตึกตักเมื่อแอบมองภาพของเหลียงเฟิงอี้กับหลิงหยุน แต่แล้วเธอก็รีบหันใบหน้าที่แดงก่ำนั้นไปทางเกาเฉินเฉินทันที
  “เฉินเฉิน..พวกเรารีบลงจากรถกันดีกว่า!”
  ฉางหลิงดูละล้าละลังแล้วรีบผลักร่างของเกาเฉินเฉินให้ออกไปด้านนอกทันทีที่รถจอด..
  เกาเฉินเฉินถูกฉางหลิงผลักและเซ้าซี้ให้รีบลงไปจากรถเธอจึงรีบเปิดประตูพร้อมกับโผล่หน้าออกไปสูดอากาศภายนอกรถด้วยความโล่งใจ พร้อมกับแอบคิดในใจว่ารอดตายเสียที!
  “หลิงหยุนนี่บ้าบิ่นจริงๆเลย!กล้าทำกิริยาแบบนั้นกับน้าเล็กด้วย..”
  “แต่น้าหญิงก็เหลือเกิน..เสื้อผ้ามีตั้งเยอะตั้งแยะก็ไม่ใส่ แต่กลับใส่ชุดแบบนี้ออกมา แล้วผู้ชายที่ใหนจะทนได้!”
  ทันทีที่ฉางหลิงออกมาจากรถได้แล้วเธอก็เป็นฝ่ายลากแขนเกาเฉินเฉินออกไปพร้อมกับกระซิบกระซาบอย่างไม่พอใจ..
  แต่หลิงหยุนนั้นกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยว่าใครจะคิดอย่างไรเขายังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม และเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจไปรอบบริเวณ จากนั้นจึงพูดกับกงเสี่ยวลู่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าว่า
  “ครูกงครับ..ลงไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า คุณเองก็น่าจะหิวแล้ว!”
  กงเสี่ยวลู่หันหลังไปมองหลิงหยุนจากนั้นจึงหันมองผ่านกระจกรถพร้อมกับจ้องมองรูปร่างของเหลียงเฟิงอี้ที่เดินออกจากรถไปก่อน..
  และสิ่งที่กงเสี่ยวลู่จ้องบนเรือนร่างของเหลียงเฟิงอี้นั้นก็คือชุดแซกรัดรูปนั่นเอง!
  เหลียงเฟิงอี้สวมชุดที่รัดสะโพกและเอวคอดเล็กชุดนี้แม้จะไม่ได้มีราคาอะไรมากมาย แต่เมื่อยู่บนเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงามของเหลียงเฟิงอี้ ก็ดูมีราคาขึ้นมาทันที..
  แต่แล้วแววตาของกงเสี่ยวลู่ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อสังเกตเห็นก้นของเหลียงเฟิงอี้นั้น กระโปรงเป็นรอยยับที่เกิดจากการนั่งทับบนตักของหลิงหยุน..
  กงเสี่ยวลู่จ้องมองสะโพกและเอวเล็กที่เดินบิดไปมาของเหลียงเฟิงอี้ที่ดูเย้ายวนและน่าค้นหานั้นแล้ว ก็ได้แต่นึกอิจฉา..
  “เฮ้อ..เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่มากจริงๆ”
  กงเสี่ยวลู่ได้แต่ถอนหายใจแต่แล้วก็รีบหันไปถามหลิงหยุนราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “หลิงหยุน.. เมื่อครู่เธอทำร้ายคนพวกนั้น แน่ใจนะว่าพวกเขาจะไม่ตามเรามาที่นี่”
  คำถามของกงเสี่ยวลู่นั้นบ่งบอกว่าเธอยังคงกังวลกับเรื่องนี้อย่างมาก!
  หลิงหยุนมีเรื่องกับคนมากมายจริงๆ!
  เมื่อหลิงหยุนได้ฟังคำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของกงเสี่ยวลู่เขาก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับไปว่า..
  “ผมว่าคุณทำใจให้สบายจะดีกว่า..อย่าไปสนใจขยะพวกนั้นเลย รับรองได้ว่าภายในสิบวันนี้พวกมันไม่กล้ากลับมายุ่งกับผมแน่..”
  “แต่ถ้าพวกมันกล้ามายุ่งกับผมอีก..ก็จะต้องมีจุดจบแบบเดียวกัน!”
  น้ำเสียงของหลิงหยุนนั้นแม้แจะฟังดูราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็แฝงไว้ด้วยความมั่นอกมั่นใจที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกปลอดภัยได้อย่างบอกไม่ถูก
  หลิงหยุนช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถในการหาเรื่องใส่ตัวเองได้มากจริงๆ!แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง และเก่งกาจอย่างที่หาใครเทียบได้ยากเช่นกัน
  กงเสี่ยวลู่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนแล้วก็รู้สึกโล่งอกราวกับหินก้อนใหญ่ในอกได้ถูกยกออกไป เธอพยักหน้ารับรู้แล้วเปิดประตูรถเดินออกไปทันที
  “พี่หยุน..เราจะกินกันที่นี่จริงๆน่ะเหรอ”
  หลังจากที่หญิงสาวทั้งสี่เดินลงจากไปแล้วถังเมิ่งที่นั่งทำเป็นหูหนวกตาบอดมาตลอดทาง ก็หันไปถามหลิงหยุน
  “ตอนนี้เกาเฉินเฉินอยากกินอะไรพวกเราก็กินอันนั้นล่ะ!”
  หลิงหยุนนั้นเข้าใจความต้องการของเกาเฉินเฉินดีถึงแม้จะรู้ว่าการที่เกาเฉินเฉินมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้จะเป็นอันตรายอย่างมาก แต่เขาก็ยอม!
  และหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เป็นหน้าที่ของเขา..เกาเฉินเฉินนั้นต้องตกอยู่ในสภาพที่ตกอกตกใจ และหวาดกลัวมานานถึงสามเดือน จนน้ำหนักลงไปเป็นสิบกิโลกรัม อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมของตระกูลอีก..
  เวลานี้หลิงหยุนพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเพื่อคุ้มครองเกาเฉินเฉินให้ปลอดภัย..
  “นายขับรถไปจอดที่ลานจอดรถก่อนแล้วค่อยตามเข้าไป..” หลิงหยุนร้องบอกถังเมิ่ง แล้วเปิดประตูรถเดินตามหญิงสาวทั้งสี่ไป
  “ร้านตกแต่งได้สวยงามมากทีเดียว..”หลิงหยุนอดที่จะเอ่ยชมไม่ได้
  ภายในร้านมีสวนร่มรื่นที่แม้ว่าจะไม่ใหญ่โตนักแต่ก็มีต้นไม้ดอกไม้อยู่เต็มไปหมด ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน และหากมองลงมาจากที่สูงจะดูคล้ายกับว่าผู้คนที่อยู่ด้านล่างกำลังเดินอยู่ในก้นบ่อลึก..
  แต่ตึกสูงระฟ้าเหล่านั้นก็ได้ช่วยบดบังความวุ่นวายและเสียงหนวกหูจากด้านนอกไว้ อีกทั้งต้นไม้สีเขียวรอบร้านก็ช่วยลดอุณหภูมิที่ร้อนระอุลง ทำให้ผู้คนที่อยู่ภายในร้านสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นแทน..
  หลิงหยุนเดินสำรวจสภาพแวดล้อมของร้านไปอย่างช้าๆและเดินไปอีกเพียงแค่สองสามก้าว หลิงหยุนก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเกาเฉินเฉินกับฉางหลิงที่ยืนรออยู่
  “หลิงหยุน..เจ้าของร้านเป็ดปักกิ่งนี้แซ่ซัน ต้นตระกูลของเขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่ห้องเครื่องในสมัยราชวงศ์ชิง และมีหน้าที่ปรุงพระกระยาหารให้องค์ฮ่องเต้ แล้วสูตรเป็ดปักกิ่งของร้านนี้ก็ถูกถ่ายทอดจากบรรพชนสู่รุ่นต่อรุ่น..”
  เกาเฉินเฉินอธิบายรายละเอียดให้หลิงหยุนฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
  “อ่อ..ที่แท้ก็มีประวัติยาวนานนี่เอง! มิน่าคุณถึงได้อยากมากินที่นี่นัก ผมเองก็อยากลิ้มรสอาหารฮ่องเต้เหมือนกัน..” หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ
  ระหว่างที่เกาเฉินเฉินอธิบายนั้นดวงตางดงามของเหลียงเฟิงอี้ก็จ้องมองหลิงหยุนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ..
  แต่หลิงหยุนกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจ!
  “รีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า..หวังว่าในร้านจะไม่มีคนรอกินอยู่นะ ไม่งั้นพวกเราคงต้องเปลี่ยนไปกินร้านอื่น..”
  เกาเฉินเฉินร้องบอกพร้อมกับดึงมือฉางหลิงเข้าไปในร้านทันที..
  หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับร้องถามเกาเฉินเฉิน“ให้ทางร้านเสริมโต๊ะไม่ได้เหรอ ดีกว่าต้องย้ายไปกินร้านอื่น”
  เกาเฉินเฉินหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เชฟซันจะทำอาหารแค่วันละสองโต๊ะเท่านั้น โต๊ะหนึ่งตอนกลางวัน ส่วนอีกโต๊ะตอนเย็น แล้วคนที่จะมากินอาหารที่นี่ได้นั้น ก็ต้องเป็นคนที่มีฐานะไม่ธรรมดาเท่านั้น ต่อให้โทรจองล่วงหน้าก็ไม่มีโอกาสจะได้กิน..”
  หลิงหยุนเพียงแค่พึมพำออกมาว่า“อ่อ.. ที่แท้ก็ฝีมือเชฟใหญ่!”
  สำหรับคนอื่นอาจจะเห็นเป็นเชฟใหญ่แต่กลับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลิงหยุน เพราะค่ารักษาของเขาครั้งละสามแสนหยวน ยังมีคนยอมจ่ายเลย!
  “ค่าอาหารโต๊ะละเท่าไหร่เชียว”หลิงหยุนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “มันไม่ใช่เรื่องเงิน..การกินอาหารร้านนี้ไม่ได้มีความหมายแค่กินให้อิ่ม กินให้อร่อย แต่มันยังเป็นการบ่งบอกฐานะของคนกินด้วย ถ้าเป็นร้านอาหารที่ใครมีเงินก็เข้าไปกินได้ มันจะพิเศษตรงใหนกันล่ะ!”
  หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกและได้แต่คิดว่า ‘เฮอะ.. เจ้ายังไม่เคยลิ้มรสอาหารที่ปรุงด้วยน้ำลายมังกรของข้าน่ะสิ!’
  เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มเหยียดระหว่างที่รอถังเมิ่งซึ่งกำลังวิ่งตามมา..
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนและคนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงพูดดังขึ้นว่า..
  “ไม่ทราบว่ามาทานอาหารกับเหรอครับ ถ้าใช่.. ทางเราต้องขออภัยด้วยนะครับ เพราะมีแขกจองโต๊ะไว้แล้ว!”
  ชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบปีแม้จะแต่งตัวเรียบร้อย และพูดจาสุภาพ แต่สีหน้าท่าทางก็เฉยเมยบ่งบอกว่าไม่ต้อนรับลูกค้า..
  แต่เกาเฉินเฉินยังคงยืนด้วยท่าทางสงบนิ่งพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ “ขอโทษนะคะ.. รบกวนคุณช่วยไปบอกเชฟซันด้วยว่าคนจากตระกูลเกามาทานอาหาร”
  “อะไรนะตระกูลเกาเหรอครับ?”
  ชายวัยกลางคนผู้นั้นได้ฟังก็ถึงกับตกใจแล้วรีบส่งยิ้มให้เกาเฉินเฉิน และโค้งตัวลงคำนับพร้อมตอบกลับไปว่า
  “ถ้าอย่างนั้นรบกวนรอประเดี๋ยวนะครับผมจะเข้าไปเรียนเชฟซันก่อน!”
  ทันทีที่ชายผู้นั้นเดินออกไปหลิงหยุนก็หันไปถามถังเมิ่งว่า “ถังเมิ่ง.. นายว่าคลินิกของฉันทำแบบนี้บ้างจะดีมั๊ย ฉันว่ามันดูขลังดีนะ!”
  หลิงหยุนรู้สึกไม่พอใจอย่างมากแม้ต้นตระกูลของเขาไม่ได้เป็นพ่อครัวในสมัยราชวงศ์ชิง แต่เขาเองก็เป็นถึงเซียนหมออมตะ..
  ถังเมิ่งมองหลิงหยุนพร้อมกับแอบคิดในใจว่า..หลิงหยุนบ้าไปแล้วหรือยังไง
  “ทำไม..นี่นายว่าไม่ดีเหรอ! ฮ่า.. ฮ่า..” หลิงหยุนหัวเราะร่าขณะที่เดินเข้าไปในร้าน
  ทันทีที่เข้าไปในร้าน..หลิงหยุนก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของกงเสี่ยวลู่ ใบหน้าของเธอซีดเซียว ดวงตานิ่งเรียบ และริมฝีปากเริ่มสั่น
  หลิงหยุนนึกประหลาดใจในท่าทางผิดปกติของกงเสี่ยวลู่แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา..
  “ร้านอาหารที่นี่ตกแต่งแปลกจังฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย..”
  หลิงหยุนถามขึ้นพร้อมกับหันไปมองผนังโต๊ะ และเก้าอี้ที่ใช้ตกแต่งภายในร้าน..
  แต่หลิงหยุนพูดยังไม่ทันจบทุกคนก็หัวเราะกันคิกคัก และถังเมิ่งก็พูดขึ้นมาว่า
  “พี่หยุน..ไม่แปลกหรอกที่พี่จะไม่เคยเห็น เพราะพี่ไม่ค่อยได้ดูทีวี!”
  ภายในร้านตกแต่งเลียนแบบพระราชวังในสมัยต้าชิงซึ่งมีทั้งรูปมังกรแกะสลัก และข้าวของเครื่องใช้โบราณ หากหลิงเคยดูละครย้อนยุค หรือเคยไปเที่ยวชมพระราชวังต้องห้าม เขาก็คงจะไม่รู้สึกตื่นเต้นถึงเพียงนี้
  ระหว่างที่รออยู่ภายในร้านนั้นหลิงหยุนและคนอื่นๆก็นั่งลงที่เก้าอี้ และชายคนเดิมก็เดินออกมาพูดกับเกาเฉินเฉินว่า
  “คุณผู้หญิง..พอดีวันนี้มีแขกจองโต๊ะมาแล้ว ตอนนี้เชฟซันเองก็กำลังเตรียมอาหารให้กับแขกท่านนี้อยู่ จึงไม่สามารถออกมาต้อนรับคุณได้..”
  ฉางหลิงที่นั่งฟังอยู่จึงถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ“นี่บ่ายโมงครึ่งแล้ว ใครกันนะที่จะมาทานอาหารตอนนี้”
  ชายหนุ่มผู้นี้รู้จักกฎของร้านดีจึงไม่ยอมเปิดเผยชื่อแขกที่จะมาทานอาหาร เขาเพียงแค่ยิ้มและบอกกับเกาเฉินเฉินว่า
  “แต่เชฟซันบอกว่าครอบครัวของคุณมาทานอาหารที่นี่เป็นประจำจึงจะทำให้กับคุณเป็นพิเศษครับ..”
  “ขอเชิญทุกท่านทางนี้ครับ..”ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นผายไปทางด้านตะวันตกของร้าน
  หลิงหยุนถึงกับยิ้มเหยียดพร้อมกับคิดในใจว่า..กฎระเบียบมีไว้ให้ฝ่าฝืนสินะ!
  หลังจากนั้นทุกคนก็เดินตรงไปที่ห้องส่วนตัวที่อยู่ทางด้านตะวันของร้านทันที..
  และในขณะนั้นเองเสียงรถก็ดังขึ้นอยู่ด้านหน้าภัตตาคาร และมีเสียงร้องตะโกนดังขึ้นมาว่า
  “รถกระจอกๆของใครมาจอดอยู่ตรงนี้..ลากมันออกไป!”
  เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของหลิงหยุนและถังเมิ่งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาพร้อมกันทันที ดวงตาของหลิงหยุนจ้องเขม็งพร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านหน้าประตูทางเข้าทันที..
  หลิงหยุนพบว่าผู้ที่มาก็คือเฉินเซินแห่งตระกูลเฉิน!และมันก็ไม่ได้มาเพียงคนเดียว..
บทที่ 798 : โลกกลม!
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนเข้าไปสำรวจคฤหาสน์ตระกูลเฉินหลังแรกเพื่อค้นหาที่ซ่อนของเกาเฉินเฉินนั้นหลิงหยุนถึงกับตกตะลึงในขุมกำลังที่ตระกูลเฉินซ่อนไว้ และในครั้งนั้นเขาก็ได้พบกับเฉินเซินด้วย
  ตอนนั้น..เฉินเซินกำลังอยู่กับเพลิดเพลินอยู่กับร่างของเด็กสาวที่เพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น!
  นับแต่นั้นมา..เฉินเซินก็เป็นเพียงแค่ซากศพเดินได้ในสายตาของหลิงหยุนเท่านั้น เพราะเขาหมายที่เด็ดหัวของมันไว้แล้ว
  แต่เพราะเวลานั้นหลิงหยุนได้สำรวจภายในบ้านจนหมด แต่ก็ไม่พบเกาเฉินเฉิน เขาจึงไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงได้ไว้ชีวิตเฉินเซินไปก่อน ทำให้มันยังมีลมหายใจมาจนถึงตอนนี้
  แต่ตอนนี้หลิงหยุนช่วยทั้งลุงสองของเขาและเกาเฉินเฉินออกมาได้แล้ว อีกทั้งยังจับตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยไว้ได้ด้วย เขาจึงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลใจอีก
  เวลานี้เฉินเซินยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าหลิงหยุนได้ทำอะไรกับตระกูลเฉินไว้บ้างหากมันรู้เข้าคงจะเคียดแค้น และโกรธเกลียดจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับหลิงหยุนได้อีกแน่..
  เวลานี้เฉินเซินยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฉินไห่คุนพ่อของมันนั้นได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปแล้ว..
  แต่ต่อให้เฉินเซินจะไม่แค้นเคืองเรื่องที่หลิงหยุนสังหารพ่อของตนเองตายแต่นับจากคืนที่ตระกูลเฉินส่งคนไปทำลายตระกูลหลิงนั้น ทั้งสองตระกูลก็ได้กลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว เรียกได้ว่าเวลานี้สองตระกูลยากที่จะอยู่ร่วมโลกกันได้!
  และด้วยความโกรธเกลียดในใจของหลิงหยุนเวลานี้หากเขาไม่สังหารเฉินเซินทิ้งเสีย ก็คงจะต้องนึกเสียใจไปตลอดชีวิต!
  ระหว่างที่หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจพบเฉินเซินนั้นรังสีสังหารก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งจิตใจของหลิงหยุน..
  “ทางสวรรค์มีเจ้ากลับไม่เดินแต่กลับเลือกที่จะเปิดประตูนรกที่ปิดไว้ เจ้าคงยังไม่รู้ตัวสินะ.. ว่าข้ากำลังจะถอนรากถอนโคลนตระกูลเฉินของเจ้า”
  แต่ระหว่างนั้น..คิ้วตรงทั้งสองข้างของหลิงหยุนก็เลิกขึ้นด้วยความสงสัย และถึงกับตกตะลึง!
  นั่นเพราะจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนจับภาพรถคันหนึ่งและคนคนหนึ่งได้!
  มันคือรถAudi Q7 ที่ป้ายทะเบียนรถขึ้นต้นว่า ‘ปักกิ่ง A’ รถยี่ห้อนี้ สีนี้ รุ่นนี้ และป้ายทะเบียนนี้ ได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของหลิงหยุนอย่างไม่มีวันลืมเลือน เขาจึงจดจำมันได้อย่างแม่นยำ!
  สำหรับคนขับรถนั้นแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่เคยเผชิญหน้ากับมันมาก่อน แต่ต่อให้มันกลายเป็นเถ้าถ่าน หลิงหยุนก็ยังสามารถจดจำได้!
  ชายผู้นั้นดูแข็งแกร่งตัดผมสั้นดังเช่นคนปกติทั่วไป ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ มันยังคงสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำ ดวงตาของมันดูเย็นชา หน้าตาเคร่งเครียด และไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม..
  หลังจากที่หลิงหยุนได้พบชายผู้นี้เขาก็ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าได้พบเฉินเซินเสียอีก เวลานี้เลือดในกายของหลิงหยุนพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที!
  “ยังไม่ทันได้ตามหา..เจ้าก็มาปรากฏตัวเสียแล้ว!”
  ตั้งแต่มาถึงปักกิ่งหลิงหยุนก็มัววุ่นวายอยู่กับการช่วยเหลือเกาเฉินเฉิน และต่อสู้กับตระกูลเฉิน จึงยังไม่มีเวลาตามสืบเรื่องศัตรูที่สั่งฆ่าตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะสามารถพบมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
  รอยยิ้มเมื่อครู่มลายหายไปทันทีใบหน้าหล่อเหลาของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เย็นชา และน่าหวาดกลัวสยดสยองขึ้นมาแทน..
  “โลกช่างกลมนัก!”
  ระหว่างที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจจู่ๆรังสีสังหารก็กระจายไปทั่วร่างของหลิงหยุน และริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน
  “พี่หยุน..มีอะไรงั้นเหรอ”
  “หลิงหยุน..เป็นอะไรไป”
  ถังเมิ่งเกาเฉินเฉิน และคนอื่นๆต่างก็ขนหัวลุกเมื่อสังเกตเห็นรังสีสังหารที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงหยุน และพบว่าหลิงหยุนมีท่าทางผิดปกติไป จึงรีบร้องถามขึ้นมาทันที
  “ไม่มีอะไรมากหรอก..”
  “เฉินเฉินศัตรูของพวกเรากำลังจะเข้ามาในร้านนี้แล้ว!”
  สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งดังเดิมในเวลาอันรวดเร็วและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “อะไรนะศัตรูงั้นเหรอ?” เหลียงเฟิงอี้กับฉางหลิงได้แต่ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
  กงเสี่ยวลู่ขมวดคิ้วโค้งมนของเธอเล็กน้อยพร้อมกับอ้าปากกว้าง และส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจโลกของหลิงหยุน
  ตลอดทางที่นั่งรถมาพร้อมกับหลิงหยุนนั้นก็เกิดเรื่องราวขึ้นตลอด แม้กระทั่งมากินอาหารในสถานที่ส่วนตัวเช่นนี้ ก็ยังไม่วายมีเรื่องจนได้ นี่หลิงหยุนมีศัตรูมากมายแค่ใหนกัน!
  กงเสี่ยวลู่กำลังครุ่นคิดว่า..หลิงหยุนมาปักกิ่งด้วยเหตุผลอะไร และมาทำอะไรกันแน่? อีกทั้งเกาเฉินเฉินซึ่งหายหน้าหายตาไปถึงสามเดือน แต่เวลานี้กลับอยู่กับหลิงหยุน?
  กงเสี่ยวลู่รู้สึกงุนงงและไม่เข้าใจ..เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นห่างไกลจากโลกของหลิงหยุนมากเหลือเกิน..
  เกาเฉินเฉินได้ยินว่าศัตรูกำลังมาแต่กลับยังสามารถอยู่ในอาการสงบนิ่งได้ เธอเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามออกมว่า
  “ตระกูลเฉินใช่มั๊ย”
  หลังจากการต่อสู้ในคืนนั้นเกาเฉินเฉินก็ยิ่งมั่นอกมั่นใจในตัวหลิงหยุนมาก เธอจึงไม่มีความกังวลใดๆเลยแม้แต่น้อย
  หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเรียกแว่นกันแดดออกมาจากแหวนพื้นที่สองอัน เขาจัดการใส่ปกปิดใบหน้าหล่อเหลาของตนเองหนึ่งอัน ส่วนอีกอันส่งให้เกาเฉินเฉิน..
  จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง“ใช่.. มันชื่อเฉินเซิน! คุณรู้จักมันมั๊ย”
  เกาเฉินเฉินกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดเสียงรอดไรฟันว่า“แน่นอน.. ต่อให้แล่เนื้อมันทิ้งเหลือแต่กระดูก ฉันก็จำมันได้!”
  คนตระกูลเกาถูกคนตระกูลเฉินสังหารตายเกือบหมดความโกรธเกลียดเคียดแค้นในใจ ยากนักที่เกาเฉินเฉินจะลืมเลือนได้..
  “เอาล่ะ..คุณใส่แว่นกันแดดนี่ก่อน แล้วรอดูอะไรสนุกๆ!”
  หลิงหยุนเข้าใจความรู้สึกของเกาเฉินเฉินได้ดีเขาจึงยื่นมือไปลูบไหล่เกาเฉินเฉินอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบปะโลม
  ภาพที่หลิงหยุนลูบไหล่เกาเฉินเฉินด้วยความอ่อนโยนนั้นทำให้กงเสี่ยวลู่ และฉางหลิงถึงกับต้องเม้มริมฝีปากแน่น..
  ในขณะที่เหลียงเฟิงอี้ถึงกับถอยหลังไปและไม่พูดอะไรอีกเลย เมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดว่าศัตรูของเขากำลังจะมาที่นี่..
  “เชอะ!ฉันเองก็อยากจะเห็นหน้าพวกมันเหมือนกันว่าเป็นใคร ถึงได้กร่างแบบนี้!”
  ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทนและวิ่งตรงไปที่หน้าประตูทันที
  ตั้งแต่กลายมาเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับหลิงหยุนถังเมิ่งก็ไม่ต่างจากราชาหากอยู่ในจิงฉู เขาจึงรู้สึกทนไม่ได้เมื่อถูกผู้อื่นลูบคมเช่นนี้..
  “พวกคุณสี่คนนั่งรออาหารมเสริฟอยู่ในห้องก่อน!แล้วช่วยบอกเชฟซันว่าให้เตรียมอาหารเพียงแค่โต๊ะเดียวก็พอ จะได้ไม่เสียของ!”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็ลุกขึ้นเดินตามถังเมิ่งไปที่หน้าประตู
  เกาเฉินเฉินและหญิงสาวอีกสามคนต่างก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้เช่นกันทันทีที่ร่างของหลิงหยุนเดินพ้นจากห้องไปแล้ว ทั้งสี่คนก็รีบวิ่งตามออกไปทันที สถานการณ์เช่นนี้ มีใครบ้างเล่าที่จะยังนั่งนิ่งรอรับประทานอาหารได้อีก!
  ………
  “ขับรถกระจอกๆแบบนี้ยังกล้ามานั่งกินอาหารที่นี่อีกเรอะ!”
  ทันทีที่หลิงหยุนไปถึงถนนด้านนอกร้านก็เห็นเฉินเซินกำลังนั่งอยู่ในรถหรูคันหนึ่ง ดวงตาหรี่เล็กคมราวกับเหยี่ยวของมันจับจ้องอยู่ที่ถังเมิ่ง และรถแลนด์โรเวอร์พร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
  หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน..เขายืนเอามือไขว้หลังพร้อมกับจ้องมองรถสามคันที่กำลังจอดอยู่ด้านหน้าของเขาอย่างเงียบๆ
  รถคันแรกคือรถAudi Q7 สีดำ ตรงกลางคือรถหรูคันที่เฉินเซินขับมา ซึ่งเบาะหลังมีหญิงสาวในวัยสามสิบปีนั่งอยู่ ใบหน้าของเธอนั้นงดงามราวกับเทพธิดา ลักษณะท่าทางสง่างามภูมิฐาน ใบหน้าแต่งไว้อย่างสวยงาม และสวมเสื้อผ้าค่อนข้างเปิดเผย ชุดที่เธอสวมใส่นั้นบ่งบอกว่าเป็นผู้นำแฟชั่นคนหนึ่ง..
  แม้ว่าจะอยู่ในรถแต่หญิงสาวหน้าตางดงามผู้นั้นก็ยังคงสวมแว่นกันแดดปิดบังใบหน้าไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถปกปิดสายตาจากเนตรหยิน-หยางของหลิงหยุนได้
  ข้างๆหญิงสาวหน้าตางดงามนั้นมีหญิงสาวอีกหนึ่งคนนั่งประกบอยู่ ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยของสาวสวยอีกที..
  “หญิงสาวผู้นั้นดูแปลกนัก..”
  หลิงหยุนเพียงแค่กวาดสายตาดูก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าหญิงสาวหน้าตาสวยงามผู้นี้ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์..
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองรถคันสุดท้ายซึ่งมีผู้โดยสารทั้งหมดสี่คนแต่เพียงแค่กวาดตามองหลิงหยุนก็รู้แล้วว่าทั้งหมดล้วนเป็นหนุ่มเพลย์บอยทั้งสิ้น แต่ละคนดูเย่อหยิ่งจองหอง และพูดจากันอย่างคะนองปาก..
  “เจ้าสาม..เจ้าว่าคืนนี้คุณชายเฉินกับฟ่านลู่ปิงจะมีอะไรกันมั๊ย”
  “ข้าว่าต้องมีแน่นอนอยู่แล้ว..เพราะคุณชายเฉินพูดว่าถ้าคืนนี้เขาไม่จัดการกับฟ่านลู่ปิง เขาก็ต้องแพ้พนันถึงห้าล้าน!”
  “ห้าล้านเชียวเหรอข้าว่าคุณชายเฉินเป็นฝ่ายชนะแน่!”
  หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาของหนุ่มเพลย์บอยทั้งสี่คนซึ่งอยู่ในรถคันที่สามหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับคิดในใจว่า ที่แท้ซุปเปอร์สตาร์ที่คนมารอรับกันเต็มสนามบินหนานหยวนนั้นชื่อ.. ฟ่านลู่ปิง!
  และเฉินเซินถึงกับมารับด้วยตัวเองหลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า
  ‘เฉินเซิน..เจ้าช่างน่าขันสิ้นดี คิดจะนอนกับฟ่านลู่ปิงงั้นรึ เอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน!’
  แววตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำของหลิงหยุนนั้นเป็นประกายสังหารขึ้นมาอีกครั้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร