Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 915

จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 915 : สังหารแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส!
  หลังจากเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายนับไม่ถ้วนหลิงหยุนก็ได้ใช้กำลังภายในหมดไปเกือบจะครึ่งหนึ่งแล้ว..
  แม้ว่าหลิงหยุนจะยังไม่ถึงกับรู้สึกอ่อนล้าหมดเรี่ยวหมดแรงแต่อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่มีพลังอำนาจมากถึงสามตน และยังเหลือแวมไพร์ขั้นเคานต์อีกหลายสิบตน ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นจึงเป็นสิ่งที่หลิงหยุนไม่อาจประมาทได้..
  แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใดเขายังมีลูกธนูเงินอีกมากมาย มียันต์เตโช และมีปราณเสวียนปราณหวงที่สามารถสะกดเหล่าแวมไพร์ได้
  อีกทั้งยังมีน้ำลายมังกรและพลังอมตะสีเหลืองและดำซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องหยก พลังชีวิตเหล่านี้หลิงหยุนสามารถเรียกขึ้นมาดูดซับเข้าไปในร่างกายได้ทันที
  และที่สำคัญ..หลิงหยุนยังมีไพ่ใบสำคัญซึ่งก็คือวิชาหยางพิสุทธิ์นั่นเอง!
  ดังนั้น..หลิงหยุนจึงมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหากศัตรูตรงหน้าไม่ถอยหนีกันไปเสียก่อน เขาจะสามารถสังหารแวมไพร์ที่เหลือได้หมดอย่างแน่นอน
  แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีศัตรูตามเขามาอีกมากมายเท่าไหร่ เขาจึงไม่ต้องการแสดงพลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของตนเองออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาหยางพิสุทธิ์ เพราะเป็นสิ่งล้ำค่าเกินไป หากไม่เผชิญหน้ากับความเป็นความตายจริงๆ หลิงหยุนก็จะไม่ใช้มันอย่างเด็ดขาด
  “ฆ่าพวกมันให้หมด!”
  เมื่อเจสเตอร์ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้วหลิงหยุนก็กระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นหลังของเจสเตอร์อีกครั้ง และกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นในมือซ้าย เวลานี้ทั้งคู่ไม่ต่างจากอินทรีย์ที่กำลังเหินอยู่กลางท้องนภาอย่างสง่างาม และพุ่งตรงเข้าใส่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสามตน!
  ในเรื่องของการรักษานั้นหลิงหยุนนับว่าทำได้รวดเร็วกว่ามาร์ควิสแอนเดอร์สันมาก เพราะจนถึงตอนนี้มาร์ควิสแอนเดอร์สันยังคงไม่เสร็จสิ้นกระบวนการรักษาเลย..
  แวมไพร์ขั้นเคานต์ที่ยังรอดชีวิตต่างก็ไม่สนใจใยดีชีวิตของตนเอง แม้รู้ว่าจะต้องตายด้วยคมกระบี่ของหลิงหยุน แต่ก็ยังคงพุ่งเข้าต่อสู้กับหลิงหยุนตนแล้วตนเล่า..
  ศัตรูของหลิงหยุนนั้นถูกสังหารตายไปจนเหลือไม่มากเท่าไหร่..แต่หลิงหยุนกับเจสเตอร์กลับดูผ่อนคลาย และสดชื่นมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ครั้งนี้หลังจากได้รับปราณเสวียนและปราณหวงเข้าไป เจสเตอร์จึงรู้สึกกระชุ่มกระชวย และหัวสมองปลอดโปร่ง สามารถคิดการได้เฉลียวฉลาดมากขึ้น
  ดังนั้นแทนที่จะบินตรงเข้าไปกลางฝูงแวมไพร์มันกลับบินสูงขึ้น และวนไปรอบๆ ฝูงแวมไพร์ ก่อนจะบินออกโฉบออกมาอีกครั้ง..
  นี่เท่ากับเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำเพื่อสลายฝูงแวมไพร์ที่บินป้องกันอยู่เหนือแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสามตน..
  หลิงหยุนมีหน้าที่เพียงแค่คิดว่าจะจะสังหารฝูงแวมไพร์ให้หมดไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไรเขาถ่ายเทพลังหยินและหยางลงไปบนกระบี่สีดำ เมื่อไอดำที่ปกคลุมกระบี่ และตัวกระบี่สีดำฟาดฟันเข้ากับร่างของแวมไพร์ตนใด ก็จะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะร่วงลงไปตายในที่สุด..
  จากการต่อสู้ในครั้งนี้..ทำให้หลิงหยุนได้รับรู้ว่าสำหรับแวมไพร์แล้ว พวกมันสามารถยอมพลีทั้งกายและวิญญาณให้กับผู้เป็นเจ้านายได้เลยทีเดียว!
  และหากดยุคแดร๊กคิวล่าซึ่งเป็นราชาแห่งแวมไพร์นำทัพมาด้วยตัวเองประเทศจีนไม่ต้องพบกับหายนะใหญ่หลวงงั้นหรือ
  หลิงหยุนได้แต่แอบหวาดผวาอยู่ในใจแต่ก็ไม่แสดงสิ่งใดออกมา และยิ่งสังหารพวกมันได้มากเท่าไหร่ หลิงหยุนก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น เขาทำการสังหารแวมไพร์ขั้นเคานต์และไวส์เคานต์อยู่กลางอากาศโดยไม่พูดอะไร!
  เวลานี้เหลือเพียงแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งสามที่ยังคงอยู่บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิง..
  ครั้งนี้เจสเตอร์ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บอีกจะต้องรักษาความแข็งแกร่ง และสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด
  “เจ้านาย..พวกเราจะต้องรีบสังหารพวกมันให้ตายทั้งหมดตอนนี้เลยรึ”
  เมื่อเจสเตอร์เห็นว่าจนถึงตอนนี้หลิงหยุนสามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ไปได้มากมายถึงห้าร้อยกว่าตนแล้ว มันจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าหลิงหยุนที่อยู่บนหลังของตนนั้นจะเหนื่อยล้ามากเพียงใด
  “อย่างไรพวกมันก็คงจะไม่หนีไปใหนในเมื่อพวกมันไม่หนี พวกเราก็ควรพักก่อนจะดีกว่า.. เพราะข้าเสียพลังไปกับการไล่ฆ่าแวมไพร์ปลายแถวไปมากแล้ว!”
  แม้ว่าหลิงหยุนจะยังไม่ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงไปเลยทีเดียวแต่การที่ต้องน้าวสายธนูนับครั้งไม่ถ้วน และต้องจับกระบี่ฟาดฟันใส่ศัตรูนับร้อยๆ ครั้งเช่นนี้ ความแข็งแกร่งในตัวก็ย่อมลดลงเป็นธรรมดา เพราะเขายังคงเป็นมนุษย์.. ไม่ใช่เซียน!
  และคันธนูทองของหลิงหยุนนั้นแต่ละครั้งที่น้าวสายธนูก็ต้องใช้แรงดึงเป็นร้อยๆ กิโลกรัม ในขณะเดียวกันกระบี่โลหิตแดนใต้ และดาบพายุ ก็ยังมีน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมเช่นกัน เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เรียวแรงของหลิงหยุนลดลงได้อย่างไรกัน
  ทั้งหมดนี้ล้วนต้องใช้ความแข็งแกร่งและพละกำลังของร่างกาย อีกทั้งเพื่อเป็นการระมัดระวังไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ หลิงหยุนจึงต้องเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดไว้คอยระแวดระวังการโจมตีของศัตรูอีกด้วย เขาจึงสูญเสียกำลังภายในไปไม่น้อย!
  หลังจาที่ไล่ล่าสังหารศัตรูไปอย่างดุเดือดเวลานี้ร่างกายหลิงหยุนก็ใช้กำลังไปถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ และเนื้อตัวก็มีเลือดเปื้อนอยู่เต็มไปหมด มือไม้ก็เริ่มอ่อนล้า..
  หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่ามาร์ควิสแอนเดอร์สันจะใช้ให้แวมไพร์ที่เหลือสองร้อยตนสุดท้ายต้องมาตายเช่นนี้ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าแวมไพร์เหล่านั้นไม่มีทางสังหารหลิงหยุนได้ แต่อย่างน้อยพวกมันก็จะทำให้หลิงหยุนต้องใช้พลังในการต่อสู้ และในที่สุดพละกำลังของหลิงหยุนก็จะลดลงจากเดิม อย่างน้อยก็ต้องกว่าครึ่ง!
  และในเมื่อโอกาสที่มันรอคอยมาถึงแล้วมีหรือที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันผู้ผ่านโลกมานานหลายร้อยปี จะยอมเสียโอกาสดีๆเช่นนี้ไป!
  “จัดการแย่งดาบวิเศษของแวมไพร์กลับไปและจับปีศาจตนนี้กลับไปให้เจ้านาย!”
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันกระซิบบอกแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกสองตนจากนั้นมันก็กระพือปีกใหญ่ยักษ์นั้นบินเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
  แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกสองตนบินตามแอนเดอร์สันและพุ่งตรงไปหาหลิงหยุนทันที แม้พวกมันจะเหลือกันเพียงแค่นี้ แต่การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายที่แท้จริงก็เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น!
  “งั้นรึ..ข้าจะคอยดู!”
  หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและร้องบอกเจสเตอร์ให้บินไปทางเทือกเขาเซียนเหยินหลิงแทน
  ใช่ว่าหลิงหยุนจะหวาดกลัวไม่กล้าปะทะ..เพียงแต่ไม่ต้องการที่จะสู้กับพวกมันบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงต่างหาก เขาสู้กับศัตรูบนยอดเขาแห่งนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว และคาดว่ายอดฝีมือของตระกูลเฉินกับตระกูลซันก็น่าจะใกล้มาถึงแล้วเช่นกัน หากยอดฝีมือที่มาล้วนแข็งแกร่งในระดับเดียวกับหลิงหยุน เขาคงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมากแน่..
  แต่ไม่ว่าตระกูลเฉินและตระกูลซันจะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากเพียงใดมาก็ตามหลิงหยุนก็สามารถหาวิธีที่จะสังหารพวกมันได้อยู่ดี และครั้งนี้ทั้งตระกูลซันกับตระกูลเฉินจะต้องหลั่งเลือดครั้งใหญ่!
  ‘หากพวกเจ้าไม่มาพวกเจ้าก็จะไม่ตาย!’
  และนับว่าโชคดีที่หลิงหยุนเป็นคนมองการณ์ไกลและการที่จะสู้ต่อ หรือหลบหนีนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการตัดสินใจของหลิงหยุนเพียงผู้เดียวทั้งสิ้น!
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันและแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกสองตน กำลังบินไล่ตามหลิงหยุนไป แน่นอนว่าพวกมันย่อมต้องบินได้เร็วกว่าเจสเตอร์ซึ่งเป็นแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อย่างแน่นอน
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันพูดภาษาจีนไม่ได้จึงร้องตะโกนบอกหลิงหยุนเป็นภาษาอังกฤษ
  “Mr.Ling, we can make a deal. If you return the holy Storm Sword to us, I can promise that the hate between you and Blood Clan will be written off!”
  (มิสเตอร์หลิง..พวกเรามาเจรจากันจะดีกว่า ผมรับรองว่าตราบใดที่คุณคืนดาบพายุศักดิ์สิทธิ์ให้กับแวมไพร์ ความแค้นระหว่างคุณกับเหล่าแวมไพร์จะเป็นอันจบสิ้นกัน!)
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันประเมินว่าหลิงหยุนเริ่มอ่อนแรงแล้วและกำลังคิดที่จะหนี มันจึงรีบเจรจากต่อรองกับหลิงหยุนทันที และหวังที่จะได้ดาบพายุกลับคืนให้กับเหล่าแวมไพร์..
  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่นึกขัน‘ข้ากำลังจะเล่นซ่อนหากับพวกเจ้าต่างหากเล่า.. นี่เจ้าคิดว่าข้ากลัวพวกเจ้าจริงๆงั้นรึ’
  หลิงหยุนเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา..เขาดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังชีวิต และเริ่มเดินลมปราณภายในร่างกายทันที ขณะที่พลังหยิน และหยางในร่างกายของหลิงหหยุนค่อยๆ เพิ่มขึ้นเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาดังเดิมนั้น เขาก็เรียกต้นหลิวเทวะซึ่งเป็นสมบัติประจำตระกูลหลิงออกมา และพลังชีวิตธาตุไม้ก็กระจายออกมาจากหลิวเทวะต้นนั้น..
  ทันทีที่น้ำลายมังกรเข้าไปในร่างกายปราณมังกรก็เคลื่อนตัวไปตามเส้นลมปราณของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังภายในค่อยๆฟื้นฟูกลับคืนมา ในเวลาเดียวกันพลังชีวิตธาตุไม้จากต้นหลิวเทวะก็ถูกดูดซับเข้าไป หลิงหยุนจึงรู้สึกสดชื่นอย่างมาก จุดตันเถียนที่อัศจรรย์ของเขาก็เริ่มหมุนเร็วขึ้น และกระแสวนหยิน-หยางก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็วเช่นกัน และได้สร้างพลังหยิน-หยางขึ้นภายในร่างกายใหม่ แล้วจึงเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณวิสามัญทั้งแปดเส้นทันที!
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกน้ำเต้าวิเศษและต้นหลิวเทวะกลับเข้าไปเก็บในแหวนพื้นที และเรียกคันธนูทองคำออกมาอีกครั้ง
  “เจสเตอร์..เจ้าบินช้าลงหน่อย ข้าจะยิงพวกมัน!”
  หลิงหยุนหันหลังไปเผชิญหน้ากับแวมไพร์ทั้งสามตนที่กำลังไล่ล่าตามหลังมาเขาแอบเรียกลูกธนูเงินออกมาสามดอก และหลังจากเปิดจิตหยั่งรู้จับไว้ที่ร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนหนึ่งแล้ว หลิงหยุนก็น้าวสายธนูยิงออกไปทันที!
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  เสียงลูกธนูเงินทั้งสามดอกพุ่งไปยังเป้าหมายที่อยู่ห่างไปเพียงแค่ห้าสิบเมตรระยะที่กระชั้นชิดเช่นนี้ มีหรือที่มาร์ควิสตนนั้นจะหลบได้ทัน ร่างของมันจึงถูกธนูเงินทั้งสามดอกเข้าไปพร้อมกัน.. เรียกได้ว่าไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โต!
  “เลี้ยวเจสเตอร์!”
  หลังจากยิงเข้าเป้าหมายได้อย่างเป็นที่พอใจแล้วหลิงหยุนจึงร้องตะโกนสั่งให้เจสเตอร์เลี้ยวไปอีกด้านทันที เจสเตอร์เองก็ช่างรู้ใจหลิงหยุนนัก มันบินพุ่งเข้าใส่ร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันทันที!
  เมื่อครู่พวกมันเป็นฝ่ายไล่ล่าและหลิงหยุนเป็นฝ่ายหนี แต่ตอนนี้กลับกัน.. หลิงหยุนพลิกมาเป็นฝ่ายไล่ล่า
  “แย่แล้ว!”
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันเห็นหลิงหยุนสามารถสังหารแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกหนึ่งตนได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีมันถึงกับพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนอย่างคลุ้มคลั่ง พร้อมกับอ้าปากกัดลิ้นตนเอง และเมื่อเข้าไปใกล้จึงพ่นละอองเลือดใส่หลิงหยุนทันที!
  “ละอองปีศาจ!”
  และนี่คืออีกหนึ่งเวทย์มนต์ของเหล่าแวมไพร์..ละอองปีศาจนี้นอกจากจะมีพิษแล้ว ยังสามารถปิดกั้นการมองเห็นจากศัตรูอีกด้วย
  “เจ้านาย..ระวัง! มันเป็นละอองพิษ!”
  เจสเตอร์นั้นมีพลังอำนาจที่ด้อยกว่ามาร์ควิสแอนเดอร์สันถึงสองขั้นมันจึงรีบบินหลบทันที แต่ก็ไม่ทันการ เพราะเวลานี้ละอองปีศาจได้ปกคลุมร่างของหลิงหยุนจนแดงเถือกไปหมด เขาจึงกลั้นหายใจ และเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุด..
  “บินไปทางซ้าย!”
  เจสเตอร์นั้นไม่สามารถต้านทานอานุภาพของละอองปีศาจได้มันจึงไม่สามารถมองเห็นทิศทางข้างหน้า และได้แต่บินไปตามคำสั่งของหลิงหยุน
  แต่ใช่ว่าเจสเตอร์จะไร้ประโยชน์..เพียงแต่หลิงหยุนนั้นมีทั้งจิตหยั่งรู้ และเนตรหยิน-หยาง เขาจึงสามารถมองทะลุหมอกดำนี้ไปได้ อีกทั้งยังได้โคจรดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายไว้ จึงไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อพิษของละอองปีศาจแต่อย่างใด
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันยังคงถูกหลิงหยุนไล่ล่ามันเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถมองฝ่าหมอกสีดำได้ อีกทั้งยังไม่หวาดกลัวต่อพิษของละอองปีศาจอีกด้วย..
  “ธนูโลหิต!”
  ในเวลาเดียวกันนั้นเอง..แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีกตนหนึ่ง ก็พุ่งมาจากด้านซ้ายมือ และใช้เขี้ยวที่แหลมคมของมันกัดนิ้วมือทั้งสิบของตนเอง และซัดใส่หลิงหยุนทันที
  “เจ้าตายได้แล้ว!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนพร้อมกับยื่นฝ่ามือขวาออกไปกระแสวนหยิน-หยางเริ่มหมุนกลับ และดูดเอาธนูโลหิตทั้งสิบเข้ามาไว้ที่ฝ่ามือขวาของตนเองทันที ส่วนมือซ้ายก็ฟาดฟันกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าใส่ร่างของมาร์ควิสตนนั้น..
  ชัวะ!
  และร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ถูกหลิงหยุนฟันขาดคอขาดกระเด็นออกจากร่างตายในทันที!
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 916 : เวทย์มนต์แวมไพร์!
  ฝ่ามือของหลิงหยุนที่ดูดเอาธนูโลหิตทั้งสิบมากำไว้นั้นเวลานี้ร้อนระอุราวกับถูกไฟแผดเผา เขารีบก้มลงไปมองทันที และพบว่าฝ่ามือขวาของตนเองนั้นมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา และเป็นแผลไหม้พุพองไปหมด..
  “นี่มันอะไรกัน!”
  หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ..วิชาดาราคุ้มกายเมื่อฝึกถึงระดับสูงสุดของขั้นที่สองนั้น ไม่ควรที่ไฟและพิษจะทำอันตรายผิวหนังของเขาได้ แต่ธนูโลหิตของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสกลับทำให้เขาบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้!
  แต่นาทีนี้หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาครุ่นคิดนานมากนักเขาจัดการเก็บกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือซ้าย และเรียกยันต์บำบัดออกมาทันที หลังจากที่แปะยันต์ไว้ที่ฝ่ามือข้างขวาเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็ร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ทันที!
  ด้วยอานุภาพของยันต์บำบัดฝ่ามือที่พุพองของหลิงหยุนกลับดีขึ้นเป็นปกติภายในพริบตา..
  “โอ๊ย!ดวงตาของข้า!”
  เจสเตอร์กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับใช้สองมือกุมดวงตาทั้งสองข้างของตนเองไว้!
  “แย่แล้ว!”
  หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าเจสเตอร์คงได้รับพิษจากละอองปีศาจเข้าไป จึงรีบเรียกยันต์ธาราออกมาทำการชำระล้างละอองพิษให้กับมันทันที!
  สิ้นเสียงร้องตะโกนสั่งยันต์ของหลิงหยุนทำให้ลูกบอลน้ำสีฟ้าแตกกระจายรดศรีษะของเจสเตอร์ และได้ชำระล้างละอองเลือดตามใบหน้าของมันออกจนหมด จากนั้นหลิงหยุนจึงได้ส่งกระแสจิตบอกเจสเตอร์
  -เจสเตอร์..เจ้าอย่าได้ตระหนกตกใจไป! ด้านล่างมียอดเขาอยู่ลูกหนึ่ง เจ้าค่อยๆบินลงไปที่นั่น แล้วข้าจะใช้ปราณเสวียนปราณหวงรักษาให้เจ้าเอง!–
  หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับย่อตัวลงจากนั้นจึงวางฝ่ามือซ้ายลงไปบนแผ่นหลังของเจสเตอร์ และเริ่มถ่ายเทปราณเสวียนปราณหวงรักษาอาการบาดเจ็บให้กับมันทันที
  ระหว่างนั้น..หลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะเปิดจิตหยั่งรู้จับไว้ที่ร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สัน เพื่อป้องกันการโจมตีของมัน
  น่าแปลก..ที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันไม่บินตามเขาไป แต่ร่างของมันกลับดิ่งลงพื้นอย่างรวดเร็วราวกับลูกอุกาบาตรสีดำขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันพุ่งไปรับร่างที่ไร้ศรีษะของแวมไพร์ตนนั้นไว้..
  หลิงหยุนถึงกับช็อค!และได้แต่คิดในใจว่า ‘ไม่อยากจะเชื่อเลย! แวมไพร์ถูกตัดหัวขาดแล้ว จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งงั้นรึ!’
  เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว..คงจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับหลิงหยุนเป็นแน่!
  แต่ภาพที่หลิงหยุนเห็นต่อมานั้นกลับทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม!
  มันคือภาพที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันกำลังอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดเผยให้เห็นเขี้ยวคมยาวทั้งสองข้าง ก่อนจะก้มลงกัดไปที่ลำคอของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสไร้ศรีษะตนนั้น!
  “แย่แล้ว!หากมันดื่มเลือดของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสด้วยกันเข้าไป พลังอำนาจของมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นสินะ!”
  หลิงหยุนเข้าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีจึงได้ร้องอุทานออกมาอย่างหวั่นใจ..
  หลังจากที่มาร์ควิสแอนเดอร์สันคว้าร่างไร้ศรีษะของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนนั้นได้แล้วมันก็ตรงเข้ากัดที่ลำคอทันที แต่ช่างโชคร้ายที่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนนี้ถูกหลิงหยุนสังหารด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้ เลือดในกายของมันจึงถูกกระบี่วิเศษของหลิงหยุนดูดเลือดไปจนหมดแล้ว มาร์ควิสแอนเดอร์สันก็เลยไม่สามารถเพิ่งพลังอำนาจของตนเองได้ตามที่ต้องการ..
  แต่แล้วร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันก็บินหายไปจากรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนมันบินตรงไปยังร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่ถูกหลิงหยุนสังหารด้วยลูกธนูเงินแทน
  “มาร์ควิสเฒ่าตนนี้มีเวทย์มนต์คาถาที่น่าอัศจรรย์จริงๆ!”
  เจสเตอร์กับหลิงหยุนค่อยๆบินลงไปหยุดอยู่บนแนวเทือกเขาเซียนเหยินหลิง.. ทันทีที่เท้าแตะพื้น เจสเตอร์ก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นขยี้ตาตัวเองทันที และเมื่อพบว่าดวงตาของตนเองสามารถมองเห็นได้เป็นปกติแล้ว ก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ
  แต่ทางด้านหลิงหยุนกลับมีสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อยเขาฝึกวิชาดาราคุ้มกายถึงระดับสูงสุดของขั้นที่สองแล้ว ผ่านการต่อสู้มามากมายหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บ จึงคิดไม่ถึงว่าเวทย์มนต์คาถาของมาร์ควิสเฒ่า จะสามารถทำให้มือเขาถึงกับไหม้พองได้..
  “ดูเหมือนมนต์ดำของเหล่าแวมไพร์จะมีพลังอำนาจมากจริงๆข้าคงจะประมาทพวกมันไม่ได้แล้ว..” หลิงหยุนพึมพำเสียงเบา
  เจสเตอร์เองก็เอ่ยขอบคุณหลิงหยุนด้วยความซาบซึ้งใจ“เจ้านายที่เคารพ.. เจสเตอร์ซาบซึ้งใจในนักที่เจ้านายช่วยรักษาให้ข้า ไม่เช่นนั้นธนูเลือดทั้งสิบดอกนั้นคงจะทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน..”
  “มันคืออะไรงั้นรึ”
  เจสเตอร์อธิบายต่อ“เจ้านาย.. เลือดของเหล่าแวมไพร์นั้นแตกต่างจากเลือดของมนุษย์ธรรมดาอย่างสิ้นเชิง เลือดของแวมไพร์จะมีความเป็นกรดสูง จึงมีอานุภาพในกัดกร่อนสูง และเมื่อครู่มาร์ควิสเฒ่านั้นก็ใช้มนต์ดำกับท่านด้วย ท่านจึงได้รับบาดเจ็บไงล่ะ!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตะโกนดุเจสเตอร์เสียงดัง“เจ้างั่งเอ๊ย! อาวุธรุนแรงถึงตายเช่นนี้ แต่เจ้าเพิ่งจะมาบอกข้าตอนนี้นี่นะ!”
  เจสเตอร์เกาศรีษะพร้อมกับพูดเสียงเบา“เจ้านายที่เคารพ.. อย่าลืมนะว่าก่อนที่ท่านจะทำให้ข้ากลายเป็นบริวารของท่าน ข้าเองก็เป็นแค่แวมไพร์โนเนม ไม่เคยนึกฝันด้วยซ้ำว่าจะต้องมาสู้กับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสแบบนี้…”
  หลิงหยุนรู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิเจสเตอร์ได้เขาจึงต้องระมัดระวังให้ตัวให้มากกว่านี้ หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ และพูดขึ้นว่า
  “ข้าเองก็ไม่คิดตำหนิเจ้าจริงจังนัก!เอาล่ะ.. ตอนนี้พวกเราขึ้นไปสู้กับมันอีกรอบ!”
  เวลานี้ทั้งคู่อยู่บนหน้าผาแห่งหนึ่งบนเทือกเขาเซียนเหยินหลิงและอยู่ห่างจากยอดเขาเพียงสามสี่ร้อยเมตรเท่านั้น
  ด้วยระยะทางที่สั้นเพียงแค่นี้หลิงหยุนจึงคร้านที่จะขึ้นไปยืนบนแผ่นหลังของเจสเตอร์ แต่กระโดดปีนขึ้นไปด้วยตัวเอง
  เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้นยาวถึงหนึ่งพันสองร้อยเมตรดังนั้นหากเทียบกับยอดเขาเทียนเหมาเฟิงที่มีขนาดเล็กมากแล้ว พื้นที่บนยอดเขาเซียนเหยินหลิงจึงนับว่ากว้างใหญ่กว่ามาก หากคนธรรมดาจะเดินจากทิศตะวันตกไปจรดทิศตะวันออกของเทือกเขา ก็คงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง
  ยอดเขาแห่งนี้ยังปกคลุมด้วยป่าหนาทึบและแต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ในยามค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ก็จะมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นแม้แต่ฝ่ามือของตนเอง
  เมื่อหลิงหยุนกับเจสเตอร์ขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วทั้งคู่ก็เห็นเงาดำทมึนขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้าตรงมายังตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ และเพียงแค่ไม่กี่วินาที เงาดำทมึนนั้นก็มาบินอยู่เหนือศรีษะของพวกเขาทั้งสอง
  และมันก็คือร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สัน!
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันได้ดูดเลือดของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสเข้าไปถึงสองตนเลือดของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสไม่เพียงช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ยังทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากอีกด้วย!
  หลิงหยุนจ้องมองร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันนิ่งจากนั้นจึงยกคันธนูทองพร้อมลูกธนูเงินทั้งสามดอกขึ้น และยิงไปยังร่างของมันทันที..
  “โล่โลหิต!”
  หลิงหยุนนั้นนับว่าเร็วมากแล้วแต่กลับคิดไม่ถึงว่ามาร์ควิสแอนเดอร์สันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า สิ้นเสียงร้องตะโกนของของมัน โล่สีเลือดเข้มข้นก็ปรากฏขึ้นในมือของมาร์ควิสแอนเดอร์สันทันที และช่วยกันลูกธนูเงินที่แหลมคมทั้งสามดอกของหลิงหยุนไว้ได้!
  โล่สีเลือดเข้มนั้นก็ช่างวิเศษนัก!เมื่อปะทะเข้ากับลูกธนูเงิน ก็เกิดเป็นเสียงคล้ายโลหะสองชนิดกระทบกันดังเคร้ง.. เคร้ง..
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันสามารถต้านการโจมตีด้วยธนูของหลิงหยุนได้มันจึงร้องคำรามออกมา
  “เจ้าเด็กชาวจีน..เพื่อดาบพายุแห่งแวมไพร์ เพื่อท่านดยุคแดร๊กคิวล่า และเพื่อวงศ์วานแห่งแวมไพร์ วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
  “หอกโลหิต!”
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันพ่นละอองเลือดออกมาพร้อมกับร่ายเวทย์มนต์จากนั้นละอองเลือดเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นหอกขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึงสองเมตร และตลอดทั้งด้ามก็เป็นสีเลือดแดงฉาน
  จากนั้นมาร์ควิสแอนเดอร์สันก็กางเล็บที่แข็งแกร่งออกและพุ่งหอกสีเลือดในมือเข้าใส่หลิงหยุนทันที..
  “แย่แล้ว!”
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อพบว่าแรงพุ่งของหอกโลหิตนั้นทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ความเร็วของหอกโลหิตที่พุ่งเข้ามานั้นช้ากว่าลูกธนูของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็สามารถใช้มังกรพรางร่างหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
  ปัง!
  หอกโลหิตกระแทกเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและพื้นดินสะเทือนจนหลิงหยุนถึงกับหน้าสั่น!
  ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ..แม้หอกโลหิตจะกระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่สลายหายไป และยังคงปักอยู่ในก้อนหินเช่นนั้น!
  “เวทย์มนต์ของแวมไพร์ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
  หลิงหยุนได้แต่เอ่ยชื่นชมออกมาพร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดแล้วร้องตะโกนสั่งเจสเตอร์ว่า..
  “เจสเตอร์..เจ้าหลบไปก่อน! นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างข้ากับมันเท่านั้น!”
  หลิงหยุนจัดการเก็บคันธนูทองคำเข้าไปและเรียกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาแทน เขากวัดแกว่งกระบี่ในมือฟาดฟันต้นไม้น้อยใหญ่ในรัศมียี่สิบเมตรจนล้มครืนลงมาหมด จากนั้นจึงยกปลายกระบี่ชี้ไปที่ร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย..
  “ในเมื่อเจ้าต้องการจะสังหารข้าก็ลงมาสู้กันอย่างยุติธรรมสิ!”
  หลังจากที่ได้เห็นเวทย์มนต์อันน่าพิศวงของเหล่าแวมไพร์หลิงหยุนจึงตัดสินที่จะศึกษาเรียนรู้พลังอำนาจที่แท้จริงของพวกมัน..
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับตอบไปว่า“ตกลง.. ข้าเองก็คิดไม่ต่างจากเจ้า!”
  พูดจบ..มาร์ควิสแอนเดอร์สันก็บินโฉบลงมา และทันทีที่เท้าแตะพื้น มันก็พุ่งเข้าไปดึงหอกโลหิตที่ปักอยู่กับหินออกมา แล้วยกขึ้นชี้ไปทางหลิงหยุน!
  ตอนนี้มาร์ควิสแอนเดอร์สันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า..แม้แต่ดาบพายุศักดิ์สิทธิ์นั่น ก็ยังไม่มีค่าเท่ากับเลือดในกายของหลิงหยุน!
  แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะเก่งกาจและแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์มากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ หากไม่ได้เจสเตอร์ช่วยเหลือ เขาก็คงไม่สามารถสังหารแวมไพร์ไปได้มากมายถึงเพียงนี้แน่ และตอนนี้เจสเตอร์เองก็ดูเหมือนจะเหนื่อยล้ามาแล้วด้วย..
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันได้เห็นหลิงหยุนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพละกำลังให้กับเจสเตอร์ได้ มันจึงเกิดความคิดว่า หากมันสามารถดูดเลือดของหลิงหยุน ตัวมันก็คงจะสามารถเข้าสู่ขั้นแกรนด์ดยุคได้ในทันทีอย่างแน่นอน!
  และนี่คือความปรารถนาของมาร์ควิสแอนเดอร์สันในเวลานี้!
  “เข้ามาได้เลย!”
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันไม่ลังเล..มือซ้ายของมันถือโล่โลหิต ส่วนมือขวาถือหอกโลหิตที่ยาวถึงสองเมตร ร่างสูงใหญ่นั้นพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจต้นไม้ที่ขวางหน้า..
  หากจะหลบก็คงหลบไม่ทันและหลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะหลบด้วย..
  หลิงหยุนยืนนิ่ง..ม่านตาของเขาหดเล็กลง และกำลังจ้องมองร่างของมาร์ควิสแอนเดอร์สันที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลิงหยุนไม่คิดที่จะหลบ แต่ได้โคจรดาราคุ้มกายในระดับสูงสุดพร้อมกับเงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือรอ..!
  ทันทีที่หอกโลหิตพุ่งเข้ามาใกล้หลิงหยุนก็ฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ลงไปอย่างรวดเร็วถึงสามดาบ..
  เคร้ง..เคร้ง.. เคร้ง..
  ด้วยแรงพลังที่หลิงหยุนฟาดฟันลงไปบนหอกโลหิตนั้นทำให้มาร์ควิสแอนเดอร์สันถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจทันที
  “ห๊ะ!พละกำลังรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
  มือข้างที่ถือหอกโลหิตของมาร์ควิสแอนเดอร์สันถึงกับชาและหอกโลหิตแทบกระเด็นหลุดออกจากมือของมัน!
  “ดูเหมือนเจ้าจะสูญเสียพลังไปมากทีเดียว!”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและฟันกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปที่หอกโลหิตในตำแหน่งเดิมซ้ำๆกันถึงสามครั้ง
  ฟรึบ..
  ในที่สุดหอกโลหิตก็ไม่อาจต้านทานกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนได้และระเบิดออกกลายเป็นละอองเลือดกระจายใส่หลิงหยุนทันที..
  ละอองเลือดเหล่านี้ก็คือกรดชนิดรุนแรงดีๆนี่เอง จึงมีความสามารถในการกัดกร่อนที่รุนแรงอย่างยิ่ง!
  แต่ครั้งนี้หลิงหยุนได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว..เขาเรียกยันต์ธาราออกมาปิดไว้ที่ศรีษะ และร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ทันที จากนั้นลูกบอลน้ำก็ได้แตกออก และทำการชำระล้างเลือดที่เปื้อนออกจนหมด..
  มาร์ควิสแอนเดอร์สันร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร