ในยามค่ำคืนที่มืดมิดแต่กลับไม่มืดสนิทอย่างที่คาดคิด นั่นเพราะในค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ท้องฟ้าเปิด และไร้ซึ่งเมฆหมอก แสงดาวจึงสามารถทอประกายสดใส และส่องแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้าแข่งกับแสงจันทร์ที่นวลละออได้..
กลางฤดูร้อนท่ามกลางแมกไม้บนเขาหลงเหมินแห่งนี้แต่กลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหรีดหริ่งเรไร ไม่มีแม้แต่นกสักตัวที่จะบินอยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ ดูราวกับว่าพวกมันกำลังหวาดกลัว และแอบบินหนีหายไปอย่างเงียบๆ
บรรยากาศที่มีมนุษย์ผู้ทรงพลังอยู่เต็มไปหมดเช่นนี้ทำให้เหล่านกกาต่างก็พากันหวาดกลัว และบินหายลับตาไปตั้งนานแล้ว..
เวลานี้บนเขาหลงเหมินนั้นนอกจากความเงียบสงัดแล้ว ก็มีเพียงเสียงพูดคุยของหลิงหยุนกับกับเหล่ายอดฝีมือหลายสิบคน สลับกับเสียงหัวเราะของเขาเป็นช่วงๆเท่านั้น และยิ่งหลิงหยุนแสดงท่าทีสงบนิ่งไม่เกรงกลัวมากเพียงใด ฝ่ายตรงข้ามก็ดูเหมือนจะยิ่งตระหนกตกใจมากขึ้นเท่านั้น..
และด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่หวาดกลัวใครของหลิงหยุนนั้นทำให้ฉินตงเฉี่วยที่ยืนอยู่ข้างกายเขานั้นเริ่มคลายความวิตกกังวล และสงบนิ่งลงตามไปด้วย..
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองไปด้านหน้า..ร่างของนางยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหวในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังสนทนากับไต้ซือเจี๋วยหยวนแห่งวัดเส้าหลิน..
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนเผชิญหน้ากับอันตรายด้านหน้าอย่างไม่หวั่นไหวดวงตาคู่งามของนางนั้นเวลานี้รื้นไปด้วยน้ำตา แต่จิตใจกลับแน่วแน่ และไม่หวั่นไหวเลยแม้เพียงเล็กน้อย!
“นับตั้งแต่คืนนี้ไป..น้าหญิงของข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าอีกแล้ว และนางสามารถสังหารพวกเจ้าทั้งหมดได้!”
ฉินตงเฉี่วยได้ฟังก็ถึงกับกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว!
หลิงหยุนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือนั้นในใจรู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาไม่น้อย แต่ไม่ใช่เพราะในคืนนี้มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แต่หลิงหยุนรู้ดีว่า.. เขาจะไม่สามารถสังหารหลวงจีนแห่งวัดเส้าหลินรูปนี้ได้ต่างหากเล่า!
หลิงหยุนมองออกว่าหลวงจีนเจี๋วยหยวนผู้นี้..เป็นพระที่มีธรรมะสูงส่งลึกซึ้ง และสำหรับหลวงจีนที่มีธรรมะล้ำลึกเช่นนี้ ประคำโพธิย่อมจะไม่ยอมให้เขาสังหารได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนยังจำเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เขาต้องการสังหารหลวงจีนสิงฉีได้ดีครั้งนั้นหลิงหยุนพยายามอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่สามารถหังหารหลวงจีนสิงฉีอย่างที่ตั้งใจได้ จนในที่สุดต้องยอมแพ้ และแทบอยากจะโยนประคำโพธิเม็ดนี้ทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอด..
แต่ถึงกระนั้นประคำโพธิเม็ดนี้ก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่หลิงหยุนได้มาจากใต้หลุมยักษ์และจากประสบการณ์บนเกาะเตียวหยู ทำให้หลิงหยุนรู้ว่าอานุภาพของประคำโพธินั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิเลย เช่นนี้แล้วเขาจะตัดใจโยนทิ้งไปได้อย่างไรกัน
หลวงจีนเจี๋วยหยวนยังคงถือคฑาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างหนึ่งนั้นก็พนมไว้ที่หน้าอก เขาจ้องมองกระบี่สีดำในมือของหลิงหยุนอย่างไม่หวาดหวั่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่โลหิตแดนใต้จริงๆ!กลิ่นอายสังหารช่างรุนแรงสมกับเป็นกระบี่มารยิ่งนัก..”
หลิงหยุนแสยะยิ้มและตอบกลับไปว่า “ถูกต้อง.. นี่คือกระบี่โลหิตแดนใต้ เป็นของจริงแท้แน่นอน!”
จากนั้น..หลวงจีนเจี๋วยหยวนก็ถอนสายตาจากกระบี่ดำ แล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุน ครั้งนี้เขาจ้องมองตาหลิงหยุนอยู่เนิ่นนาน ดวงตาของหลวงจีนรูปนั้นปรากฏแววตาอ่อนโยนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ประสกน้อย..ดูเหมือนพุทธะในตัวเจ้าช่างรุนแรงยิ่งนัก!”
หลังจากที่ประโยคนี้หลุดออกจากปากหลวงจีนเจี๋วยหยวนยอดฝีมือที่กำลังจับตามองอยู่นั้นต่างก็ระเบิดคำพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“อะไรกัน!พุทธะในตัวงั้นรึ?”
“จะมีพุทธะอยู่ในร่างของผู้ที่ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ได้อย่างไรกันเป็นไปไม่ได้?”
“ไต้ซือเจี๋วยหยวน..ข้าว่าท่านกล่าวผิดไปแล้ว! มารน้อยเช่นเขาจะมีพุทธะในตัวได้อย่างไรกันเล่า”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลวงจีนเจี๋วยหยวนเหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบๆ ต่างก็แสดงท่าทางไม่เห็นด้วยพร้อมกับตอบโต้ทันที..
หลิงหยุนได้แต่แอบตกใจ..เขารู้ดีว่าภายในแหวนพื้นที่ของตนเองนั้นมีทั้งประคำโพธิ น้ำเต้าวิเศษ ตะเกียงน้ำมัน และสร้อยประคำ สิ่งเหล่านี้แล้วแต่เป็นสมบัติพุทธองค์ที่หลิงหยุนได้มาจากร่างของหลวงจีนมรณภาพผู้นั้น แต่กลับถูกหลวงจีนเจี๋วยหยวนสัมผัสพบได้!
“อามิตตาพุทธ..อาตมาเป็นพระย่อมไม่สามารถพูดปดได้!”
น้ำเสียงก้องกังวานของหลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้นบดบังน้ำเสียงขุ่นเคืองใจของยอดฝีมือผู้อื่นจนหมดสิ้นจากนั้นเขาจึงหันไปมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ประสกน้อย..เจ้ามีชะตาต้องกับพุทธองค์!”
คำพูดประโยคนี้ของหลวงจีนเจี๋วยหยวนดังก้องกังวานไปทั่วทั้งขุนเขา..
จากนั้นเขาหลงเหมินทั้งเขาก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง!
ยอดฝีมือจากสำนักต่างๆต่างก็ทำอะไรไม่ถูก และได้แต่หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีผู้ใดเข้าใจเจตนาของหลวงจีนเจี๋วยหยวนว่า เหตุใดจึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา..
“นี่มันอะไรกัน..”…Aileen-novel
จู่ๆก็มีเสียงร้องตะโกนดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่ายอดฝีมือจากเขาหลงหู่ร้องตะโกนออกมา พร้อมกับจ้องมองหลวงจีนเจี๋วยหวยนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“ไต้ซือเจี๋วยหยวน..ดูท่าท่านจะกล่าวผิดไปมาก!”
“ผ่านมานับพันปี..สำนักเส้าหลินของท่านนับว่าเป็นเสาหลักของยุทธภพ อีกทั้งศาสนาพุทธยังเจริญรุ่งเรืองมากในยุคสมัยนี้ พวกเราจึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นตัวแทนเจรจากับมารน้อยตนนี้..”
เทียนซือ(ผู้เผยแพร่จากสวรรค์) จากเขาหลงหู่เอ่ยชมหลวงจีนเจี๋ยวหยวน แล้วจึงถอนหายใจพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางร่างไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียน ก่อนจะพูดต่อว่า
“ไต้ซือเจี๋วยหยวน..ท่านเห็นร่างไร้ศรีษะของศิษย์สำนักดาบสวรรค์หรือไม่ ร่างของเขายังไม่เย็นด้วยซ้ำ.. แต่ท่านกลับพูดว่ามารน้อยที่ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ผู้นี้ มีชะตาต้องกับพุทธองค์งั้นรึ?”
“ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันว่าการที่ท่านกล่าววาจาเช่นนั้นออกมา เป็นเพราะท่านมีจุดประสงค์ใดกันแน่”
สีหน้าของหลวงจีนเจี๋วยหยวนเปลียนเป็นอ่อนล้าเหนื่อยหน่ายเขายกมือขึ้นผายออกพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ท่านนักพรตชางซง..นี่ท่านกล่าววาจาเลอะเลือนอะไรออกมา!”
นักพรตชางซงแสยะยิ้มก่อนจะกวาดตามองไปทางหลิงหยุนที่เวลานี้ในสายตาของเขานั้นเป็นเพียงแค่ซากศพเดินได้แต่แววตาละโมบนั้นกลับจับจ้องอยู่ที่สมบัติล้ำค่าในมือของหลิงหยุน ก่อนจะพูดกับหลวงจีนเจี๋วยหยวนด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อ
“หึ..ท่านอย่าได้เสแสร้งทำเป็นโง่จะดีกว่า! ยอดฝีมือที่พากันมาบนยอดเขาหลงเหมินแห่งนี้ ทุกคนต่างมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดนั้น ต่างคนต่างย่อมรู้อยู่แก่ใจกันดี!”
“ท่านเพียงแค่พูดจาไม่กี่คำกับมารน้อยตนนี้แต่กลับมั่นอกมั่นใจว่าเขามีชะตาต้องกับพุทธองค์ นี่ท่านเห็นพวกเราไม่มีตัวตนหรืออย่างไรกัน”
พรึบ..
และจู่ๆหลี่เคิ่นวู๋มือกระบี่ชุดขาวก็กระโดดออกมา และไปยืนอยู่ด้านหน้าของหลวงจีนเจี๋วยหยวนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางยะโสโอหัง
“นักพรตชางซง..ท่านกล่าวได้ถูกต้อง! ดูท่าไต้ซือเจี๋วยหยวนคงอยากจะได้สมุดจักรพรรดิกับพู่กันจักรพรรดิกลับไปเส้าหลินเต็มที ถึงกับยอมพูดออกมาว่ามารน้อยตนนี้มีชะตาต้องกับพุทธองค์ ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่เห็นด้วย!”
จากนั้นยอดฝีมือคนอื่นๆต่างก็ส่งเสียงวิพาษ์วิจารณ์กันอื้ออึง..
สำนักกระบี่คุนหลุนนนั้นตั้งอยู่บนเทือกเขาคุนหลุนซึ่งตามตำนานปรัมปราของชาวจีนนั้นเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแดนสุขาวดีของเหล่านักบวชเต๋า และหลี่เคิ่นวู๋ก็เป็นชายหนุ่มที่หยิ่งยะโส พูดจาตรงไปตรงมาไม่เห็นแก่หน้าใคร และครั้งนี้เขาก็ตั้งใจขยายความหมายในคำพูดของชางซงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ถูกต้อง..ครั้งนี้นักพรตชางซงกับคุณชายหลี่กล่าวได้ถูกต้อง! ไม่คิดว่าเส้าหลินจะอยากได้พู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิจนถึงกับต้องใช้วิธีนี้!”
ใครบางคนร้องตะโกนขึ้นมาและกงซุ่นหลี่แห่งสำนักแดนใต้ก็หันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“มารน้อยผู้นี้สังหารศิษย์สำนักแดนใต้ไปไม่น้อยพวกเรายังไม่ทันได้ล้างแค้นให้กับศิษย์ที่ตายไป แต่ท่านกลับจะปกป้องเขาเสียแล้ว! ข้าเองก็ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านเช่นกัน!”
สิ้นคำพูดของกงซุ่นหลี่ยอดฝีมืออีกแปดคนด้านหลังของเขาก็ร้องตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกเราศิษย์สำนักแดนใต้ก็ไม่เห็นด้วย!”
ในเมื่อปฏิกิริยาตอบโต้เป็นไปในทางเดียวกันเช่นนี้ยอดฝีมือจากสำนักบู๊ตึ๊ง สำนักหมัดเทวะ ทวนเหล็กตระกูลเหลย และสำนักอื่นๆ ต่างก็เฝ้าดูสถานการณ์อยู่อย่างเงียบๆ
ศิษย์ทั้งสี่ของสำนักดาบสวรรค์ที่ขาดผู้นำอย่างกัวเสี่ยวเทียนได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าเสนอความคิดเห็น แต่หลี่เคิ่นวู๋แห่งสำนักกระบี่คุนหลุนก็ได้แสดงความเห็นแทนพวกเขาไปแล้ว..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ และพูดออกไปอย่างลำบากใจ
“ทุกท่านล้วนกำลังเข้าใจข้าผิด..คำพูดของข้าที่บอกว่าหลิงหยุนมีชะตาต้องกับพุทธองค์นั้น ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทุกท่านกำลังคิด..”
แต่เวลานี้..ทุกคนในที่นั้นต่างก็กำลังถูกความโลภเข้าครอบงำ มีหรือที่จะยอมรับฟังคำอธิบายของหลวงจีนเจี๋วยหยวน!
หลิงหยุนถอนหายใจ..สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และบ่งบอกว่าเขากำลังเริ่มหมดความอดทนแล้ว
เวลานี้..มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่เข้าใจในคำพูดของหลวงจีนเจี๋วยหยวนว่า คำพูดเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็เลือกที่จะไม่อธิบายแทนหลวงจีนเจี๋วยหยวนเพราะเขากำลังรอคอยการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่างหาก..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนที่ถูกผู้คนเข้าใจผิดจึงได้แต่หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวคำพูดที่มีนัยยะลึกซึ้งมากขึ้น
“ประสกน้อย..เจ้ามีทั้งพุทธะและมารอยู่ร่วมกัน ในจิตใจของเจ้ามีทั้งพุทธองค์และปีศาจ เจ้าจงระมัดระวังให้ดีด้วย!”
จากนั้น..หลวงจีนเจี๋วยหยวนก็ค่อยๆ หันหลังเดินกลับเข้าไปยืนที่เดิม!
เมื่อเหล่ายอดฝีมือเห็นหลวงจีนเจี๋วยหยวนเดินกลับไปเช่นนั้นทุกคนต่างก็ได้แต่ยืนงุนงง และไม่รู้ว่าวัดเส้าหลินกำลังเล่นอะไรกันแน่
ยอดฝีมือในที่นั้นต่างก็รู้ดีว่า..ที่วัดเส้าหลินมาที่นี่นั้นก็ด้วยเหตุผลที่ว่าหลวงจีนมี่ชิง กับหลวงจีนสิงฉีล้วนตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุน แต่เป็นเพราะหลิงหยุนมีชะตาต้องกับพุทธองค์ วัดเส้าหลินจึงหยุดคิดเรื่องแก้แค้นไว้เพียงเท่านี้งั้นรึ!
หลังจากที่รอคอยมาเวลานี้มานาน..แต่เมื่อยอดฝีมือต่างก็เห็นว่าหลวงจีนจากวัดเส้าหลิน ดูเหมือนจะวางมือไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับหลิงหยุนอีก พวกเขาจึงหันไปหาผู้อื่นแทน..
และคนผู้นั้นก็คือผู้ที่นำศิษย์สำนักบู๊ตึ๊งมานามว่า..ชงซวี!
ชงซวีเป็นผู้ที่ขึ้นไปถึงยอดเขาหลงเหมินเป็นกลุ่มแรกเช่นเดียวกับวัดเส้าหลินและนักพรตผู้นี้ก็มีผมที่ปล่อยยาว สวมเสื้อคลุมสีดำ ในมือถือกระบี่เล่มยาว..
ตั้งแต่ที่นักพรตชงซวีมาถึงยอดเขาหลงเหมินแล้วเขาก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด แต่เวลานี้เขาได้กระโดดออกมา และค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างช้าๆ
หลิงหยุนหันไปมองพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ“สำนักบู๊ตึ๊งงั้นรึ” “ข้า– ชงซวีจากสำนักบู๊ตึ๊ง..”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า“หากข้าจำไม่ผิด.. ข้ากับบู๊ตึ๊งไม่มีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดบู๊ตึ๊งจึงต้องมาที่จิงฉูเพื่อเรื่องของข้าด้วย”
ชงซวีตอบกลับยิ้มๆ“แล้วเหตุใดบู๊ตึ๊งจึงจะยุ่งเรื่องของเจ้าไม่ได้เล่า”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะอยู่หรือตายก็อย่าได้ตำหนิข้าล่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร