ประชุมเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว มาร์ตินในฐานะที่เป็นรองประธานบริษัทที่ถูกย้ายกลับมา จะต้องกล่าวอะไรสักหน่อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ญาธิดานั่งอยู่หน้าโต๊ะประชุม เงยหน้าดูผู้ชายที่ยืนพูดจาฉะฉานอยู่ด้านหน้าสุดของโต๊ะประชุมแล้วอารมณ์ซับซ้อน
“โอเคครับ ที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่พูดนอกเรื่องแล้ว ผมเพิ่งกลับมาบริษัท ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ของแผนกต่างๆ ขอให้หัวหน้าทุกท่านผลัดเปลี่ยนกันรายงานว่า ตอนนี้ในแผนกรับผิดชอบโปรเจ็คอะไรและถึงขั้นตอนไหน ผมจะได้เข้าใจสถานการณ์ครับ”
มาร์ตินได้สั่งการ หัวหน้าของแต่ละแผนกผลักเปลี่ยนกันลุกขึ้นมารายงานรายละเอียดเฉพาะเจาะจง ญาธิดาคอยจดบันทึกใจความสำคัญของงานประชุม แต่ความคิดกลับค่อนข้างเลื่อนลอย
เธอควรจะรับมือกับมาร์ตินยังไง และเขาทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอ
ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม พอทุกแผนกรายงานสถานการณ์ได้พอสมควรแล้ว เธอก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย
พริบตาเดียวก็มาถึงตอนท้ายของการประชุมแล้ว มาร์ตินลุกขึ้น ดวงตาสว่าง กระแอมเสียงใสแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ “โอเคครับ วันนี้แค่ทำความเข้าใจอย่างเรียบง่าย หลังจากประชุมเสร็จ แต่ละแผนกส่งรายละเอียดโครงการมาชุดนึง เอกสารมอบให้คุณญาธิดา ผู้ช่วยชั่วคราวของผมก็พอ”
รู้สึกได้ถึงสายตาที่ผู้คนมองมาที่เธอ ญาธิดาดึงสติกลับมา เงียบกริบไม่พูดอะไรสักอย่าง
“โอเค ถ้าไม่มีคำถามอะไร งั้นก็จบการประชุมเท่านี้”
มาร์ตินทิ้งท้ายด้วยคำนี้แล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้องประชุม
เพื่อนร่วมงานของแต่ละแผนกเห็นแล้ว ต่างก็ทยอยกันลุกขึ้น แล้วรวมตัวกันซุบซิบ ในคำพูดส่วนใหญ่ล้วนเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคุณมาร์ติน
“เฮ้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณมาร์ตินไม่เห็นคุณภวินท์อยู่ในสายตาเลย ได้ยินมาว่าครั้งนี้เขาเนี่ยแหละที่เป็นคนบอกให้ประชุมกะทันหัน”
“อ้าวหรอ มิน่าถึงได้รับแจ้งข่าวกะทันหันกันหมด……”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ได้ยินว่าคุณมาร์ตินคนนี้ เป็นลูกน้องของพ่อของคุณภวินท์ในก่อนหน้านี้ เป็นคนที่มีวิธีการแข็งข้อ ”
“……”
ญาธิดาเดินอยู่ข้างหลัง ได้ยินคำพูดที่จุกจิกปลีกย่อย ยิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่
ถ้าเหมือนที่ลือกันจริง ระหว่างมาร์ตินกับภวินท์เคยมีความขัดแย้งกัน งั้นทำไมเขาต้องลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ไม่รอให้เธอคิดให้เข้าใจ ที่ๆห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงโหวกเหวกแหลมปี๊ดของผู้หญิงก้องมาแล้ว
“หลีกไปให้หมด มาร์ตินตาแก่นั่นล่ะ มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ”
ญาธิดาเพิ่งเดินมาถึงหน้าห้องประชุม ได้ยินเสียงแล้วเงยหน้ามองไปทันที พอมองไปก็เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวไฮโซหรูหราคนนึง เสียงดังโวยวายอยู่กลางเพื่อนร่วมงานแต่ละแผนกที่ยังไม่ทันได้แยกย้าย
ผู้หญิงคนนั้นเห็นถามไปรอบนึงก็ไม่มีคนสนใจเธอเลย สีหน้าเธอโมโหจนแดงก่ำ พร้อมตะคอกอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “ใครคือญาธิดา ฉันถามพวกแกใครคือญาธิดา ”
ผู้คนตกใจ ต่างก็มองมาที่เธอโดยไม่ได้นัดหมาย คนที่เดิมทีบังอยู่ตรงหน้าเธอก็ค่อยๆแยกย้ายออก
ผู้หญิงคนนั้นมองมาตามสายตาของผู้คน ลูกกะตาแทบอยากจะคว้านเนื้อบนตัวญาธิดามาชิ้นนึง เธอใส่ส้นสูงไว้ เดินมาหาญาธิดาด้วยความโกรธ “แกก็คือญาธิดาเหรอ ”
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย เธอพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมี……”
ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้น แล้วตบไปที่ใบหน้าเรียวเล็กของญาธิดาโดยตรงอย่างไม่ไว้หน้าเลย “เพี้ยะ”ดังสนั่นเสียงนึง ได้ขัดจังหวะคำพูดที่เหลือของเธอโดยตรง
ญาธิดา แม้แต่คนที่อยู่รอบๆต่างก็อึ้งค้างไว้ ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้มาปุ๊บก็ตบหน้าเลย
“นังแพศยา นังหน้าด้าน ฉันว่าตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ แกก็เรียนรู้วิชายั่วสวาทผู้ชายเป็นแล้ว มีแขนมีขาทำอะไรไม่ดี ดันต้องมายั่วสามีชาวบ้าน ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...