ญาธิดากับอัญมณีแทบจะมองไปตามเสียงพร้อมกัน นีราภายืนอยู่เยื้องๆด้านหลังของพวกเธอ มือกอดอกไว้ สีหน้าแววตาเยาะเย้ย
ตอนที่นีราภาเห็นอัญมณีที่อยู่ข้างกายญาธิดาแล้วสีหน้าได้ห้อยลงมา พร้อมพูดเสียดสี “ทำไม วันนี้ยังพาเพื่อนสาวมาด้วย มาทำอะไรกัน ”
ญาธิดารู้ดีว่านีราภากำลังเยาะเย้ยเหน็บแนม และกำลังรอดูเธอขายหน้าอยู่ เธอไม่ได้พูดอะไร แค่มองหน้านีราภาอย่างเรียบเฉยแวบนึง ก็ได้หันไปมองอัญมณีพร้อมถามเสียงเบาว่า “อันอัน เดี๋ยวเธออยากกินอะไร ฉันพาเธอไป”
นีราภาเห็นญาธิดาไม่เพียงไม่ตอบ แถมยังมองข้ามตัวตนของเธอโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นได้ฉุนขึ้นมาทันที พร้อมพูดเสียงสูงว่า “ญาธิดา เธอยังมาเสแสร้งอะไรอีก ตอนนี้คนในบริษัทมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นชู้กับรองประธาน ทำไมยังมีหน้ามาอีก ”
เธอพูดแบบนี้ปุ๊บ ทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆที่กำลังรอลิฟต์อยู่ต่างก็หันมามองญาธิดากันหมด
ญาธิดาขมวดคิ้ว ขยับริมฝีปากปากกำลังจะพูด แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆอัญมณีที่อยู่ข้างกายเธอได้เดินเข้าไปใกล้นีราภาโดยตรง “เฮ้อ คุณป้าท่านนี้ ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมกลิ่นสาบของคุณถึงได้หนักขนาดนี้ ชู้อะไรกัน ธิดาจะมาบริษัทหรือไม่มาเกี่ยวอะไรกับป้าด้วย ป้าเป็นเจ้าของบริษัทหรือไง ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มิน่าล่ะหน้าถึงได้โทรมขนาดนี้!”
“แก…แกเรียกฉันว่าอะไรนะ!”
สีหน้านีราภาบูดบึ้งขึ้นมาทันที โกรธจนยื่นมือจะไปชี้อัญมณี
อัญมณีไม่แคร์เลยสักนิด แค่ปัดเบาๆก็ได้ปัดมือของเธอทิ้งไปเลย หลังจากสายตาได้หยุดอยู่ที่ป้ายชื่อติดทรวงอกของเธอครู่นึงก็ได้แสยะยิ้มมุปาก “นีราภาใช่มั้ย ฉันจำเอาไว้แล้ว ขอเตือนเธอคำนึงนะ อยู่บริษัทอย่าปากดีให้มันมากนะ เดี๋ยวจะถูกตบเอาได้นะ ถ้าเธอกล้ารังแกธิดา งั้นเธอก็คอยดู”
เดิมที อัญมณีก็สูงกว่านีราภาครึ่งหัวอยู่แล้ว แถมความน่าเกรงขามของ อัญมณีก็สามารถข่มเธอได้ พอเธอพูดแบบนี้ นีราภาก็พูดไม่ออกสักคำ
ญาธิดาที่อยู่ข้างๆก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอัญมณีจะว่านีราภาแบบนี้ เห็นสถานการณ์นี้แล้วก็ค่อนข้างสะใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เห็นลิฟต์มาแล้ว เธอได้ยื่นมือดึงอัญมณี “เอาล่ะ อันอัน ลิฟต์มาแล้ว”
“โอเค เราไปกันเถอะ ”
อัญมณีหันหน้ามา เหมือนคนที่ตอกกลับนีราภาเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เธอ เธอดึงมือญาธิดาไว้แล้วเข้าลิฟต์โดยตรง
นีราภาโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ ได้เดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นลิฟต์ได้ร้อง“ติ๊ดๆ”สองครั้ง น้ำหนักเกิน
อัญมณียักคิ้ว เหลือบไปมองนีราภาที่อยู่ข้างๆ “เฮ้อ น้ำหนักเกิน ใครรู้ตัวว่าเข้ามาคนสุดท้ายก็ออกไปเถอะ ”
ในเวลานั้น คนที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็มองมาที่นีราภากันหมด
เธอเข้าลิฟต์เป็นคนสุดท้ายจริงๆ แต่เธอกลืนความแค้นนี้ไม่ลง ดันยืนนิ่งๆไม่ยอมขยับ
เธอกัดฟัน ดันเบียดเข้าไปด้านในด้วยความดื้อด้าน “ฉันเป็นพนักงานของบริษัทนี้ ทำไมต้องออกไป คนที่ควรจะออกไปคือแกต่างหาก”
อัญมณีฟังแล้วอดกลอกตาไม่ได้ เธอหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่ในลิฟต์ แล้วยิ้มมุมปากให้กับพวกเขา “เมื่อกี๊ทุกคนน่าจะเห็นอยู่นะว่าใครเข้ามาในลิฟต์เป็นคนสุดท้าย ”
เธอยิ้มแบบนี้ พวกผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์ต่างก็อึ้งในทันที
เดิมทีอัญมณีก็หน้าตาสวยสะพรั่งอยู่แล้ว แถมนิสัยยังตรงไปตรงมาราวกับดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอีก ถึงแม้ญาธิดาที่อยู่ข้างๆพูดจาน้อย แต่บุคลิกที่ไม่แยแสก็ทำให้คนละสายตาไม่ได้เช่นกัน สาวสวยสองคนนี้มายืนอยู่ที่นี่ ในใจพวกเขาย่อมเลือกได้แล้ว
บวกกับเดิมทีเหตุผลของนีราภาก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว พอแบบนี้ ยิ่งไม่มีคนเข้าข้างเธอเลย
“เห็นครับ…”
“ใช่ รู้ตัวก็ออกไปเถอะครับ อย่าเสียเวลาทุกคนเลย”
“……”
คนที่ในลิฟต์ต่างบอกให้นีราภาออกไป แก้มของเธอแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งโมโห จากนั้นได้ย่ำรองเท้าส้นสูงออกจากลิฟต์ด้วยความโกรธเคือง แทบอยากจะย่ำให้พื้นเป็นหลุมไปเลย
เธอออกไปปุ๊บ ประตูลิฟต์ปิด อัญมณีได้หันไปกะพริบตาปริบๆให้ญาธิดาอย่างได้ใจ
ญาธิดายิ้มมุมปากและค่อนข้างสะใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้เธอรู้ทั้งรู้ว่าบางครั้งนีราภาจงใจทำให้เธอลำบากใจ แต่เนื่องจากเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมงาน เลยไม่ได้แตกคอกับเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...