สรุปตอน บทที่ 111 ใสสะอาด – จากเรื่อง ดวงใจภวินท์ โดย สายฝน
ตอน บทที่ 111 ใสสะอาด ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ดวงใจภวินท์ โดยนักเขียน สายฝน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ญาธิดากัดริมฝีปากไว้ พอขัดขืนไม่หลุด ก็ได้แต่จ้องมองภวินท์ด้วยท่าทางโกรธจัด
แล้วในเวลานี้เอง ปลายสายอีกฝั่งของโทรศัพท์ก็มีเสียงอ่อนหวานของผู้หญิงดังลอยมา “พี่วิน เมื่อไหร่พี่จะมาเยี่ยมนิวคะ?”
พอญาธิดาได้ยิน ร่างกายก็แข็งทื่อไป สีหน้าก็ขาวซีดไปเล็กน้อย
ไม่ต้องถามอะไรมาก เธอก็เดาได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์จะต้องคือนิวราแน่ ๆ!
ภวินท์ค่อย ๆ หรี่ตาลง ดวงตาดำลึกซึ้งหยุดนิ่งที่ใบหน้าของญาธิดา และเก็บรวบรวมปฏิกิริยาบนหน้าของเธอไว้ในสายตา
เรียวปากของเขาขยับเล็กน้อย แล้วก็พูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “ เดี๋ยวไปค่ำ ๆครับ”
ญาธิดาโดนทับอยู่ใต้ร่างของเขา วินาทีนี้ราวกับว่าโดนเหยียดหยามอย่างใหญ่หลวงอยู่
นี่ภวินท์สามารถใช้ท่วงท่าที่คลุมเครือทับตัวเธออยู่ แล้วก็คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงอีกคนไปอย่างหน้าไม่อายสักนิดได้เลยเหรอ!
ความโกรธพุ่งขึ้นมาในใจ เธอกัดฟันกรอกขึ้น แล้วก็จ้องเขม็งไปที่ภวินท์ แล้วใช้น้ำเสียงที่เบาหวิวพูดขึ้นว่า “ปล่อยฉันนะ!”
แน่นอนว่าภวินท์ได้ยินชัดเจน เขาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย มือที่กดมือเธอไว้ยังคงไม่ยอมปล่อย
นิวราที่อยู่ปลายสายยังคงพูดต่อไป ในน้ำเสียงที่อ่อนหวานนั้นแฝงไว้ด้วยความดีใจเล็กน้อย “รอให้นิวผ่าตัดเสร็จแล้ว พี่จะพานิวไปทะเลใช่ไหมคะ?”
ภวินท์พูดขึ้นเบา ๆ “ไปซิ นิวพักผ่อนให้ดีนะ”
ความอ่อนโยนและความอดทนในน้ำเสียงของเขา เป็นสิ่งที่ญาธิดาไม่เคยได้รับมาก่อน ที่แท้ เขาก็เป็นคนอ่อนโยน เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเท่านั้น
ใจของญาธิดารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่ามีของอะไรมากดทับอยู่ที่หน้าอกเธอ เธอกัดฟันไปเล็กน้อย อดกลั้นจนหน้าแดงขึ้นมา อยู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็เชิดคางขึ้นมาและตั้งใจดัดเสียงแล้วพูดไปที่ลำโพงขึ้นว่า “วินคะ เบา ๆ หน่อยซิคะ……”
คำสรรพนามที่เรียกสนิทชิดเชื้อ คำพูดที่ทำให้คนจินตนาการไปไกล มากพอที่จะทำให้คนทางปลายสายคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ภวินท์อึ้งไปครึ่งวินาที แล้วก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว สายตาที่มองไปที่ญาธิดาแฝงไว้ด้วยความโกรธอยู่ชั้นหนึ่ง
นี่เธอช่างกล้า……
แล้วก็เป็นเช่นนี้ ทางปลายสายได้เงียบไปประมาณสองวินาที ต่อมาก็มีเสียงตกตะลึงของนิวราดังลอยมา “พี่วิน พี่!......”
น้ำเสียงหยุดนิ่งไป นิวราพูดอะไรไม่ออก ในน้ำเสียงปนสะอื้นอยู่เล็กน้อย
แววตาของภวินท์มีแววลนลานกะพริบขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง พอจะเปิดปากพูดอธิบายขึ้น สายของอีกฝ่ายก็ตัดไปเลย
สีหน้าของภวินท์เคร่งขรึมลง ในดวงตามีแววโกรธเคืองปรากฏออกมา เขากำโทรศัพท์ไว้แน่น แล้วก็หรี่ตามองไปที่ญาธิดา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขึ้นว่า “ญาธิดา ทำไมคุณถึงกล้า?”
ญาธิดากัดฟันเล็กน้อย สายตาแข็งกร้าว “ใครใช้ให้คุณไม่ยอมปล่อยมือล่ะ?”
จ้องมองท่าทางที่ดื้อดึงของหญิงสาว เส้นเอ็นที่ขมับของภวินท์ก็กระตุกเต้นขึ้นมา เขารู้ดีว่า ในเวลาแบบนี้นิวราจะรับผลกระทบใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเกิดสภาพจิตใจของเธอไม่นิ่ง ก็จะไม่มีทางดำเนินการผ่าตัดได้!
ภวินท์ขมวดคิ้วขึ้นมา สายตามองผ่านญาธิดาไป แล้วก็ไม่มีเวลามาพูดอะไรกับเธอเลยสักนิด และปล่อยตัวเธอออกทันที แล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินก้าวยาว ๆ ราวกับดาวตกออกไปเลย
ในเวลานี้ เขาจำเป็นที่จะต้องรีบไปอธิบายกับนิวราให้เข้าใจชัดเจนที่โรงพยาบาล ไม่งั้นผลตามมาจะเป็นยังไงก็ไม่อยากจะคิดเลย
จ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่หายวับไปจากประตูอย่างรวดเร็ว ญาธิดาก็แอบโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น และสั่นเทาเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว คนที่เขาสนใจที่สุด ยังไงก็ต้องเป็นนิวรา
พอค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว ญาธิดาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็กัดริมฝีปากเล็กน้อย พอตั้งสติกลับมาได้บ้างแล้ว ถึงได้ลุกยืนขึ้นมา
พอนึกถึงปฏิกิริยาที่ภวินท์มีต่อนิวราเมื่อสักครู่ ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอัดอั้นขึ้นมา เธอส่ายหัวเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะโยนความว้าวุ่นทั้งหมดทิ้งไปจากสมอง
พอนึกขึ้นมาได้ว่าอัญมณียังรอเธออยู่ด้านนอก ญาธิดาก็ไม่ทันได้คิดอะไรมาก แล้วก็รีบปรับอารมณ์ให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ออกมาแล้ว ญาธิดาก็ไม่เห็นอัญมณีที่นอกห้องทำงาน พอมองหาไปรอบหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นเงาหล่อน เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอจึงได้แต่ต้องโทรศัพท์หาหล่อน
พอรู้สึกได้ถึงสายตาของคนอื่น อัญมณีก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่นขึ้นมา เธอหันหน้าไปมองพายุที่อยู่ข้าง ๆ แล้วในสมองก็มีอะไรแวบเข้ามา อยู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
แล้วความโกรธบนใบหน้าก็หายไป เธอพยายามฝืนยิ้มออกมาเสี้ยวหนึ่ง ร่างกายก็ชิดไปใกล้พายุ พอเห็นป้ายชื่อที่หน้าอกของเขาชัดเจนแล้ว ก็ส่งตาหวานแล้วพูดอย่างอ่อนหวานขึ้นมาว่า “ยุคะ อีกเดี๋ยวพวกเราไม่ต้องไปกินข้าวกันแล้วนะคะ ตรงกลับบ้านกันเลยดีกว่า เดี๋ยวฉันจะเตรียม‘อาหารมื้อใหญ่’ให้คุณกินเองนะคะ ”
น้ำเสียงของเธอไม่เบามากและไม่ดังจนเกินไป เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในลิฟต์ที่เป็นพื้นที่ปิดได้ยินกันอย่างชัดเจน
พายุอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็มองไปที่อัญมณีอย่างแปลกใจ แผ่นหลังก็เกิดความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ จะมาเล่นไม้ไหนอีกล่ะ?
พอเพื่อนพนักงานในลิฟต์ได้ยินก็หันไปมองพายุกันอย่างพร้อมเพรียง ในสายตาแฝงไว้ด้วยความขบขันที่คลุมเครือไม่ชัดเจนอยู่เล็กน้อย
แล้วชั่วพริบตา พายุก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบหันไปมองอัญมณีและพูดขึ้นว่า “คุณอัญมณี คุณอย่ามาพูดไปเรื่อยนะครับ”
เขากับเธอใสสะอาดกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรต่อกันเลยนะ!
อัญมณียิ้มอย่างอ่อนหวานขึ้นมา แล้วก็เหมือนกับว่าตั้งใจโชว์มือที่โดนมัดอยู่ทั้งสองข้างให้ผู้คนดู และกะพริบตาใส่พวกเขาอย่างเขินอาย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกคุณไม่ต้องแปลกใจกันไปหรอกค่ะ เราสองคน ปกติก็ชอบเล่นรับบทเป็นตัวละครต่าง ๆ แล้วก็ชอบซาดิสม์กับ……มาโซคิสม์……”
คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนพายุอุดปากไว้
หน้าผากของพายุมีเหงื่อซึมออกมาชั้นหนึ่ง แล้วก็รีบเปิดปากพูดอธิบายขึ้นว่า “ไม่ใช่……ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดนะครับ”
พวกเพื่อนร่วมงานยิ้มอย่างเป็นมารยาทขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็มองไปที่เชือกที่มัดอยู่บนมืออัญมณี แล้วก็ค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “คุณพายุ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะรู้จักเล่นนะครับ……”
“เมื่อกี้พวกเรามาผิดจังหวะไป คุณพายุอย่าถือโทษโกรธกันเลยนะ เดี๋ยวพวกเราจะรีบออกไปกันเลยนะ……”
ทุกคนมองสบตากันทีหนึ่ง แววตามีความหมายลึกซึ้ง แล้วยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พอลิฟต์หยุดแล้ว ก็ทยอยเดินออกไปกันเลย
พายุรู้สึกอับอายมาก เขารู้ดีว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ภาพลักษณ์ของเขาที่อยู่ในบริษัทได้พังทลายไปแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...