ญาธิดาชะงักงัน ไม่ช้าก็ได้สติขึ้นมา
ดูไปแล้ว เมื่อกี้ตอนที่เธอไม่ได้อยู่ในสำนักงาน พวกเขาสองคนน่าจะพูดอะไรกันแล้ว
มองดูแววตาเย็นชาคู่นั้นของชายหนุ่ม ญาธิดาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงอยากรู้ว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร
หากมีชายอื่นตามจีบเธอจริงๆ ภวินท์จะแคร์เหรอ ?
มีความคาดหวังเล็กน้อย ญาธิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ขยับริมฝีปากกล่าวว่า “น่าจะใช่มั้ง”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น ขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ได้เล็กน้อย
และในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พายุผลักประตูออก ประหลาดใจเล็กน้อย ที่เห็นคนทั้งสองในห้องเผชิญหน้ากันอยู่ “คุณภวินท์ ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว กำลังรอคุณไปประชุมครับ ”
ภวินท์กวาดมองเขาแวบหนึ่ง ตอบพายุเสียงเบา แล้วลุกขึ้นก้าวเท้าเดินไปทางประตู
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม มองดูชายหนุ่มที่เดินผ่านหน้าตัวเอง โดยไม่หยุดมองแม้แต่ครึ่งนาที
มองดูเขาจะเดินออกจากประตูใหญ่แล้ว จู่ๆ เขาก็หยุดเดิน หันหลังมองมาทางเธอ แล้วกล่าวทีละตัวทีละคำว่า “ไม่ว่าใช่หรือไม่ใช่ ห้ามคุณตกลง ”
ในน้ำเสียงเรียบๆ ของเขาแฝงไปด้วยการข่มขู่ที่ไม่ให้ตอบโต้ ทำให้ไม่มีเหตุผลไปปฏิเสธ
เมื่อทิ้งคำพูดนี้ไว้ เขาหันหลัง ก้าวเท้าใหญ่จากไปอย่างไว
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือที่วางอยู่ข้างกายได้กำแน่นแล้วก็คลายออก สุดท้ายแล้วก็ยังคิดไม่ตกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
ไม่ให้เธอยอมรับการตามจีบของชายหนุ่มคนอื่น เพราะว่าแคร์เธอหรือ ? หรือเป็นเพราะว่าต้องการอยากครอบครองเฉยๆ ?
คิดไปคิดมา เธอรู้สึกว่าคำตอบน่าจะเอนไปคำตอบที่สอง อย่างไรก็ตาม เธออยู่กับเขามานานขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เห็นเขาห่วงใยนิวรามาก เธอเข้าใจดีว่า ในใจของภวินท์ เธอเทียบกับนิวราไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ญาธิดายิ้มเยาะเย้ยตัวเอง แล้วก้าวเท้าเดินออกจากสำนักงาน เอาความยุ่งเหยิงทั้งหมดที่รบกวนจิตใจของเธฮทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วกลับไปที่แผนกธุรการ
เพิ่งจะเดินไปถึงที่ทำงานส่วนกลางของแผนก พิชญ์สินีเห็นเธอ และเป็นคนริเริ่มเข้ามาทักเธอเอง โดยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย “ญาธิดาคุณไปไหนมา?”
“ฉันไปสำนักงานCEOมา ” ญาธิดากระปรี้กระเปร่าขึ้น ถามเสียงเบาว่า “มีเรื่องอะไรหรือ ”
พิชญ์สินีเลิกคิ้ว ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความพูดไม่ชัดเจนเล็กน้อย “เมื่อกี้รองประธานมาร์ตินโทรมา บอกว่าให้คุณไปหา แต่คุณไม่อยู่ เขาก็เลยมาหาคุณเอง”
ข้างๆ เป็นห้องทำงานส่วนกลาง ทุกคนต่างทำงานอย่างเงียบๆ เมื่อพิชญ์สินีพูดเช่นนี้ คนในห้องทำงานล้วนได้ยินหมด
ทันใดนั้น ญาธิดารู้สึกว่าสายตาทุกคนต่างจ้องมาที่ตัวเอง
เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานมาร์ตินก็พูดไม่ชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้มาร์ตินยังกลัวคำนินทา วิ่งมาหาเธอที่แผนกธุรการ นี่เป็นการจงใจทิ้งจุดอ่อนให้คนอื่นไม่ใช่หรือ?
ญาธิดาขมวดคิ้ว แล้วกล่าวเสียงขรึมว่า “ได้ ฉันรู้แล้ว ”
พูดจบ เธอก้าวเท้าเดินจากไป เดินตรงไปทางห้องทำงานของตัวเอง
เมื่อเดินมาถึงประตูห้องทำงาน พอผลักประตูออก เธอก็เห็นมาร์ตินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเธอพลิกดูเอกสารอะไรบางอย่าง อยู่
เห็นเธอเดินเข้ามา มาร์ตินจึงวางเอกสารในมือลง สายตาเฉี่ยวคมจ้องไปที่เธอ เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม “ดูไปแล้วงานของคุณญาธิดาช่างสบายจริงๆ เวลาทำงานยังสามารถไปเที่ยวโน่นนี่ได้ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องงานด้วยหรือ?”
ญาธิดาฟังน้ำเสียงประชดของเขาออก ฉีกยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “ต้องขอโทษคุณมาร์ตินด้วย ที่ทำให้ท่านรอนาน ไม่ทราบว่าวันนี้มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือ ”
ก่อนหน้านั้นตอนที่พี่แนนจัดงานให้ ระบุชัดเจนแล้วว่าจะเป็นเลขาชั่วคราวของมาร์ตินเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ตอนนี้เป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว ตามหลักแล้ว มาร์ตินไม่มีอำนาจจะมาสั่งเธอ
“มีสิ” มาร์ตินทำท่าจะยิ้มไม่ยิ้ม ดวงตาขุ่นมัวจับจ้องอยู่บนตัวเธอ “คืนนี้มีงานปฏิสัมพันธ์ทางสังคม คุณไปกับผม”
นึกถึงประสบการณ์ครั้งก่อน ญาธิดารู้สึกต่อต้านเล็กน้อยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ คุณมาร์ติน ฉันเป็นเลขาชั่วคราวแทนแค่ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เลขาตัวจริงของท่านน่าจะมาทำงานแล้วใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...